หนีเคราะห์กรรม

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 22 กุมภาพันธ์ 2010.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    ถาม : เวลาเคราะห์กรรมเข้ามาเยอะๆ ต้องวางจิตอย่างไรถึงจะดี ?

    ตอบ : ให้เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราทั้งหมด คือเราทำเองในเมื่อเราทำเองทำไมเราจะยอมรับมันไม่ได้

    ถาม : ถ้ามันมาแรงเกิน ?

    ตอบ : ก็เราทำไว้แรงเอง ที่มันมามันไม่ใช่เงินต้นนะ มันแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น เพราะฉะนั้นก่อนหน้านี้เราร้ายกาจ น่าเกลียดน่าชังมากเลย ทำเอาไว้เยอะขนาดนั้น ...(หัวเราะ)... เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำเองมันถึงเกิดกับเราในปัจจุบันนี้ นั้นเราทำเองเราต้องรับได้

    ถาม : มีวิธีหนีไหมคะ ?

    ตอบ : มีเหมือนกัน แต่เป็นพระอรหันต์รับรองหนีได้แน่

    ถาม : ถ้ายังไม่เป็นล่ะคะ ?

    ตอบ : ถ้าหากว่ายังไม่เป็น พยายามทำทาน ศีล ภาวนา ให้มันเข้มข้นเข้าไว้ เคราะห์กรรมจะตามได้ไม่เกินยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์

    ทำให้ต่อเนื่องแล้วก็หนักแน่น เข้มข้น จริงจัง ตัวบุญใหญ่นี่จะทำให้เคราะห์กรรมต่างๆ มันเพลาลง คือตามไม่ทัน ที่ตามได้คือพวกที่หนักจริงๆ ก็ได้ไม่เกินยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์หรอก ตัวภาวนาสำคัญต้องทำให้พอดีๆ เกินพอดีเดี๋ยวเคราะห์กรรมมันจะช่วยซ้ำเอง เกินพอดีมันเครียดเกินไป เครียดเกินไปเดี๋ยวมันก็ติงต๊อง


    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔


    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1132



    .
     
  2. everybody

    everybody เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +892
    ตัวภาวนาสำคัญต้องทำให้พอดีๆ เกินพอดีเดี๋ยวเคราะห์กรรมมันจะช่วยซ้ำเอง เกินพอดีมันเครียดเกินไป เครียดเกินไปเดี๋ยวมันก็ติงต๊อง
    ^
    ^
    อนุโมทนาครับ สาธุๆๆ (จริงๆ ครับเคยภาวนาทั้งเพ่งทั้งเครียดจนเกือบติงต๊องแล้วครับ)
    :'(
     
  3. แมงปอปีกดำ

    แมงปอปีกดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +379
    ทำบุญใหญ่เช่นอะไรบ้างคะ
     
  4. fullmoonsun

    fullmoonsun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +2,321
    anumothana ka
     
  5. su37berkut

    su37berkut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    422
    ค่าพลัง:
    +1,121
    สุดยอด...เช่นเดิมครับ
     
  6. Pongroch

    Pongroch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,479
    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ เป็นกำลังใจให้กับทุกท่านน่ะค่ะ ให้มั่นคงในทาน ศีล ภาวนา เพื่อให้อานิสงค์ผลบุญที่ทำมาทั้งหมดส่งผลให้แคล้วคลาดสิ่งไม่ดีทั้งหมดน่ะค่ะ
     
  7. OddyWriter

    OddyWriter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +977
    ชอบประโยคนี้จัง

    ตัวภาวนาสำคัญต้องทำให้พอดีๆ เกินพอดีเดี๋ยวเคราะห์กรรมมันจะช่วยซ้ำเอง เกินพอดีมันเครียดเกินไป เครียดเกินไปเดี๋ยวมันก็ติงต๊อง
     
  8. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  9. สุภาพรกิ่งนอก

    สุภาพรกิ่งนอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    405
    ค่าพลัง:
    +1,536
    อนุโมทนาสาธุค่ะ จริงค่ะ ทำให้หนักแน่น เข้มข้น สม่ำเสมอ
    ยังไม่ตายก็มีโอกาสได้พบว่าชีวิตในโลกมนุษย์ก็จะพบเจอแต่สิ่งดีๆ สมปรารถนา (สั่งได้)

    บุญยังคุ้มครองอีกค่ะ และบุญที่ได้ทำแล้วไม่มีสูญ ยังคงรอผู้ที่ได้ทำความดี (บุญ) ตลอดไปค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2010
  10. Marthaporn

    Marthaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +235
    ทุกวันนี้ตั้งจิตว่าจะยึดมั่นแต่ความดี มีศีล 5 บริสุทธิ์ (อาจมีแพลม ๆ บ้างเล็กน้อย) แต่อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่า พยายามเดินมาถูกทางแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ก็ทำบาปมาเยอะเหมือนกัน แต่ตอนนี้สำนึกได้แล้ว ไม่เอาอีกแล้วค่ะ กลัวมาก(ตอนนั้นไม่รู้ทำไปได้งัย) อาจเป็นเพราะยังเด็ก ยังไม่มีความคิด ดีนะที่คิดได้แล้ว
    ก็ได้รับผลกรรมอยู่ค่ะ ตอนนี้แม้จะทำดีแค่ไหน แต่ทำอะไรก็มีอุปสรรคตลอด ขนาดทำตามคำแนะนำที่คนอื่นเค้าสำเร็จกันง่าย ๆ ตัวเราก็ยังมีอุปสรรคมาให้ฟันฝ่าอยู่ตลอด

    จริง ๆ แล้วชีวิตประสบปัญหาหนักเมื่อปี 50 ค่ะ ก็ได้อินเตอร์เน็ทนี่แหล่ะ เป็นแหล่ะความรู้ทางธรรมะที่เยี่ยมเลย คืออยากรู้อะไร ก็แค่ใช้ปลายนิ้ว ใช้สายตา และใช้สมองคิดเท่านั้นเอง ทำให้เข้าใจว่า นี่แหล่ะหนา กรรมที่เราสร้างขึ้นมาจริง ๆ ตั้งแต่นั้นมาก็ศึกษาธรรมะมาโดยตลอด จะเรียกได้ว่าเป็นคนดีคนนึงก็ได้(เพราะคิดได้แล้ว) จนเมื่อปลายปีที่แล้ว 22 ธค. 52 ก็ได้เจออุบัติเหตุ ถูกรถชนค่ะ นั่งวินมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ถึงแล้วค่ะกำลังจะเลี้ยวเข้าหมู่บ้าน พอดีมีรถกระบะสวนมา 1คัน ก็ชนเข้าอย่างจัง รู้สึกตัวตลอดค่ะ ไม่ได้หมดสติ ตัวเรานั่งอยู่รู้สึกชาที่ชา หันไปมองคนขับวินมอเตอร์ไซต์ นอนคว่ำอยู่ใกล้ ๆ เห็นเค้านอนชักเลย นึกในใจว่าดีนะ ที่เราไม่เป็นไรมาก แต่ที่ไหนได้ ขาขวาเราหักตั้งสามท่อน กระดูกแตกอีก วันนั้นเจ็บมากเลยค่ะ พยามยามคิด พุทโธ ๆ แต่คิดเท่าไหร่ก็ไม่หายเจ็บ คำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงคำ คำสอนของสมเด็จองค์ปฐม ตอนนั้นเข้ามาในหัวหมดเลย เช่น ถ้าเราไม่เกิด เราก็ไม่ต้องมาทนเจ็บแบบนี้ นี่ถ้าตายไปเลย แล้วนึกถึงบุญไม่ทัน คงไปเกิดในอบายภูมิแน่ เพราะตอนนั่งวินนั้น มัวแต่ใจลอยคิดนั่นคิดนี่ (เกือบแย่ไปแล้ว) ส่วนรถกระบะที่ชนที่แรกก็ขับหนี แต่ไปได้ไม่ไกลเกิดยางแตก ก็จับได้ สุดท้ายเค้าก็ต้องมาดูแลรักษาเรา นี่ถ้าเค้าหนีไปได้ เราคงแย่สุด ๆ เพราะค่ารักษาที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ 4 วัน รวมค่าผ่าตัดใส่เหล็กที่น่อง รวมเป็นเงิน 80,000 บาท ก็นับว่ายังพอมีบุญอยู่บ้างที่ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาเอง โดยส่วนตัวก็ไม่ได้โกรธคนขับวิน และคนที่ขับมาชนเลยค่ะ เพราะเข้าใจว่าเป็นกฏแห่งกรรม ยังรู้สึกว่าโชคดีด้วยซ้ำที่เป็นแค่นี้ เพราะหน้าตาไม่เป็นอะไรเลยค่ะ เสียตรงขานี่แหล่ะ ที่มีแผลผ่าตัด แล้วก็แขนถลอกนิดหน่อย ส่วนคนขับวินก็ปากแตกกินข้าวไม่ได้ มีแผลตามตัว แต่รถมอร์เตอร์ไซต์นี่พังยับเลยค่ะ ประมาณว่าคนที่เห็นรถมอเตอร์ไซค์แล้วบอกว่า ไม่น่ารอด โดยส่วนตัวนะคะคิดว่าก่อนหน้านี้หากยังคิดไม่ได้ หากยังไม่มีจิตใจฝักใฝ่ในธรรมะล่ะก้อ คงจะแย่กว่านี้แน่

    แต่ตอนนี้ก็รอดมาแล้วค่ะ รออีกไม่กี่เดือนก็จะเดินได้ปกติแล้ว รู้สึกโชคดีจริง ๆ ที่วันนี้ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อที่จะสร้างบุญเพิ่มได้อีก ทาน ศีล ภาวนา ต้องรีบทำค่ะ ช้าไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่วันตายจะมาถึง
    อยากให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่ได้เข้ามาอ่านตรงนี้ นำเรื่องของเราไว้เป็นอุทาหรณ์นะคะ
    หมั่นสร้างความดี ทาน ศีล ภาวนา อย่าได้ขาด เพราะเราอาจไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอีก

    "ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต"

    สาธุค่ะ
     
  11. ลูกท่าน

    ลูกท่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +1,649
    ตอนนี้ ผมเองก็กำลังเผชิญเคราะห์กรรมซ้ำหนักครับ
    ถามว่า เป็นเพราะอะไร ทั้งที่ผมเป็นคนทำบุญ-ทาน
    เนื้อแท้เป็นคนประกอบกรรมดี แต่แน่นอนว่า
    เราเองก็เป็นคนสร้างต้นตอบางอย่างเอาไว้
    ที่เป็นผลกรรมได้วิ่งตามกลับมาอย่างทันที
    จนผมแทบลุกไม่ไหวแล้วในช่วงนี้ แทบจะ "ติงต๊อง"...
    แบบที่คุณเคยเป็นเช่นกัน อิอิ

    อาการติงต๊องคือเบลอๆๆๆๆ งงกับตัวเอง หลอนๆ
    หาทางออกไม่ได้เลย มันมีความรู้สึกเงียบๆ กลัวๆ
    บอกไม่ถูก แบบว่าบางทีเหมือนจะขาดอาการหายใจ

    เหมือนเรากังวลกับการแก้ปัญหาที่เข้ามาปัจจุบันทันด่วน
    จนตั้งสติไม่ได้ คลำหางทางออกมือตันไปหมด
    งานการที่ทำอยู่สมาธิหายหมด กระเจิงหมด
    เหนื่อยมากครับ แต่ไม่โทษใคร ก็เราเริ่มเองครับ

    แต่ก็อยากหาทางออกที่รวดเวครับ
    จะได้มีสติทันท่วงที ก่อนที่สติมันจะแตกเสียก่อน อิอิ

    แนะนำทางแก้ไขของคุณบ้างครับ เผื่อเป็นประโยชน์กับผม
    และเพื่อนๆ ในช่วงโอกาสเคราะห์ซัดบ้างนะครับ
     
  12. ลูกท่าน

    ลูกท่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +1,649
    ขอบพระคุณสำหรับแง่คิดดีๆ ครับ
    ผมเองก็เป็นคนทำบุญ-ทาน ยึดมั่นในความดี
    บาปแทบไม่เคยทำเลยทั้งในด้านกายกรรม วจีกรรม
    และแม้กระทั่งมโนกรรม (มโนกรรมในส่วนของผม คือ
    สมมติว่ามีคนมาด่าเรา ชนเราจนล้ม หรือโกงเรา หลอกเรา
    ปกติใจเราต้องเริ่มคิดเอาความเค้า
    หรือเริ่มคิดว่า เอ้ย ทำแบบนี้ได้ไง
    แต่ใจผมแทบจะผ่านความรู้สึกโกรธตรงนี้ไปได้เลย
    คือเป็นความไม่โกรธเคืองเค้าได้เลย ให้อภัยในใจได้เลยครับ)

    ศีล 5 นี่ ครบหมด บริสุทธิ์หมดครับ
    ที่หลุดบ้าง อาจเรื่องมุสาเล็กน้อย
    แต่แน่นอน เคราะห์กรรมที่ผ่านมาหนักๆ ช่วงนี้
    น่าจะเกิดจากการมุสาบางอย่าง ที่ต้องทำไปเพราะ
    ไม่อยากให้บางคนเค้าไม่สบายใจ เลยต้องทำ ทั้งที่ไม่อยาก

    น่าจะเป็นกรรมหนักต่อผมเลยในปีนี้
    ผ่านมาคลุกคลั่กตลอดครับ เหนื่อยมากกกกกกกกกกกกก
    ยอมรับว่าเหนื่อยมากครับหนักไล่อาทิตย์กันเลย
    ตั้งแต่มกรา ซึ่งต้นมกราดีมาก ดวงดีสุดโต่ง
    แล้วล้มครืนมาเลย จนถึงวันนี้ แบบ non-stop

    ขนาดผมทำบุฯทานบารมีเสริมอย่างเต็มพิกัด
    มันก็ช่วยได้แค่บางส่วน แล้วก็กลับมาพลิกอีก
    เหมือนไม่ใช่การสุ่มเลย เหมือนเค้าจะซัดโดนเป้าจังๆ

    ตอนนี้บอกเลยว่าคุมสติแทบไม่อยู่ครับ
    ปกติผมควบคุมสติได้ดีมากกกกกก
    แต่เพระผลกรรมอันนี้และหลายๆ อันที่ซัดเข้ามา
    พร้อมกัน และตลอดเวลาในช่วง 1-3 เดือนนี้

    ท้อครับ พยายามหาทางแก้ และผ่อนให้เบาลง
    พยายามดึงธรรมะเข้ามาช่วยเสริมเหมือนที่ผมเคยรู้ทางออก
    แต่สติและจิตใจมันแทบไม่ยอมรับเลย ผมเหนื่อยมาก
    อยากกลับไปสู่สภาพเดิมๆ ที่เคยใช้สติคุมตนเองได้เยี่ยม

    อยากกลับไปสัมผัสความรู้สึกแบบนั้นอีกครับ
    พยายามอยู่

    ใครมีคำแนะนำ*บทความสอนใจ เตือนใจดีๆ
    โค้ตมาให้อ่านบ้างนะครับ อนุโมทนาบุญด้วยครับ

    หรือมีทางแก้กรรมให้เบาหน่อย ไม่ต้องหใหยไปครับ
    กรรมอยู่กับเราก็ได้ แต่อย่าฟาดผมหนักมากแบบนี้
    ขอช่วงหายใจบ้าง เดี๋ยวไม่มีแรงชกต่อยกับกรรมพอดีนะ

    กรรมเจ้าเอ๋ย
     
  13. mib8gdviNz

    mib8gdviNz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +1,524
    เหมือนจะไ่ม่เคยหนีแหะ

    ยืนยืด อก รับกรรมอยู่

    หึหึ~..
     
  14. Marthaporn

    Marthaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +235
    ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณ "ลูกท่าน" ด้วยนะคะ ธรรมะคือยารักษาโรคกรรมที่ดีที่สุดค่ะ

    เมื่อก่อนกอล์ฟเองก่อนที่จะประสบปัญหาหนัก ๆ ก็ทำบุญ ทำทาน ทำบาป ปะปนกันไปค่ะ

    แต่กรรมเมื่อถึงเวลาส่งผลแล้ว เท่าที่ศึกษามาไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ทัน พูดง่าย ๆ คือ หนีไม่ทันแล้ว ก็ต้องทำจิตให้ยอมรับกฏแห่งกรรมนั้น

    จงเห็นธรรมดาในธรรมดาให้มาก ๆ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นธรรมดา เดี๋ยวมันก็ผ่านไป

    การแก้กรรม คือการแก้ไขที่ตัวเราค่ะ ไม่ต้องไปหาทางแก้ที่ไหนหรอก เข้าใจความรู้สึกของคนที่กำลังรับกรรมอยู่ตอนนี้นะคะ เพราะเมื่อก่อนก็เป็นค่ะ พยายามหาทางแก้กรรม อยากไปทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้ เพื่อที่จะให้กรรมเบาบางลง แต่ขอบอกว่าไม่ได้ผลค่ะ พระพุทธเจ้าก็ไม่เคยสอนให้ใครไปแก้กรรมที่ไหน ในเมื่อตัวเราเองไม่สร้างบุญสะสมไว้ แม้แต่เทพเจ้าองค์ไหนก็ช่วยไม่ได้ ตอนนี้ทางแก้ที่ดีที่สุดต้องพยายามสะสมบุญบารมี ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ค่ะ แล้วอธิษฐานทุกครั้งที่ทำบุญ หรือทำความดี

    อีกวิธีนึงที่ได้ผลเร็วก็คือ การนั่งกรรมฐานค่ะ เพราะกรรมฐานสามารถแก้กรรมได้จริง ๆ ค่ะ อยู่ที่ว่าตัวเราจะทำได้ถึงขั้นไหนแค่นั้นเอง เพราะกอล์ฟเองก็ยังทำได้ไม่ถึงไหนเลยค่ะ
    จิตใจไม่ค่อยสงบ กิเลสเยอะ แต่ถ้าจะให้ดีนะคะ หากฝึกนั่งทำสมาธิอยู่คนเดียวแล้ว จิตไม่ยอมสงบ แนะนำให้หาเวลาไปนั่งกรรมฐานกับผู้จริง ๆ ค่ะ จะได้ถือโอกาสปรึกษาปัญหาชีวิตที่เราประสบอยู่กับท่านผู้รู้ และผู้ที่สงบท่านอื่น ๆ ด้วย
     
  15. Marthaporn

    Marthaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +235
    ลองอ่านเรื่องนี้ดูนะคะ นำมาประยุกต์ให้เข้ากับตัวเราได้ค่ะ

    ทุกข์เพราะคนรักหนีจากไป (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก)<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สามีภรรยาคู่หนึ่งรักใคร่กันดี แต่พอประสบปัญหาเศรษฐกิจไม่ดี ก็เริ่มมีปากเสียงกันและมากขึ้นๆ จนภรรยาทนไม่ได้ขอกลับไปอยู่กับแม่ ต่อมาเมื่อสามีได้อ่านหนังสือ ทุกข์เพราะคิดผิดก็ได้คิดสำนึกรู้ตัวว่าตัวเองก็ผิดมากเพราะใช้อารมณ์และบ่นมากไป จึงไปเจรจาขอให้ภรรยากลับบ้าน แต่ภรรยาไม่ยินยอม คงพูดถึงเรื่องเก่าๆ ด้วยความเจ็บใจ สามีก็เป็นทุกข์เพราะทั้งห่วงและหวงภรรยา จึงมีจดหมายมาปรับทุกข์กับพระอาจารย์

    พระอาจารย์สอนว่า

    อาตมาได้รับจดหมายจากคุณโยมแล้ว รู้สึกว่าเห็นใจคุณโยมเหมือนกัน แต่ว่าคุณโยมก็ควรพิจารณาให้เข้าใจ และยอมรับความจริงของชีวิต คุณโยมคงจะรู้สึกเป็นทุกข์และคิดว่าตัวเองเป็นคนที่โชคร้ายมากคนเดียวในโลก แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่คุณโยมกำลังประสบอยู่ก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ทุกชีวิต ไม่มากก็น้อย ไม่ปัจจุบันก็ในอนาคต ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

    ความรู้สึกผิดหวัง ไม่สมปรารถนา เสื่อมลาภ ทุกข์ เป็นโลกธรรมฝ่ายที่ให้โทษ แต่ทุกคนก็ล้วนต้องประสบ ถ้าเราศึกษาพุทธประวัติ จะพบว่าแม้แต่พระพุทธองค์เองก็ประสบเหมือนกัน เมื่อครั้งพระพุทธองค์เสด็จหนีออกจากวังไปบวชเพื่อแสวงหาความพ้นทุกข์ เพื่อช่วยตนเองและผู้อื่นนั้น แม้ว่าเป็นเจตนาที่ดีก็ตาม แต่เมื่อดูความรู้สึกของพระบิดา พระมเหสี พระโอรส และพระญาติของพระองค์ ก็คงมีความรู้สึกเหมือนคุณโยมในปัจจุบันนี้เช่นกัน
    นอกจากนั้น ลูกศิษย์ของพระองค์เองคือ พระเทวทัต ก็ได้พยายามฆ่าพระองค์อยู่หลายครั้ง และมีช่วงหนึ่งพระราชาผู้ซึ่งเป็นโยมอุปฐากของพระพุทธองค์มีเหตุให้ต้องยกกองทัพไป ฆ่าพระญาติของพระองค์ทั้งหมด พระพุทธองค์ได้ทรงห้ามถึง 3 ครั้ง จนถึงครั้งที่ 4 พระองค์ทรงพิจารณาแล้วว่าเป็นกรรม ไม่สามารถห้ามได้ เป็นเหตุให้ราชวงศ์ศากยะถูกฆ่าหมด พระพุทธองค์หมดสิ้นพระญาติตั้งแต่บัดนั้น และครั้งหนึ่งพระองค์เสื่อมเอกลาภถึงขนาดที่ทั้งพระองค์และหมู่ภิกษุต้อง ฉันอาหารที่ใช้เลี้ยงม้าตลอดทั้งพรรษา

    ในบางพรรษา ลูกศิษย์ของพระพุทธองค์มีเรื่องขัดแย้งถึงแตกสามัคคีกัน พระองค์ทรงห้ามอย่างไรก็ไม่เชื่อฟัง พระองค์จึงเสด็จหนีไปจำพรรษาอยู่ในป่าตามลำพัง อีกครั้งหนึ่งที่โลกธรรมฝ่ายที่เป็นโทษเกิดแก่พระพุทธเจ้า คือเมื่อ พระองค์ถูกชาวเมืองนินทาว่าร้าย เพราะถูกนักบวชนอกศาสนาใส่ความว่า พระองค์ทำให้อุบาสิกาตั้งท้อง

    ให้คุณโยมน้อมพิจารณาดู แม้แต่พระพุทธองค์ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาบุรุษของโลก ชีวิตของพระองค์ก็ไม่ราบรื่นเช่นกัน พระพุทธองค์ก็ได้ตรัสสอนว่า ชีวิตเป็นทุกข์

    ทุกข์สัจจะได้แก่

    1.
    ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย เป็นทุกข์
    2.
    ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่ชอบใจ ก็เป็นทุกข์
    3.
    ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์
    4.
    ความผิดหวัง ไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการ ก็เป็นทุกข์

    สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความจริงของชีวิต
    เราจึงควรยอมรับความจริงเหล่านี้
    ไม่มีชาวโลกคนใดจะหนีพ้นได้

    ปัญหาคุณโยมกับภรรยานั้น ถ้าพูดถึงความถูกผิดแล้ว
    ต่างก็ผิดเหมือนกัน ถูกผิดเท่ากัน
    ดังนี้ ต่างคนควรหาข้อเสียของตัวเอง

    สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ก็เป็นความพอดีกับการกระทำที่แต่ละคนได้ทำมา
    ถ้าผิดฝ่ายเดียว ปัญหาคงไม่เกิด
    เหมือนกับตบมือข้างเดียว เสียงย่อมไม่ดัง

    ดังนั้น สิ่งที่ควรปฏิบัติ คือ

    ประการที่หนึ่ง ทำความรู้สึกปล่อยวาง เพื่อให้ใจสงบ

    ประการที่สอง เจริญเมตตา พยายามส่งกระแสใจที่เป็นความปรารถนาดี เป็นความรักที่บริสุทธิ์ให้แก่ภรรยา อาจใช้วิธีนึกเห็นมโนภาพ เห็นหน้าเห็นตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใจของเขา ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนกับใคร ขอให้เขามีความสุข ให้พยายามเจริญเมตตา คิดดี พูดดี ทำดี ทั้งแก่ตัวเราเองและแก่ภรรยา ผลก็คือ ตัวเราก็จะเกิดความสุขด้วย

    ประการที่สาม ถ้าพูดในระยะยาวถึงเรื่องภพชาติแล้ว คุณโยมและภรรยาคงเคยผูกพันกันมาตั้งแต่อดีตชาติ จึงเป็นเหตุให้ชาตินี้ได้เป็นสามีภรรยากัน และต่อไปในชาติหน้าก็อาจจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันอีก

    ถ้าคุณโยมไม่แก้ปัญหาให้เกิดความเข้าใจกัน
    ไม่ได้ให้อภัยและอโหสิกรรมให้แก่กันในชาตินี้
    ชาตินี้เป็นอยู่อย่างไร ชาติหน้าก็จะเป็นเหมือนกับที่เป็นอยู่ในชาตินี้เช่นกัน

    ใครได้เปรียบในชาตินี้ ชาติหน้าก็จะเสียเปรียบ
    ใครเสียเปรียบในชาตินี้ ชาติหน้าก็จะได้เปรียบ
    เรื่องกรรมก็เป็นเช่นนี้
    ใครฆ่าเราในชาตินี้ ชาติหน้าเราก็ฆ่าเขา

    ถ้าชาตินี้เขาทอดทิ้งเรา ชาติหน้าเราก็ทอดทิ้งเขา
    ถ้าชาตินี้ใครนอกใจเรา ชาติหน้าเขาก็จะถูกนอกใจเช่นกัน
    เรื่องที่คุณโยมประสบอยู่ในขณะนี้
    ชาติก่อนคุณโยมอาจเป็นฝ่ายทำเขาก่อนก็เป็นได้

    ดังนั้น ถ้าเรามองจากทั้ง 2 ฝ่ายในระยะยาวแล้ว
    ต่างคนจึงต่างเป็นผู้ผิด
    เหมือนไก่กับไข่ซึ่งไม่มีเงื่อนงำว่าอะไรเกิดก่อนกัน
    ในเรื่องนี้ก็ไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครผิดก่อนกัน

    เมื่อเราเข้าใจเช่นนี้แล้ว พิจารณาดูจะเห็นว่า
    สิ่งที่เป็นอยู่ในขณะนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัว
    เพราะถ้ายังอยู่ในสภาพนี้ ชาติต่อๆ ไป ก็จะเป็นเช่นนี้เรื่อยไป
    ทำให้ต้องทุกข์ต่อไปหลายภพหลายชาติ

    ผู้ที่ไม่ประมาทจึงควรแก้ปัญหาในชาตินี้
    ดังนั้น สิ่งที่เราทำได้ คือคิดแก้ปัญหาที่ตัวเราก่อน แก้ที่ใจเรา

    สิ่งที่ควรปฏิบัติ คือ

    (1)
    ยอมรับความจริงดังกล่าว
    (2)
    ปล่อยวางอดีต ให้เหมือนกับไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
    (3)
    ให้อภัย เจริญเมตตา ไม่ถือโกรธ ไม่อาฆาตพยาบาทเขา
    (4)
    ทำใจเราให้สงบ

    เมื่อทำได้เช่นนี้จริงๆ เราจะอยู่ด้วยกันในชาตินี้ก็ดี ชาติหน้าก็ดี
    ก็อยู่ด้วยกันอย่างปกติสุขได้

    การคืนดีกันในชาตินี้ จะได้หรือไม่ ไม่ควรถือว่าสำคัญ
    ขอให้เรามีจิตใจที่จะคืนดีแก่เขาอยู่ในตัวเราก่อน
    ปฏิบัติตนเป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำดี
    จนเขารู้จัก เข้าใจ และเห็นใจเรา
    และควรจะปฏิบัติให้มีการอโหสิกรรมแก่เขา
    ซึ่งก็เหมือนช่วยตัวเองด้วย อย่างน้อยเราก็จะมีชีวิตที่เป็นสุขได้

    ในเรื่องภรรยาและลูกก็ไม่ต้องห่วงอะไรมากนัก
    ขณะนี้เราอาจจะมีความรู้สึกว่าเขาหนีจากเราไป
    ถ้าลองเปลี่ยนความคิดดู พลิกนิดเดียว
    ลองคิดว่า เราจะหนีจากเขาบ้าง
    ลองมาบวชดูชั่วคราว
    หรือจะบวชตลอดไปก็ได้ ถ้ามีความสุข
    เพราะความสุขความสบายจากการอยู่คนเดียวก็มีเหมือนกัน

    อย่างที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า
    การไม่มีภรรยา เป็นลาภอันประเสริฐ
    ถึงจะอยู่คนเดียว ก็พยายามอยู่ให้มีความสุข
    เขาจะกลับมาก็ได้ ไม่กลับมาก็ได้

    สุดท้ายนี้ ขอให้คุณโยมพิจารณาให้ดีๆ
    ปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักพุทธธรรม สมเหตุ สมผล
    และขอให้บรรเทาทุกข์ พ้นทุกข์โดยเร็วๆ นี้
    ขอให้มีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป..... เจริญพร<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...