หลวงปู่แผ้ว ปวโร เทพเจ้ากำแพงแสน

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 7 มีนาคม 2010.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,175
    หลวงปู่แผ้ว ปวโร เทพเจ้ากำแพงแสน

    คอลัมน์ มงคลข่าวสด



    <TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>เมืองนครปฐม ปัจจุบันมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายรูป หนึ่งในจำนวนนั้นก็มี "หลวง ปู่แผ้ว ปวโร" รวมอยู่ด้วย

    "หลวงปู่แผ้ว ปวโร" พระเกจิชื่อดังแห่งวัดประชาราษฎร์บำรุง (วัดรางหมัน) อ.กำแพง แสน จ.นครปฐม ได้รับการขนานนามว่า เทพ เจ้าแห่งเมืองกำแพงแสน

    เป็นพระเถระผู้ถือครองเพศบรรพชิตแบบเรียบง่าย สมถะ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย

    หลวงปู่แผ้ว ไม่มีตำแหน่งปกครองทางสงฆ์ ด้วยท่านไม่มีความปรารถนาในลาภยศตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น

    ด้านวัตถุมงคลของท่านก็เป็นที่กล่าวขานร่ำลือกันว่า มีพุทธคุณเข้มขลังที่สุด มีประสบการณ์แก่ผู้ที่บูชามากมาย ถึงขนาดมีคำกล่าวกันว่า "วัตถุมงคลรุ่นใดหรือวัดใด หากไม่นิมนต์หลวงปู่แผ้วไปนั่งปรก จะได้รับความนิยมน้อยกว่ารุ่นที่หลวงปู่แผ้วไปนั่งปรก"

    ล่าสุด วัตถุมงคลของท่านที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่ปรารถนาในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสมวัตถุมงคล คือ เหรียญพิทักษ์แดนใต้, เหรียญระฆังที่ระลึกอายุ 87 ปีหลวงปู่แผ้ว เป็นต้น

    ปัจจุบัน หลวงปู่แผ้ว สิริอายุ 87 พรรษา 67 ตลอดระยะเวลากว่าชั่วชีวิตในการครองเพศบรรพชิต นอกจากปฏิบัติในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ท่านยังศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า แผ้ว บุญวัฒน์ เกิดเมื่อวันแรม 14 ค่ำ เดือน 11 ปีกุน ตรงกับวันพุธที่ 7 พฤศจิกายน 2466 ณ หมู่บ้านหลักเมตร ต.ทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

    โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายพานและนางจุ้ย บุญวัฒน์

    ครอบครัวของท่านประกอบอาชีพทำนาเป็นหลัก ฐานะพอเลี้ยงตัวได้สบายโดยไม่เดือดร้อน

    เมื่ออายุได้ 2 ขวบ ครอบครัวได้ย้ายไปอยู่ ต.ทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน จากนั้นท่านจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 3 จากโรงเรียนวัดหนองม่วง ต.เตาอิฐ อ.บางแพ จ.ราชบุรี

    ในช่วงวัยเยาว์ ท่านเป็นเด็กค่อนข้างเงียบขรึม ใจเย็น ไม่เที่ยวเตร่ เกเร ชีวิตส่วนใหญ่จะผูกพันอยู่กับวัด ด้วยโยมพ่อโยมแม่เป็นคนใจบุญสุนทาน ทุกวันพระจะพาลูกไปทำบุญที่วัด สมาทานศีลฟังเทศน์ฟังธรรมและสนทนาธรรมมิได้ขาด

    เมื่อมีอายุประมาณ 8 ขวบ โยมพ่อได้พาบุตรชายไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อหงส์ วัดหนองม่วง ต.เตาอิฐ อ.บางแพ จ.ราชบุรี เพื่อเรียนหนังสือ และศึกษาพระธรรมวินัย

    ครั้นอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เกิดความศรัทธาประสงค์จะบวชเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนา เพื่อแทนคุณบิดามารดา จึงได้บรรพชาอุปสมบท ณ วัดหนองปลาไหล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2486 โดยมีพระครูสุกิจธรรมสร (หลวงพ่อสว่าง ธัมมสโร) วัดกำแพงแสน เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อปาน อรักโข วัดหนองปลาไหล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์สนั่น วัดหนองปลาไหล เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    หลังครองเพศบรรพชิต ท่านตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยอย่างจริงจัง หมั่นพิจารณาคำสอนของครูบาอาจารย์อย่างถ่องแท้ ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะอุทิศกายถวายชีวิตอยู่ในบวรพระพุทธศาสนาตลอดไป

    ช่วงแรกบวช ท่านอยู่จำพรรษาที่วัดหนองปลาไหล เป็นเวลา 1 เดือน จากนั้นได้จาริกไปจำพรรษาที่วัดหนองม่วง 8 พรรษา ท่านมีหน้าที่สอนนักธรรมแก่พระภิกษุสงฆ์สามเณรภายในวัด

    ต่อมาในปี พ.ศ.2494 ท่านได้ย้ายมาเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม จำพรรษาอยู่ที่วัดปลักลายไม้ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ในปี พ.ศ.2497 หลวงปู่ได้ย้ายไปสอนพระปริยัติธรรม และจำพรรษาที่วัดสว่างชาติประชาบำรุง ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

    อย่างไรก็ตาม ทั้งสองวัดเมื่อตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง พระภิกษุสามเณรและชาวบ้านต่างต้องการให้หลวงปู่ดำรงตำแหน่งแทน แต่ท่านไม่ประสงค์ที่จะรับตำแหน่งทางปกครองคณะสงฆ์แต่อย่างใด

    พ.ศ.2502 หลวงปู่เริ่มสนใจที่จะศึกษาและปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานอย่างจริงจัง ท่านจึงย้ายไปอยู่จำพรรษาที่วัดกำแพงแสน ต.ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ศึกษาปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานและวิทยาคมกับหลวงพ่อหว่าง อย่างมุ่งมั่นจริงจัง จนแตกฉาน

    เมื่อปี 2524 หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ พระกัมมัฏฐานสายพระอาจารย์มั่น ได้เดินทางมาพักอยู่จำพรรษา ณ วัดกำแพงแสน ทำให้หลวงปู่แผ้ว ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับหลวงปู่ดุลย์ และได้รับความเมตตาถ่ายทอดแนวทางการปฏิบัติกัมมัฏฐานให้ด้วย

    ตลอดเวลา หลวงปู่แผ้ว ได้สร้างคุณูปการสืบสานจรรโลงพระพุทธศาสนาอย่างรอบด้าน อาทิ ปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่างๆ ทั้งในเขตอำเภอกำแพงแสนและพื้นที่ใกล้เคียง ท่านจะอุดหนุนด้วยการสร้างวัตถุมงคลที่ระลึก เพื่อให้ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาได้สมทบทุนปัจจัยนำไปใช้เพื่อการสาธารณประโยชน์

    แม้วัยที่ล่วงเลยถึง 87 ปี แต่หลวงปู่แผ้ว ยังคงรับกิจนิมนต์นั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่เป็นประจำ

    หลวงปู่แผ้ว เคยกล่าวปรารภไว้ ว่า "ญาติโยมที่เขานิมนต์ให้เราไปร่วมพิธีนั่งปรก ก็เพราะเขาเชื่อว่าเราไปนั่งปรกแล้ววัตถุมงคลจะเข้มขลัง เราจะปฏิเสธไม่ได้"

    ส่วนวิทยาคมอันเข้มขลังที่หลวงปู่แผ้วใช้นั่งบริกรรมระหว่างนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคล ล้วนแต่เป็นวิทยาคมของหลวงพ่อหว่าง อดีตเจ้าอาวาสวัดกำแพงแสน ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจาก หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตกอีกทอดหนึ่ง

    ในช่วงที่หลวงปู่หว่าง ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดกำแพงแสน ท่านมีความเชี่ยวชาญเรื่องยาสมุนไพรและแพทย์แผนโบราณ วัตถุมงคลของท่านก็เข้มขลังเป็นที่นิยม ทั้งนี้ หลวงปู่แผ้วได้ศึกษาอยู่กับหลวงพ่อหว่างจนกระทั่งท่านได้มรณภาพ เมื่อได้รับกิจนิมนต์นั่งปรกจึงนำวิชาของหลวงพ่อหว่างใช้รวมกับวิชาวิปัสสนากรรมฐานที่ได้เรียนมาที่วัดมหาธาตุฯ สนามหลวง มาใช้บริกรรมคาถา เพื่อให้เกิดความเข้มขลัง

    สำหรับคาถาเสกวัตถุมงคลเข้มขลัง หลวงปู่แผ้ว บอกว่า มีบทเดียว แต่สร้อยของคาถามีหลายแบบ เช่น อาจจะบริกรรมว่า "พุทธังหลีก ธัมมังหลีก สังฆังหลีก" บ้างก็บริกรรมว่า "พุทธังแหวก ธัมมังแหวก สังฆังแหวก" หรืออาจจะบริกรรมว่า "พุทธังแคล้วคลาด ธัมมังแคล้วคลาด สังฆังแคล้วคลาด "

    ท่านกล่าวแนะนำว่า "ตำราคาถาของวัดและสำนักต่างๆ ในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่เป็นของเดิม ที่สืบทอดจากครูบาอาจารย์ในอดีต หลายคนท่องคาถาถูกต้องตามอักขระชัดเจน แต่เหนือสิ่งอื่นใดจิตต้องนิ่งเป็นสมาธิคาถาจึงมีความเข้มขลัง ไม่ว่าจะเป็นพระหรือฆราวาส ถ้าจิตนิ่งเป็นสมาธิบริกรรมคาถาบทใดก็เข้มขลัง ที่ขาดไม่ได้ คือ ต้องตั้งอยู่ในศีลมั่นอยู่ในธรรม"

    เมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2552 หลวงปู่แผ้ว ได้ย้ายมาอยู่จำพรรษาที่วัดประชาราษฎร์บำรุง (วัดรางหมัน) อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม วัตรปฏิบัติยังคงดำเนินชีวิตดุจเดิมด้วยความมักน้อยสันโดษ ไม่ยินดียินร้ายในลาภสักการะทั้งหลายทั้งปวง เคร่งครัดในศีลาจารวัตร

    ทำให้ท่านเป็นที่เคารพนับถือของศิษยานุศิษย์ตลอดทั้งพุทธศาสนิกชน ทั่วไป

    ˹ѧ
     

แชร์หน้านี้

Loading...