หนาวนิวเคลียร์

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 6 ธันวาคม 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    หนาวนิวเคลียร์

    [​IMG]

    การระเบิดอันรุนแรงของนิวเคลียร์.

    อากาศแปรปรวนกันไปทั้งโลกทีเดียวค่ะ จนผู้เชี่ยวชาญบางท่านออกมาบอกว่า อีกไม่นานต่อจากนี้ เราอาจจะได้เห็น "หิมะ" ตกในประเทศไทย ...

    สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านไทยรัฐ ซันเดย์ สเปเชียล โดยทีมงานต่วย'ตูน ทุกท่าน อากาศช่วงนี้แปรปรวนอยู่พอสมควรนะคะ เดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อน ไม่รู้ว่าตกลงจะเข้าหน้าหนาวเมื่อไหร่กันแน่ เรียกได้ว่า อากาศแปรปรวนกันไปทั้งโลกทีเดียวค่ะ จนผู้เชี่ยวชาญบางท่านออกมาบอกว่า อีกไม่นานต่อจากนี้ เราอาจจะได้เห็น "หิมะ" ตกในประเทศไทยก็เป็นไปได้ ถ้าอย่างนั้น ก็เตรียมตัว "หนาว" กันได้เลย ทั้งหนาวกายและหนาวใจ เพราะหากเกิดขึ้นจริง แสดงว่า "โลก" ของเรากำลังย่ำแย่แล้วล่ะค่ะ

    แต่ที่น่ากลัวกว่านั้น และไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นเลย คือความหนาวอีกประเภทหนึ่ง ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์เรียกว่า "หนาวนิวเคลียร์" อันว่า หนาวนิวเคลียร์นี้เป็นอย่างไร จะพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกันเดี๋ยวนี้แหละค่ะ

    [​IMG]

    การเผาบ่อน้ำมันในคูเวต.


    คำว่าหนาวนิวเคลียร์นี้ เป็นคำศัพท์กลางเก่ากลางใหม่ ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์เริ่มพูดกันมาราวๆ 30 ปีแล้ว หลังจากได้เห็นผลกระทบที่ชัดเจนจากระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกของโลกที่สหรัฐอเมริกาถล่มเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 และหลังจากนั้น ก็เกิดสงครามเย็น ที่ประเทศมหาอำนาจพากันสะสมอาวุธปรมาณู ทำให้เกิดการวิตกกังวลกันว่าหากเกิดสงครามครั้งใหม่ แล้วใช้นิวเคลียร์ถล่มกันแบบเต็มที่จริงๆโลกเราอาจจะเข้าไปสู่จุดที่ใกล้คำว่าอวสาน

    มีการวิเคราะห์กันในช่วงแรกๆว่า หากเกิดสงครามนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ขึ้น ผลของระเบิดจะก่อให้เกิดควัน เขม่า ฝุ่น และกัมมันตภาพรังสี ที่ฟุ้งขึ้นไปสู่บรรยากาศชั้นสูงของโลก ก่อให้เกิดการบดบังแสงอาทิตย์ แหล่งพลังงานสำคัญของโลก จนปิดกั้นไม่ให้รังสีสุริยาผ่านสิ่งสกปรกเหล่านี้เข้ามาได้ ดังนั้น ความอบอุ่นที่เคยมีก็จะหายไป เหลือไว้เพียงความเย็นยะเยือกของโลกที่ปราศจากแสงสุรีย์ กลายเป็นโลกแห่งความหนาว ที่ถูกเรียกขานกันว่า หนาวนิวเคลียร์

    [​IMG]

    หากโลกเกิดภัยพิบัติ เราอาจต้องอยู่กับความมืดมิดและเหน็บหนาวเช่นนี้ (ภาพจาก The Road)

    หนาวนิวเคลียร์นั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความหนาวแต่เพียงอย่างเดียว แต่การที่ไม่มีแสงอาทิตย์ ยังส่งผลต่อเนื่องให้ไม่สามารถเพาะปลูก นั่นหมายถึงการไร้ซึ่งพืชอาหาร ในขณะที่กัมมันตภาพรังสีที่ตกค้างจากระเบิดนิวเคลียร์ ก็จะส่งผลกระทบกับสุขภาพมนุษย์ ที่ทั้งหนาวและทั้งไม่มีจะกินอยู่แล้ว ให้ป่วยหนักกันมากขึ้น หนาวนิวเคลียร์จึงเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการล่มสลายของเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสรรพสิ่งต่างๆบนโลก

    เมื่อ 3 ปีก่อน บรรดานักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าของโลกได้รวมตัวกันในการประชุมสหภาพนักธรณีฟิสิกส์ และได้มีการเปิดเผยผลการวิจัยที่ชัดเจนขึ้นว่า ไม่ต้องก้าวไปถึงสงครามระดับสงครามโลกหรอก แค่สงครามในภูมิภาคระหว่าง 2-3 ประเทศ ก็อาจจะก่อให้เกิดหนาวนิวเคลียร์ไปทั่วโลกแล้ว

    ผลการวิจัยแจ้งชัดว่า หากมีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ขนาดประมาณ 50 เท่าของระเบิดลูกแรกที่ฮิโรชิมา ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น "ทันที" คือ ผู้คนล้มตายยิ่งกว่าใบไม้ร่วง ประมาณ 3-17 ล้านคนแล้ว แต่ว่าสงครามจะอุบัติขึ้นตรงไหน หลังจากนั้น ฝุ่น เขม่า จำนวน 5 ล้านตันจะพุ่งขึ้นไปถึงความสูงประมาณ 50 ไมล์ เลยชั้นบรรยากาศสตาร์โตสเฟียร์ไปอีก เป็นการปิดกั้นแสงสว่างและความอบอุ่น

    [​IMG]

    ซากเมืองฮิโรชิมาหลังถูกถล่มด้วยนิวเคลียร์.

    และอย่าหวังเลยว่า ฝุ่นผงนี้จะถูกน้ำฝนชะล้างให้หายไปได้ในระยะเวลาสั้นๆ เพราะ ณ ชั้นบรรยากาศที่สูงขนาดนั้น ไม่มีการก่อกำเนิดฝน ดังนั้น ฝุ่นจะคงอยู่นานนับปี หรืออาจจะนับทศวรรษ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คาดว่า ใน 3 ปีแรกของสถานการณ์หนาวนิวเคลียร์นี้ อุณหภูมิโดยรวมของโลกจะลดลงประมาณ 2 องศาฟาเรนไฮต์ และลดต่อเนื่องไปเรื่อยๆ อีกนับสิบปี และไม่ต้องพูดถึงพืชพรรณธัญญาหาร เพราะไม่มีอะไรงอกงามได้แน่ เมื่อปราศจากความเมตตาของพระสุริยา ถือเป็นหายนะยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งที่น้ำมือของคนเราจะก่อให้เกิดขึ้นได้

    นอกจากนี้ จากการวิจัยเพิ่มเมื่อปีที่แล้ว ก็มีการประเมินว่า นอกจากการปิดกั้นความอบอุ่นแล้ว ฝุ่นที่จะฟุ้งขึ้นไปอยู่ "ข้างบนโน้น" ยังจะไปเจอแก๊ส เกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ทำให้ชั้นโอโซนที่เราหวงกันหนักหนา กลายเป็นรูโหว่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆกลายเป็นว่า ในขณะที่ฝุ่นผงปิดกั้นแสง แต่กลับจะมีการเปิดช่องให้รังสีแสงอัลตราไวโอเลตเข้มข้นที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์หลุดรอดเข้ามา "ฆ่า" คนที่เหลือรอดมาได้ต่อไปอีก

    [​IMG]

    นิวเคลียร์ถล่มที่ฮิโรชิมา.

    บางคนอาจจะบอกว่า โอ๊ย...ตอนนี้ไม่ต้องวิตกกังวลกับหนาวนิวเคลียร์แล้ว เพราะภาวะสงครามเย็นของบรรดามหาอำนาจไม่มีอีกแล้ว แต่คงต้องบอกว่า อย่าเพิ่งชะล่าใจไป แม้สงครามใหญ่ๆจะไม่เกิด แต่สงครามเล็กๆก็ส่งผลที่น่ากลัวเหมือนกัน เช่น ตอนที่อิรักบุกคูเวตเมื่อปี ค.ศ.1990 และเผาบ่อน้ำมันของคูเวตไปประมาณ 700 บ่อ แม้จะไม่ใช่เป็นการถล่มกันด้วยระเบิดนิวเคลียร์อย่างที่มีการกลัวกัน แต่ควันจากการเผาบ่อน้ำมัน ก็ทำให้เกิดสิ่งที่อาจจะเรียกได้ว่า เป็นการ "ซ้อมย่อย" ของฤดูหนาวนิวเคลียร์เหมือนกัน เพราะตอนนั้น บรรยากาศของคูเวตถูกปกคลุมไปด้วยควัน กลางวันพลันมืดมิด และบริเวณอ่าวเปอร์เซียก็ได้รับผลกระทบในวงกว้าง ทำให้อุณหภูมิลดลงประมาณ 4-6 องศาเซลเซียสไประยะหนึ่ง นับเป็นการซ้อมย่อยที่เห็นภาพได้ชัดเจนทีเดียวว่า หากเกิดสงครามใหญ่ และเกิดควัน หรือฝุ่นที่มากกว่านี้ หนาวนิวเคลียร์ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

    นอกจากภาวะหนาวนิวเคลียร์จะเกิดจากสงคราม หรือระเบิดนิวเคลียร์ตรงตามชื่อของมันแล้ว สถานการณ์แบบเดียวกับหนาวนิวเคลียร์ยังอาจจะเกิดขึ้นได้จากสาเหตุอื่นอีก เช่น การพุ่งชนของอุกกาบาต หรือดาวเคราะห์น้อย ที่จะส่งผลให้เกิดฝุ่นฟุ้งขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศเหมือนกัน และโลกเราก็เคยมี " ประสบการณ์" มาแล้ว จากกรณีที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปเมื่อ 65 ล้านปีก่อน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เห็นพ้องกันแล้วว่า เกิดขึ้นเพราะอุกกาบาตขนาดใหญ่พุ่งเข้าชนโลกอย่างจัง และเกิดฝุ่นจำนวนมหาศาลปกคลุมโลกให้มืดมิดไปนานปี

    นอกจากสิ่งที่จะมาเยือนจากนอกโลกแล้ว ภาวะในโลกเองก็อาจจะก่อให้เกิดหนาวนิวเคลียร์ได้เหมือนกัน นั่นคือ หากเกิดภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ และพ่นฝุ่นผงออกมาจำนวนมาก เถ้าถ่านภูเขาไฟและกรดกำมะถันจากใต้พื้นโลก ก็จะไปปิดกั้นแสงแดดเหมือนกัน ก่อให้เกิดภาวะหนาวนิวเคลียร์ได้อีกเหมือนกัน และนี่ก็เป็นอีกกรณีที่โลกเราเคยมีประสบการณ์ซ้อมย่อยในเรื่องนี้เมื่อเกิดภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ที่การากาตั้วใน ค.ศ.1883 ซึ่งตอนนั้น บรรยากาศมืดมิดไปนาน และเกิดภาวะหนาวผิดปกติไปราวๆ 4 ปี

    [​IMG]

    กลุ่มควันและเถ้าจากภูเขาไฟพินาตูโบ.

    อีกตัวอย่างหนึ่งคือในปี ค.ศ.1783 ซึ่งตอนนั้น แม้จะเป็นฤดูร้อน แต่อากาศในสหรัฐอเมริกาก็เกิดเย็นผิดปกติ จนเบนจามิน แฟลงคลิน นักวิทยาศาสตร์นามอุโฆษได้ออกมาอธิบายเรื่องนี้ว่าน่าจะเกิดจากฝุ่นภูเขาไฟลาคิที่ระเบิดในไอซ์แลนด์ เกิดทั้งฝุ่นและก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์จำนวนมากขึ้นไปปกคลุมน่านฟ้า ซึ่งตอนนั้น พืชพรรณต่างๆพากันล้มตาย เช่นเดียวกับปศุสัตว์จำนวนมาก ก่อให้เกิดความอดอยากครั้งใหญ่ในไอซ์แลนด์ ประชากรมากถึง 1 ใน 4 ของประเทศล้มตายลง ในขณะที่ซีกโลกด้านบน เช่น ยุโรป อเมริกาเหนือ มีอุณหภูมิลดลงอย่างเห็นได้ชัดในรอบ 1 ปี

    หรือที่ใกล้เข้ามาอีก ก็ในปี ค.ศ.1991 เมื่อภูเขาไฟพินาตูโบในฟิลิปปินส์เกิดพิโรธ พ่นฝุ่นออกมาจำนวนมาก ส่งผลให้อุณหภูมิทั่วโลกก็ลดลงราวๆ 2-3 ปี

    รวมๆแล้ว มีเหตุผลหลายเรื่องที่อาจจะทำให้เกิดสถานการณ์หนาวนิวเคลียร์ขึ้นมาได้ และหากเกิดขึ้นจริง ชีวิตมนุษย์ก็จะเป็น "ตัวประกัน" สำคัญของฤดูหนาวที่ยาวนานนี้ ทำให้นักวิทยาศาสตร์หลายท่านเชื่อว่า หากวาระสุดท้ายของโลกจะมาถึงจริงๆก็น่าจะเกิดเพราะไอ้เจ้าหนาวนิวเคลียร์นี่เองแหละ

    แล้วจะว่าไป ระยะหลังนี้ อาจจะเป็นเพราะความเป็นห่วงโลกอันเป็นที่รักของเรา ทำให้มีคนออกมาพูดหรือทำนายถึงจุดจบของโลกกันบ่อยๆนัยว่าเป็นการเตือนเพื่อให้ช่วยป้องกันไว้รวมถึงนวนิยายเรื่องหนึ่ง จากปลายปากกาของคอร์แม็ค แม็คคาร์ธี คือ เรื่อง "The Road" ซึ่งบรรยายถึงโลกอันมืดหม่น กับมนุษย์จำนวนน้อยนิดที่เหลืออยู่ หลังจากประชากรส่วนใหญ่ล้มตาย ซึ่งแม้ในนวนิยายจะไม่ได้บอกสาเหตุที่แน่ชัดในการล่มสลายของโลก แต่ก็พอจะอนุมานได้ว่า เกิดภาวะหนาวนิวเคลียร์ขึ้น ทำให้คนที่เหลืออยู่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก และต้องใช้ความรักเป็นเครื่องเยียวยาให้อยู่รอดต่อไปได้ และนวนิยายเรื่องเอกนี้ก็ได้รับเลือกให้ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์สาขาวรรณกรรมในปี ค.ศ.2007 ในขณะที่ผู้สร้างภาพยนตร์ชื่อดังของฮอลลีวูดก็ไม่รอช้า รีบขอซื้อลิขสิทธิ์มาสร้างเป็นหนังจอเงินทันที

    เป็นอีกหนึ่งในตัวอย่างอันดีที่จะทำให้เราๆท่านๆได้คิดพิจารณาว่า หนาวนิวเคลียร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่ฤดูหนาวอันยะเยือกไปทั้งกายและใจนี้ อาจจะพอหาทางป้องกันได้ ด้วยความร่วมมือจากพลโลกทุกคน ให้สามัคคีและรักษาสิ่งแวดล้อม

    ก่อนที่ฤดูหนาวอันยาวนานจะมาเยือนโดยไม่รู้ตัว.

    ทีมงานต่วย’ตูน
    ---------------------
    [​IMG]
    <LABEL>ไทยรัฐออนไลน์</LABEL>

    <SMALL>วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ.2552</SMALL>
    หนาวนิวเคลียร์ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  2. F-5E

    F-5E เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +964
    หนาวย่อยๆไปก่อน

    ภัย อื่นนอกจากนิวเคลียร์ ก็ยังมีอีกนะครับนอกจาก หัวรบนิวเคลียร์แล้ว กระสุน กระสุนปืนใหญ่อากาศ กระสุนปืนใหญ่รถถัง ขนาดต่างๆ อเมริกานำ DU ย่อมาจาก ดีพพลีเท็ด ยูเรเนี่ยม คือ เอาแร่ยูเรเนี่ยมที่เสื่อมสภาพแล้ว มาทำเป็นหัวกระสุน อย่างที่เรารู้ๆกันว่าคุณสมบัติ ของยูเรเนี่ยม ในทางเคมีนั้น หนักและหนาแน่นกว่าตะกัวสองเท่า และแข็งหว่าไทเทเนียม2เท่า และแข็ง ก่า เหล็กอีก3เท่า และคุณสมบัติของมัน เวลาถูกยิงออกไป แล้วกระทบเป้า มีอำนาจทะลุทะลวงสูงมาก และกระทบเป้าแล้ว ก็จะเกิดการรั่วไหล เหมือน ปรมาณู ขนาด ไมโครปรมาณู ย่อยๆ เวลากระทบเป้า จะเกิดความร้อนสูงมาก และมีการแพร่ของละอองกัมมันตภาพรังษี นอกจากนี คุณสมบุติทางเคมีของมัน คือ ออกไซด์ จะเป็นพิษ เมื่อได้สูดดม สัมผัสกับละอองของหัวกระสุนที่กระทบเป้า จนแตก แล้ว ก็จะคล้ายๆกับ สารหนู แล้วแถม ยังตกค้างในบริเวณนั้นเป็นเวลานานมาก ไม่แน่ในว่า ยุทธการพายุทะเลทราย ครั้งล่าสุดมีการ ใช้ ยิงจาก รถถัง M1 สหรัฐ เข้าใส่ รถถัง ที72 ของอิรัค หรือไม่ เท่าที่รู้นี้ ตัวถังของที72เป็นเหล็ก หนามาก แต่ ว่า เท่าที่ดูในภาพจากสื่อต่างๆ รู้สึกว่า รถถังของอิรัค ถูกรถถังสหรัฐทำลายนั้น รูที่ ตัวรถถัง เหมือน ปืนอัดลม เจาะเป้ากระดาษบางๆ ยังไงอย่างงั้น สหรัฐเองได้ปฎิเสฐต่อสื่อว่าไม่มีการใช้กระสุนดังกล่าวในอิรัก แต่ที่แน่ๆ คือ ทางกองทัพได้ยอมรับว่า กระสุนชนิดนี้ ได้ผลิตออกมาประจำการในกองทัพสหรัฐแล้ว ที่ทราบมากคือ ตั้งแต่ 30 มิลเมตร จนถึง 155 มิลลิเมตร เป็นกระสุน DUทั้งนั้นและจะใช้กับปืนประจำเครื่องบินรบ และรถถัง เป็นหลัก


    จากรูป รูปแรก คือ หน้าตาของกระสุนที่ใช้หัวกระสุนที่ผลิตจาก กากยูเรเนี่ยม235
    รูปที่สองคือ ถังบรรจุ กากยู235 (ภาพจาก อินเตอร์เน็ต)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image016.jpg
      image016.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.8 KB
      เปิดดู:
      140
    • image012.jpg
      image012.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.8 KB
      เปิดดู:
      116
  3. F-5E

    F-5E เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +964
    ปรมาณูลูกแรก

    การทดลองปรมาณู ครั้งแรก ก่อนทิ้งที่ฮิโรชิม่า นั้นผมไม่แน่ใจว่าทดลองที่ทะเลทราบใด ในสหรัฐ ไม่แน่ใจว่าในเนวาด้าหรือเปล่า แต่ว่าความร้อนนั้น ที่เกิดเมื่อมีการระเบิดขขึ้นนั้น สูง ขนาดที่ว่าทรายหลอมละลายติดกันเป็นผลึกเลยล่ะ ซึ่งตอนนั้น อนุภาพของ ปรมาณู ยุคนั้นแค่ สิวๆ แล้วการที่จะขนไปทิ้ง นี่ สังเวยชีวิตคนนับไม่ถ้วน ทั้ง ลูกเรือของ เรือลาตเวณหนัก ยูเอสเอสอินเดียนน่าโปลิส ถูก ตอปิโดจากเรือดำน้ำยิงจมลง ในระหว่างขนระเบิดปรมาณู ทั้งสองลูก ไปยัง ฐานบิน ใน เมือง ทีเหนียน ประเทศจีน และ ลูกเรือ ที่รอดชีวิต ตกเป็นเหยื่อ ของปลาฉลาม สุดท้ายรอดได้เพียง สิบกว่าคน จากลูกเรือนับร้อย ถ้าผมจำไม่ผิด
    ต่อมาเมือมีการเคลื่อนย้ายระเบิดไปยังฐานบินใน ทีเหนียนแล้ว ก็ ได้มีการทดสอบ ติดตั้ง ระเบิด กับเครื่องบิน บี 29ป้อมบินยักษ์ 4 เครื่องยนต์ ผมไม่แน่ใจว่า เขาใช้วัสดุใด ทดสองน้ำหนักแทยลูกระเบิดจริง เพื่อ ติดตั้ง กับเครื่อง บี-29 แต่ที่แน่ๆ ในการทดสอบ บินขึ้นในน้ำหนักที่ต้องบรรทุกนั้น คร่าชีวิต นักบินและลูกเรือ สองถึงสามชุด เพราะว่า เครื่องบินไม่พื้นพื้นทางวิ่ง เชิดหัวไม่ขึ้นเพราะมันหนักมาก แล้วเกิดอุบัติเหตุ ตกพื้นทางวิ้งระเบิด ไม่แน่ใจว่า 1 หรือ2 ตัว ที่ ตกไปนะครับ
    สุดท้ายก้มีการลดน้ำหนัก และ มีการปลดชนวนนิรภัย กับลูกระเบิด fatboy(ชื่อลูกระเบิดปรมาณูที่ทิ้งที่ฮิโรชิม่า) และได้มีการติดตั้งและบินขึ้นปฎิบัติภาระกิจสำเร็จ
    โดย เครื่อง บี-29 ชื่อของเครื่องบิน คือ อีโนล่าเกย์ ท้ายสุด ลูกเรืออิโนล่าเกย์ หลังจากปฎิบัติภาระกิจ เสร็จสิ้น ก็ ทยอย ป่วยตาย ไปทีละคนสองคน จาก กัมมันภาพรังษี ไม่แน่ใจว่า 1 ในนั้น มีคนตาบอดหรือเปล่า .........นี่ขนาดฝ่ายที่นำไปทิ้งยังโดนขนาดนี้ นะนี่

    <ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต >
    รูปแรก ลูกเรือของอิโนล่าเกย์
    รูปที่สอง เดอะแฟทบอย ปรมาณูที่ทิ้งที่ญี่ปุ่น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2009
  4. F-5E

    F-5E เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +964
    เปิดประตู่สู่สงครามเย็น

    หลังจาก ญี่ปุ่นยอมจำนนต่อฝ่ายพันธมิตร และยิมยอมชดใช้หนี้ปฎิกรรมสงครามแล้ว โลกของเราก็เริ่มเข้าสู่สงครามเย็น โดย ยุทธภูมิเกาหลี เป็นเวทีมวยยกแรก ของ โลกเสรี กับโลกคอมมิวนิสต์ โดย เกาหลีเหนือถูกสนับสนุนโดยรัฐบาลจีน ซึ่งมี โซเวียน หนุนหลังอยู่ และ เกาหลีใต้ โดยมีอเมริกาเป็นพี่เลี้ยง และชกเองด้วย ในบางครั้ง โดยมี ไทยเราเจ้าร่วมในสมรภูมินี้ด้วยอย่างเป็นทางการ เหตุที่ ว่าหนุนหลังนั้น สังเกตุที่เครื่องบินรบของรัสเซีย ซึ่งเป็นเครื่องแบบมิก15ส่งมาจากโซเวียต เชื่อกันว่านักบินเป็นชาวจีน แต่ เท่าที่ ฝ่าย อเมริกา ซึ่งใช้ เครื่องเอฟ86เซเบอร์ ดวลกันแบบระยะประชิด สังเกตุว่า ทำไมนักบินจีนถึงได้มียุทธวิธีการรบทางอากาศที่ชำนาญ การบินต่อสู้ระยะประชิด นักบินรบเซเบอร์มองเข้าไปที่ห้องนักบินมิก15 เห็นได้ชัดว่านักบินไม่ใช่ชาวจีน แต่เป็น ทหารโซเวียต
    และที่แน่ชัดคือ เครื่อง มิก15ที่บินรบให้เกาหลีเหนือนั้นไม่ยอมบินเข้าใกล้เขต แม่น้ำยาลู เลย เพราะ กลัวว่าจะถูกยิงตกใน เขตเกาหลีใต้ และ ทหารเหาหลีใต้จะพบศพนักบินและจะรู้ความจริง นอกจากนั้น เวลาที่นักบินมิก ถูกยิง เครื่องกำลังตก นักบิน ได้โดดร่มออกมา ได้พบว่า นักบินมิก15 คนนั้น ถูก มิก15 ด้วยกัน ยิงให้ตายกลางอากาศ

    เวทีต่อมา ก็เข้าสู่ยุกสงครามเย็น ที่ ว่า พี่เลี้ยงของเกาหลี ของแต่ละฝ่าย ได้ ประจันหน้า สบตากัน อย่างจริงจัง นั้นก็คือ โลกคอมมิวนิสต์โดยโซเวียต กับ โลกเสรีคืออเมริกา ในเวลานั้น โซเวียตได้สะสมอาวุธนิวเคลียร์ ไว้ จำนวนหนึ่ง แต่ อเมริกานั้น สะสมไว้ มากกว่าโซเวียต ถึง3เท่า โลก อยู่ในสภาวะ ตึงเครียด ทั้งสองฝ่าย ดูเชิงกันอย่างเงียบๆ ไม่มีใครแยบหมักเข้าหาอีกฝ่ายก่อน แต่ใช้วิธีการ ข่มขวัญคู่ต่อสู้ ด้วยการพัฒนาของอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งในด้านการทหาร และในทางสันติ(ภาพภายนอก)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • mig15-f86.jpg
      mig15-f86.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.2 KB
      เปิดดู:
      168
  5. F-5E

    F-5E เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +964
    ฐานยิงเคลื่อนที่

    เวทีสงครามเย็นมหันตภัยอาวุธนิวเคลียร์
    หลังจากโซเวียตและอมริกา ใช้ เวทีในเกาหลี หยั่งเชิงกันแล้ว ต่างฝ่ายต่างเร่งพัฒนาศักยภาพอาวุธและสะสมอาวุธให้มีความทันสมัย โดย การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ จากในรูปแบบ ระเบิดที่ทิ้งจากเครื่องบิน เป็น รูปแบบ หัวรบ ติดตั้ง บนจรวจ บรรจุไว้ในไซโล ต่างๆ ในประเทศตนเอง แต่ทว่า พิสัยการโจมตี ของจรวจติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์นี้ ไม่สามารถ ยิงถึงอีกฝ่ายได้ เพราะ โซเวียตและอเมริกานั้นอยู่กันไกลเกินซีกโลก การพัฒนา ยังมีต่อไป ได้มีการ นำพลังงานขากนูเรเนียม325มาใช้ในเตาปฎิกรณ์กำเนิดพลังงานความร้อนให้กับเครื่องยนต์ไอน้ำของเรือดำน้ำ ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นดังพลังงานฟรี ให้กับเรือดำน้ำนิวเคลียร์ เพราะ ยูเนเนียม ปริมาณแค่น้อยนิด ก็สามารถทำให้เตาปฎิกรณ์ทำงานกำเนิดไอน้ำ ให้กับเรือดำน้ำได้ โดยไม่ต้องเติมเชื้อเพลิงใดๆ ในการขับเคลื่น นานถึง 2ปีหรืออาจจะ7ปี พลังงานในฝัน เเล่นเรือไปไกลตราบเท่าที่ยูเรเนียมยังไม่หมดสภาพ โดย ของอเมริกาสร้างขึ้นลำแรก ที่รู้จักกันดีในชื่อ
    เรือ นอติลุส [​IMG]

    ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต http://www.goatlocker.org/boats/pics/ssn-571h.jpg
    ในขณะเดียวกัน โซเวียต ก็สร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์นี้เช่นกัน
    และที่เรารู้จักกันดี ใน ชื่อ kursk19 หรือ เค-นายทีน ที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ [​IMG]

    ภาพจาก เว็บ http://history.sandiego.edu/GEN/filmnotes/images3/k19d.jpg
    อันนี้ น่าจะเป็น ลำจริง ที่ จอด ปลดระวางไว้ นะครับ ดูจากสภาพก้สมกะอายุอยู่หรอก ....k-19 ของ โซเวียตนั้น ได่สร้างมาเพือข่มขวัญ อเมริกา
    โดยได้ติดตั้งจรวจข้ามทวีปสำหรับยิงจากเรือดำน้ำ 1 ลูก บริเวณหลังสะพานเรือ แต่ทว่า โซเวียต มักจะทำอะไรที่ผลีผลาม รีบร้อน (สำหรับในความคิดผมนะครับ ฮิฮิ ) k-19 ถูกสั่งให้ออกทะเลเพื่อปฎิบัติภาระกิจโดยทั้งไท่มันยังไม่พร้อม โดย มี นาวาโท นิโคไลน์วาลาดิเมียร์ โรบินซานทีเยฟ ผมดูในหนังเขาก็เรียกซานเทฟนะ แต่ ออกเสียง จริงๆ น่าจะออกเสียง ซานทีเยฟ มากกว่า เขาได้บัญชาการเรือ โดยมีเดินทางสู่ขั้วโลกเหนือ เพื่อทำการ ทดสองยิงจรวด ที่จะใช้ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์

    ในการเดินทาง......k-19 ได้ประจันหน้า กับ เรือ นอติลุส ของอเมริกัน นอติลุส แล่นเรือ ในทิศทางตัดหน้า โดยไม่รู้ว่า k-19กำลังพุ่งเข้ามา ซานทีเยฟได้ สั่งให้ เดินเครื่องถอยหลัง เพื่อหยุดการชนอันจะนำมาสู่หายนะ นั้น **(จากเหตุการณ์นี้ เมื่อเขากลับมอสโคว ผู้บัญชาการกองเรือได้บอกเขาว่า คุณน่าจะชนมัน(นอติลุส) แต่ซานทีเยฟตอบกลับไปว่า ผมเป็นทหารเรือมิใช่โจรสลัด )** หลังจากที่ หยุดการชนกันได้แล้ว K-19ได้ ทำการลอยลำกระแทกแผ่นน้ำแข็ง เพื่อทดสอบการยิง จรวจพิสัยไกลข้าวทวีป และครั้งนั้นเอง
    หลังจากที่โลกได้ตกตะลึงกับเสียงจรวจอวกาศ ของยูริกาการิน
    K-19 ก็ได้ทำให้โลก โดยเฉพาะอเมริกา หนาวสะท้าน จากเสียงจรวดพิสัยไกลข้าวทวีป เป็นอันว่า K-19 สามารถที่จะ ใช้เป็น ฐานยิงจรวดหัวรบนิวเคลียร์ โดยเคลื่อนที่ไปในทะเล และจะยิงที่ใดก็ย่อมได้ แต่ทว่า เป้นอาถรรพ์ หรือ ความผลีผลามของโซเวียต ในการสร้าง ผมเองก็ไม่รู้ เตาปฎิกรณ์ ของ k-19 ได้เสียหาย โดย อุปกรณ์หล่อเย็น ของระบบ รั่ว ทำให้ แกนในเตาปฎิกรณ์ มีความร้อนพุ่งสูง แน่นอนวิธีซ่อมที่ปลอดภัยในทะเลย่อมไม่มีทาง เพราะ แกนในเตาปฎิกรณ์นั้นถูกปิดผนึกตายตัวไว้ หากจะซ่อมในทะเลก้ต้องใช้คนเข้าไป ในห้องปฎิกรณ์ เปิดมัน แล้ว เจาะ รูเตาปฎิกรณ์ เพื่อเชื่อมท่อน้ำ และถ่ายน้ำเข้าสู่ระบบหล่อเย็นแกนใน ถ้ามันสูงถึง 1000องศา ลองนึกดูนะครับว่า
    ถ้าเรา เอากระป๋อง ต้มน้ำปิดฝาแน่นสนิท แล้วต้มจนน้ำเดือด มันจะเป้นไง มันก็จะ บวมแตกเป็นพลุ แต่นี่มันเตาปฏิกรณ์ ถ้าแตก ขึ้นมา ล่ะก็ ไม่ใช่แค่น้ำที่จะ ลวก แต่ รังษีมรณะ ต่างหากที่จะลวกคน จากเหตุการณ์นี้ ลูกเรือชุดซ่อมเตา ตายหลังจาก ถูกรังสีได้สองวัน และ อีก 5คน ในอีก7วัน โดยมี1ในนั้น รอดมาได้อย่างปาฏิหารืณ เมื่อถึงฝั่ง ลูกเรืออีกหลายชีวิต ก็ จบชีวิตลง ในอีก 1เดือน ต่อมา อเมริกาได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ด้วยความดล่งใน ในความล้มเหลวครั้งนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...