หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย santosos, 19 เมษายน 2014.

  1. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +3,212
    ในบรรดาพระเถรานุเถระที่"พุทธวงศ์"เคยได้นมัสการกราบไหว้มาทั้งหมดนั้น อาจที่จะกล่าวได้ว่า หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ลำปางเป็นหนึ่งในพระอริยเจ้าที่ทรงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ให้ได้เป็นที่ประจักษ์มากที่สุดองค์หนึ่งก็ว่าได้ไม่ผิดคำทีเดียว
    แม้เคยจะได้กราบใกล้ๆ แต่หาได้สนทนาด้วยองค์ท่านอย่างตรงๆแม้เพียงครั้งก็ตาม แต่ประสพการณ์ที่ได้เจอะเจอจากท่าน แบบ"รีโมทคอนโทรล"นั้น ช่าง"จะๆ"และ"เต็มๆ"อย่างเหลือที่จะพรรณาให้ถูกถ้วนตามความที่เป็นจริงได้
    เคยมี"ผู้ใหญ่"ท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า อันหลวงปู่ครูบาเจ้าเกษมนั้น ท่านมีภารกิจต้องคอยใช้อำนาจจิตฤทธิ์อภิญญาของท่านคอยปกป้องคุ้มครองประเทศชาติอยู่ตลอดเวลา ท่านจึงไม่มีเวลาที่จะมาสนทนาด้วยคนทั้งหลายตามปกติให้ต้องเสียการใหญ่ใดๆไปได้
    ได้ทราบมานานแล้วว่า มีผู้นั่งสมาธิไปเห็นเป็น"ตาข่ายเพชร"ล้อมประเทศไทยทั้งหมดอยู่ จึงมาเล่าให้หลวงปู่ดู่ วัดสะแกฟัง หลวงปู่ดู่จึงกล่าวรับรองทันทีว่า
    "นั่นแหละ ตาข่ายเพชรนั้น เป็นของที่หลวงพ่อเกษมท่านทำเอาไว้ปกป้องประเทศไทยเองหรอกน๊ะ..!!!!!"
    ชะรอย การคงจะเป็นด้วยเหตุนี้กระมัง หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษมท่านจึง"พูดน้อย ภาวนามาก"เป็นนิจสินอย่างนี้
    และด้วยการที่เป็นเช่นดังว่า จึงทำให้หลายๆคน แม้มิได้สนทนาวิสาสะด้วยท่านแบบต่อหน้า แต่กลับได้เจอะเจอกับฤทธิอภิญญาของท่านใน"ทิพยสภาวะ"หรือ"ในฝัน"อย่างน่ามหัศจรรย์ที่สุด เล่ากันสามวันแปดวันไม่หมดฯ
    ก็เพราะหลวงพ่อเกษมท่าน นิยมใช้"จิตล้วน"แบบนี้นั่นอย่างไร
    และแน่นอนที่สุด แม้ตัวของ"พุทธวงศ์"เอง เมื่อครั้งสร้าง"พระพุทธบาทสี่รอย" โดยได้นำพระเครื่องไปเข้าพิธีอธิษฐานจิตจากท่านแทนหลวงปู่สิม ซึ่งด่วน" นิพพาน"ไปก่อนเป็นหลายวาระตั้งแต่ปีพ.ศ. 2535 -2539 ก็เลยเป็นเหตุให้ได้ "เจอดี"จากอำนาจฤทธิจิตของหลวงปู่ครูบาเจ้าเกษมมาแบบเนื้อๆ ทั้งโดย" ความฝัน"และ"ความจริง"(กายเนื้อ) อย่างที่ไม่มีอะไรต้องสงสัยในเรื่องของ"อภินิหาร"อีกเลยในชั่วชีวิตนี้ด้วยเช่นกัน.......
    เพราะ"เต็มๆจะๆ"เสียจนแทบจะขนลุกซู่อย่างห้ามหรือยั้งไม่อยู่ไปเลยนั่นเทียว..!!!!!
    เรื่องแบบนี้ ใครที่ไม่เคยมีโอกาสได้มาเจอะเจอกับตัวแล้ว ย่อมไม่อาจและไม่มีทางที่จะได้รู้"รสชาดของชีวิต"ที่"เหนือโลก"แบบนี้ได้เป็นเด็ดขาดทีเดียว..........
    แต่หากจะให้เล่าถึงเรื่องอภินิหารของหลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโกในกระทู้นี้ทั้งหมด ก็ออกจะยืดยาวเกินไป
    แต่จะยกไปนำเสนอในบอร์ด"จดหมายเหตุพุทธวงศ์"ถวายท่านเป็นการเฉพาะที่เดียวเลย จะเหมาะกว่า
    แต่ ณ ที่นี้ จะมุ่งเน้นเกี่ยวกับเรื่องอภินิหารตอนพิเศษที่ให้ชื่อตอนว่า"ด้วยแรงอธิษฐาน" ซึ่งทำให้"พุทธวงศ์"ได้เจอะเจอกับบุญฤทธิ์ของ"หลวงพ่อเกษม"แบบ"ถึงเลือดถึงเนื้อ"ด้วย"กายหยาบ"แบบเต็มๆเลยนั่นเทียว...!!!!!!
    เหตุการณ์ครั้งนี้ได้บังเกิดขึ้นประมาณปลายปีพ.ศ. 2538 ก่อนหน้าที่หลวงหลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก จะ"ดับขันธ์"ได้ไม่ช้านาน หากผู้ที่เกิดทันและยังพอจดจำกันได้ คงรำลึกได้ว่า ในช่วงเวลานั้น ข่าวการอาพาธของท่านเป็นที่ร่ำลือในสื่อต่างๆเป็นอันมาก ในฐานที่ท่านเป็นพระอริยคณาจารย์ชื่อดังแห่งยุค
    และในช่วงท้ายสุด อาการของหลวงพ่อได้ทรุดลง ทางคณะแพทย์โรงพยาบาลลำปางจึงได้ประกาศขอรับบริจาคโลหิต "กรุ๊ป B" เพื่อถ่ายเสริมกำลังให้หลวงพ่อท่านเป็นการด่วนที่สุด
    และนับเป็นวาสนาอย่างสุดแสน ที่เลือดของ"พุทธวงศ์" เป็นเลือด"กรุ๊ป B" เดียวกับหลวงปู่ครูบาเจ้าเกษมพอดิบพอดี โดยไม่รอช้า "พุทธวงศ์"จึงได้ขึ้นเหนือไปนมัสการยังพระพุทธบาทเจ้าทั้งสี่รอย ที่เชียงใหม่กับหมู่คณะ ก่อนที่จะแยกตัวแบบบินเดี่ยวมายังจังหวัดลำปางเพียงลำพังคนเดียว เพื่อถวายเลือดแด่หลวงพ่อเกษม เขมโกที่โรงพยาบาลลำปางในทันใด
    ก็บุญทานต่างๆ เราก็ได้เคยสร้างเคยบำเพ็ญมานักต่อนักแล้ว แต่ บุญพิเศษแห่งการได้ถวายเลือดแด่พระอรหันต์เยี่ยงหลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก ซึ่งนับเป็นทาน"อภิอุปบารมี"อันหาโอกาสประกอบกระทำได้ยากอย่างยิ่งที่สุดแบบนี้ จะพลาดไปได้ไฉน..????
    จริงอยู่ แม้อาจจะมีผู้บริจาคเลือดถวายแด่หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษมเป็นจำนวนมากก็ตาม และแม้เลือดที่"พุทธวงศ์"ได้สละถวาย จะได้รับการถ่ายเข้าไปในองค์ของหลวงพ่อท่านสักเพียงหยดหรือไม่ ก็สุดที่จะทราบได้
    แต่ถึงแม้กระนั้นก็ตาม เรื่องเหล่านั้นหาได้ถือเป็นประมาณไม่
    จิตใจที่ต้องการเสียสละนั้น ย่อมสำคัญกว่าเป็นไหนๆ
    ด้วยเหตุนี้ "พุทธวงศ์"จึงไม่ลังเลใดๆ ที่จะถวายเลือดเป็นสังฆบูชาแด่หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานกับท่านในใจเงียบๆคนเดียวขณะที่นอนให้พยาบาล โรงพยาบาลลำปางกำลังเจาะเข็มถ่ายเลือดไปพร้อมกันทีเดียวว่า
    "หลวงพ่อครับ เลือดเนื้อและธาตุในกายของผม มีประมาณเท่าไร ก็ขอน้อมถวายแด่หลวงพ่อทั้งสิ้นเลยนะขอรับ..."
    และเมื่อการบริจาคเลือดถวายหลวงปู่ครูบาเจ้าเกษมได้สำเร็จเสร็จสิ้นลง ก็หากการณ์หลังจากนั้นได้เป็นเช่นปกติ คือรู้สึก"เฉยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น" คือไม่ปวด ไม่เมื่อย ไม่อ่อน ไม่เพลีย ฯลฯเฉกเช่นเดียวกับทุกๆครั้งที่เคยเป็นเคยผ่านมา ก็คงหาได้มีเหตุวิสามัญลักษณะอันควรค่าแก่การจดจำและเล่าขานให้ปรากฏอย่างพิเศษแต่อย่างไรไม่
    แต่ครั้งนี้ เรื่องหาได้เหมือนเดิมไม่ต่อไปอีกแล้ว....
    เสมือนหนึ่งหลวงพ่อท่านได้"ล่วงรู้"และ"รับ"ตามคำอธิษฐานไว้อย่าง"เนื้อๆ"ด้วย"ทิพยสภาวะ" ที่รับรู้ด้วย"กายเนื้อ"แห่ง"พุทธวงศ์"อย่างเต็มๆจะๆเรียบร้อยแล้วเลยนั่นเทียว..!!!???
    และภายหลังจากที่ได้"ถวายเลือด"หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษมได้สำเร็จเสร็จสิ้นลง สภาวะที่เกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในการบริจาคโลหิตไม่ว่าจะเป็นในครั้งไหนก็ตาม นั่นก็คือ"ความหิว"ที่ได้ทวีดีกรีขึ้นอย่างผิดปกติ
    เป็นความหิวอย่างรุนแรง ชนิดที่ว่า แทบจะกินช้างทั้งตัวได้อย่างสบายๆเลยนั่นเทียว..!!?!
    เมื่อเดินทางกลับจากจังหวัดลำปางมาถึงเชียงใหม่ สิ่งแรกที่แทบจะโดดไปกระทำก่อนใดอื่น นั่นก็คือ"กินๆๆๆๆๆๆๆ และกิน"อย่างที่แม้ตัวเองก็ไม่อยากจะเชื่อตนเอง ว่าอะไรจะหิวมากมายได้ถึงขนาดนั้น..!?!
    ไก่ย่างอบน้ำผึ้ง 1 ตัวเจ้าดังพร้อมข้าวสุกแสนอร่อยที่ตลาดอนุสารจึงถูกบริโภคเข้าไปหมดอย่างหน้าตาเฉย ก่อนที่จะตามติดด้วยขนมจีนน้ำยาและ ฯลฯ อีกมากมาย ก็ถูก"ยัด"ลงกระเพาะอย่างไม่ยั้ง อย่างไม่รู้จักอิ่มจักพอ ราวกับได้หิวโหยมาเป็นกัปกัลป์ชนิดไม่เคยเป็นมาก่อนเลยทีเดียว....
    จนกระทั่งเริ่ม"พอเพียง"ขึ้นมา จากการบริโภคอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิตนี้ จึงค่อยได้สติมาทบทวนตัวเองว่า อันตัวเรานี้หนอ เหตุไฉนไยWhyจึงได้"บริโภค"ภักษาหาร ผลาหาร โภชนาหาร ฯลฯ เข้าไปได้อย่างมากมายเห็นปานนั้นไปได้..???
    เมื่อคิดไปคิดมา ที่สุด ก็ฉุกใจคิดขึ้นมาได้ว่า
    "หรือว่าจะการจะเป็นไปตามแรงอธิษฐานที่เราได้ตั้งจิตตอนถวายโลหิตแด่หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษมว่า เลือดเนื้อและธาตุในกายของผม มีประมาณเท่าไร ก็ขอน้อมถวายทั้งสิ้นหรอกหรือไฉน..???"
    โดยส่วนตัวแล้ว ไม่มีอะไรจะต้องพักสงสัยใน"ญาณรู้"และ"จิตตาภินิหาร"แห่งหลวงพ่อเกษม เขมโกเลยแม้แต่น้อย
    เพราะเคยเจอะเจอ"ของแข็ง" (โดยญาณ)แห่งท่านแบบจะๆมาเป็นหลายวาระมาแล้วนั่นแล
    ซึ่งจะได้ทยอยเล่าใน"จดหมายเหตุ หลวงพ่อเกษม เขมโก"สืบไปในเมื่อหน้า
    แต่การดังนี้ เชื่อมั่นโดยปราศจากความลังเลว่า หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษมท่านย่อมเล็งเห็นและรับรู้ถึงแรงอธิษฐานแห่ง"พุทธวงศ์"ตอนที่ถวายเลือดให้แด่ท่านดังว่าอย่างไม่ต้องกังขา
    ท่านเลย"ฉลองศรัทธา"ดึงดูดเลือดเนื้อและแร่ธาตุตลอดจนสารอาหารไปโดยญาณทิพย์และกำลังจิตอันกล้าแข็ง
    แบบเนื้อๆอย่างเต็มที่
    ส่วนท่านจะดึงเข้าไปในเสริมในกายของท่านเองหรือส่งต่อไปให้บุคคลอื่นที่อาจจะจำเป็นจะต้องใช้ ก็สุดวิสัยที่จะตามไปรู้ไปเห็นได้
    แต่ไม่ว่าการจะเป็นเช่นไรก็ตาม สิ่งที่รู้ที่เห็นที่สัมผัสและที่รู้สึกด้วยตัวของตัวเองจนเป็นที่ตระหนักแน่อยู่แก่ใจดังว่ามาทั้งสิ้นนี้ ย่อมเสมือนหนึ่งเป็นเครื่องยืนยันการันตีว่า"ด้วยแรงอธิษฐาน"เมื่อครั้งกระนั้น ได้สัมฤทธิผลอย่างบริบูรณ์เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกประการแล้ว........
    และนี่ ก็คือ"เสี้ยวหนึ่ง"ในประสพการณ์อันเหนือธรรมดาที่"พุทธวงศ์"ได้เคยประสพพบพานมาจากหลวงพ่อเกษมมาด้วยตนเอง
    เป็นประสพการณ์ที่ออกจะดุเดือดเลือดหยดแบบ"ถึงเลือดถึงเนื้อ"อย่างแท้จริง อย่างที่ใครๆก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้
    ขออานิสงส์แห่ง"อภิอุปบารมี"อันพิเศษสุด ที่ไม่อาจทำซ้ำสองได้อีกแล้วตราบชั่วจิรกาลที่"พุทธวงศ์"ได้น้อมถวายโลหิตแด่หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก สำนักสุสานไตรลักษณ์ ลำปางเมื่อครั้งกระนั้น จงมีแด่สรรพชีวิตตลอดอนันตจักรวาล ให้ประสพแต่สรรพสิริสวัสดิ์ในที่ทุกสถานตลอดกาลทุกเมื่อเที่ยงแท้ดีหลีจิ่มแด่เทอญโดยทั่วกันด้วยเถิด
    ขออำนวยพร...
     
  2. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    บริจาคเลือดแล้วก็ต้องหิวเป็นธรรมดา มันเป็นปฏิหารย์ยังไง
    แล้วพุทธวงศ์คือใคร ใครคือพุทธวงศ์?

    ดูดเลือดเนื้อและแร่ธาตุตลอดจนสารอาหารไปโดยญาณทิพย์และกำลังจิตอันกล้าแข็ง???
     
  3. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    เป็นแวมไพร์เหรอ
     

แชร์หน้านี้

Loading...