หลักการทําบุญในพุทธศาสนา

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 14 ตุลาคม 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,494
    <CENTER>หลักการทําบุญในพุทธศาสนา</CENTER>

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    <DD>คำว่า "บุญ" ปัจจุบันเรามักใช้ควบคู่กับคำว่าทาน เช่น ทำบุญทำทาน คำว่าทำบุญ ในที่นี้คนทั่วไปมักหมายถึง การทำทานนั้นเอง คือ การให้สิ่งของแก่ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน ด้วยความเต็มใจ
    <DD>แต่คำว่าบุญในทางพระพุทธศาสนามีความหมายมากกว่าการให้"บุญ"หมายถึง ความดีฉะนั้นการทำความดีก็คือการทำบุญการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ก็เป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง ในทางพระพุทธศาสนาการทำบุญนั้นสามารถทำได้ 10 ทาง เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ 10 ได้แก่
    <DD>1.ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน
    <DD>2.สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
    <DD>3.ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา
    <DD>4.อปวายนมัย บุญสำเร็จด้วยการประพฤติถ่อมตนแก่ผู้ใหญ่ คือ ไม่ทำตัวเป็นคนพาล การทำตัวหยิ่งยโส แต่เป็นคนสุภาพอ่อนโยน
    <DD>5.เวยยาวัจวมัย บุญสำเร็จด้วยการขวนขวายในกิจกรรมที่ชอบ เช่น รับใช้บิดา มารดา ผู้มีพระคุณ ครูอาจารย์รวมตลอดถึงคนที่เราไม่รู้จักแต่ต้องการความช่วยเหลือจากเราในบางโอกาส โดยที่กิจการต่างๆที่เราช่วยนี้ด้วยชอบด้วยกฎหมาย ชอบด้วยประเพณี และชอบด้วยธรรม
    <DD>6.ปัตติทานมัย บุญสำเร็จด้วยการให้ส่วนบุญ เฉลี่ยส่วนความดีให้กับผู้อื่น
    <DD>7.ปัตตานุโมทนามัย บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ ยินดีในความดีของผู้อื่น
    <DD>8.ธัมมัสสวนมัย บุญสำเร็จด้วยการฟังธรรม คือ รับฟังความรู้ที่เป็นประโยชน์ เพื่อชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ และตั้งอยู่ในความเห็นที่ดีงาม
    <DD>9.ธัมมเทสนามัย บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม คือ การถ่ายทอดความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
    <DD>10.ทิฏฐุชุกัมม์ บุญสำเร็จด้วยการทำความเห็นให้ตรง คือ การใช้ปัญญาไตร่ตรองอยู่เสมอว่าอะไรผิด อะไรถูก
    <DD>ทานมัย การให้ทานมีวัตถุประสงค์ เพื่อขจัดความตระหนี่ ความโลภในจิตใจมนุษย์ และการให้ทานยังมีจุดประสงค์อย่างอื่น ได้แก่ เพื่อบุชาคุณ เพื่อการสงเคราะห์ เพื่ออนุเคราะห์ เพื่อทำคุณ
    <DD>การทำทานมี4ประเภทคือ 1) อามิสทาน ได้แก่ การให้วัตถุสิ่งของต่างๆ 2) วิทยาทาน ได้แก่การให้ความรู้ทางโลกแก่บุคคลอื่น 3) ธรรมทาน ได้แก่ การให้ความรู้ทางธรรม 4)อภัยทาน ได้แก่ การให้อภัยซึ่งกันและกัน
    <DD>การให้ทานที่กล่าวมานั้น " การให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทั้งปวง (ธม.มทานํ สพ.พทานํ ชินาติ) " ทั้งนี้เนื่องจากการให้ทานอย่างอื่นมีประโยชน์เฉพาะหน้า หรือในชาตินี้เท่านั้น แต่ธรรมทานมีประโยชน์ทั้งชาตินี้และชาติหน้า
    <DD>สำหรับการทำบุญตักบาตรนั้น จะต้องมีองค์คุณ 3ประการ จะทำให้บุญมาก คือ
    <DD>1) วัตถุบริสุทธิ์
    <DD>2) เจตนาบริสุทธิ์ (ก่อนให้ทานมีจิตเลื่อมใสศรัทธา เต็มใจขณะให้ทาน ให้ด้วยจิตใจเบิกบาน หลังให้มีจิตใจแช่มชื่น ไม่นึกเสียดาย)
    <DD>3)บุคลบริสุทธิ์(ปฎิคาหก คือ ผู้รับทานเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ มีความสงบระงับ มีกายวาจาเรียบร้อย ตั้งใจประพฤติธรรม)
    <DD>สีลมัย หลังจากพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ธรรมแล้ว พระองค์ทรงพิจารณาสัตว์โลกว่า ทำไมจึงมีวิบากกรรรมต่างๆกันทำไม จึงไปเกิดเป็นสัตว์นรก เปรต อสูรกาย หรือดิรัจฉาน และทำไมจึงเกิดเป็นมนุษย์ และมนุษย์แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนพิการ บางคนสติปัญญาดี บางคนทรัพย์น้อย บางคนสร้างฐานะไม่ได้สักที เป็นต้น เหตุที่มนุษย์เป็นคนสมบูรณ์ คือ ศีล5 พระองค์ทรงบัญญัติศีล5 เพื่อให้มนุษย์รักษาและถือเป็นหลักปฏิบัติ เป็นการป้องกันตนเองไม่ให้ตกไปในทางที่ชั่ว เช่น อบายภูมิ เป็นต้น
    <DD>....... การรักษาศีลเป็นการขจัดกิเลสขั้นละเอียดกว่าการให้ทาน คือ ขจัดความโลภ โกรธ หลง ให้เบาบางจากจิตใจ ทำให้มนุษย์มีความสุขกายสุขใจมากขึ้น
    <DD>ภาวนามัย การเจริญภาวนา
    <DD>หมายถึง การฝึกอบรมจิตให้เจริญขึ้น ซึ่งมีอยู่2วิธีคือ1) สมถภาวนา คือ การฝึกจิตเพื่อมุ่งความสงบของจิต การฝึกจิตให้มีสงบอารมณ์เดียวดิ่งแน่วแน่ มีความตั้งมั่น(หรือที่เรียกว่าสมาธิ) ซึ่งมี40 วิธี(กรรมฐาน40) จะใช้วิธีใดนั้นขึ้นอยู่กับจริตของแต่ละบุคคล แต่วิธีที่นิยมกันคือ การเจริญภาวนาปานสติ
    <DD>2) วิปัสนาภาวนา คือ การฝึกจิตที่สงบแล้วให้พิจารณาด้วยปัญญารู้เป็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง ตามธรรมชาติของสิ่งนั้นๆ <HR>ที่มา : หนังสือ วิธีการทำบุญในพระพุทธศาสนา โดย : เอาเหอะ
    </DD>


    ที่มาของข้อมูล : กรมประชาสัมพันธ์
    http://www.prd.go.th/p_news/budha_.php?budh=520
     

แชร์หน้านี้

Loading...