หลวงพ่อภาวนาแยกร่างได้ (วัดปากน้ำภาษีเจริญ)

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย หลับอยู่, 22 พฤษภาคม 2015.

  1. หลับอยู่

    หลับอยู่ http://www.pramontien.com/shop.php?shop_no=185

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    928
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +293
    เรื่องจริงดังต่อไปนี้ ผมได้บวชที่วัดปากน้ำ ปีที่แล้ว ช่วงเข้าพรรษา ตอนเช้าจะมีการอบรมพระนวกะ ตั้งแต่ตี4 ซึ่งก็ต้องพร้อมตั้งแต่ตี3กว่าๆ
    เมื่อผมเดินผ่หอหลวงพ่อและตึกกุฏิหลวงพ่อภาวนา ผมก็ยกมือไหว้ระลึกถึงหลวงพ่อสด และหันมาไหว้หลวงพ่อภาวนา อีกทีหน้ากุฏิท่าน เป้นเดือนๆ ซึ่งไม่เคยเห็นหลวงพ่อภาวนาลงมา เลย (เคยเห้นแต่ตอนออกพรรษาท่านถูกนิมนต์ไปเชียงใหม่) หลวงพ่อภาวนาเวลาท่านจะไปไหนมาไหนต้องแม่ชี,เฮียอุ่ยและหลวงพี่มหาอุดรหรือไม่ก็ หลวงพี่มหายอด(ไม่องค์ใดก็องค์นึงสมัยก่อนจะเป็นพระอาจารย์ณัฐนันท์กุลศิริ)
    ย้อนกลับมา ช่วงเข้าพรรษา ผมก็ไม่เคยเห็นหลวงพ่อภาวนาท่านลงมาสักทียามหัวรุ่งมืดๆ ถ้าหลวงพ่อสมเด็จจะเจอบ่อยมาก
    วันหนึ่งผมก็ เดินไปเข้าอบรมในโบสถ์ตอนหัวรุ่งมืดๆ....... ผมก็ปลงอาบัติกับหลวงพี่มหามงคลข้างโบสถ์
    ก็ได้คุยกับท่านออฟ(อดีตพระนวกะที่บวชรุ่นเดียวกัน ก๊วนนี้จะออกเกเรๆ ภายหลังไปอยู่ปริวาสสำนึกผิดได้) บอกว่า เห็นหลวงพ่อภาวนาลงมานั่งอยู่หน้ากุฏิ (ที่ไปนั่งสมาธิตอนเย็น) ไฟในกุฏิเปิดสว่าง หลวงพ่อภาวนานั่งองค์เดียว เป็นประจำ ท่านออฟกับพวกก้ยกมือไหว้ พอมาคุยกันผมๆก็บอกว่าไม่เคยเห็นท่านลงมา จะมีก็แต่ป้าหลินที่ดูแลท่านอยู่ ผมเถียงครับเพราะไม่เคยเห็นลงมาจริงๆ ท่านเจมส์แก๊งค์เดียวกับท่านออฟ ซึ่งพวกนี้จะอยู่ด้วยกันตลอด ก็ งง ! บอกว่า เฮ้ย!ทำไมผมไม่เห็นว่ะ! ท่านกฤษ์ แก๊งค์เดียวกับแก๊งค์นี้ก้บอกว่าเห็นหลวงพ่อด้วย ประจำเลย
    ย้อนกับมาวันที่ผมปลงอาบัติกับหลวงพี่มหามงคล ข้างโบสถ์
    ท่านหยก(ตอนนี้ยังบวชอยู่)แรกเริ่มเดิมทีท่านหยกมีศรัทธาไม่มาก กับหลวงพ่อภาวนา ท่านเดินตามหลังผมมา ท่านก็เห็นหลวงพ่อภาวนานั่งอยู่จ้องท่านหยกองค์เดียว ท่านหยกก็ยกมือไหว้
    กลางวันนั้นผมออกไปข้างนอกก็เจอแม่ชีอีกท่านที่ดูแลหลวงพ่อภาวนาอยู่แกเดินไปซื้อของข้างนอกก็เดินสวนกับผมๆ ก็ถามว่า หลวงพ่อลงมาไหม?ตอนเช้าๆ แม่ชีก็บอกว่าไม่ได้ลง ส่วน ท่านหยกออกไปไหนมาไม่รู้ ก้เดินตามหลังแม่ชีมาก็เจอกับผม ๆ ก็ถามแม่ชีให้ท่านหยกเห็นเลยว่า หลวงพ่อไม่ได้ลง!!!
    ท่านหยกก็ตกใจเถียงว่าไม่ลงยังไง?แกว่าแกเดินตามหลังผมเห็นผมแสดงอาบัติอยู่กับท่านมหามงคล ท่านหยกว่าแกยังยกมือไหว้หลวงพ่อภาวนาเลย


    แม่ชีก็ยันว่าไม่ได้ลง ผมก็ยันว่าไม่เคยเห็นท่านลง ถ้าลงต้องมีคนช่วยประคองลงมา คือ แม่ชี,เฮียอุ่ย,หลวงพี่มหายอดหรือไม่ก้หลวงพี่มหาอุดร(สลับกันคนละ1week)
    เรื่องนี้นำมาถกกันต่อ ท่านหยกบอกว่าเห็นประจำ ว่าท่านลง นั่งองค์เดียว และก็มีท่านพี มาคุยด้วยทีหลังท่านพีก้บอกว่า ผมก็เห็นผมยังยกมือไหว้เลย ผมเดินตามหลังท่านหยกมาอีกที(ท่านพีกล่าว)
    ท่านออฟ กับแก๊งค์ของเขา มาใหม่คึกคะนอง ส่งเสียงดัง ไม่สำรวม ก่อความไม่สงบ ด้านหลังกุฏิที่ผมอยู่ประจำ ตักเตือนไปก็โต้เถียง

    จนเย็นวันนึง ผมชอบที่จะไปนั่งสมาธิกับหลวงพ่อภาวนาประจำแบบว่านั่งมาก่อนบวชแล้วสักพัก จู่ๆพวกนี้ก็เข้ามานั่งด้วย
    พอนั่งเสร็จ ผมก็แค่นึกอธิฐานในใจว่า "ในเมื่อหลวงพ่อได้ธรรมกายชั้นสูง ก็ขอให้หลวงพ่อช่วยกำราบมิจฉาทิฐิ ในพระเพื่อนพวกนี้ด้วยเพราะชอบก่อความไม่สงบประจำ เป็นผุ้เกเร ไม่มีศรัทธา (แต่ท่านหยกกับท่านพีไม่เกเร)"
    เท่านั้นแหละคิดไม่ทันจบ หลวงพ่อภาวนา ท่านตาโตกวาดสายตามองพระพวกนี้ไปทั่ว ผมก็เดาว่าหลวงพ่อท่านคงรู้ แต่ท่านก็ไม่ได้พูดอะไร ผ่านไปเป้นเดือนช่วงเข้าพรรษา ความจริงเรื่องนี้ ก้ปรากฏออกมาครับ

    อย่างนี้จะเรียกว่าอะไร?
    ปล. ท่านหยกหลังจากนั้น ก็เริ่มมานั่งสมาธิในกุฎิหลวงพ่อภาวนาทุกเย็นก่อนขึ้นหอขาวเป็นประจำจนถึงทุกวันนี้ และก็เปิดเทป ธรรมะชั้นสูงตอนเย็นด้วย ไปถามดูได้ว่าจริงไหม?
    (บางคนเช่นพ่อของผมกับแม่ของผมก็เรียก ท่านหลวงพ่อวีระ หากเป็นครูบาอาจารย์ท่านอื่น เช่นคุณแม่อาจารย์หวานใจท่านก็จะเรียกหลวงพ่อภาวนาว่า อาจารย์วีระ ครับ ส่วนพระผู้ใหญ่ๆ หน่อยก็จะเรียกหลวงพ่อภาวนาว่า พระราชพรหมเถร ครับ)



    ที่มา....

    หลวงพ่อภาวนาแยกร่างได้ !!!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2015
  2. หลับอยู่

    หลับอยู่ http://www.pramontien.com/shop.php?shop_no=185

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    928
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +293
    <CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑
    สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค</CENTER><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" background="" align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TR><TD bgColor=darkblue width="100%" vspace="0" hspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>







    <CENTER></CENTER><CENTER>อโยคุฬสูตร</CENTER><CENTER>ว่าด้วยการแสดงฤทธิ์</CENTER>[๑๒๐๘] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคทรงทราบอยู่หรือว่า พระองค์ทรงเข้าถึงพรหม-*โลกด้วยพระฤทธิ์ พร้อมทั้งพระกายอันสำเร็จแต่ใจ?
    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า เราทราบอยู่ อานนท์ ว่าเราเข้าถึงพรหมโลกด้วยฤทธิ์พร้อมทั้งกายอันสำเร็จแต่ใจ.
    อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคทรงทราบอยู่หรือว่า พระองค์ทรงเข้าถึงพรหมโลกด้วยพระฤทธิ์ พร้อมทั้งพระกายอันประกอบด้วยมหาภูตรูป ๔ นี้?
    พ. เราทราบอยู่ อานนท์ ว่าเราเข้าถึงพรหมโลกด้วยฤทธิ์ พร้อมทั้งกายอันประกอบด้วยมหาภูตรูป ๔ นี้.
    [๑๒๐๙] อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า พระองค์ทรงเข้าถึงพรหมโลกด้วยพระฤทธิ์ พร้อมทั้งพระกายอันสำเร็จด้วยใจ และทรงทราบว่า พระองค์ทรงเข้าถึงพรหมโลกด้วยพระฤทธิ์ พร้อมทั้งพระกายอันประกอบด้วยมหาภูตรูป ๔ นี้ เป็นสิ่งน่าอัศจรรย์ ทั้งไม่เคยมีมาแล้ว. พ. ดูกรอานนท์ พระตถาคตทั้งหลายเป็นผู้อัศจรรย์ และประกอบด้วยธรรมอันน่า-*อัศจรรย์ เป็นผู้ไม่เคยมีมา และประกอบด้วยธรรมอันไม่เคยมีมา.

    [๑๒๑๐] ดูกรอานนท์ สมัยใด ตถาคตตั้งกายไว้ในจิต หรือตั้งจิตลงไว้ที่กาย ก้าวลงสู่สุขสัญญาและลหุสัญญาในกายอยู่ สมัยนั้น กายของตถาคตย่อมเบากว่าปกติ อ่อนกว่าปกติ ควรแก่การงานกว่าปกติ และผุดผ่องกว่าปกติ.

    [๑๒๑๑] ดูกรอานนท์ เปรียบเหมือนก้อนเหล็กที่เผาไฟอยู่วันยังค่ำ ย่อมเบากว่าปกติ อ่อนกว่าปกติ ควรแก่การงานกว่าปกติ และผุดผ่องกว่าปกติ ฉันใด สมัยใด ตถาคตตั้งกายลงไว้ในจิต หรือตั้งจิตลงไว้ที่กาย ก้าวลงสู่สุขสัญญาและลหุสัญญาในกายอยู่ สมัยนั้นกายของตถาคตย่อมเบากว่าปกติ อ่อนกว่าปกติ ควรแก่การงานกว่าปกติ และผุดผ่องกว่าปกติฉันนั้นเหมือนกัน.

    [๑๒๑๒] ดูกรอานนท์ สมัยใด ตถาคตตั้งกายลงไว้ในจิตหรือตั้งจิตลงไว้ที่กายก้าวลงสู่สุขสัญญาและลหุสัญญาในกายอยู่
    สมัยนั้น กายของตถาคต ย่อมลอยจากแผ่นดินขึ้นสู่อากาศได้โดยไม่ยากเลย ตถาคตนั้นย่อมแสดงฤทธิ์ได้หลายคน คือ คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้หลายคนเป็นคนเดียวก็ได้ ฯลฯ ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้.

    [๑๒๑๓] ดูกรอานนท์ เปรียบเหมือนปุยนุ่นหรือปุยฝ้าย ซึ่งเป็นเชื้อธาตุที่เบา ย่อมลอยจากแผ่นดินขึ้นสู่อากาศได้โดยไม่ยากเลย ฉันใด สมัยใด ตถาคตตั้งกายลงไว้ในจิต หรือตั้งจิตลงไว้ที่กาย ก้าวลงสู่สุขสัญญาและลหุสัญญาอยู่ สมัยนั้น กายของตถาคตย่อมลอยจากแผ่นดินขึ้นสู่อากาศได้โดยไม่ยากเลย ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ

    [๑๒๑๔] ดูกรอานนท์ สมัยนั้น กายของตถาคตย่อมลอยจากแผ่นดินขึ้นสู่อากาศได้โดยไม่ยากเลย ตถาคตนั้นย่อมแสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง คือ คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ หลายคนเป็นคนเดียวก็ได้ ฯลฯ ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้.





    <CENTER>จบ สูตรที่ ๒</CENTER>เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ บรรทัดที่ ๗๐๒๘ - ๗๐๖๕. หน้าที่ ๒๙๓ - ๒๙๔. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=19&A=7028&Z=7065&pagebreak=0












    </PRE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 พฤษภาคม 2015
  3. หลับอยู่

    หลับอยู่ http://www.pramontien.com/shop.php?shop_no=185

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    928
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +293
    <CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๓
    ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค</CENTER><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" background="" align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TR><TD bgColor=darkblue width="100%" vspace="0" hspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    [๒๕๓] ปัญญาในความสำเร็จด้วยการกำหนดรูปกาย (ของตน)และจิต (มีฌานเป็นบาท) เข้าด้วยกัน และด้วยสามารถแห่งการตั้งไว้ซึ่งสุขสัญญาและลหุสัญญา เป็นอิทธิวิธญาณอย่างไร ฯ












    </PRE>

    ภิกษุในศาสนานี้ ย่อมเจริญอิทธิบาท อันประกอบด้วยสมาธิยิ่งด้วยฉันทะและสังขารเป็นประธาน ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยสมาธิยิ่งด้วยวิริยะและสังขารเป็นประธาน ย่อมเจริญอิทธิบาท อันประกอบด้วยสมาธิยิ่งด้วยจิตและสังขารเป็นประธาน ย่อมเจริญอิทธิบาท อันประกอบด้วยสมาธิยิ่งด้วยวิมังสาและสังขารเป็นประธาน ภิกษุนั้นย่อมอบรมข่มจิต ทำให้เป็นจิตอ่อนควรแก่การงาน ในอิทธิบาท ๔ ประการนี้












    </PRE>

    ครั้นแล้วย่อมตั้งกายไว้ในจิตบ้าง ตั้งจิตไว้ในกายบ้าง












    </PRE>

    น้อมจิตไปด้วยสามารถแห่งกายบ้าง












    </PRE>

    น้อมกายไปด้วยสามารถแห่งจิตบ้าง












    </PRE>

    อธิษฐานจิตด้วยสามารถแห่งกายบ้าง












    </PRE>

    อธิษฐานกายด้วยสามารถแห่งจิตบ้าง












    </PRE>

    ครั้นน้อมจิตไปด้วยสามารถแห่งกาย น้อมกายไปด้วยสามารถแห่งจิตอธิษฐานจิตด้วยสามารถแห่งกาย อธิษฐานกายด้วยสามารถแห่งจิตแล้ว












    </PRE>

    ย่อมหน่วงสุขสัญญาและลหุสัญญาลงในกายอยู่ เธอมีจิตอันอบรมแล้วอย่างนั้นบริสุทธิผ่องแผ้ว ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่ออิทธิวิธญาณ












    </PRE>

    เธอย่อมแสดงฤทธิ์ได้เป็นอันมาก คือ คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ หลายคนเป็นคนเดียวก็ได้ทำให้ปรากฏก็ได้ ทำให้หายไปก็ได้ ทะลุฝา กำแพง ภูเขา ไปได้ไม่ติดขัดเหมือนไปในที่ว่างก็ได้ ผุดขึ้นดำลงในแผ่นดินเหมือนในน้ำก็ได้ เดินไปบนน้ำไม่แตกเหมือนเดินไปบนแผ่นดินก็ได้ เหาะไปในอากาศเหมือนนกก็ได้ ลูบคลำพระจันทร์พระอาทิตย์ ซึ่งมีฤทธิ์มีอานุภาพมากด้วยฝ่ามือก็ได้ ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้ ฯ












    </PRE>

    ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัดเพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในความสำเร็จด้วยการกำหนดรูปกาย(ของตน) และจิต (อันมีฌานเป็นบาท) เข้าด้วยกัน และด้วยสามารถแห่งการตั้งไว้ซึ่งสุขสัญญาและลหุสัญญา เป็นอิทธิวิธญาณ ฯ












    </PRE>


    เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ บรรทัดที่ ๒๗๙๗ - ๒๘๒๑. หน้าที่ ๑๑๔ - ๑๑๕. http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=31&A=2797&Z=2821&pagebreak=0

    แม้พระสาวก ก็ สามารถกระทำได้ เพราะมีกายละเอียดกันทุกท่าน
    เจริญธรรมครับ












    </PRE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 พฤษภาคม 2015
  4. หลับอยู่

    หลับอยู่ http://www.pramontien.com/shop.php?shop_no=185

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    928
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +293
    อัฐิธาตุของหลวงพ่อภาวนา กลายเป็นพระธาตุ ขนาดยังไม่ครบ100วัน ของการมรณะภาพของหลวงพ่อ
    วันนี้แม่ชี นงค์ ญาติของหลวงพ่อ
    ท่านแม่ชี ทำวิชชาได้เก่ง ได้บอกผมว่า หลวงพ่อ เป็นพระอรหันต์

    (ตามรูป)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...