หลวงพ่อสุพจน์ ชินวโร พระป่าสายหลวงปู่ชอบ

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย guawn, 3 มีนาคม 2007.

  1. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    หลวงพ่อสุพจน์ ชินวโร พระป่าสายหลวงปู่ชอบ

    คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6

    วิชัย จินดาเหม



    [​IMG] " หลวงพ่อสุพจน์ ชินวโร" อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าสวนฮ่อม ต.ปวนพุ กิ่ง อ.หนองหิน จ.เลย เป็นพระป่าสายธรรมยุต

    และเป็นศิษย์สืบสายธรรมจากพระเถระชื่อดังทั้ง 3 รูป คือ "หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ" วัดศรีสุทธาวาส จ.เลย, "หลวงปู่คำดี ปภาโส" วัดถ้ำผาปู่ และ "หลวงปู่หลุย จันทสาโร" วัดถ้ำผาบิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย

    หลวงพ่อสุพจน์ มรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2549 สิริรวมอายุ 62 พรรษา 41



    อัตโนประวัติ เกิดในสกุล สังข์สวัสดิ์ เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2487 ที่หมู่บ้านแฮ่ ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย

    ในช่วงวัยเยาว์ สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมตอนปลายปีที่ 6 ที่โรงเรียนสโมสรวิทยาลัย จ.เลย

    หลังจากเรียนจบ ม.6 ไปสมัครสอบเป็นทหารที่โคราช แต่สอบไม่ผ่าน

    ต่อมา ได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2508 ณ วัดศรีภูมิ บ้านแฮ่ ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย โดยมีหลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ (พระธรรมวลาลังการ) เจ้าอาวาสวัดศรีสุทธาวาส เป็นพระอุปัชฌาย์

    ภายหลังอุปสมบท ได้อยู่จำพรรษาที่วัดศรีภูมิ ทำการศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม พร้อมกับฝึกหัดการนั่งสมาธิควบคู่กันไป

    เมื่อบวชครบ 7 วัน ท่านเตรียมลาสิกขา แต่หลวงปู่ศรีจันทร์ไม่อนุญาต

    อย่างไรก็ดี พระสุพจน์ไม่ยินยอม จะขอลาสิกขาให้ได้ แต่ถูกหลวงปู่ศรีจันทร์ พูดโน้มน้าวให้ช่วยเหลืองานวัดไปก่อน

    หลวงปู่ศรีจันทร์ ได้เขียนจดหมายให้ท่านถือไปหาหลวงปู่คำดี ปภาโส เจ้าอาวาสวัดถ้ำผาปู่ อ.เมือง จ.เลย เพื่อให้หลวงปู่คำดีรับพระสุพจน์เป็นลูกศิษย์

    หลังจากท่านอยู่กับหลวงปู่คำดี ได้เริ่มออกเดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ไปปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่หลุย จันทสาโร ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

    นอกจากนี้ หลวงพ่อสุพจน์ มีปิยมิตรที่รู้ใจอยู่รูปหนึ่ง คือ พระอาจารย์ผจญ อสโม ซึ่งจะออกเดินธุดงค์แสวงธรรมด้วยกันเสมอ เช่น ร่วมธุดงค์ไปทางภาคเหนือ ด้วยการเดินเท้าไปจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ไปอยู่จำพรรษาที่บ้านยี่โต๊ะ จ.เชียงราย และหลายจังหวัดในภาคเหนือ

    จากนั้น ได้ธุดงค์ไปทางจังหวัดราชบุรี ผ่านเหมืองแร่ปกค้างคาว บ้านห้วยสุด เขตแดนติดกับพม่า ท่านปรารภว่าจะอยู่จำพรรษาที่บ้านห้วยสุด

    หลวงพ่อสุพจน์ ได้ธุดงค์ไปหลายจังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก หลังจากได้ธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ นานหลายปี ท่านได้กลับมาอยู่ที่จังหวัดเลย และไปอยู่จำพรรษาที่วัดเวฬุวัน บ้านกอไร่ใหญ่ ต.น้ำมาน อ.เมือง จ.เลย

    เนื่องจากหลวงพ่อสุพจน์ เป็นคนมักน้อย ชอบอยู่อย่างสันโดษ และอยู่แบบพอเพียง เชื่อมั่นในพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ท่านชอบอยู่กุฏิที่ทำด้วยฟากไม้ไผ่ มุงด้วยหญ้าคาและมักจะก่อกองไฟไว้ใต้กุฏิ ท่านบอกว่าใช้ไล่ยุงและแมลงต่างๆ โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี เพราะสารเคมีทำให้เราไม่สบาย

    ในการอบรมสอนธรรมแก่บรรดาคณะศิษย์ของหลวงพ่อสุพจน์ ส่วนใหญ่จะให้ลูกศิษย์รีบเร่งปฏิบัติภาวนา โดยให้คำบริกรรมที่ว่า พุทโธ ให้กำหนดไว้อยู่กลางอก แล้วเพ่งลงไป

    มีอยู่วันหนึ่งหลวงพ่อกล่าวว่า "เรามาภาวนาทำไม เรามาภาวนาเพื่อวันสุดท้ายของการที่ว่ามีชีวิตอยู่ หรือเวลาที่เราดับขันธ์ไปแล้ว เราจะใช้การภาวนานี้ให้เป็นประโยชน์ เมื่อดับขันธ์ไปแล้ว จิตของเราจะได้ไปอยู่ในสถานที่ดี หรือไปสู่สุคตินั้นเอง ถ้าเราไม่ฝึกหัดปฏิบัติอยู่เป็นประจำจนชำนาญแล้ว เมื่อเวลานั้นมาถึง เราจะตั้งหลักไม่ทัน และไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยว จิตของเราอาจไปสู่อบายภูมิก็ได้"

    ข้อธรรมที่ให้แก่ลูกศิษย์ คือ ให้ลูกศิษย์ทำตัวให้เรียบร้อยและเคลื่อนไหวให้เร็ว หมายถึงให้รีบปฏิบัติภาวนาและพยายามทำจิตรวมให้ได้ และการภาวนาให้เป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตประจำวัน ให้ทุกคนตั้งใจ มีความอดทนในการปฏิบัติภาวนา

    เป็นคำสอนอันทรงคุณค่าของหลวงพ่อสุพจน์


    ที่มาhttp://www.matichon.co.th/khaosod/k...g=03bud05030350&day=2007/03/03&sectionid=0307
     

แชร์หน้านี้

Loading...