หลวงพ่อที่วัดโอภาษี นิมิตไปเที่ยวนรก‏

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย matiepoppy, 20 พฤศจิกายน 2008.

  1. matiepoppy

    matiepoppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2007
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +169
    พอดีเมื่อวานไปถวายเทียนพรรษาที่วัดหลวงพ่อโอภาษีครับ
    คิดว่าเพื่อนๆที่อยู่แถวพระราม 2 คงรู้จักกันทุกคน เข้าเรื่องเลยนะครับ


    ผมก็ไปกับที่บ้านรวม 5 คน เข้าไปถึงกุฎิที่พ่อผมบอกว่าเป็นพี่ชายของเจ้าอาวาสเป็นหลวงพ่อ อายุราวๆ 70 ตาซ้ายเสียอ่ะครับ เห็นบอกว่าองค์นี้เก่งมาก ก็เข้าไปถวายเทียนพรรษาพร้อมๆกับอีกหลายๆ คนที่มาหาหลวงพ่อเช่นกัน พอถวายเทียนเสร็จหลวงพ่อท่านก็เล่าว่าท่านนิมิต( ฝัน)ว่า


    ท่านได้ไปนรกครับไปเจอท้าวเทพสุวรรณ(ยมฑูต)ท่านก็เล่าว่าท่านถามสุวรรณว่าท่านตายแล้วหรอสุวรรณบอกว่าท่านยังไม่ตายแต่จะพาไปเที่ยวแล้วเค้าก็พาหลวงพ่อเดินไปเดินไปเรื่อยจนถึงระยะหนึ่งหลวงพ่อหยุดเดินสุวรรณที่เดินนำก็เดินกลับมาครับแล้วถามว่า หยุดทำไมท่านก็ตอบว่าเดินตั้งนานแล้วในนรกไม่เห็นมีอะไรเลยระหว่างนั้นท่านก็บรรยายบรรยกาศของนรกว่านรกมีไฟเพลิงสีส้มแดงแต่ไม่มีควันแล้วก็ไม่ร้อนที่ท่านไม่ร้อนเพราะท่านมีบุญดีอยู่แล้วสุวรรณก็ถามต่อครับว่าอยากเห็นอะไรละท่านตอบว่าอยากเห็นต้นงิ้วและกะทะทองแดงสุวรรณบอกว่าไม่มีหรอกมนุษย์อุปโหลกขึ้นมาเองทั้งนั้น ในนี้มีแต่ไฟโลกันต์เดินไปอีกหน่อยแล้วจะรู้เองท่านก็ได้เดินต่อไปสิ่งที่ท่านเห็นก็คือเหวที่มีไฟแดงฉานอยู่ข้างล่างสุวรรณบอกว่าใครทำกรรมชั่วมากก็จะอยู่ข้างล่างสุด ทำกรรมชั่วน้อยก็จะอยู่ข้างบนซึ่งข้างล่างจะร้อนกว่าข้างบน

    คราวนี้เดินต่อไปเรื่อยๆท่านก็เห็นทางสามแพร่งมีน้ำกันอยู่จึงได้ถามสุวรรณว่านี้คืออะไรสุวรรณตอบว่านี่คือทางไปนรก สวรรค์ โลกมนุษย์ซึ่งมีคนยืนในช่องทางไปโลกเยอะมากๆมีบางคนแอบซุกเพื่อหลบน้ำที่จะต้องผ่าน ท่านจึงถามว่าน้ำนี่คืออะไร สุวรรณตอบว่าน้ำนี่ใช้ชะล้างจิตใจให้ลืมอดีตแล้วไปเกิดใหม่ คนที่หลบหลีกน้ำนี้ไปได้จะต้องเป็นทุกข์(ที่เข้าใจคือระลึกชาติได้)แล้วท่านก็เล่าว่าพวกสส.ที่มันได้ดีเพราะมันกินบุญเก่าเหมือนปลูกต้นแอปเปิ้ลไว้ตัวเองปลูกตัวเองก็ได้กินเมื่อต้นแอปเปิ้ลหมดก็อดกินก็เหมือนกับพวกสส.ที่กินบุญเก่าอยู่เราไม่สามารถไปทำอะไรเค้าได้ต้องรอให้เค้าหมดบุญไปเองหลวงพ่อท่านก็ถามสุวรรณต่อว่าวิญญาณมนุษย์ไปเกิดก็เยอะ
    แล้ววิญญาณที่ยังอยู่ที่โลกก็เยอะทำไมไม่จับมาให้หมดสุวรรณก็ตอบว่าจับมาไม่ได้เพราะเค้ายังไม่หมดอายุขัยร่างกายคนเรามีสังขาร (ร่างกาย)และจิตวิญญาณเมื่อละสังขารแล้วแต่ยังไม่ละจิตวิญญาณคือยังไม่ถึงที่ตายเช่นพวกฆ่าตัวตายหรือถูกรถชนตายวิญญานก็จะต้องวนเวียนอยู่ในโลกไปจนกว่าจะถึงเวลาที่ละวิญญาณแล้วถึงจะไปรับมาได้

    ท่านจึงถามต่อว่าพ่อหลวงจะมีอายุยืนยาวไหมสุวรรณตอบว่าท่านสิ้นอายุขัยแล้วแต่มีคนต่ออายุขัยให้ท่านซึ่งก็คือพี่สาวของท่านเอง
    แล้วประเทศไทยละจะเป็นอย่างไรต่อไปสุวรรณตอบว่าบอกไม่ได้แล้วหลวงพ่อก็เดินต่อไปอีกคราวนี้ไปเจอแอ่งน้ำลักษณะเหมือนเขื่อนซึ่งมองไปที่กำแพงกั้นน้ำสิ่งที่ท่านเห็นคือม้าตัวผอมเซียวซึ่งมี พระเจ้าตากและพระปิยะมหาราชยื่นขวางลำน้ำอยู่ท่านบอกว่าที่เห็นอยู่คือกษัตริย์เก่าๆช่วยไม่ให้กรุงเทพฯถูกน้ำท่วมจริงๆกรุงเทพฯต้องถูกน้ำท่วมไปนานแล้วแต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ม้าจะหมดแรงจากความหนาวของน้ำแล้วการอดอาหารมานาน
    หลวงพ่อท่านพูดจบท่านน้ำตาท่านก็ไหลออกมาแล้วบอกให้ทุกคนที่ได้รับ ฟังเรื่องราวของท่านว่าเป็นนิมิตของท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ได้เพราะท่านก็ยังคิดว่าเป็นความฝันของท่านแต่ท่านก็กำชับกับทุกๆคนเอาไว้ว่าเวลาไปที่วงเวียนใหญ่หรือพระบรมรูปทรงม้าหรือที่ไหนก็แล้วแต่ที่มีพระบรมรูปให้กราบไหว้โดยนำหญ้าที่ม้ากินล้างให้สะอาดไปถวายด้วยเพื่อให้ม้ามีกำลังยืนต่อไปได้
    ผมก็คิดว่านี่เป็นสิ่งที่ทุกคนมองข้ามไปจริงๆเพราะคนส่วนมากเวลาไปไหว้ก็จะนำแต่ดอกไม้ไปไหว้เท่านั้นสิ่งหนึ่งที่ผมคิดคือมันแปลกมากที่อยู่ๆเข้าไปถวายเทียนแล้วท่านก็เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ในเมื่อมีโอกาสได้รับรู้ก็ควรเผยแพร่แก่ทุกๆคนครับก็อยากจะฝากเพื่อนๆแต่อันนี้สุดแล้วแต่ความเชื่อครับ
    ปล.ข้อความใดไม่เหมาะสมช่วยแจ้งด้วยครับจะได้ลบทิ้งขอบคุณ
     

แชร์หน้านี้

Loading...