หลวงพ่อสำเร็จศักดิสิทธิ์ /เห็นภพชาติในถ้ำทอง

ในห้อง 'ประวัติและนิทานธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 12 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    cont.
    ต่อมามีหลวงตาองค์หนึ่ง มานอนจําวัดตอนบ่ายอยู่ที่ก้อนหินข้างๆ ทางเดินจงกรมท่านนี่แหละ ได้มีงูมาเลื้อยพาดหน้าอก หลวงตาก็สะดุ้งตื่น แล้วร้องขึ้น พอตกกลางคืน หลวงตาองค์นั้นก็เดินจงกรมภาวนาอยู่ แต่พอเช้าขึ้นกลับหายไป ไม่เห็นออกไปบิณฑบาต เมื่อพระเณรฉันเสร็จเลยพากันไปดู ก็หาท่านไม่พบ จึงแยกย้ายกันออกตามหาไปเห็นท่านตกหน้าผาที่สูงชันมรณภาพอยู่ที่นั้น

    เมื่อหลวงปู่วิเวกอยู่ที่ถ้ำกวางได้ประมาณครึ่งเดือน ก็ลาญาติโยมเดินทางกลับมาวัดป่านิโครธาราม

    พรรษาที่ ๑๐ พ.ศ.๒๕๐๖ จําพรรษาที่วัดป่านิโครธาราม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี พรรษานี้นอกจากมีหลวงปู่คําผอง ที่จําพรรษาอยู่กับ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ แล้วก็ยังมี พระอาจารย์สมัย ฑีฆายุโก พระอาจารย์เคน เขมสโย พระอาจารย์ประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร และพระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร สำหรับพระอาจารย์จันทร์เรียนนั้นท่านเพิ่งบวชเป็นพรรษาแรก หลวงปู่คําผองจึงมีโอกาสให้คําแนะนําเกี่ยวกับข้อวัตรปฏิบัติต่าง ๆ แก่ท่านพระอาจารย์จันทร์เรียนด้วย และพรรษาที่ ๑๑ พ.ศ.๒๕๐๗ โยมมารดาของหลวงปู่คำผอง ได้ถึงแก่กรรม เมื่อทำบุญอุทิศกุศลให้แล้ว หลังออกพรรษา ท่าน และหลวงปู่ลี กุสลธโร และพระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร ได้ออกธุดงค์ร่วมกันไปหาหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ในเขตภูเรือ จ.เลย

    พญานาคมาทำทางให้ที่วัดป่าม่วงไข่
    พรรษาที่ ๑๒ พ.ศ.๒๕๐๘ จําพรรษาที่วัดป่าบ้านตาลเลียน อ.กุดจับ จ.อุดรธานี
    ปีนี้จําพรรษาที่บ้านตาลเลียน ร่วมกับพระอาจารย์ลี กุสลธโร พระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร และสามเณร ๒ รูป เมื่อออกพรรษาแล้ว ก็เดินธุดงค์ทวนกลับทางเดิมที่มา คือ ทวนแม่น้ำโขงกลับไปทาง อ.เชียงคาน ไปพักอยู่ถ้ำผาปู่ แล้วขึ้นไปหาหลวงปู่ชอบที่บ้านกลาง บนภูเรือ ซึ่งขณะนั้นท่านอยู่กับท่านพระอาจารย์บุญพิน กตปุญฺโญ เมื่อหลวงปู่ชอบ เห็นพระเณรมากท่านเลยพาเกี่ยวหญ้าแฝกมาต่อเติมศาลาให้ใหญ่ขึ้น เสร็จแล้วไม่นาน พระอาจารย์ลี และ พระอาจารย์จันทร์เรียน ก็ลาหลวงปู่ชอบไป วิเวกทาง อ.ด่านซ้าย แล้วไปจําพรรษาที่อื่น ส่วนพระอาจารย์บุญพิน เกรงว่าหลวงปู่ชอบจะให้อยู่ที่บ้านกลาง จึงเตรียมจะออกวิเวกบ้าง แต่ หลวงปู่คําผอง รีบออกมาก่อน โดยลงมาพักอยู่ที่วัดป่าบ้านบง

    ตอนกราบลาหลวงปู่ชอบจะมาบ้านบง หลวงปู่ชอบท่านจะให้ไป ที่บ้านม่วงไข่ แต่หลวงปู่มาบ้านบง เพราะตั้งใจจะมาจําพรรษาที่นั่นองค์เดียว ระหว่างทางเดินมาเห็นรอยเสือโคร่งบ้าง รอยเสือกับหมูป่าสู้กันบ้าง แต่ไม่เจอตัว อยู่ไม่กี่วัน ท่านพระอาจารย์บุญพิน พร้อมด้วย พระม่อย (ภายหลังลาสิกขา) ซึ่งเป็นคนบ้านวังม่วง ก็ตามมาอยู่ด้วย แต่อยู่ได้ไม่กี่วัน หลวงปู่ชอบท่านก็ให้เณรมาตามไปที่วัดป่าบ้านม่วงไข่ เพื่อช่วยสร้างกุฏิและศาลา เพราะหลวงปู่ชอบท่านสั่งให้พ่อเชียงหมุน (ซึ่งเคยเกิดเป็นเพื่อนกับท่านในอดีตชาติที่เคยเป็นพ่อค้าผ้ามาร่วมสร้าง พระธาตุพนมด้วยกัน และชาตินี้มาเกิดอยู่ที่บ้านม่วงไข่) เตรียมไม้ เตรียมหญ้าแฝกไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงสร้างกุฏิ ๑ หลัง และศาลาชั่วคราว ๒ ห้อง อีก ๑ หลัง พื้นเป็นฟากไม้ไผ่ หลังคามุงแฝก

    หลวงปู่เล่าว่าที่บ้านบง บ้านกลาง ภูคั่ง เวลานั้นเสือโคร่งยังมีชุมมาก บางที่ลงมาเดินอยู่ในลานวัด แต่หลวงปู่ชอบท่านก็ไม่พูด เกรงว่า พระเณรจะกลัวกันมากเกินไป แม้แต่ตอนที่หลวงปู่คําผองอยู่ที่วัดป่าบ้านบง ท่านก็ยังได้ยินเสียงเสือ แต่ไม่เห็นตัว พอตื่นเช้าขึ้นมาเดินไปดู ก็ได้เห็น รอยเท้าของมัน ส่วนใหญ่มันจะลงมาจากภูหลวง มาเที่ยวหากินแถวภูบักได ภูคั่ง บ้านกลาง บ้านบง แล้วไปทางบ้านห้วยลาด บ้านสานตม แล้วก็กลับขึ้นภูหลวง

    ขณะที่หลวงปู่คําผองอยู่กับหลวงปู่ชอบที่วัดป่าบ้านม่วงไข่นั้นปกติ ต้องลงไปตักน้ำในลําธารในเหวทุกวัน เนื่องจากวัดอยู่บนยอดเขา ซึ่งไม่มีบ่อน้ำ ต้องลงมาสรงน้ำในเหว และช่วยกันตักน้ำไปใส่ตุ่มบนยอดเขา ทางขึ้นลงนั้นชันมากและเต็มไปด้วยป่าไผ่ ซึ่งมักเกี่ยวสบง อังสะของ พระเณร จนเป็นแผลกันอยู่บ่อยๆ บางครั้งยังลื่นไถลลงมาด้วยซ้ำ ทำให้ได้รับความลําบากมาก

    วันหนึ่งตอนเย็น เกิดฝนตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตา พอถึงรุ่งเช้า พระเณรก็พบกับความประหลาดใจ เพราะทางขึ้นลงเหวนั้น กลายเป็นทางเตียนโล่งลงไปจนถึงที่ตักน้ำ กอไผ่แหวก ออกเป็นทางไป ๒ ข้าง เหมือนเอารถแทรกเตอร์มาเกรด หลวงปู่คําผอง ท่านก็สงสัยเพราะในป่าอย่างนี้ จะไปมีรถแทรกเตอร์มาเกรดให้ได้อย่างไร จึงไปกราบเรียนถามหลวงปู่ชอบ ท่านก็ยิ้มๆ แล้วบอกว่า

    “พญานาคเขามาทําให้ เขามาลาเรา บอกว่าจะไปสงคราม”

    หลวงปู่คําผองแปลกใจมากจึงเรียนถามว่า “พญานาคเขามีรบกันด้วยหรือ หลวงปู่” หลวงปู่ชอบท่านตอบว่า “มนุษย์เป็นอย่างไร เขาก็เป็นอย่างนั้น”

    นับแต่นั้นมา เวลาพระเณรลงไปตักน้ำก็ไม่ลําบากอีก

    เทวดามาฟังธรรมหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    พรรษาที่ ๑๓ พ.ศ.๒๕๐๙ จําพรรษาที่วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน อ.วังสะพุง จ.เลย พรรษานี้หลวงปู่คําผอง จําพรรษากับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม และพระเณรรวม ๙ องค์ หลวงปู่ท่านเล่าเสมอว่า มีเทวดามากราบหลวงปู่ชอบเป็นประจํา เวลาอยู่บ้านโคกมนอย่างนี้ เทวดาบางพวกก็มาจากเชียงใหม่ บางพวกก็มาจากภูหลวง บางครั้งมาทางดิน บางครั้งก็เหาะมาทางอากาศ เพื่อมาฟังธรรมจากหลวงปู่ชอบ หลวงปู่คําผองได้เคยกราบเรียนถามหลวงปู่ชอบว่า “เทศน์อะไรให้พวกเขาฟัง” หลวงปู่ชอบบอกว่า “แล้วแต่เขาจะชอบ บางพวกก็ชอบพระไตรสรณคมน์ บางพวกก็ชอบธรรมจักรกัปวัตนสูตร บางพวกก็ชอบอนัตตลักขณสูตร”

    พรรษาที่ ๑๔ พ.ศ.๒๕๑๐
    จําพรรษาที่วัดป่าผาแด่น อ. แม่แตง จ. เชียงใหม่
    พรรษานี้จําพรรษาร่วมกัน ๔ องค์ คือ หลวงปู่คำผอง , พระอาจารย์บุญพิน กตปุญฺโญ , พระม่อยและเณร หลวงปู่คำผองอยู่ที่ผาแด่น จนถึงเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๑๑ จึงลงเขาไปพักอยู่วัดป่าห้วยน้ำริน เพื่อตัดเย็บย้อมผ้า จากนั้นก็เดินทางไป จ. เลย เที่ยวธุดงค์มาจนถึง ภูผาสาด (ภูปราสาท) ซึ่งเป็นภูใหญ่ในเขต อ.ภูเรือ ท่านเห็นว่ามีความสงบ น้ํำท่าอุดมสมบูรณ์จึงตกลงใจ จะจําพรรษาที่นี่

    เจอพญานาคและธุดงค์ร่วมกับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    พรรษาที่ ๑๕ พ.ศ.๒๕๑๑ จําพรรษาที่ภูปราสาท อ.ภูเรือ จ.เลย
    ปีนี้จําพรรษากับเณรอีก ๒ องค์ อยู่ในถ้ํำ เวลาบิณฑบาตจะไปที่บ้านหนองแซง วันหนึ่งขณะที่หลวงปู่เข้าจําวัดแล้ว ได้เห็นพญานาคมาหา โดยครั้งแรกมาในรูปของงูก่อน แล้วก็หายไป จากนั้นก็มาอีก แต่มาในรูปมนุษย์ เขาถามว่า “คราวที่แล้วเขามา รู้ไหมว่าเป็นอะไร ไม่กลัวหรือ” ท่านก็ตอบว่า “ไม่กลัว” แล้วเขาก็หายไป มาภายหลังได้เล่าถวายให้หลวงปู่ชอบฟัง ท่านถามว่า “ทําไมไม่ถามว่าเขามาทําไม” แต่หลวงปู่คำผองตอบว่าไม่ได้สนใจจะถาม แล้วท่านก็ได้ถามหลวงปู่ชอบว่า “บนเขาอย่างนี้ก็มีอยู่ด้วยหรือหลวงปู่ พญานาคน่ะ” หลวงปู่ชอบตอบว่า “ก็มีอยู่ ทุกแห่งนั่นแหละ” ความจริงเวลาชาวบ้านแถวภูปราสาทนั้น เวลาเขาทําไร่ทําสวนก็มักได้ยินเสียงเหมือนคนพูดกัน แต่ก็มองหาไม่เห็นว่าใครพูด

    พอออกพรรษาแล้ว หลวงปู่เดินทางร่วมกับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม และหลวงปู่ซามา อจุตโต กลับไปทางเชียงใหม่ โดยไปพักที่วัดป่าห้วยน้ำรินก่อน จากนั้นหลวงปู่ติดตามหลวงปู่ชอบไปเที่ยวธุดงค์ แถวบ้านแม้ว ทาง อ. สะเมิง ส่วนหลวงปู่ซามา ท่านเดินไม่ไหว จึงพักอยู่ที่ห้วยน้ำริน เวลานั้นเสือโคร่งกําลังอาละวาดกัดกินม้าของพวกแม้วแล้วถูกพรานดักยิง แต่มันก็ไม่ตายกลายเป็นเสือลําบาก ชาวบ้านก็เตือนให้ระวัง แต่ก็ไม่เจอกัน เมื่อออกมาจากบ้านแล้ว ไปพักที่ใหม่ หลวงปู่ชอบสั่งให้ทําร้านพัก ๒ ร้าน เฉพาะของหลวงปู่ชอบกับหลวงปู่คำผอง ส่วนที่เหลือคือพระแดง กับผ้าขาว ให้นอนพื้นดิน หลวงปู่คำผองกับพระแดงและผ้าขาวจึงไปช่วยกันทําร้าน โดยให้ผ้าขาวซึ่งแก่แล้วเป็นคนตัด หลวงปู่คําผองกับพระแดงช่วยกันดึง ได้มาวันละไม่กี่ลํา เอามาทําฟาก พอสร้างเสร็จได้วันเดียว หลวงปู่ชอบก็ชวนเดินทางต่อ

    หลวงปู่พูดให้ฟังถึงนิสัยมาเร็วไปเร็วของหลวงปู่ชอบอยู่เสมอๆ อย่างกรณีนี้ ท่านเล่าอย่างขําๆ ว่า “เราทําอยู่เป็นอาทิตย์ สองอาทิตย์ กับท่านแดง นั่งฉันได้วันเดียว หลวงปู่ชอบไปแล้ว นี่แหละเหนื่อยใจไปกับหลวงปู”

    คราวนี้เดินทางมาถึงพระพุทธบาทสี่รอย ก็ค่ำพอดี จึงนิมนต์หลวงปู่พักที่นี่ รุ่งขึ้นค่อยไปผาแด่น แต่ท่านก็ยังพาเดินต่อลงเขา มาจนพบร่องน้ำ ท่านจึงพาหยุดพัก ผ้าขาวก็เอากาต้มน้ำร้อนสรงหลวงปู่ชอบ หลวงปู่เองก็สรงน้ำ แล้วปูที่นอนเตรียมจําวัด ผ้าขาวก็ไปหาฟืนมาเตรียมก่อไฟ สักพักหลวงปู่ชอบชวนเดินทางต่ออีก ตกลงเลยไม่ต้องนอน เดินกันมาแต่ก็ไม่ถึงวัด ตกลงต้องนอนผิงไฟอยู่ข้างทางนั้น เพราะอากาศหนาวมาก ตื่นเช้าบิณฑบาตฉันแล้วจึงเดินทางถึงวัดป่าผาแด่น

    พรรษาที่ ๑๖ – ๑๘ พ.ศ.๒๕๑๒ – ๒๕๑๔
    จําพรรษาที่วัดป่าผาแด่น ต.สันป่ายาง อ. แม่แตง จ. เชียงใหม่
    ปี พ.ศ.๒๕๑๒ หลวงปู่จําพรรษากับเณร ๑ องค์ และผ้าขาวเกตุ (คือ หลวงตาเกตุ วัดป่าม่วงหัก จ.มุกดาหาร ในเวลาต่อมานั่นเอง หลวงตาเกตุนี้ หลวงปู่ชอบเคยพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะมรณภาพพร้อมกันกับหลวงปู่ชอบ และก็เป็นจริง คือท่านมรณภาพด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างเดินทางมากราบศพหลวงปู่ชอบ ภายหลังจากได้ทราบข่าวว่าหลวงปู่ชอบมรณภาพ) ส่วนหลวงปู่ชอบจําพรรษาที่วัดป่าห้วยน้ำริน พอออกพรรษาแล้ว หลวงปู่ชอบท่านก็ขึ้นเขาไปอยู่ที่วัดป่าโป่งเดือด แล้วมาพักกับหลวงปู่คําผองที่ผาแด่น จากนั้นก็กลับลงไปห้วยน้ำริน แต่ปรากฏว่าอากาศร้อน หลวงปู่ชอบจึงกลับขึ้นไปโป่งเดือดอีก สุดท้ายท่านก็กลับไปทางบ้านโคกมน จ. เลย เพื่อไปสร้างถังน้ำ ศาลา และโบสถ์ ที่วัดป่าสัมมานุสรณ์ ส่วนหลวงปู่คําผองอยู่ที่ผาแด่น จนถึง พ.ศ.๒๕๑๔




     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    cont.
    [​IMG]
    (จากซ้าย) พระอาจารย์คำผอง กุสลธโร กับ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    และพระอาจารย์ขันตี ญาณวโร
    บันทึกภาพ ณ วัดป่าผาแด่น บ้านผาแด่น ต.สันป่ายาง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

    เมื่อถึง พ.ศ.๒๕๑๔ หลวงปู่ชอบเริ่มอาพาธ ท่านพระอาจารย์บัวคํา มหาวีโร จึงนิมนต์มารักษาที่โรงพยาบาลศิริราชอยู่ ๙ วัน อาการดีขึ้น จึงกลับไปจําพรรษาที่วัดป่าบ้านสานตม อ.ภูเรือ จ.เลย โดยมี ท่านพระอาจารย์บัวคํา มหาวีโร, ท่านพระอาจารย์ขันตี ญาณวโร อยู่จําพรรษาด้วย ระยะนั้นหลวงปู่ชอบยังพอเดินได้ โดยใช้ไม้เท้าช่วย ท่านยังเดินไปใช้ไม้เท้าชี้ที่ก่อสร้างศาลาได้อยู่ พอออกพรรษาปี พ.ศ.๒๕๑๔ หลวงปู่คําผองลงจากผาแด่นไปกราบเยี่ยมหลวงปู่ชอบที่บ้านสานตม ก่อนกลับยังได้สั่งท่านพระอาจารย์บุญพินซึ่งได้มาพักอยู่ดูแลหลวงปู่ชอบว่า

    “ถ้าหลวงปู่อาพาธหนักให้เขียนจดหมายไปหาผมนะ ผมจะขึ้นไปเชียงใหม่ก่อน”

    แล้วหลวงปู่คำผองก็กลับผาแด่น ต่อมาไม่นานก็ได้รับจดหมายจากท่านพระอาจารย์บุญพิน กตปุญฺโญว่า หลวงปู่ชอบเข้าโรงพยาบาลอีก ซึ่งมีสาเหตุมาจากหมอคนจีนเอายาสมุนไพรมาถวายท่านฉันได้เพียงนิดเดียว ก็มีอาการกระตุก ปากเบี้ยว น้ำลายไหล จึงต้องรีบส่งโรงพยาบาล หลวงปู่คำผองท่านจึงรีบเดินทางโดยรถไฟลงมากรุงเทพฯ แล้วจึงไปเยี่ยมหลวงปู่ชอบที่ รพ.ศิริราชทันที ก็มาทราบว่าหลวงปู่ชอบ ท่านตกเตียงซ้ำอีก คือตอนกลางคืนไม่ได้เอารางเหล็กกั้นขอบเตียงพยาบาลขึ้น หลวงปู่ชอบ ท่านตื่นขึ้นมากลางดึก จึงลุกขึ้นเอียงตัวไปบ้วนน้ำลายเป็นเหตุให้ตกเตียงหัวฟาดพื้นถึงกับสลบไป เมื่อฟื้นขึ้นมาอาการอัมพาตจึงไม่ดีขึ้นอีกเลย กลายเป็นอัมพาตซีกซ้ายไปตลอดชีวิต หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ละสังขารเมื่อวันที่ ๘ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๘

    พรรษาที่ ๒๔ – ๒๙ พ.ศ.๒๕๒๐ – ๒๕๒๕ จำพรรษาที่วัดป่าผาแด่น ต.สันป่ายาง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ระหว่างปี พ.ศ.๒๕๒๐ – ๒๕๒๕ นี้ หลวงปู่อยู่ที่ผาแด่นโดยตลอด มีอยู่วันหนึ่ง หลวงปู่อยู่องค์เดียว ไม่มีพระเณรอื่น ท่านเจ็บเส้นที่ท้องมาก ต้องนั่งนวดเส้นเองอยู่คนเดียว จึงบ่นขึ้นว่า

    “พวกภูมิ (ภุมมเทวดา) ไม่มีอยากได้บุญเลยหรือ เจ็บท้องจะตาย ไม่มีใครมาบีบเส้นให้”

    คืนนั้น เมื่อเดินจงกรมเสร็จ ก็เดินกลับขึ้นกุฏิ พอลงนอนก็เห็นร่างดําทะมึนเดิน ตามขึ้นมาบนกุฏิ ขณะนั้นท่านไม่ได้จุดเทียนจึงมองไม่ออก และไม่สนใจด้วยว่าจะมาจากไหน ท่านก็บอกว่า “เอ้า ! นวดเส้น” เขาก็นวดให้ บางที่นวดแรงไปหลวงปู่ก็บอกว่า “อย่าทําแรงมากไปมันเจ็บ” เขาก็ลดกําลังลงจนพอดี พอเสร็จแล้วเขาก็กราบลาแล้วเดินลงกุฏิไป หลวงปู่ก็จําวัด ท่านบอกว่า อาจจะเป็นพวกภูมิที่เคยทําแร่อยู่แถวๆ วัด เพราะชาวบ้าน เล่าว่า คนสมัยก่อนเขามาทําแร่ ถลุงเหล็ก ต้มเหล็กกันอยู่แถววัดในปัจจุบันเป็นจํานวนมาก แม้เมื่อตอนสร้างกุฏิที่หลวงปู่พักหลังปัจจุบันนั้น ขณะที่รถได้ไปยังเจอเอาที่ต้มเหล็ก และทั่งตีเหล็ก ฝังดินอยู่จึงเอาขึ้นมา

    [​IMG]
    หลวงปู่คำผอง กุสลธโร ที่ รพ.ศิริราช ๒๒ มิ.ย.พ.ศ.๒๕๔๐
    วันท่านจะออกจากศิริราชกลับวัดป่านิโครธาราม
    [​IMG]
    (ซ้าย) พระอาจารย์ประสิทธิ์ ปุญญมากโร
    (กลาง) หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ
    (ขวา) พระอาจารย์บุญรอด อธิปุญโญ
    ในงานประชุมเพลิงศพ หลวงปู่คำผอง กุสลธโร
    ณ วัดป่านิโครธาราม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
    วันที่ ๕ กรกฏาคม พ.ศ.๒๕๔๖
    มรณภาพตรงกับวันอุปสมบท
    หลวงปู่คำผอง กุสลธโร ดำเนินตามรอยพระบาทแห่งองค์พระศาสดามาตลอดชีวิตการอุปสมบท ๔๙ พรรษา ท่านละสังขารลงด้วยอาการสงบเมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๖ ตรงกับวันแรม ๓ ค่ำ เดือน ๗ เวลา ๒๐.๒๐ น. สิริรวมอายุ ๗๒ ปี ๕ เดือน ๖ วัน

    [​IMG]
    อัฐิธาตุ ของท่าน หลวงปู่คำผอง กุสลธโร วัดป่านิโครธาราม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
    [​IMG]
    อัฐิธาตุ ของท่าน หลวงปู่คำผอง กุสลธโร วัดป่านิโครธาราม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
    โอวาทธรรม หลวงปู่คำผอง กุสลธโร

    “..ธรรมคําสอนของพระพุทธเจ้าที่ดีเลิศ ไม่เสื่อมสูญไปไหน เรียกว่า ศาสนาไม่ว่างจากคุณธรรม หรือ พระอรหันต์ไม่ว่างจากโลก เมื่อใครปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ธรรมก็เกิดแก่ใจของผู้นั้น อยู่ตราบนั้น..”
    ขอบพระคุณที่มา :- https://www.108prageji.com/หลวงปู่คำผอง-กุสลธโร/
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    เส้นทางการบรรลุธรรมของหลวงปู่เสาร์กับหลวงปู่มั่น | EP.91 เรื่องเล่าพระธุดงค์

    100 เรื่องเล่า
    Dec 8, 2022

    หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล กับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเป็นพระกรรมฐาน เป็นพระอาจารย์ใหญ่ของพระกรรมฐาน ในภาคอีสาน ที่เส้นทางการบรรลุธรรมของพวกท่านนั้น ไม่ได้ง่าย มีอุปสรรคนานับ ประการ และสิ่งหนึ่งที่คอยขัดขวางการบรรลุธรรม ของพวกท่านนั้น ก็คือ ในอดีตชาตินั้น พวกท่านเคยปราถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้า ในชาติปัจจุบันของพวกท่านนั้น การปราถนาพุทธภูมินี้ จึงทำให้พวกท่านบรรลุธรรมช้า แต่ในที่สุด ทั้งหลวงปู่มั่น และหลวงปู่เสาร์ พวกท่านก็บรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์ของเมืองไทย

    เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น เชิญรับฟังได้เลยครับ ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    พระอรหันต์ตรวจดูพระอรหันต์ หลวงปู่มั่นตรวจดูพระอริยะ

    ปู่ดอน station
    Jan 3, 2023
    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์แห่งพระป่ากรรมฐาน ท่านได้เคยใช้ญาณขอบท่านตรวจดูพระอริยะว่าในยุคนี้ยังมีอยู่หรือไม่ ท่านกลับพบว่า นอกจากประเทศไทยจะมีพระอริยะอยู่มากมายแล้ว ประเทศอื่นๆกลับแทบหาพระอริยะไม่พบเลย เช่นพม่า ก็มีคนที่เป็นอริยะแค่คนเดียว ส่วนประเทศที่เหลืออันเป็นเทศเพื่อนบ้านกับเรา ซึ่งได้แก่ ลาว เขมร เวียดนาม เป็นต้น ประเทศเหล่านี้ กลับไม่มีพระอริยะเลยสักนิด..?!
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    เจ้าคุณปู่จันทร์ - สหายธรรมท่านพระอาจารย์มั่น

    หลวงตา
    Jan 12, 2023
    พระอาจารย์จันทร์ เขมิโย พระเทพสิทธาจารย์ (หลวงปู่จันทร์ เขมิโย)

    วัดศรีเทพประดิษฐาราม อ.เมือง จ.นครพนม
    ;-->https://palungjit.org/threads/หลวงพ่อสำเร็จศักดิสิทธิ์-เห็นภพชาติในถ้ำทอง.616488/page-49
     
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    พระอาจารย์สิงห์ทอง - ผู้สละชีวิตบูชาธรรม

    หลวงตา
    Jan 22, 2023

    พระอาจารย์สิงห์ทอง - ผู้สละชีวิตบูชาธรรม
    วัดป่าแก้วชุมพล ต.บ้านชุม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    เรื่องลึกลับในป่าภูกระดึง

    thamnu onprasert
    Jan 22, 2023

    เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสี่นาย ได้พบสิ่งน่าพิศวงในป่าลึกขณะเดินสำรวจป่า เป็นผีในป่าสนและพระธุดงค์ลึกลับใต้เงื้อมผา.
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    ท่องนรก โดยหลวงตาทองสุข

    ธรรมตามใจฉัน
    Jan 15, 2023
    ประสพการณ์ท่องนรก ของหลวงตาทองสุข บันทึกที่ วัดอมรพัฒน์ ตำบลบึงกาฬ อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    ดงแม่เผดป่าอาถรรพ์

    หลวงตา
    Jul 11, 2022

    ดงแม่เผดป่าอาถรรพ์ เรียบเรียงโดย สิทธา เชตวัน
     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    การผจญภัยของพระธุดงค์ [EP:4] : หุบเหวช้างป่า

    หลวงตา
    Aug 16, 2022
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    พระผู้เป็นเช่นช้างเผือกในป่า - หลวงปู่แหวน 1

    ผจญภัยในดงคนป่า - หลวงปู่แหวน 2

    หลวงตา
    Jan 30, 2023
    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่

     
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    ผจญดงเสือ - หลวงปู่แหวน 3

    หลวงตา
    Jan 31, 2023
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    วัดป่า #พระกรรมฐาน #พระธุดงค์
    หลวงปู่ผู้เฒ่าแห่งดอยแม่ปั๋ง - หลวงปู่แหวน 4

    Jan 31, 2023
    หลวงปู่ผู้เฒ่าแห่งดอยแม่ปั๋ง - หลวงปู่แหวน 4 หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่
     
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    หลวงปู่อินทร์ วัดศรีจันทร์ - ศิษย์หลวงปู่มั่น

    หลวงตา
    Jan 28, 2023
    หลวงปู่มหาอินทร์ ถิรเสวี วัดศรีจันทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น
     
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    ประวัติและปฏิปทา
    หลวงปู่มหาอินทร์ ถิรเสวี

    วัดศรีจันทร์
    อ.เมือง จ.ขอนแก่น

    -อินทร์-ถิรเสวี-.jpg
    พระเทพบัณฑิต (หลวงปู่มหาอินทร์ ถิรเสวี) วัดศรีจันทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น
    หลวงปู่มหาอินทร์ ถิรเสวี ท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสรูปที่ ๙ ของวัดศรีจันทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น หลวงปู่มหาอินทร์ ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ผู้ใฝ่หาความเพียร กระทั้งปีนเขาดอยสุเทพ เพื่อไปศึกษาธรรมกับหลวงปู่ใหญ่มั่น ภูริทัตโต แม้องค์ท่านจะเป็นครูสอนปริยัติ แต่ก็ยังใฝ่หาการปฏิบัติ หาได้มีมานะทิฏฐิไม่ และยังเป็นพระอุปัชฌายาจารย์ของพระมหาเถระอีกหลายรูปเช่น หลวงปู่ท่อน ญาณธโร , หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก , หลวงปู่ประนอม วิริโย เป็นต้น

    หลวงปู่มหาอินทร์ ถิรเสวี ท่านมีนามเดิมชื่อ อินทร์ สินโพธิ์ เกิดเมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ.๒๔๔๕ ตรงกับวันแรม ๑๒ ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ท่านมีภูมิลำเนาเดิมที่บ้านโนนแดงน้อย ต.บ้านแท่น อ.ชนบท จ.ขอนแก่น บิดาชื่อ นายบุญมี สินโพธิ์ มารดาชื่อ นางบุดลี สินโพธิ์ มีพี่น้องร่วมสายโลหิต ๖ คน
    เด็กชายอินทร์ สินโพธิ์ บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดสว่างวงษ์ บ้านปอแดง ต.บ้านแท่น (ปัจจุบัน ตำบลปอแดง) อ.ชนบท จ.ขอนแก่น เมื่อ วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๖๐ อายุ ๑๖ ปี โดยมีพระอธิการท้าวน้อย เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากบวชแล้วก็ได้ศึกษาการอ่าน เขียน ที่จังหวัดขอนแก่นในสมัยนั้นยังไม่เจริญรุ่งเรืองมากนัก จนในปี พ.ศ.๒๔๖๒ สามเณรอินทร์ จึงได้กราบลาครูบาอาจารย์ ย้ายสำนักไปศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่ สำนักเรียนวัดบรมนิวาส พระนคร พร้อมกับสามเณรรุ่นเดียวกันจำนวน ๑๐ รูป

    ◎ อุปสมบท
    เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีได้อุปสมบท เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๕ ณ พัทธสีมาวัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ โดยมีพระเมธาธรรมรส (เสาร์) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอมราภิรักขิต (ไชย) เป็นพระกรรมวาจารย์ พระครูพินิตวิหารการ (ขำ) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ถิรเสวี” ตั้งแต่อุปสมบทปีแรก ก็ได้มุมานะศึกษาเล่าเรียน จนสอบได้เปรียญธรรมสนามหลวงและได้เป็น “พระมหาอินทร์ ถิรเสวี” พ.ศ. ๒๔๖๕ และสอบเปรียญธรรม ๕ ประโยค ได้ใน พ.ศ. ๒๔๖๗ สำนักเรียนวัดบรมนิวาส หลังจากได้เป็นเปรียญธรรม ๕ ประโยคซึ่งสมัยนั้นนับว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถเป็นอย่างดี

    พ.ศ.๒๔๗๐ ได้ถูกส่งให้ไปช่วยกิจการคณะสงฆ์ที่วัดมะกอก อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งพระอริยคุณาธาร (อุ่น สุวณฺโณ) ซึ่งขณะนั้นปฏิบัติศาสนกิจอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับคำสั่งให้ไปรับตำแหน่งรองเจ้าคณะมณฑลอุดร จึงได้นิมนต์ พระมหาอินทร์ ถิรเสวี เปรียญธรรม ๕ ประโยค ไปเป็นครูสอนแทนที่วัดเจดีย์หลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๓-๒๔๗๗ ซึ่งในขณะที่ท่านเป็นครูสอนปริยัติธรรมที่วัดเจดีย์หลวงก็ได้มีโอกาสพบกับ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้รับการแนะนำในข้อวัตรปฏิบัติแบบกรรมฐานเป็นอันมาก
    ◎ พบท่านพระอาจารย์มั่น
    จากประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระบูรพาจารย์ใหญ่ฝ่ายพระกัมมัฏฐาน ท่านได้เคยรับอาราธนาท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (หลวงปู่จันทร์ สิริจันโท) พระมหาเถระที่ท่านพระอาจารย์มั่น เคารพนับถือ ให้ขึ้นมาบำเพ็ญสมณธรรมที่วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ ท่านพระอาจารย์มั่นได้มาพำนักอยู่วัดเจดีย์หลวงประมาณ พ.ศ. ๒๔๗๒-๒๔๗๓ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระคูรวินัยธร ฐานานุกรมในท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ และ ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงเพียง ๑ พรรษา พอออกพรรษา ท่านเดินธุดงค์ปฏิบัติกัมมัฏฐานตามป่าเขาภาคเหนือ ในช่วงที่ท่านพระอาจารย์มั่น มาบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ที่วัดเจดีย์หลวงนั้น หากมีโอกาส ท่านพระอาจารย์มั่นก็จะขึ้นไปภาวนาอยู่บนดอยสุเทพ โดยท่านปีนเขาขึ้นไปทางวัดสวนดอก ดังปรากฏในประวัติของหลวงปู่มหาอินทร์ ถิรเสวี ดังนี้

    หลวงปู่มั่น ท่านไม่ชอบอยู่ที่ไหนนาน ๆ จึงออกไปวิเวกที่พระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งต้องปีนภูเขาทางวัดสวนดอก และบนดอยสุเทพนี่เอง ซึ่งหลวงปู่มหาอินทร์ ได้รับการฝึกอบรมจิตตภาวนาจากท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถร “ท่านให้ภาวนา พุท-โธ ทำจิตให้สงบ ไม่วุ่นวายกับอารมณ์ภายนอก ทำใจให้สบายๆไม่ยอกย้อนถอนตัวตน ไม่ลุ่มหลง ไม่ห่วงใย ตัดขาดจากทุกๆสิ่ง แม้ชีวิตของตัวตนไม่มีทั้งสิ้น…”

    แค่วันแรกหลวงปู่มหาอินทร์ ก็เข้าใจอำนาจกัมมัฏฐาน มันสบายใจ เยือกเย็น มองอะไรเห็นด้วยจิตไม่ข้องแวะ ท่านพระอาจารย์มั่น ท่านว่า…

    “มันมักอยากได้ไม่ท้อถอย จิตใจของคนเรานี่ ขนาดจะตายมันก็ยังอยากมันยังมีตัณหาอยู่ดี ไม่เคยมีความอาจหาญเลย ของดีไม่เอา กัมมัฏฐานสอนบุคคลให้เป็นอริยบุคคลได้จริงแค่ไหน พูดกันไปไม่มีที่สิ้นสุด ต้องการอยากรู้ ต้องปฏิบัติ เปิดใจให้กว้างอย่าขวางทางธรรม พระพุทธเจ้าพูดอะไรไว้ สิ่งนั้นต้องเป็นหนึ่งเสมอ”

    หลวงปู่มหาอินทร์ ถิรเสวี ท่านเล่าต่อไปว่า…

    “ไปภาวนาอยูบนดอยสุเทพน่ะ หลวงปู่เห็นว่ามันใกล้วัดเจดีย์หลวง อันเป็นสถานที่หลวงปู่คอยสอนหนังสือ จะออกไปให้ไกลกว่านี้ไม่ได้ ท่านพระอาจารย์มั่น ท่านก็เข้าใจความรับผิดชอบของหลวงปู่ดี จึงสอนพระกัมมัฏฐานให้ใกล้ๆ ถ้าเผื่อมีอะไรเร่งด่วนก็ลงไปแก้ไขได้” หลวงปู่มั่นท่านหนักแน่นกับพระกัมมัฏฐานเหลือเกิน ท่านให้เหตุผลว่า “ม้าศึกต้องฝึกอยู่เสมอ ขุนศึกขี้คร้านก็เท่ากับเอาหัวไปให้ศัตรูตัดเล่นเท่านั้นเอง เราไม่รู้จะเกิดศึกสงครามเวลาใด ความตายมาถึงเมื่อไร เราไม่รู้ มารู้ก็ตอนแย่แล้ว…”

    นี่เป็นคำสอนที่หลวงปู่ระลึกถึงท่านพระอาจารย์มั่นอยู่เสมอ ท่านเมตตากับหลวงปู่มากยากที่จะลืมเลือน ท่านกลัวหลวงปู่จะหลงกับตำแหน่งที่ตั้งให้ เกรงว่าจะหลงความสุขความสบาย ความห่วงใยที่ท่านพระอาจารย์มั่น มีต่อองค์หลวงปู่นั้นเป็นสิ่งที่หลวงปู่ซาบซึ้งและเคารพเป็นอย่างมาก หลวงปู่ต้องไปกราบเท้าท่านทุกคืนขณะที่พักอยู่ด้วยกันกับท่าน

    รีจันทร์-ต.ในเมือง-อ.เมือง-จ.ขอนแก่น.jpg
    พระเทพบัณฑิต (หลวงปู่มหาอินทร์ ถิรเสวี) วัดศรีจันทร์ จ.ขอนแก่น
    ◎ คนสองประเภท
    หลวงปู่เคยเข้าไปกราบเรียนถามท่านว่า “ท่านพระอาจารย์ครับ ผมจะปฏิบัติพระกัมมัฏฐานอย่างไรจึงจะพอเป็นไปได้” ท่านพระอาจารย์มั่นได้ยินอย่างนั้นก็หยุดมองหน้าหลวงปู่อยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดออกมาว่า “เอ…ท่านมหานี่ ถามผมเหมือนท่านมหาปิ่น ไม่มีผิดเลย” (หมายถึง พระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล น้องท่านพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม)
    ท่านพระอาจารย์มั่น ท่านตอบว่า “การปฏิบัติพระกัมมัฏฐานนั้น มีคนอยู่ ๒ ประเภทคือ…
    ๑. ประเภทที่ไม่เคยได้รับการศึกษาด้านพระปริยัติ แม้ทำสมถกัมมัฏฐาน จิตใจก็จะสงบได้รวดเร็ว และก็เสียเร็วเหมือนกันถ้าไม่ฝึกฝนหรือลุ่มหลง ประเภทนี้จะต้องอยู่ในสำนักของครูบาอาจารย์นานจึงจะพอเป็นไปได้ เพราะการอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ เพราะการอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์จะมีความสำรวมระวังอยู่ในข้อวัตร กฎข้อบังคับ จะเหลาะแหละไม่ได้ มีการฝึกฝนนั่งสมาธิทำภาวนา ได้เวลาทำวัตรสวดมนต์ ปรนนิบัติสอบถามปัญหาธรรมอยู่บ่อยๆ ๕ พรรษา ๖ พรรษาจึงจะเอาตัวรอดได้…

    ๒. อีกประเภทนึงได้รับการศึกษามาดี เช่นพวกท่านมหานี่แหละ แม้ฝึกการทำสมาธินั้นยาก ใจไม่ค่อยจะสงบ ต้องใช้วิปัสสนาไปก่อน คือปัญญาอบรมสมาธิ พิจารณาทบทวนบ่อยๆ ชอบใจธรรมะบทใด พระสูตรบทใด ก็ให้น้อมมาพิจารณาเสมอๆ ทำอยู่อย่างนั้นบ่อยๆ จนกว่าจิตจะยอมรับ อุบายนี้ก็เหมือนคนตัดต้นไม้ ตัดด้วยขวาน จามลงไปในที่เก่านั่นแหละ นานๆเข้าไม้มันทะลุเอง เช่นคนหุงข้าว นึ่งข้าว ดูแต่ไฟอย่าให้มันดับ นี่เป็นหน้าที่ของเรา ส่วนหน้าที่ของไฟทำข้าวให้สุกเอง การปฏิบัติพระกัมมัฏฐานก็เช่นเดียวกัน ต้องทำจริงๆจะทำเล่นๆไม่ได้ คนเดี๋ยวนี้มันไม่ค่อยจะทำจริง เลยไม่ได้ของจริง มันชอบทำเป็นเล่นไปหมด” เมื่อได้อุบายการทำสมาธิของท่านพระอาจารย์มั่นอย่างนี้ ก็พยายามทำ ครั้งแรกตัดอารมณ์ทั้งหมด ดับความอยากต่างๆให้หมด พิจารณาพุทโธ เท่านั้น รับอุบายธรรมจากท่านแล้วก็ต่างคนต่างแยกไปพัก ท่านปักกลดอยู่ไกล หลวงปู่ปักกลดอีกแห่งหนึ่ง

    คืนหนึ่ง หลวงปู่จดจำคำบอกเล่าของท่านพระอาจารย์มั่น มาพิจารณา ไม่ยอมให้จิตแวบออกไปภายนอก ไม่สนใจงานจำเจเก่าอีกแล้ว เอาจิตใจวางลงในที่ซึ่งมั่นคง มีสติพร้อม แล้วก็พิจารณาว่า “เอ…เราเคยเรียนมา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศน์พระธัมมจักกัปปวัตตนสูตรนี่ พระพุทธเจ้าเทศน์โปรดปัญจวัคคีย์ มีท่านอัญญาโกณฑัญญะ รู้เรื่องอยู่องค์เดียว อีก ๔ องค์น่ะยังไม่รู้เรื่อง หลวงปู่ก็มาพิจารณาว่า เอ…ก็พระธัมมจักกัปปวัตตนสูตรนี้ เราเองก็สวดได้ แปลก็ได้ ทำไมหนอเราจึงไม่มีดวงตาเห็นธรรม มันไปติดไปคาเกี่ยวข้องอยู่ที่ไหน หลวงปู่ก็ทบทวน ท่านอัญญาโกณฑัญญะรู้ธรรม หมดความยึดถือ มีความรู้แจ้งลดสักกายทิฏฐิ ท่านรู้ความจริงอย่างนี้จึงมีดวงตาเห็นธรรม โอ… นี่เรามันยังมีการเหลียวซ้ายแลขวาอยู่ จะได้ดวงตาเห็นธรรมอีหยัง ก็เลยคิดได้ เอาละ จะปฏิบัติให้จิตสงบจนได้”
     
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    (cont.)
    -ถิรเสวี-พระเทพบัณฑิต.jpg
    หลวงปู่มหาอินทร์ ถิรเสวี วัดศรีจันทร์ จ.ขอนแก่น

    ◎ รู้วาระจิต
    ต่อมาความคิดของหลวงปู่ไม่ทราบว่าท่านพระอาจารย์มั่น องค์ท่านล่วงรู้ได้ด้วยวิธีใด ตอนบ่าย ๓-๔ โมง ท่านพระอาจารย์มั่น เดินมาจากที่พัก มาถามหาหลวงปู่ ท่านว่า “เอ๊ะ… ท่านมหาอินทร์ ไปไหน ขอคุยสักหน่อยเถิด…” หลวงปู่ได้ยินก็ครองจีวรไปหาท่าน พอเห็นหน้าหลวงปู่ ท่านพระอาจารย์มั่น ก็พูดออกมาว่า “ทำอย่างที่คิดนั่นแหละถูกแล้ว จงพยายามทำจริงๆ อย่าทำเล่นนะ…”

    ท่านพระอาจารย์มั่น ท่านมีความเมตตาหลวงปู่มากเป็นพิเศษก็ว่าได้ ท่านคงรู้วาระจิตที่หลวงปู่ อยากได้ธรรมะจากท่านจริงๆ มิใช่ว่าจะทดลองภูมิอะไรกับท่านเลย แม้หลวงปู่จะได้เปรียญธรรม ๕ ประโยค นั่นมันเป็นเพียงตัวหนังสือ ได้จากการท่องจำ เหมือนเด็กเล็กอ่าน ก.ไก่ – ฮ.นกฮูก จำได้คล่อง พูดได้เจื้อยแจ้ว แต่ก็อาศัยจดจำไม่เก่งเท่าคนที่เขาสร้างตัวอักษร
    แต่การภาวนามันผิดกับการได้ศึกษาเล่าเรียนมาทั้งสิ้น ท่านจึงเมตตาเราด้วยดีตลอดมา “ท่านพระอาจารย์มั่น ท่านให้ของวิเศษแก่หลวงปู่ไว้มาก จึงไม่มีความหวั่นวิตกอะไร ก็ปล่อยมันเป็นไป หน้าที่ของเราก็ทำดีไว้ก็แล้วกันเคยทำจิตให้เป็นสมาธิ ก็ควรทำดีตลอดอย่าได้ว่างเว้น ถ้าเราจะเลิก ท่านพระอาจารย์มั่น ท่านมีญาณหยั่งรู้ จะตำหนิเอาได้ ต่อหน้าท่านเราทำความดีได้ เมื่ออยู่ลับหลัง เราไม่ขยันทำความดีก็ไม่มีอาจารย์ไหน ๆ จะสั่งสอนเช่นท่านพระอาจารย์มั่น

    ครั้งหนึ่ง หลวงปู่คิดในใจว่า “นรกสวรรค์น่ะมีจริงไหมหนอ ทำอย่างไรจะได้รู้ได้เข้าใจบ้าง เราน่าจะไปกราบเรียนถามท่านพระอาจารย์มั่นน่ะ…” สมัยนั้นวัดเจดีย์หลวงยังเป็นป่าดงมีต้นไม้รกครึ้มไปหมด ขณะที่หลวงปู่กำลังเดินผ่านเจดีย์เท่านั้น ท่านก็พูดขึ้นดัง ๆ ว่า “ถ้าหากมีคนละก็ ต้องมีแน่นอน เรื่องนรก เรื่องสวรรค์น่ะเป็นเรื่องของคน พระอริยบุคคลหมดโลก นรกก็ดี สวรรค์ก็ดี หมดไม่เหลือ…” พอได้ยินเสียงท่านพูดจบมันมีความรู้สึกว่าเหมือนมีใครเอาน้ำเย็นมารดซู่จากศรีษะมาปลายเท้า ความสงสัยเป็นอันว่าหมด ไม่มีอะไรที่จะคิดเป็นอื่นกับท่านอีกเลย ท่านสร้างความอัศจรรย์ให้หลวงปู่ได้รู้ว่า… “ผู้ฝึกฝนมาดีแล้ว ย่อมฝึกจิตให้คล่องวิ่งไว ความรู้รวดเร็วฉับพลัน เหมือนแสงสุริยันผ่านพ้นกลุ่มเมฆถึงพื้นธรณีทันทีฉันนั้น…”

    ภายหลังหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านออกวิเวกบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ที่เชียงใหม่ไปในที่ต่าง ๆ นานถึง ๑๑ ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๗๒ – ๒๔๘๒ จนบรรลุอรหัตผล เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๘ ณ ถ้ำดอกคำ ต.น้ำแพร่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ แล้วจึงกลับลงมาทางภาคอีสาน สั่งสอนอบรมลูกศิษย์ จนเป็นเพชรน้ำหนึ่ง ๆ ดังที่เรา ๆ ได้ทราบกันอยู่

    ในส่วนท่านพระอาจารย์มหาอินทร์ ถิรเสวี ก็ได้กลับลงมาอยู่ทางภาคอีสาน และได้พำนักอยู่ที่วัดศรีจันทร์ จ.ขอนแก่น ได้เป็นพระอุปัชฌายาจารย์ให้กับพ่อแม่ครูอาจารย์อยู่หลายรูป เช่น หลวงปู่ท่อน ญาณธโร , หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก , หลวงปู่ประนอม วิริโย เป็นต้น

    อินทร์-ถิรเสวี-เป็น-พระพิศาลสารคุณ.jpg
    ภาพพิธีต้อนรับสมณศักดิ์ หลวงปู่อินทร์ ถิรเสวี เป็น พระพิศาลสารคุณ
    -อินทร์-ถิรเสวี-วัดศรีจันทร์.jpg
    พระเทพบัณฑิต (หลวงปู่มหาอินทร์ ถิรเสวี) วัดศรีจันทร์ จ.ขอนแก่น
    ◎ ฝ่ายปกครอง
    พ.ศ. ๒๔๘๐ เป็น เจ้าอาวาสวัดศรีจันทร์ (วัดราษฏร์)
    พ.ศ. ๒๔๘๐ เป็น ผู้ช่วยเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น
    พ.ศ. ๒๔๘๒ เป็น พระอุปัชฌาย์
    พ.ศ. ๒๔๘๓ เป็น เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น (ทั้งสองนิกาย)
    พ.ศ. ๒๔๙๔ เป็น เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น (ธ)
    พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็น รองเจ้าคณะภาค ๙ (ธ)
    พ.ศ. ๒๕๒๑ – ๒๕๓๕ เป็น เจ้าอาวาสวัดศรีจันทร์ พระอารามหลวง
    ฝ่ายการศึกษา
    พ.ศ. ๒๔๗๓ – ๒๔๗๗ เป็น ครูสอนปริยัติธรรมที่วัดเจดีย์หลวง
    พ.ศ. ๒๔๗๘ เป็น ครูสอนพระปริยัติธรรมที่วัดศรีจันทร์

    ◎ สมณศักดิ์
    พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็น พระครูสัญญาบัตร ที่ พระครูพิศาลสารคุณ
    ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระพิศาลสารคุณ
    ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็น พระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชพิศาลสุธี ศรีปริยัติคุณาภรณ์ ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
    ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๑ เป็น พระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพบัณฑิต วิจิตรธรรมภาณี ตรีปิฎกลังการวิภูสิต ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี

    -ถิรเสวี-วัดศรีจันทร์-มรภาพ.jpg
    พระเทพบัณฑิต (หลวงปู่มหาอินทร์ ถิรเสวี) วัดศรีจันทร์ จ.ขอนแก่น
    ◎ การมรณภาพ
    หลวงปู่มหาอินทร์ ถิรเสวี องค์ท่านได้มรณภาพด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ในเวลาเช้าของวันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๖ ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดท่านพอดี ที่วัดศรีจันทร์ จ.ขอนแก่น สิริรวมอายุได้ ๙๑ ปี ๗๑ พรรษา รวมเวลาที่ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศรีจันทร์ ๕๕ ปี

    คัดลอกจากหนังสือ “บูรพาจารย์ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถร” ; หน้า ๒๖๓ – ๒๖๗ ; พิมพ์ครั้งที่ ๓ เมื่อ กรกฎาคม ๒๕๔๕
    :- https://www.108prageji.com/หลวงปู่มหาอินทร์/
     

แชร์หน้านี้

Loading...