หลวงพ่อฤาษีลิงดำอธิบายเรื่องเจ้ากรรมนายเวร

​

เจ้ากรรมนายเวร

"..เจ้ากรรมนายเวรหมายถึงบาปที่เป็นอกุศลที่เราได้ทำไว้กับคนและสัตว์ในอดีตชาติก็ดีในชาติปัจจุบันก็ดี อย่างบางคนที่เราฆ่าเขาบ้าง เราทำร้ายเขาบ้างเขาอาจจะไปเกิดเป็นเทวดาหรือพรหมแล้ว ถ้าเป็นเทวดาเขาไม่สนใจแล้วแต่ไอ้ตัวบาปที่เราทำไว้ อย่างคนที่ไปขโมยของเขาเจ้าของเขาไม่ติดใจแต่ตำรวจมีหน้าที่ตามไม่ใช่อยากตาม แต่กฎหมายให้ตาม


ฉะนั้น กรรมหรือเวรตัวนี้คือกฎหมาย ถ้าหากปฏิบัติในขั้น สุกขวิปัสสโก ก็จะบอกว่าไม่มีตัวตนเพราะไม่เคยเห็น แต่ว่าตั้งแต่ เตวิชโช (วิชา๓) ขึ้นไปเขาเห็นดังเรื่องที่อาตมาเล่าให้ฟังประกอบเรื่องนี้

<O

เมื่อพ.ศ. ๒๕๑๗คืนหนึ่งอาตมาเจริญพระกรรมฐานเสร็จ ก็อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรขณะที่อุทิศส่วนกุศลก็มายืนกันมากแต่ไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวร เป็นคนมาโมทนาบุญพอเขาโมทนากันเสร็จ ก็มีชายคนหนึ่งคลานเข้ามา ถือขวานเล่มใหญ่

พอเข้ามาใกล้ก็บอกว่า "ผมกับท่านหมดเรื่องกัน"
อาตมาก็ถามว่า "หมดเรื่องอะไร"
เขาก็บอกว่า "หมดเรื่องที่จะต้องติดตามจองล้างจองผลาญกัน"
ก็ถามอีกว่า "จองล้างจองผลาญฉันทำไม"
เขาก็บอกว่า "เปล่าครับผมไม่ได้จองล้างจองผลาญ"
ก็ถามว่า "แล้วเข้ามาทำไม"

เขาก็เลยเล่าประวัติความเป็นมาให้ฟังว่า "ในอดีตนับเป็นสิบๆ ชาติ ท่านกับผมรบกันมาเรื่อย" เป็นคู่สงครามกันตัวเขาเก่งขวานทุกชาติ ส่วนอาตมาเก่งดาบสองมือทุกชาติ ถ้าเวลาให้รบตัวต่อตัวต้องเอาคู่นี้มารบกัน ถ้าคนอื่นหัวขาด พอถึงเวลากินข้าวก็บอกว่า "พักรบก่อนกินข้าวเสร็จมารบกันใหม่" วันนั้นทั้งวันไม่มีใครเสียท่ากัน


อาตมาถามว่า "มันมีเวรกรรมอะไรกันล่ะ"
เขาบอกว่า "กฎของกรรมเขาถือว่ามีแต่เวลานี้กฎของกรรมสลายตัวแล้ว"
ก็เลยถามว่า "เวลานี้ไปเกิดที่ไหน"
เขาก็บอกว่า "ผมเป็นพรหมครับ"
<O</O

ถามว่า "พรหมยังจองกรรมหรือ"
เขาตอบว่า "ผมไม่ได้จองแต่กฎของกรรมมันจอง เรื่องของกรรมหนักๆระหว่างสงครามหมดกันแค่นี้"


เราอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรเขาจะได้รับหรือไม่ได้รับก็ตาม บุญที่เราทำเป็นผลให้เกิดความสุข ไอ้กรรมต่างๆที่เป็นอกุศลที่เราได้ทำไปแล้ว เราไปยับยั้งมันไม่ได้แต่ทว่าถ้าเราทำกรรมดีให้มีกำลังเหนือบาป บาปต่างๆ ก็จะตามเราไม่ทันเหมือนกันเรียกได้ว่า เป็นการทำบุญหนีบาปไม่ใช่ทำบุญล้างบาปทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ที่ไม่ทำความชั่วเลยน่ะไม่มีดังนั้นถ้าเราจะชดใช้บาปก็คงจะชดใช้กันไม่ไหวมีทางเดียวในกิจของพระพุทธศาสนาคือหนีบาปด้วยการปฏิบัติดังนี้


๑) การคิดถึงคุณพระรัตนตรัยคือ พระพุทธคุณพระธรรมคุณ และพระอริยสงฆคุณ

๒) ทรงศีล ๕ ให้บริสุทธิ์

๓) มี พรหมวิหาร ๔ให้ครบถ้วน

๔) มี อิทธิบาท ๔ ทรงตัว

๕) มีการภาวนาให้จิตทรงตัว

๖) พยายามรวบรวม บารมี ๑๐ ประการให้มีในจิตให้ครบถ้วน

๗) พยายามตัด สังโยชน์ ๑๐ประการให้หมด

๘)จรณะ ๑๕ ปฏิบัติให้ครบถ้วน


เมื่อมีการทรงตัวดังกล่าวมาแล้วนี้ได้ทั้งหมดก็เป็นอันว่าไม่ต้องเกิดกันอีกต่อไปนั่นคือตายเมื่อใดก็ไปพระนิพพานอันเป็นแดนที่มีความสุขที่สุด.."




ที่มาhttp://www.pranippan.comและhttp://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=83397<O</O
<O</O

 

ยังต้องปฏิบัติกันอีกเยอะ...ขออนุโมทนาค่ะ...สาธุ

 

อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ที่นำสาระ ดี ๆ มาให้อ่านครับ
สาธุ สาธุ สาธุ<O</O
<O</O
<O</O



_____________________________<O</O
เชิญร่วมบริจาคหนังสือ เข้าห้องสมุดชุมชนวัดย่านยาว<O</O
http://palungjit.org/showthread.php?t=130823<O</O

 

บารมี 10 ประการมีอะไรบ้างครับ เพราะยังไม่ทราบ

 

อนุโมทนากับบทธรรมะนี้ค่ะ

ขอถามผู้รู้ด้วยค่ะว่า...การขออโหสิกรรมกับทุกคน
ที่เราทำให้เขาเกิดระคายเคืองทั้งเจตนาหรือไม่เจตนา
จะทำให้เรามีกรรมต่อกันอีกไหมคะ

 

​

บารมี10ประการนี้ ถือว่าเป็นคุณธรรมที่ควรประพฤติอย่างยิ่ง บารมีทั้ง10ประการ เป็นสิ่งที่ควรสะสมไว้เพื่อขัดเกลาจิตให้มีความบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น บารมีทั้ง10นี้ เป็นสิ่งที่ พระอรหัตสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องทรงบำเพ็ญ อย่างยาวนาน พระอรหันตสาวกก็เช่นเดียวกัน ถ้าท่านทั้งหลายได้อ่านประวัติใน อดีตชาติของ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์และ อุบาสกอุบาสิกาในพระไตรปิฏก ท่านจะทราบได้ทันทีเลยว่า ทุกท่านบำเพ็ญบารมี10ประการนี้ มากมาย และต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน คุณธรรมนี้เป็นสิ่งที่ควรสรรเสริญ และเจริญรอยตามแนวทางที่ท่านทั้งหลาย เหล่านี้ได้กระทำไว้ บารมีทั้ง10ประการมีดังนี้

1. ทานบารมี
2. ศีลบารมี
3. เนกขัมมบารมี
4. ปัญญาบารมี
5. วิริยะบารมี
6. ขันติบารมี
7. สัจจบารมี
8. อธิฐานบารมี
9. เมตตาบารมี
10. อุเบกขาบารมี

บารมี 10 เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการที่จะดับกิเลส เพื่อเลื่อนฐานะของปุถุชนเป็นพระอริยบุคคล เพราะการสร้างบารมีต้องสร้างทุกบารมีจนครบทั้ง10 ประการ เพื่อที่จะเป็นปัจจัยให้ปัญญาคมกล้าจนสามารถ ตัดกิเลส ดับกิเลสที่มีอยู่ให้สิ้นซากไปได้ ฉะนั้นเราควรที่จะพิจารณาตนเอง ว่าในแต่ละวันเรามีการเจริญบารมีต่างๆมากน้อยอย่างไร สิ่งใดที่เรายังกระทำน้อย ยังเวลาหรือยังที่เราจะเร่งสร้างบารมีให้เกิดขึ้นแตนเองเพิ่มขึ้น ชีวิตนี้ไม่ยืนยาวเลย สังขารย่อมไม่มีความแน่อน ขอให้ท่านทั้งหลาย ระลึกถึงพระพุทธดำรัสที่ว่า

<MARQUEE scrollAmount=2 scrollDelay=2 width="100%" height=1>ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราเตือนท่าน สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด</MARQUEE>​

แหล่งข้อมูลที่สำคัญ
http://www.buddhadhamma.org/Dhammastudythai/books/paramee/Framesetbooks.html

 

ขออนูโมทนากับท่านเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ ช่วยให้เข้าใจเรื่องกรรมมากขึ้นกว่าเดิมเลยค่ะ

 

เป็นคำสอนที่ดีมากๆครับ ขออนุโมทนา และขออุทิศบุญกุศลที่ได้ปฏิบัติจงถึงแก่ท่านทั้งหลายเถิด...

 

;aa21อนุโมทนาสาธุ...เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายโปรดรับอนุโมทนาบุญโดยทั่วถึงกันทุกถ้วนหน้าเทอด สาธุๆๆๆ...;aa20

 

อนุโมทนาสาธุบุญ


ละความชั่วด้วยศีล ทำความดีด้วยทาน จิตเบิกบานด้วยภาวนา

 

สาธุ สาธุ อนุโมทามิ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีท่านสอนเราได้ดีแล้ว ชอบแล้ว ถูกต้องแล้ว เวลาทุกท่านทำบุญกุศลก็แผ่เมตตา และอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของท่าน เวรกรรมที่หนักจะได้เป็นเบา ที่เบาจะได้อโหสิกรรมกันไป จะได้มีความสุขกันทั้งสองฝ่าย ไม่ต้องผูกเวรกันต่อไปอีก แล้วเร่งสร้างบุญบารมีไปแดนทิพย์พระนิพพานเอกันตบรมสุขกัน
.................................................................................................................................................................
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ

 

สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

พระธรรมคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมอันใด

ขอให้ลูกจงเข้าใจและรู้ตาม ทุกประการด้วยเถิด พระพุทธเจ้าคะ

 

อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
ขอถามผู้รู้ด้วยว่า การอุทิศบุญกุศล จำเป็นต้องกรวดน้ำด้วยหรือเปล่า
เพราะใส่บาตรทุกวัน อุทิศบุญกุศลโดยตั้งจิตอธิษฐานทุกวันก่อนใส่บาตร
เมื่อใส่บาตรเสร็จแล้ว บางครั้งก็กรวดน้ำบ้าง ไม่ได้กรวดน้ำบ้าง
อย่างนี้ บุญกุศลที่เราอุทิศให้จะไปถึงหรือไม่
ช่วยตอบด้วยนะค่ะ

 

ขออนุโมทนาครับ นิพพานปัตจโยโหตุ
ส่วนบุญกุศลในครั้งนี้ ขอพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โปรดนำอุทิศแผ่รอบครอบจักรวาลวิมานพรหมยมโลก รอบครอบจักรวาลสันดานมนุษย์ อุทิศส่งคุณบิดาและมารดา ผู้อุปการะ ผู้อุปถัมภ์ เจ้ากรรมและนายเวร รอบครอบจักรวาลแล้วอุทิศลงสู่หม้อนรกด้วย ข้าพเจ้าปราถนาขอบรรลุพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยกาย วาจา ใจ ด้วยมรรคสี่ ผลสี่ พระนิพพานหนึ่ง

 

ได้รับครับ ถ้าตอนที่แพร่กุศลเราระลึกถึงเขา

พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ท่านสอนไว้ว่า การหยาดน้ำนั้นเป็นการแสดงน้ำใจที่ใสประดุจที่หยาดลงไป ส่วนผลกุศลนั้นเขาได้รับตอนที่เราตั้งใจอุทิศเขาไปแล้วครับ

 

ทุกคนที่เกิดมาพบเจอกัน มีเหตุการณ์ต่างๆร่วมกัน ถือว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรใช่ไหมครับ

 

ขอกราบอนุโมทนาสาธุกับหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงและขอโมทนาสาธุกับท่านเจ้าของกระทู้คะและทุกๆท่านในกระทู้คะ

 

".....ไอ้กรรมต่างๆที่เป็นอกุศลที่เราได้ทำไปแล้ว เราไปยับยั้งมันไม่ได้แต่ทว่าถ้าเราทำกรรมดีให้มีกำลังเหนือบาป บาปต่างๆ ก็จะตามเราไม่ทันเหมือนกันเรียกได้ว่า เป็นการทำบุญหนีบาปไม่ใช่ทำบุญล้างบาป....."

สาธุ

ขออนุโมทนาบุญธรมทานครับ