หลงวิธีการ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 21 มีนาคม 2010.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    หลงวิธีการ
    ในการปฏิบัติสมาธิภาวนาเพื่อให้จิตเข้าถึงภาวะแห่งสมาธิจิตนั้น มีวิธีการที่ผู้ปฏิบัติจะสามารถเลือกใช้ได้อยู่หลากหลายวิธีด้วยกัน ซึ่งเราเรียกวิธีการต่างๆ เหล่านั้นว่า "อุบายกรรมฐาน" เพราะว่าโดยปกติแล้วจิตจะเสพความคิดมาเป็นอารมณ์จิต จิตของเราจึงดำเนินอยู่ในมิติแห่งความคิดและความฝัน เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในความหลง บนพื้นฐานความเข้าใจที่ว่าความคิดความฝันเหล่านั้นคือความจริง
    เมื่อจิตไปยึดที่ไหนปรุงที่ไหน จิตย่อมเกิดเป็นตัวเป็นตนขึ้น ณ ที่แห่งนั้น โดยมีอวิชชาความหลงเป็นตัวการที่ทำให้จิตสร้างภพสร้างชาติ เพื่อมาชดใช้ผลกรรมที่ดวงจิตนั้นได้กระทำมา อันเป็นกรรมที่ถูกบันทึกเอาไว้ภายในดวงจิตนั้น ชีวิตที่เกิดขึ้นมาของมนุษย์แต่ละผู้คนจึงเป็นไปตามกฎแห่งกรรม
    แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตจะต้องเป็นไปตามกรรมลิขิตเสมอไป เพราะถึงแม้ว่าจะไม่มีใครสามารถไปแก้กรรมหรือตัดกรรมได้ก็จริง แต่กรรมทั้งปวงก็ยังสามารถบรรเทาเบาบางลงไปได้ด้วยอานิสงส์ผลบุญอันเกิดจากการปฏิบัติสมาธิภาวนา ซึ่งถ้าหากว่าผู้ปฏิบัติยิ่งมีความเพียรมากเท่าใด กรรมบางกรรมก็สามารถกลายเป็นอโหสิกรรมได้ด้วย เสมือนเราไปติดหนี้ใครไว้สักคนแล้วเราค่อยๆ ทยอยคืนเงินให้เขาวันละห้าบาท หรือสิบบาท ตามแต่กำลังที่เรามี ในที่สุดหนี้ก้อนนั้นก็จะหมดไปสักวัน...ด้วยความตั้งใจพากเพียรของเรา
    อาศัยรูปแบบของอุบายกรรมฐานที่มีให้ผู้ปฏิบัติได้เลือกใช้ตั้งมากมายนั้น เป็นตัวช่วยในการ
    อบรมจิตให้เข้าถึงภาวะสมาธิจิต ใครที่มีความชำนาญในวิธีการอบรมจิตอย่างไร ก็ให้เลือกใช้วิธีการนั้น ซึ่งวิธีการต่างๆ ในการอบรมจิตย่อมเหมาะกับเฉพาะตัวบุคคล หรือเป็นไปตามจริตภายในจิตใจของแต่ละคนนั้นเอง อย่างคนที่ชำนาญในการใช้คำบริกรรมภาวนาก็ด้วย เพราะว่าจริตภายในจิตของเขานั้นยอมอ่อนข้อต่ออุบายกรรมฐานกองนี้ ส่วนคนที่ชำนาญในการเพ่งภาพนิมิตกสิณ ภายในจิตใจของเขาก็ต้องยอมสงบลงด้วยการเพ่งภาพนิมิตกสิณ เป็นต้น
    ถึงแม้ว่าผู้ปฏิบัติหลายท่านอาจจะมีความสามารถในการใช้อุบายกรรมฐานได้หลายอุบายวิธีในการเข้าถึงสมาธิ แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะด้วยอุบายกรรมฐานวิธีใดก็ตาม หากจิตสามารถเข้าถึงสมาธิได้แล้ว ย่อมจะมีอาการของสมาธิที่คล้ายกัน ไม่แตกต่างกันเลย อุปมาดั่งการที่เราจะหาทางเข้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเมตตาเลือกที่จะเข้าทางประตูหน้าบ้าน การุณเดินเข้าจากทางประตูฝั่งซ้ายของตัวบ้าน ไมตรีเข้าทางประตูหลังบ้าน อารีเลือกที่จะปีนเข้าทางหน้าต่างฝั่งขวาของบ้าน สรุปแล้วไม่ว่าใครจะเข้าบ้านหลังนี้จากทางใด หรือด้วยวิธีการที่แตกต่างกันอย่างไรก็ตาม ผลสุดท้ายทุกคนก็สามารถเข้าไปเดินอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ดุจเดียวกัน
    ส่วนผู้ปฏิบัติที่กำลังมัวหลงเพลิดเพลินอยู่กับวิธีการที่ถ้าใครเขาว่าดีหรือแปลก เป็นต้องขอไปลองดูสักหน่อย ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะไปคุยกับคนอื่นเขาไม่รู้เรื่อง กลัวตกยุคตกสมัย แต่ลืมคิดไปว่ามันจะทำให้เสียเวลา แทนที่จะเอาเวลาเหล่านั้นมาฝึกใช้อุบายกรรมฐานที่ตนถนัดให้ชำนิชำนาญ หนำซ้ำบางรายนอกจากจะเสียโอกาสในการฝึกซ้อมใช้อุบายกรรมฐานกองที่ตนถนัดแล้ว ปรากฏว่าการที่เสียเวลาไปทดลองความแปลกประหลาดหรือของดีที่ว่า นอกจากจะส่งผลให้ผู้ปฏิบัติที่ขาดภูมิปัญญาพิจารณาในการปฏิบัติธรรมพลอยไปติดในอุบายแปลกๆ ที่เขาสร้างขึ้นมาจนเกิดเป็นความหลงขึ้นภายในจิตใจแล้ว วิธีการประหลาดๆ เหล่านี้ยังไม่สามารถช่วยให้จิตเข้าถึงภาวะแห่งสมาธิจิตได้อีกต่างหาก
    ทุกวันนี้ผู้ปฏิบัติในบ้านเรามัวแต่หลงในวิธีการปฏิบัติ หลงรูปแบบในการปฏิบัติ บ้างก็หลงในภาพนิมิต หลงในนรก สวรรค์ หลงในบาป หลงในบุญ หลงในเวรกรรม ฯลฯ ทั้งที่สิ่งเหล่านั้นไม่อาจนำพาจิตให้เข้าถึงสมาธิจิตได้เลย แต่ก็ยังคงพากันหลงในมายาการปรุงแต่งเหล่านั้นอยู่
    ด้วยเพราะสำนักต่างๆ พยายามสรรหาอุบายวิธีแปลกๆ มาหลอกล่อให้ผู้ปฏิบัติหลงคิดว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นของวิเศษ แล้วนำมาปฏิบัติกันอย่างสนุกสนาน ทั้งๆ ที่เป็นอาการหลงของจิตในมายาวิธีที่เขาหยิบยื่นให้ทั้งสิ้น คนที่หลงในมายาการปรุงแต่งทางจิตแล้วก็จะเชื่ออย่างคนหลง ตัวอย่างเช่น เชื่อเรื่องของอดีตชาติ เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ เชื่อในมายาภาพนิมิต แต่ดวงจิตเข้าไม่ถึงสมาธิจิต ยิ่งปฏิบัติไปด้วยความหลงก็ยิ่งเพิ่มอัตตาตัวตน เป็นเขาเป็นเรา หลงโลกหลงธรรม เป็นเหตุให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบจักสิ้น
    ดังนั้น ผู้ปฏิบัติจึงควรทำความเข้าใจให้กระจ่างเสียก่อนว่า วิธีการที่เรามัวแต่ไปหลงชื่นชมว่าดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ ล้วนเป็นเพียงอุบายทางจิตที่เราจะหยิบเอามันมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยนำพาให้จิตเดินทางเข้าสู่ความสงบได้เท่านั้นเอง หาได้มีอะไรเป็นสาระแก่นสารในอุบายเหล่านั้นเลย หากเราสามารถเข้าถึงสมาธิจิตได้แล้ว เรื่องของวิธีการหรือรูปแบบต่างๆ มันก็จะหมดความหมายไปเอง เพราะจิตเข้าใจแล้วว่าสมาธิจิตนั้นคืออะไร
    ซึ่งอันที่จริงแล้วการเข้าถึงสมาธิจิตนั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด ขอเพียงไม่ไปหลงในวิธีการในการทำสมาธิ เพราะวิธีการเหล่านั้นเป็นเพียงเครื่องมือที่จิตใช้เป็นเครื่องรู้แทนความคิดอันหลากหลายที่รายล้อมจิตอยู่ เพื่อให้จิตหันมาสนใจในเครื่องรู้ใหม่ อันได้แก่ อุบายกรรมฐานชนิดต่างๆ ผู้ปฏิบัติจึงต้องมีความมั่นใจในครูบาอาจารย์ของตนเอง มั่นใจในกรรมฐานที่ครูบาอาจารย์ได้มอบให้กับเรา แล้วหมั่นฝึกอบรมจิตด้วยกรรมฐานกองนั้นจนเกิดความช่ำชอง สามารถเข้าออกสมาธิจิตได้อย่างชำนาญ ต่อเมื่อจิตของเราเข้าถึงสมาธิจิตได้แล้ว เราก็จะรู้ในความจริงของสมาธิ รู้ว่าความเดิมแท้ของจิตนั้นเป็นเช่นไร ความหลงและอวิชชาต่างๆ ก็จะหมดไป เกิดเป็นความรู้แจ้งในการปฏิบัติสมาธิภาวนา.สมาธิชาวบ้าน | ไทยโพสต์
     

แชร์หน้านี้

Loading...