หลวงปู่สิงห์ขันตยาคโม แม่ทัพธรรมสายหลวงปู่มั่น

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>


</TD></TR></TBODY></TABLE>
พระสายปฏิบัติ หรือสายพระป่าส่วนใหญ่เป็นศิษย์ " หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต" แทบทั้งสิ้น ล่าสุดศิษย์ของท่านก็ละสังขารไปอีกรูป นั่นก็คือ "พระธรรมวิสุทธิมงคล" หรือ "หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน" วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี

หากย้อนหลังกลับไป เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2507 ครั้งนั้นก็ถือเป็นวาระแห่งความสูญเสียของชาวพุทธศาสนิกเมืองโคราชและชาวไทยทั่วประเทศ "หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม" วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา หนึ่งในพระป่ากัมมัฏฐาน แม่ทัพธรรมสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่สาธุชนให้ความเลื่อมใสศรัทธายิ่งเป็นอย่างมาก ได้ละสังขารด้วยอาการสงบ สิริอายุ 75 ปี

ยังความอาลัยให้กับบรรดาลูกศิษย์ลูกหาเป็นอย่างยิ่ง

อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า สิงห์ บุญโท เกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2432 ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 4 ปีฉลู ที่บ้านหนองขอน ต.หัวทะเล อ.อำนาจเจริญ จ.อุบลราชธานี โยมบิดา ชื่อ อ้วน บุญโท เป็นข้าราชการหัวเมืองลาวกาว-ลาวพวน มีหน้าที่จัดการศึกษาและการพระศาสนา มารดา ชื่อ นางหล้า บุญโท

พ.ศ.2446 ท่านได้บรรพชา ณ วัดบ้านหนองขอน ต.หัวทะเล อ.อำนาจเจริญ จ.อุบลราชธานี

จนเมื่ออายุครบบวช ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดสุทัศน์ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2452 โดยมีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระศาสนดิลก เจ้าคณะมณฑลอีสาน เป็นพระอุปัชฌาย์

ต่อมาได้เข้าถวายตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และได้ฝึกอบรมสมาธิภาวนากัมมัฏฐานอยู่กับหลวงปู่มั่น

เนื่องจากท่านเป็นศิษย์ที่ได้รับความไว้วางใจจากท่านหลวงปู่มั่นเป็นอย่างมาก หลวงปู่มั่น จึงได้แยกย้ายให้ไปอบรมสั่งสอนประชาชน

หลวงปู่สิงห์ เป็นพระที่สามารถให้อุบายธรรมแก่บรรดาลูกศิษย์ โดยไม่ว่าผู้ใดติดขัดปัญหาธรรมแล้ว ท่านจะแนะนำอุบายให้พิจารณาจนกระจ่าง บางโอกาส ท่านต้องรับภาระหน้าที่แทนหลวงปู่มั่น นับว่าหนักหนาพอสมควรทีเดียว

ต่อมา หลวงชาญนิคม ซึ่งมีความเลื่อมใสในพระธุดงค์กัมมัฏฐานมาก มีประสงค์เป็นอย่างยิ่งที่จะฟื้นฟูจังหวัดนครราชสีมาให้เป็นศูนย์รวมของพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบจึงได้นิมนต์ หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม ให้ไปช่วยสร้างวัดป่าสาลวัน เพื่อเป็นวัดป่าตัวอย่างของฝ่ายวิปัสสนาธุระ

หลวงปู่สิงห์ ได้มีโอกาสพบกับสหธรรมิก ซึ่งต่อมาเป็นพระเถระผู้ใหญ่แห่งจังหวัดสุรินทร์ คือ หลวงปู่ดุลย์ อตุโล ท่านเกิดชอบอัธยาศัยไมตรีของหลวงปู่ดูลย์ จึงได้จัดการช่วยเหลือเพื่อนสหธรรมิก ได้ญัตติเป็นพระธรรมยุติกนิกาย เป็นผลสำเร็จเมื่อปี พ.ศ.2461

พ.ศ.2463 หลวงปู่สิงห์ ท่านได้เดินธุดงค์ผ่านมาพักจำพรรษา อยู่ที่วัดบ้านนาสีดา ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ท่านได้พบกับเด็กรุ่นหนุ่มคนหนึ่ง มีความเคารพนับถือพระอาจารย์สิงห์มากเป็นพิเศษ เข้ามารับใช้อุปัฏฐากทุกสิ่งอย่าง เด็กรุ่นหนุ่มคนนั้น คือ หนุ่มเทสก์ เรี่ยวแรง ซึ่งก็คือ พระราชนิโรจรังสีคัมภีร์ปัญญาวิศิษฐ์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี) ในขณะนั้นมีอายุ 16 ปี

ท่านได้มองเห็นบุญญาธิการของหลวงปู่ เทสก์ตั้งแต่แรกพบ เมื่อคณะธุดงค์ของท่านจะออกจากวัดบ้านนาสีดา หลวงปู่เทสก์ (ในขณะนั้นคือ หนุ่มเทสก์ เรี่ยวแรง) ได้ขอติดตาม พระอาจารย์ไปด้วย

หลวงปู่สิงห์ จึงได้ให้ไปขออนุญาตบิดามารดาเสียก่อน และก็ได้เป็นไปตามสภาพกุศลเกื้อกูลทุกประการ ท่านได้พาคณะธุดงค์เดินตัดตรงไปทางอำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ได้พักจำพรรษาโดยปักกลดในบริเวณป่าช้าแห่งหนึ่งซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งปฏิบัติสมาธิภาวนาธรรมชื่อว่า "วัดป่าอรัญญวาสี" อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ท่านได้พร่ำสอนลูกศิษย์รัก คือ หนุ่มเทสก์ เรี่ยวแรงให้รู้จักเจริญพรหมวิหารธรรม ต่อมาท่านได้มอบหมาย ให้พระอาจารย์ลุยเป็นพระอุปัชฌาย์ บรรพชาสามเณรเทสก์ขึ้นที่วัดบ้านเค็งใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี

ในการทดแทนพระคุณวันสูงล้ำของบิดามารดา พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ได้เดินทางไปโปรดบิดามารดาจนมีจิตใจแจ่มใสเบิกบานในธรรม ท่านได้ให้บิดามารดาเจริญวิปัสสนากรรมฐานโดยการแนะนำไปทีละน้อยๆ ซึ่งเป็นหน้าที่ของบุตรพึงกระทำเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2500 หลวงปู่สิงห์ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่พระญาณวิศิษฎ์ สมิทธิวีราจารย์

"จงบำเพ็ญศีล สมาธิ ปัญญาให้เป็น อธิศีล อธิสมาธิ อธิปัญญา" ธรรมโอวาท หลวงปู่สิงห์ ที่เป็นหลักธรรมเตือนใจสาธุชนตราบจนถึงทุกวันนี้

[FONT=Tahoma,]หน้า 31[/FONT]

http://www.khaosod.co.th/view_news....ionid=TURNd053PT0=&day=TWpBeE1TMHdNaTB4T1E9PQ