หลักตัดสินธรรมวินัย ๘

หลักตัดสินธรรมวินัย ๘<O</O

<O</O​

พระพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน เมืองเวสาลี พระนางมหาปชาบดี เสด็จไปเฝ้าทูลขอให้ทรงแสดงธรรมโดยย่อ เพื่อหลีกออกปฏิบัติแต่ผู้เดียว พระพุทธองค์ทรงประทาน ลักษณะตัดสินธรรมวินัย ๘ ประการ ให้ทรงปฏิบัติ คือ
<O</O
<O</O

ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อ

๑. ความกำหนัด<O</O
๒. ประกอบสัตว์ไว้ในภพ<O</O
๓. ความสั่งสมกิเลส<O</O
๔. ความมักมาก<O</O
๕. ความไม่สันโดษ<O</O
๖. ความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ<O</O
๗. ความเกียจคร้าน<O</O
๘. ความเลี้ยงยาก<O</O
<O</O


พึงทราบเถิดว่า

นั่นไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่คำสั่งสอนของพระศาสดา

ส่วนธรรมเหล่าใดที่มีลักษณะตรงข้ามจากนี้ พึงทราบเถิดว่า นั่นเป็นธรรมเป็นวินัย เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา
<O</O

สังขิตตสูตร ๒๓/๒๕๕<O</O​

<O</O​

ในเมืองไทย มักจะมีผู้อ้างตัวเป็นผู้รู้อยู่ทั่วไป มักจะอธิบายธรรมะ ตามความพอใจของตน ตีความธรรมะเอาตามใจชอบ ตั้งกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เอาตามความพอใจ แล้วก็อ้างว่าพระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้ พระสูตรนี้ จะเป็นหลักเปรียบเทียบได้อย่างดี


เพื่อความสมบูรณ์ โปรดดูมหาประเทศ ฝ่ายพระวินัยและฝ่ายธรรมะด้วย ถ้าขัดแย้งกัน แม้อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นของแปลกปลอมเข้ามาใหม่อย่ารับไว้ เพราะนอกจากจะทำให้เราเกิดความไขว้เขวปฏิบัติผิดแล้ว จะเป็นเหตุให้พระสัทธรรมเลือนหายด้วย
<O</O

การเผยแพร่ธรรมที่ถูกต้อง ไม่ว่าในการพูดหรือเขียน ควรจะมีหลักฐานที่มาที่ไปชัดเจน เพราะธรรมะต่าง ๆ ที่เราสอนและเรียนกันทั่วไปนั้น ล้วนเกิดจากการค้นพบของพระพุทธเจ้าทั้งหมด สาวกเป็นผู้สืบทอดต่อมา
<O</O

ในฐานะพุทธสาวกที่ดี ควรจะรักษาธรรมที่บริสุทธิ์ไว้ และเผยแผ่แต่ธรรมะแท้ อย่าได้ปลอมปนทิฐิของปุถุชนเข้าไปเลย จะเกิดบาปเสียเปล่า ถ้ายังอยากดังอยากเด่น ก็ควรที่จะตั้งตัวเป็นศาสดาองค์ใหม่ เสียให้รู้แล้วรู้รอดไป<O</O
<O
</V

<?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shape id=_x0000_i1029 style="WIDTH: 0.75pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="1" type="#_x0000_t75"></v:shape>นำมาจาก พระไตรปิฏกฉบับ ดับทุกข์<O</O
ธรรมรักษา
<SCRIPT src="http://us.i1.yimg.com/us.yimg.com/i/mc/mc1.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://us.i1.yimg.com/us.yimg.com/i/mc/mc2.js"></SCRIPT>