เรื่องเด่น หลวงปู่คำแสนเล็ก

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 14 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,447
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    8888-8.jpg


    LP-Kumsanleg-Cut.jpg

    หลวงปู่คำแสนเล็ก
    หลวงพ่อฤาษีฯ เขียนถึงการมรณภาพของหลวงปู่คำแสน วัดดอนมูล จังหวัดเชียงใหม่
    “..คำว่า “คำแสนนุสรณ์” คำนี้อาจจะเป็นที่สะเทือนใจสำหรับผู้ที่เคารพนับถือหลวงปู่คำแสน ซึ่งเป็นที่เคารพของผู้เขียนและท่านทั้งหลายอยู่บ้าง โดยท่านอาจจะคิดว่าเป็นวาจาที่ปรามาสเกินไป โดยเจตนาของผู้เขียนแล้ว กล่าวเพียงให้สั้นเข้าเท่านั้น ไม่มีเจตนาปรามาสแต่ประการใด ถ้าบังเอิญเป็นที่ไม่ถูกใจท่านผู้ใดบ้าง ผู้เขียนขอประทานอภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย

    หลวงปู่คำแสน เป็นพระที่น่ารักและเคารพมากของผู้เขียน มีความรู้สึกว่าท่านเป็นที่น่ารักและควรแก่การเคารพอย่างยิ่ง ด้วยความรู้สึกและอาการสัมผัสแล้ว เข้าใจว่า

    ท่านเป็นพระที่สมบูรณ์ด้วยศีลาจารุวัตรครบถ้วน

    อารมณ์ก็แสนจะเยือกเย็น เป็นที่รักแก่ผู้ที่พบเห็น

    จริยาก็เรียบร้อย ไม่โดกเดกรุ่มร่ามเหมือนผู้เขียน

    ส่วนลึกของความสามารถ เรื่องนี้ถ้าจะพูดกันให้จบต้องใช้หนังสือสัก ๕๐๐ หน้า ก็ไม่แน่ว่าจะครบถ้วนตามความสามารถ ขอพูดโดยย่อว่า ท่านมีความสามารถดังนี้

    ๑) เป็นนักธุดงค์ที่มีความสมบูรณ์ในปฏิปทาธุดงค์จริงๆ

    ๒) การตัดอารมณ์ ตัดได้ดีตามที่พระพุทธเจ้าต้องการ

    ๓) ความสามารถพิเศษที่ท่านหวงและห้ามไม่ให้พูดก่อนท่านตาย คือ อารมณ์ทรงตัวในด้านตัดอารมณ์ เรื่องนี้ขอพูดย่อแต่เพียงว่า ท่านมีความสบายทุกอย่างในอารมณ์

    ความสามารถพิเศษ

    วันหนึ่งนั่งคุยกันตามลำพัง ท่านชวนเล่นสนุกกันสองต่อสอง ได้กราบเรียนท่านว่า ท่านเป็นพี่ขอให้ท่านเล่นให้ดูแต่ผู้เดียว ท่านค้านว่าถ้าอย่างนั้นน้องก็จะเอาเปรียบ
    เป็นอันว่าวันนั้นตกลงกันไม่ได้ ต่อมาอีกหลายเดือน เมื่อมีโอกาสพบกันครบคณะคือ หลวงปู่คำแสน หลวงปู่ชุ่ม หลวงปู่ทืม การพบกันคราวนั้นเป็นการพบกันอย่างบังเอิญ ไม่มีใครเจือปนอยู่เลย พบกันแบบนักบวชซุกซน ไปชนกันเข้าโดยที่มิได้ตั้งใจ แต่ละท่านต่างก็ปรารภเหตุและผลในการปฏิบัติรู้สึกดีใจที่ทุกท่านเปิดเผยความจริงอย่างไม่มีอะไรปิดบัง เรื่องนี้พูดให้ฟังไม่ได้
    ต่อมาท่านก็ทำสนุกให้ดู โดยหลวงปู่ชุ่มเริ่มต้นก่อน โดยท่านกล่าวหาว่าหลวงปู่คำแสนว่า มีดีแต่ชอบคุดดี เมื่อโต้เถียงกันอยู่ครู่หนึ่งหลวงปู่คำแสนก็สรุปสั้นๆ ว่า เราโตแล้วอย่าเล่นอย่างเด็กเลย ท่านหนึ่งในที่นั้นก็พูดว่า คนที่ไร้ความสามารถเท่านั้นที่เขาจะพูดอย่างนี้ คนที่มีความสามารถไม่มีใครเขาพูดอย่างนี้ เพราะเวลานี้มีด้วยกัน ๔ คน หลวงปู่คำแสนท่านยิ้ม ไม่ยอมพูดอะไรทั้งหมด ท่านหาเรื่องคุยเรื่องอื่น เมื่อคุยกันไปสัก ๒ นาที ปรากฏว่า
    หลวงปู่คำแสนหายไปจากที่คุย กายหายแต่เสียงยังปรากฏ คุยกันตามปกติแต่มองไม่เห็นตัว
    ต่อมาปรากฏว่าหลวงปู่ชุ่มก็กายหาย แต่เสียงมี
    สำหรับหลวงปู่ทืมก็กลายเป็นหนุ่มขาวสวยกว่าปกติมาก
    ผู้เขียนงงเต็มที่ ในที่สุดเวลาผ่านไปสัก ๕ นาที ก็มีสภาพปกติ
    ถามท่านว่า "หลวงปู่ทั้งสามเล่นกลแบบไหนครับ"
    ท่านก็ตอบว่า "เล่นแบบเด็กอมมือ"
    ท่านถามว่า "คุณทำไมไม่เล่น"
    ผู้เขียนก็กราบเรียนท่านตามความจริงว่า "เล่นไม่เป็น ไม่เคยฝึกวิชากล"
    แล้วต่างคนต่างก็หัวเราะ
    หลวงปู่ชุ่มท่านต่อว่า "หลวงน้องเอาเปรียบหลวงพี่ คนอย่างนี้บาปหนัก"
    จึงกราบเรียนท่านว่า "บาปมันหนักมันก็วิ่งตามผมไม่ทัน ผมสามารถหนีมันพ้น เท่านี้ผมสบายใจแล้ว"
    ท่านทั้งสามก็หัวเราะพร้อมกัน
    เป็นอันว่าหลวงปู่คำแสนท่านมีดีมากเรื่องที่พูดให้ฟังนี้เป็นเกร็ดความดีที่พระพุทธเจ้าท่านถือว่าเป็นความดีที่มีสาระน้อย จึงห้ามติดและห้ามเล่นดีประเภทนี้ให้คนอื่นเห็น
    ท่านทรงห้ามนั้นดีแล้ว ถ้าไม่ห้าม ผู้ที่พบความดีประเภทนี้เพียงเล็กน้อยก็จะลืมตัว ในที่สุดก็จะเป็นเหยื่อความชั่วคือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ต้องจมอยู่ในวัฏฏะต่อไป
    มีอีกนิดหนึ่ง ความจริงมีมากแต่เกรงใจคนจัดพิมพ์จะต้องจ่ายเงินมาก ที่เขียนมานี้เห็นว่ามากเกินไปหรือไร้สาระ จะตัดทอนหรือทิ้งไปเลยไม่เอาลงพิมพ์เลยก็ได้ ด้วยคุณบุญรับไปหาขอให้เขียน น้ำกำลังเข้าท่วมวัด ขณะเขียนเป็นวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๒๓ น้ำกำลังขึ้นเต็มที่ระบาดเข้ามาในที่นอน ขณะที่เขียนนี้นั่งแช่น้ำเขียนเป็นเรื่องหรือไม่เป็นเรื่องก็ช่าง เพราะแฉะก็แฉะ หนาวก็หนาว ไม่เขียนมาให้เกรงว่าคุณบุญรับจะเสียกำลังใจ มาว่าเรื่องของหลวงปู่กันต่อไป

    วันหนึ่งนั่งคุยกัน ท่านถามว่า "บอกได้ไหมว่าได้อะไรไว้"
    ผู้เขียนได้กราบเรียนท่านว่า "ผมไม่ได้อะไรเลย และก็ไม่อยากได้อะไร"
    ท่านยิ้มแล้วท่านบอกว่า "เท่านี้พอแล้ว"
    ผู้เขียนก็ไม่เข้าใจความหมายของท่าน ท่านคงไม่คิดว่า “ผู้เขียนเป็นพระอรหันต์” เพราะผู้เขียนเป็นเพียงพระกังหัน หมุนไม่หยุด ท่านอาจจะคิดว่าเจ้าเบื๊อกนี่คิดว่าจะดีที่แท้ก็เป็นลิงป่าธรรมดานั่นเอง
    paragraph_10_166.jpg

    คุยกันไปสักประเดี๋ยวท่านก็เล่นกลอีก ตอนนี้ไม่ขอบอกว่าเล่นอะไร เป็นการเล่นแบบทบทวนความรู้ ในที่สุดท่านก็ต่อว่า ว่าไม่ได้อะไร ทำไมรู้ จึงกราบเรียนท่านว่า ผมอ่านหนังสือมาก ผมรู้ตามหนังสือเขียนไว้
    ท่านยิ้มแล้วพูดว่า ใครๆ เขาก็รู้ตามหนังสือเหมือนกันทั้งนั้นแหละ ท่านทำท่าเหมือนไม่เชื่อ แต่ความจริงผู้เขียนไม่มีดีอะไรเลย ที่รู้ก็เพราะจากหนังสือจริงๆ สำหรับหลวงปู่ท่านจะคิดอย่างไรเป็นเรื่องของท่าน แต่คิดว่าท่านคงไม่คิดว่าผู้เขียนเป็นคนรู้ นอกจากจะเข้าใจถูกว่า เจ้าลิงป่าเอ๋ย จงเจียมตัวเจียมตนกับเขาบ้าง จะได้พ้นจากความเป็นสัตว์เดรัจฉาน ถ้าท่านคิดอย่างนี้ก็ต้องขอบพระคุณท่าน ที่ท่านคิดตรง คิดถูกตามความเป็นจริง พูดมากรำคาญคนอ่าน ขอสรุปว่า
    หลวงปู่ที่รักท่านตายไปแล้ว อีกไม่นานผู้เขียนก็ตาย ท่านตายไปคงดีที่สุด อย่างนี้ก็เพราะไม่รู้ว่าท่านไปไหน แต่ด้วยความรักและเคารพในท่าน ก็เลยคิดเอาเองตามใจคนที่รักกัน คิดว่าท่านคงไปดี สำหรับผู้เขียนนี้ยังไม่แน่ใจเลยว่า เมื่อตายแล้วจะไปอยู่นรกขุมไหนดี
    ด้วยอำนาจพระพุทธบารมีและความดีของหลวงปู่ที่สั่งสมไว้มาก และบำเพ็ญมานาน ขอให้หลวงปู่ช่วยดึงผู้เขียนให้พ้นจากนรกเมื่อผู้เขียนตายด้วย และอาศัยความดีที่หลวงปู่ประทานแสดงให้ปรากฏบางประการ และกรุณาแนะนำธรรมที่ควรปฏิบัติไว้หลายประการ ผู้เขียนจะขอน้อมเกล้ารับไว้ปฏิบัติตามจนวันตาย

    คณะกรรมการขอให้ผู้เขียนมาเป็นกรรมการด้วย พิจารณาตัวแล้วเห็นว่าไม่สมควร จึงขอเพียงเป็นผู้อุปถัมภ์ในงานศพ ในงานทำศพถ้าไม่ป่วยจะมาอยู่ตลอดงาน

    ขออนุโมทนาที่ทุกท่านเมตตาเจ้าภาพ ช่วยเป็นภาระและธุระกันคนละอย่างสองอย่างจนงานนี้ลุล่วงไปด้วยดี สมศักดิ์ศรีที่เป็นเชื้อชาติไทยแท้..”

    พระมหาวีระ ถาวโร
    วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
    ๑๓ ตุลาคม ๒๕๒๓
    ขอบคุณที่มา:- http://www.dharma-gateway.com/monk/...unalankaro/kb-kumsaen-kunalankaro-hist-03.htm


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 กุมภาพันธ์ 2018
  2. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สวัสดีครับอาซือเจ๊ต้อย ต้องขอขอบคุณ ที่อาซือเจ๊ นำมาเผยแผ่ เท่ากับ ทวนความจำ ไม่ได้อ่านมา 30 ปีเศษๆ ของผม และ ได้ให้รู้ประวัติ ของสุปฏิบันโน แต่ละท่าน ผมเองได้มีโอกาศ กราบท่าน ในแต่ละองค์ ในงานฝังลูกนิมิต วัดท่าซุง ตอนนั้น อายุผม 19 ยังไม่รู้ อะไรเท่าไหร่ แต่ก็ได้ ทำบุญ ท่านเป็น บางองค์ๆละ 5 บาท10 บาท ที่ท่านรับ โมทนาสาธุชน ในงานปิดทอง ฝังลูกนิมิต มีบารต หรือ ขัน ตั้งไว้ ตรงหน้าท่าน ซึ่งหมุนเวียน ในงาน แต่ละวัน ผมเอง มาวันเดียว กับวันนั้น ในสมัยนั้น เข้าอยู่ ในวัดยากมาก ถ้าไม่จองไว้ก่อน หรือ บอกล่วงหน้า หรือ ต้องรู้จักคนในวัด ถึงจะค้างได้ครับ และขอบคุณ อาซือเจ๊ต้อย ที่นำมา สำหรับ ให้คนทำบุญ และอนุโมทนาสาธุธรรม ของหลวงปู่ หลวงพ่อ ทุกๆพระองค์ พอดีเข้ามาในกระทู้เช้า เห็นว่ามีสาระดีมีประโยชน์อย่างมากครับ


    และให้ทุกคน ได้รู้ ได้ทราบ ว่าจริยาของ พระสุปฏิบันโน เป็นเช่นไร ท่านทำกันอย่างไร ท่านมีเมตตากันอย่างไร สำหรับท่านที่รู้แล้ว ก็จะได้รู้ยิ่งๆขึ้นไป ท่านที่ไม่รู้ก็จะได้รู้ แค่ยกมือ กราบ หรือสาธุ หรือโมทนา ก็บุญนักหนาแล้วครับ กราบ กราบ กราบ สาธุอนุโมธามิ พระธรรมใด ที่หลวงปู่ หลวงพ่อ ได้เห็นแล้ว ขอทุกท่าน และ เกล้ากระผม ได้เห็นพระธรรมนั้น ที่ท่านได้เห็นแล้ว ตามสมควรแก่ธรรมด้วยกัน ทุกๆท่านในชาตินี้ด้วย เทอญครับ สาธุอนุโมธามิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...