หลวงปู่คำคะนิงพบหลวงปู่ปาน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย danetkung, 6 กันยายน 2012.

  1. danetkung

    danetkung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,063
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +15,273
    หลวงปู่คำคะนิงพบหลวงปู่ปาน
    หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ​

    [​IMG]

    ย้อนหลังไปสัก ๒๐ ปีที่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี พระหลวงปู่รูปหนึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านนามว่า คำคะนิง จุลมณี แห่งวัดถ้ำคูหาสวรรค์ ภิกษุรูปนี้ได้ยึด "ญายปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ”

    หลวงปู่คำคะนิงนั้น ท่านเป็นภิกษุที่ไม่เหมือนใคร ผ่านการเป็นฤๅษีชีไพรมาก่อน ๑๕ ปี จึงค่อยบวชเป็นพระ เมื่อบวชเป็นพระแล้วก็มักแสวงหาธรรมอันแปลก ด้วยการธุดงค์ไปที่ต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่ตามป่าเขา

    อย่างครั้งหนึ่ง...ที่เมืองเชียงตุง หลวงพ่อปานแห่งวัดบางนมโค จังหวัดอยุธยา ได้พาคณะศิษย์ท่องธุดงค์ในเขตป่าของเมืองนี้ ได้ปะหน้ากับชีปะขาวคำคะนิง
    หลวงพ่อปานเห็นสารรูปคนผู้นี้ถึงกับตะลึง เพราะตอนนั้นคำคะนิงมีผมยาวถึงเอว หนวดเครารกรุงรัง ห่มผ้าขาดวิ่นมองไม่ออกว่าเป็นสีอะไรจึงกล่าวขึ้นลอย ๆ ว่า “นี่พระหรือคนนี่”
    ชีปะขาวคำคะนิงได้ยินเกิดอยากลองภูมิกับพระรูปนี้ ถามออกไปว่า “ไอ้พระนั้นมันอยู่ที่ไหน”
    หลวงพ่อปานโต้กลับ “ก็เห็นผมยาวเสื้อผ้าขาดปุปะมองไม่ออกว่าสีเป็นอะไร แล้วใครจะรู้ว่าพระหรือคน”
    คำคะนิงตั้งคำถามใหม่ “พระมันอยู่ที่ผมหรือ”
    หลวงพ่อปาน “ไม่ใช่”
    คำคะนิง “พระมันอยู่ที่ผ้านุ่งหรือเปล่า”
    หลวงพ่อปาน “ไม่ใช่”
    ชีปะขาวคำคะนิงใช้คำถามจี้ “อ้าว..แล้วพระมันอยู่ที่ไหนกันเล่า”
    หลวงพ่อปานตอบฉับพลันทันที “พระอยู่ที่ใจสะอาด”
    คำคะนิงยิ้มก่อนบอกออกไป “แล้วมาถามทำไมว่าพระหรือคน”
    หลวงพ่อปานยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ “เห็นผมเผ้ารุงรังใครจะไปรู้พระหรือคนกันแน่”
    ชีปะขาวคำคะนิง “พระบ้านพระเมือง พระกินข้าวชาวบ้านแบบนี้อวดดี เห็นทีต้องเห็นดีกัน”
    ชี ปะขาวคำคะนิงกล่าวเสร็จก็คว้าหวายยาวร่วมวา ขว้างไปเบื้องหน้าหลวงพ่อปาน จากหวายก็กลายเป็นงูใหญ่ท่าทางดุร้ายเตรียมฉกกัด หลวงพ่อปานท่านทำจิตเป็นสมาธิ เอาใบไม้ขว้างขึ้นสู่อากาศกลายเป็นนกขนาดใหญ่ โฉบเฉี่ยวเอางูขึ้นไปสะบัดฟัดเหวี่ยงบนอากาศอยู่พักใหญ่ งูพลัดตกลงสู่ดินกลายเป็นช้างตัวใหญ่มหึมากำลังตกมัน ส่วนนกถลาลงสู่พื้นกลายเป็นเสือโคร่งใหญ่มีความดุร้ายไม่แพ้กัน สัตว์ทั้ง ๒ ชนิดเข้าโรมรันพันตูกันฝุ่นคลุ้งไปหมด แต่จู่ ๆ สัตว์ทั้ง ๒ กลับสลายหายไป ฝ่ายหนึ่งกลายเป็นลูกไฟเข้าเผาผลาญ อีกฝ่ายกลายเป็นพายุฝนเข้าแก้ทางกัน
    ทั้งพระและชีปะขาวต่าง หัวเราะด้วยความชอบใจในอิทธิฤทธิ์อภิญญาของกันละกัน ต่างฝ่ายต่างชมกันและกันและถ่อมตนใส่กัน แต่ศิษย์ของหลวงพ่อปานที่ร่วมธุดงค์มาด้วยรู้ดีว่า
    ท่านทั้ง ๒ ต่างมีอภิญญาด้วยกันทั้งคู่

    (ข้อมูลจากเวปวัดท่าขนุน ขอขอบคุณครับ http://www.watthakhanun.com)
     
  2. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ

    เชิญแวะอ่านธรรมะของหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง ที่
    เฟสบุ๊ค ศูนย์พุทธศรัทธา
    และร่วมกันแบ่งปันธรรมะของหลวงพ่อฯ ไปยังกระดานของท่านเพื่อเป็นธรรมทาน

    <STRONG>เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O[​IMG]
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O[​IMG]
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่www.tangnipparn.com<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา

    [​IMG]</O:p>
     
  3. พยัคฆ์ดำ

    พยัคฆ์ดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2012
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +104
    อด อัด อุด บริสุทธิ์ในธรรม พระคาถาของหลวงปู่คำคะนิง
     
  4. ต้อง^

    ต้อง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +1,027
    นับถือหลวงปู่ทั้งสองท่านมากครับ
     
  5. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +3,212
    ย้อนหลังไปสัก ๒๐ ปีที่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี พระหลวงปู่รูปหนึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านนามว่า คำคะนิง จุลมณี แห่งวัดถ้ำคูหาสวรรค์ ภิกษุรูปนี้ได้ยึด "ญายปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ”

    หลวงปู่คำคะนิงนั้น ท่านเป็นภิกษุที่ไม่เหมือนใคร ผ่านการเป็นฤๅษีชีไพรมาก่อน ๑๕ ปี จึงค่อยบวชเป็นพระ เมื่อบวชเป็นพระแล้วก็มักแสวงหาธรรมอันแปลก ด้วยการธุดงค์ไปที่ต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่ตามป่าเขา

    อย่างครั้งหนึ่ง...ที่เมืองเชียงตุง หลวงพ่อปานแห่งวัดบางนมโค จังหวัดอยุธยา ได้พาคณะศิษย์ท่องธุดงค์ในเขตป่าของเมืองนี้ ได้ปะหน้ากับชีปะขาวคำคะนิง
    หลวงพ่อปานเห็นสารรูปคนผู้นี้ถึงกับตะลึง เพราะตอนนั้นคำคะนิงมีผมยาวถึงเอว หนวดเครารกรุงรัง ห่มผ้าขาดวิ่นมองไม่ออกว่าเป็นสีอะไรจึงกล่าวขึ้นลอย ๆ ว่า “นี่พระหรือคนนี่”
    ชีปะขาวคำคะนิงได้ยินเกิดอยากลองภูมิกับพระรูปนี้ ถามออกไปว่า “ไอ้พระนั้นมันอยู่ที่ไหน”
    หลวงพ่อปานโต้กลับ “ก็เห็นผมยาวเสื้อผ้าขาดปุปะมองไม่ออกว่าสีเป็นอะไร แล้วใครจะรู้ว่าพระหรือคน”
    คำคะนิงตั้งคำถามใหม่ “พระมันอยู่ที่ผมหรือ”
    หลวงพ่อปาน “ไม่ใช่”
    คำคะนิง “พระมันอยู่ที่ผ้านุ่งหรือเปล่า”
    หลวงพ่อปาน “ไม่ใช่”
    ชีปะขาวคำคะนิงใช้คำถามจี้ “อ้าว..แล้วพระมันอยู่ที่ไหนกันเล่า”
    หลวงพ่อปานตอบฉับพลันทันที “พระอยู่ที่ใจสะอาด”
    คำคะนิงยิ้มก่อนบอกออกไป “แล้วมาถามทำไมว่าพระหรือคน”
    หลวงพ่อปานยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ “เห็นผมเผ้ารุงรังใครจะไปรู้พระหรือคนกันแน่”
    ชีปะขาวคำคะนิง “พระบ้านพระเมือง พระกินข้าวชาวบ้านแบบนี้อวดดี เห็นทีต้องเห็นดีกัน”
    ชี ปะขาวคำคะนิงกล่าวเสร็จก็คว้าหวายยาวร่วมวา ขว้างไปเบื้องหน้าหลวงพ่อปาน จากหวายก็กลายเป็นงูใหญ่ท่าทางดุร้ายเตรียมฉกกัด หลวงพ่อปานท่านทำจิตเป็นสมาธิ เอาใบไม้ขว้างขึ้นสู่อากาศกลายเป็นนกขนาดใหญ่ โฉบเฉี่ยวเอางูขึ้นไปสะบัดฟัดเหวี่ยงบนอากาศอยู่พักใหญ่ งูพลัดตกลงสู่ดินกลายเป็นช้างตัวใหญ่มหึมากำลังตกมัน ส่วนนกถลาลงสู่พื้นกลายเป็นเสือโคร่งใหญ่มีความดุร้ายไม่แพ้กัน สัตว์ทั้ง ๒ ชนิดเข้าโรมรันพันตูกันฝุ่นคลุ้งไปหมด แต่จู่ ๆ สัตว์ทั้ง ๒ กลับสลายหายไป ฝ่ายหนึ่งกลายเป็นลูกไฟเข้าเผาผลาญ อีกฝ่ายกลายเป็นพายุฝนเข้าแก้ทางกัน
    ทั้งพระและชีปะขาวต่าง หัวเราะด้วยความชอบใจในอิทธิฤทธิ์อภิญญาของกันละกัน ต่างฝ่ายต่างชมกันและกันและถ่อมตนใส่กัน แต่ศิษย์ของหลวงพ่อปานที่ร่วมธุดงค์มาด้วยรู้ดีว่า
    ท่านทั้ง ๒ ต่างมีอภิญญาด้วยกันทั้งคู่
    ยกย่องท่านทั้งสองครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...