ห้องนี้มีแต่คนสอน ไม่ค่อยมีคนเรียน เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ommplay, 27 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. ommplay

    ommplay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    278
    ค่าพลัง:
    +169
    คำถาม ตามนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2015
  2. ommplay

    ommplay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    278
    ค่าพลัง:
    +169
    คำตอบ ผู้รู้มีมาก แต่ผู้ไม่รู้มันหายากเหลือเกิน (5555+ ชงเองกินเองโว้ยยยย...)
     
  3. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    ครูเยอะก็ดีแล้วนี่ ไม่เห็นจะเป็นปัญหาตรงไหน
    แต่คุณครูห้องนี้ อาจจะโหดไปหน่อย พูดจาไรบางทีเข้าใจยาก นักเรียนตามไม่ทัน
    หรือบางที ถามไรไปไม่ถูกจริตครู ครูมองว่าถามไม่เข้าท่า ก็อาจโดนเหน็บซะงั้น

    เลยอาจไม่ค่อยมีคนถามละมั๊งนะ 555
     
  4. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682
    เห็นด้วยจ้าา

    ใช่ เราต้องเปิดใจ รับฟังความคิดความเห็นของอื่น

    เมื่อเราเป็นผู้แนะที่ดี เราก็ควรจะเป็นผู้รับฟังที่ดีเช่นกัน

    พรานยึ้ม สุดหล่อคนเดิม จ๋าจะ
     
  5. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    มีคนเรียนอยู่นะ อ่านแล้วก็ออกไปทำไง
    บางสภาวะเราก็สงสัยอยู่ คนในห้องนี้
    ก็หามาให้อ่าน ว่ามันมีอยู่จริงๆนะ
    ก็ไม่รู้ว่าเขาใช้อะไร เจโต หรือ มโนมยิทธิ
    เราว่าก็โอเค เพราะเราเป็นผู้หญิงจะให้
    ไปถามพระ เรื่องสภาวะอย่างใกล้ชิดก็ไม่ได้
    ยังไงก็ขอบคุณมาก
     
  6. pukub

    pukub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2014
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +219
    ทุกคนชอบเป็นครู ^ ^
     
  7. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    คำถามคุณ สมองคุณ คิดเอง เออเอง ครับ..
    อย่างผมนี่ไม่ได้สอนใคร..และไม่จำเป็นต้องมาเชื่อผม ผมนำข้อมูลมาแลกเปลี่ยน เพื่อหาปัญญา ..
    ..แล้วก็หยิบเอาข้อมูลที่เขาคัดค้านแบบ สาธุชน มีเหตุ มีผล น่าฟัง ซึ่งไม่ใช่พวกพาลชนนะครับ..ผมมีสวน มีสวน อย่างคุณนี่ ใช้ความคิดตนเองมาวัดคนอื่น เอามันส์นะ ไม่ใช่เอาปัญญา ต้องการแค่มาอวดวาทะ ไม่มีคำถามในเชิงปฏิบัติเลย ควรไปอยู่ห้องข่าวสาร ไม่ใช่ห้องอภิญญานี่นะครับ ดูจากการตั้งคำถามเห็นชัดเลยครับ:cool:

    .. กล่าวธรรมตามสามารถเถิด จะมากจะน้อย จะผิดจะถูก ไม่เป็นไร ไม่มีตกนรก ขึ้นสวรรค์ ไม่มีบาปกรรมมาปิดปาก หักมือไม่ให้ตั้งคำถามหรือ แสดงความเห็นแลกเปลี่ยนใดๆ ผมใช้ปัญญานำความกลัว และความเชื่อ.. ผมจะอ่านเอง พิจราณาเอง ในธรรมที่ตนเองมี ด้วยตนเองจริงๆครับ:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2015
  8. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    มันแล้วแต่ " ความเป็นมวย "

    ถ้าเรามีทางมวย แล้ว จะเปรียบมวย ร้อยละร้อย ไม่มีหรอก
    พอจะ เปรียบมวยกัน ก็ วิ่งเข้าไปกราบเท้าเขา ตั้งแต่ยังไม่ได้ชก

    คนบางคน อย่างเช่น กระทู้ พระสับพันยูศรีอารย์เมตไตรย ที่คุณเข้าไป
    เปรรยบมวยเขา ก่อนจะมาตั้งกระทู้นี้

    อยู่ดีๆ คุณเข้าไป ก็จะให้ เขาวิ่งมากราบเท้าเรา หรือเปล่า


    มันเป็น ปรกติ ที่เขาจะ ยกมือขึ้น ตั้งการ์ด ทำท่าเป็นครูมวย

    ทีนี้ มันก็ขึ้นกับคนเข้าไป วิสาสะ จะเอายังไง จะใช้วิธีไหน

    " จะไปสอนเขาโดยวางตัวเป็นนักเรียนของเขา ก็ได้ "
    " จะไปสอนเขาตรงๆ อัดกันคนหละหมัด ก็ได้"
    " จะไปสอนเขาสลับเรียนจากเขา ก็ได้"
    " จะเลิกเรียนเลิกสอนเขาไปเลย ก็ได้" ....อันนี้ก็ถือว่า เรียนและสอนเขาอยู่แล้ว


    ทั้งนี้เพราะอะไร


    พระพุทธองค์ตรัสเป็น ฏีกาว่า หากชนคนใดไม่รู้จักเอา อยาตนะ6 ออกอย่าง
    ถูกวิธี บุคคลนั้นๆ จะเป็น นักเรียนไม่ฉลาด ไม่ใช่บัณฑิต ไม่ใช่อริยะ อยู่วันยันค่ำ
    เว้นแต่ กำลังเป็นผู้ปรารภความเพียร พระพุทธองค์ก็จะตรัสบอกว่า บุคคลที่
    กำลังทำความเพียรไม่ควรจะไปตำหนิ

    คงไม่งงนะ


    หมายถึง หากเจ้าของกระทู้มี " ตา " ยังยึดถือว่าตนมีตา ตาคือตน มีตนในตา
    มีตาย่อมมีตน อันนี้ คุณเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วที่จะเห็นว่า ตนมีครู หรือ เห็นสิ่งภายนอก
    เป็นครู

    ถ้าคุณ ปราถนาจะไม่เห็น ใครคนใดคนหนึ่ง หรือ สรรพสิ่งทั้งหลายในโลก
    ทำตัวเป็น ครู .....คุณต้องหาวิธี เอาอยาตนะ6ออก ให้ได้ ( เป็นโสดาบันให้ได้ )


    ถ้าไม่ งง นะ

    จะทราบเลย ไม่อยากเห็นใครเป็นครู ทำตัวเป็นครู คุณ ต้องแก้ที่ไหน แก้ที่เดียว แก้ที่ราก
    ไม่ใช่ วิ่งเข้าชนโลกทั้งโลก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2015
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ทีนี้ ถ้าเจ้าของกระทู้ เห็นดัวย หรือ ศรัทธา ในคำสอนของพระพุทธองค์
    ในเรื่องที่ว่า

    " หากผู้ใดยังไม่รู้วิธีนำ อยาตนะ6 ออก บุคคลนั้น ก็ชื่อว่า เป็นผู้ มีอาจารย์ "

    ถ้า ศรัทธายังตั้งมั่นอยู่ ก็ ขออนุญาติ บอกกล่าวสิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสชี้อีกเรื่องหนึ่งว่า

    " ตราบใดที่ตนมีศิษย์ (ตนเป็นครู) ...ตราบนั้นจะเป็นผู้เศร้าหมอง "

    แล้วมันเกียวยังไง กับ การมี อยาตนะ6

    ก็.....

    หนึ่งในอยาตนะ6 มีสิ่งที่เรียกว่า " ใจ " หรือ " มโน " หรือ จิต หรือ วิญญาณ หรือ ปัณฑระ(ความประภัสสร)

    ตรงอยาตนะใจ หรือ มโน นี้ มันไม่ได้มองข้างนอก เห็นผัสสะข้างนอกอย่างเดียว ในยาม
    ที่ จิตมันส่งใน ส่งไปเห็นจิต รู้จิตรู้ใจตัวเอง ขณะนั้น จิตตัวเองจะตามเห็นจิตของตนเอง

    งง ไหม

    " จิตเห็นจิต " " จิตส่งใน " หรือ " ฌาณ(การเพ่งจิต) " ขณะนั้น มันมี อยาตนะที่ส่อง
    มาเห็น " ตนเป็นครู " ...ทำให้ คนที่เพ่ง หรือ เอาจิตส่งใน จะเกิดอาการจิต สอนตัวเอง
    และ แถมด้วยมีตัวเองเป็นศิษย์

    โอยยยยยยยยยยยยยย.................. อย่าว่า แต่คนทั้งโลก พยายามทำตัวเป็น ครู

    จิตตัวเอง ที่ เอาจิตไปเห็นจิต เอา " วิญญาณมาเป็นมโนสัญาเจตนาหาร " ความเศร้า
    หมองก็เกิดกับจิตนั้น เป็น อาจารย์ตน พร้อมๆกับความ เศร้าหมอง (อุปกิเลสที่จรมา ) ทันที

    ดังนั้น หากไม่ปิดรูเฮีย (อ้างอิง พระสูตรโปฏิละ) หรือ เอาอยาตนะใจ ออก ไม่รู้วิธีเอา มโน ออก

    ท่านคร้าบ ท่านเองก็พยายามเป็นครู กูรู สอนตัวเอง ติดฌาณ( เหลือแต่จิตดวงเดียวเพ่งจิตอยู่ )



    ไม่เชื่อลองสังเกตสิ เพราะ มีการ เสพการเห็นตัวเอง จาก ท่า จระเข้กบดาน แบบเบสิก
    โอ้โห.......มันสอนสารพัดว่า จะต้องผลิกแพลงตะแคงยกล้อ ยังไงบ้าง ......ใครสอนใคร หละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2015
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ถ้าเข้าใจ ในโพสเรื่อง " จิตเห็นจิต " คือ ทุกข์อย่างยิ่ง คือ ความเศร้าหมองอย่างยิ่ง

    สังเกตเลย


    บุคคลบางจำพวกในโลกนี้ จะ สอนธรรมะ เหมือนไม่ได้สอนใคร แต่ มันจะ
    ลงท้ายด้วยคำว่า "สาธุ"

    สาธุตัวเอง

    ยกตัวเอง เห็นตัวเอง แล้วก็สอนตัวเอง เรียนเอง แล้วก็ สาธุ ตนเอง

    คนพวกนี้ เลวขนาดไหน พวกนี้ หากเจ้าของกระทู้ไปเจอ แนะนำว่า
    ให้หนีลูกเดียวอย่าไป เสวนาด้วย กับพวก แสดงธรรมไป สาธุตัวเองไป

    มีแนวโน้มว่า ไม่ใช่ธรรมะสามี แต่ เป็น แพศยาธรรม

    อย่างงนะ ไม่ได้ ว่าเจ้าของกระทู้นะ แต่ แนะนำว่า มวยบางรูป อย่าเผลอเข้าไปเปรียบมวย
    มันจะ กอดกวัดรัดเราไม่ปล่อยเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2015
  11. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    คำว่าสาธุมีความหมาย5อย่างคือ
    1สาธุหมายถึง. อนุโมทนา. แสดงความยินดี ตกลง. เห็นด้วย
    2. สาธุ หมายถึง ยังประโยชน์ให้สำเร็จ คือให้ประโยชน์สำเร็จ
    3. สาธุ หมายถึง ขอให้สมพรปากกับคำอวยพรที่ท่านให้
    4. สาธุ หมายถึง ขอโอกาส เช่นพระผู้น้อยขอกับพระผู้ใหญ่ หรือผู้น้อยขอกับผู้ใหญ่
    5. สาธุ หมายถึง แสดงความต้อนรับ แสดงความยินดี
    คนที่ใช้สาธุเป็นแพศยาธรรมตรงไหนคนโง่งงงงงงงงแถมยังเลวอีก. คนขอโอกาสใช้ในความหมายที่4เลวจริงๆหรือครับช่วยบอกคนโง่ๆๆหน่อยจักเป็นพระคุณอย่างยิ่งและขอให้เจริญในธรรมนะครับ สาธุ
    ปล คัดมาจากพจนานุกรมฉบับภาษาไทยห้องสมุดแห่งชาติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2015
  12. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014






    สาธุ ในความหมายของผม คือ
    จะเป็นการอวยพรล่วงหน้า
    ถ้าหากว่า ท่านอ่านแล้ว
    เกิดสัมมาทิฏฐิ หรือ
    ได้ดวงตาเห็นธรรม หรือ
    ได้ เห็นมรรค ผล

    ส่วนอีกนัย ผู้ใดเอ่ยคำว่า สาธุก่อน
    ย่อมไ้ด้รับความเอ็นดู ผู้ใหญ่
    ตัวเราเองก็จะรู้สึกว่า ความกร่าง
    หรือมานะลดลง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มีนาคม 2015
  13. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    ดู รู้ คิด วาง

    คิดไม่ออกก็วางไปก่อน

    คำถามยากไปนิด ปัญญาตอนนี้ยังไม่ถึง

    เลยตอบแบบ อ่อนๆไปก่อน 555
     
  14. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    ห้องนี้มีแต่คนสอน ไม่ค่อยมีคนเรียน เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น




    ผู้ที่ชอบสอน ในห้องนี้ ส่วนใหญ่
    คือ ผู้ที่ปฏิบัติวิปัสสนาไ้ด้ระดับหนึ่งแล้ว
    สามารถเห็นผลไ้ด้มั่งแล้ว
    จึงได้นำประสพการณ์ของตนเอง
    มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นแนวทาง
    ต่อผู้ที่ฝึกใหม่ ที่เข้ามาศึกษาในห้องนี้


    เนื่องจาก พื้นฐานสมถะ ไม่เหมือนกัน
    คนละสาย คนละสำนักกัน
    การสอนที่เริ่มต้นเดิน ด้วยสมถะ
    จึงผิดแปลกแตกต่างกัน โดยสิ้นเชิง
    แต่ลงท้ายที่วิปัสสนา
    ทุกสำนักจะต้องทำเหมือน คือ
    พิจารณาลงไปที่ พระไตรลักษณ์

    หากว่าสำนักไหนบอกว่า
    สอนวิปัสสนา แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ
    ความไม่เที่ยง ความทุกข์ มันไม่ใช่ของเรา
    สามอย่างนี้เลย อันนั้นจะเรียกว่า
    วิัปัสสนาไม่ได้ ยังเป็นสมถะล้วนๆอยู่

    เนื่องจาก มีที่มาแตกต่างกัน
    ตอนที่สอนสมถะ จึงแตกต่างกัน
    ต่างคน ก็ต่างใช้ประสพการณ์จาก
    การทำสมถะ มาสัพประยุทธ์กัน
    ภายในห้องแห่งนี้ ด้วยมุมมองที่แตกต่างกัน
    เหมือนคนที่มองช้างตัวเดียวกัน
    แต่คนละมุม ย่อมจะคิดว่า
    มุมที่เราเห็น ก็คือช้างทั้งตัว นั่นเอง
    ต่อเมื่อ ได้เปลี่ยนมุมมองไปเรื่อยๆ
    ก็จะเริ่มคิดได้ว่า แท้ที่จริง
    ช้างแต่ละมุม ก็คือ ช้างตัวเดียวกัน
    จึงจะสามารถจับ มารวมกัน
    แล้ว มองเป็นช้างตัวเดียวได้

    ผู้ที่เข้ามาอ่าน ในห้องนี้
    ก็ต้องแยกให้ออกว่า
    ที่ท่านสอนอย่างนี้ เพราะ ท่านเป็นสายนี้
    ที่ท่านสอน อย่างนั้น เป็นสายนั้น
    ที่ท่านสอน อย่างโน้น เป็นสายโน้น
    แล้วจำมายำรวมกันให้ได้
    หรือจะแยกเป็นสายๆ ก็สามารถทำได้
    อันนี้เรียกว่า นักอ่านที่ดี

    ส่วนในด้านวิปัสสนา
    ท่านที่เข้ามาใหม่
    ก็ต้องแยกให้ออกว่า
    อันไหนเรียก สมถะ และ
    อันไหนเรียก วิปัสสนา
    ซึี่งการทำวิปัสสนา จะไม่ยากซักเท่าไร
    เพราะมันวัดได้ด้วยจิตของเรา
    แต่สมถะ มันได้ยาก เพราะมันต้องใช้จินตนาการช่วย
    การทำวิปัสสนาไม่ยาก แต่จะฝึกให้เห็นผล กลับไม่ง่าย
    ซึ่งตรงข้ามกับ สมถะ ที่ฝึกได้ยาก
    แต่เมื่อฝึกได้แล้ว การเห็นผล กลับง่ายนิดเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มีนาคม 2015
  15. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    แม้จุดหมายจะเป็นที่เดียวกัน

    แต่ทางเดินมีหลายทาง

    เลือก วิมุตติ ขั้นต้นต่างกัน แนวการปฎิบัติก็แตกต่างกัน
     
  16. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    คนเรียนเขาก็ตามอ่านนะซิ คนสอนก็ต้องเขียนให้อ่าน
     
  17. ommplay

    ommplay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    278
    ค่าพลัง:
    +169
    ครับ จะสาธุมาหรือจะมาโมทนา หรือจะมาดุด่า ผมก็ยินดีทั้งนั้น
    ก็เพราะความรักนั้นแหละถึงได้มา ก็เพราะความรักนั้นแหละที่ทำให้ท่านเข้ามาสนทนา ก็เพราะว่ามนุษย์เรามีความรักและความเมตตาต่อกัน ถึงบางครั้งคำพูดของท่านจะกระทบความเป็นอัตตาของผม ถึงบางครั้งคำพูดของผมจะไปกระทบความเป็นอัตตาของท่าน แต่ก้นบึ้งของมันก็คือหวังดี หวังให้สิ่งดีๆเกิดขึ้น จิตทุกดวงก็ตะเกียดตะกายหาความดีอยู่แล้ว ท่านก็ใช่ ผมก็ใช่ แม้แต่คนที่ไม่ได้ศึกษาในธรรม พอใจบริโภคชีวิตทางโลก เขาก็ตะกายเข้าหาความดีแต่ ความดีของเขาอาจต่างออกไปเป็น ลาภ ยศ สรรเสริฐ ที่ผู้ปฏิบัติธรรมไม่นิยม ก็มีผู้นิยมอยู่ถมไป ทั้งหมดนั้นก็คือเขาตะกายเข้าหาสิ่งดีๆ ถึงแม้ว่าภาพที่มันออกมาจะสวยงามบ้าง ไม่สวยงามบ้าง(อยู่ที่คนมอง) แต่โลกเราขับเคลื่อนด้วยความดี
    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาตอบครับ (ผมอ่านทุกคำตอบ)อบอุ่นดี แต่คำตอบที่ทำร้ายจิตใจไปบ้าง อ่านแล้วมันก็ทำให้เสียใจจุงเบย T^T

    ทั้งหมดนี้ผมก็คิดเองเออเองทั้งนั้นครับ อุปทาน แบบที่พี่ สับสน! บอก แต่โลกทั้งใบสุดท้ายมันก็เหลือแค่ตัวเองจริงๆครับพี่
    แต่ก็อุปทานนั้นแหละครับที่ทำให้พวกเราทุกคนได้มาเจอกันในนี้ ไม่งั้นเราคงไม่ต้องเกิดกันแร้ววววววววว...


    พี่ใจกว้างผมสัมผัสได้ ^^..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...