สู่แสงธรรม กับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ตอน หลวงพ่อช่วยการกีฬา

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 18 สิงหาคม 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    สู่แสงธรรม กับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ตอน หลวงพ่อช่วยการกีฬา
    [​IMG]
    เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๖ ทางกองบิน ๔ ได้จัดให้มีการแข่งขันกีฬา ประจำปีเหมือนกันเช่นทุกๆ ปีที่ผ่านมา โดยให้หน่วยขึ้นตรงกองบิน ๔ ฝูงบิน ๔๓, แผนกซ่อมบำรุง กองพันอากาศโยธิน, และส่วนกลาง (แผนกอำนวยการ, แผนกสิ่งสาร, แผนกสวัสดิการ ฝ่ายขนส่ง และฝ่ายช่างโยธา) จัดส่งทีมนักกีฬาทั้ง ๔ ประเภท ได้แก่ ฟุตบอล, ตะกร้อ, วอลเล่ย์บอล และบาสเกตบอล เข้าแข่งขันชิงถ้วยของผู้บังคับการกองบิน ๔

    แต่เนื่องจากข้าพเจ้า ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกสื่อสารในขณะนั้นเป็นผู้ที่ชอบการกีฬามาตั้งแต่เยาว์วัยอีกทั้งชอบในการต่อสู้มาก จึงเห็นว่าน่าจะแยกเอา แผนกสื่อสารออกมาจากส่วนกลาง เป็นอีกทีมหนึ่งต่างหากก็จะทำให้วงการกีฬาของกองบิน ๔ คึกคักยิ่งขึ้น จึงได้ทำเรื่องขออนุมัติผู้บังคับการกองบิน ๔ (ในขณะนั้นคือ นาวาอากาศเอก ประหยัด ดิษยศริน ปัจจุบันมียศเป็นพลอากาศเอก และเกษียณอายุราชการแล้ว) ขอแยกทีมจากส่วนกลาง ซึ่งท่านก็อนุมัติ แต่ก็ให้ข้อคิดว่า

    “คุณจะจัดทีมไปสู้ทีมของหน่วยอื่นเขาได้อย่างไร ในเมื่อข้าราชการในแผนกสื่อสารของคุณมีเพียง ๗๐-๘๐ คน ในขณะที่หน่วยอื่นๆ เขามีข้าราชการตั้ง ๓๐๐-๔๐๐ คน แต่เมื่อคุณมั่นใจ ผมก็ไม่ขัดข้องนะ”

    เป็นอันว่า ข้าพเจ้าสามารถจัดทีมนักกีฬาของแผนกสื่อสารเข้าแข่งขันได้ทั้งฟุตบอล, ตะกร้อ, วอลเล่ย์บอล และบาสเกตบอล ซึ่งนับเป็นปีแรกที่มีนักกีฬาของแผนกสื่อสาร เกิดขึ้นมาในกองบิน ๔ และเพื่อเป็นเกียรติประวัติ อีกทั้งต้องการลบล้างคำสบประมาทของหน่วยอื่นๆ ที่พากันดูถูกว่าทีมใหม่เป็นหมูสนาม (เพราะแต่เดิมมีแผนกสื่อสารไปรวมอยู่ในส่วนกลางก็ยังแพ้หน่วยอื่นเขา)

    ข้าพเจ้าจึงตั้งปณิธานไว้แน่ชัดว่า ข้าพเจ้าจะนำทีมของแผนกสื่อสาร ชิงถ้วยผู้บังคับการกองบิน ๔ ให้ได้ทั้ง ๔ ประเภท คือฟุตบอล, ตะกร้อ, บาสเกตบอล และวอลเล่ย์บอล ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่หนักมาก แต่ข้าพเจ้าถือว่า ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น

    ข้าพเจ้าเริ่มคัดตัวนักกีฬาแต่ละประเภท โดยเริ่มจากทีมตะกร้อเพราะข้าพเจ้าถนัดมากนเองจากเล่นมาตั้งแต่อายุ ๑๐ ขวบ (พร้อมกับฟุตบอล) และได้เล่นขันแข่งระหว่างกองในโรงเรียนนายร้อย จปร. ชนะเลิศมาโดยตลอด ในที่สุดก็กำหนดตัวได้ โดยข้าพเจ้าเป็นแบ๊ค, พ.อ.อ.สนั่น ตันติวานิช และ จ.อ.สุรชาติ สุทธิวรรณเป็นกองหน้า ต่อจากนั้นข้าพเจ้าก็ควบคุมการฝึกซ้อมให้ทุกวัน จนมั่นใจได้ว่า ทีมตะกร้อของแผนกสื่อสารเป็นทีมที่แข็งแกร่งมาก น่าจะคว้าถ้วยชัยชนะเลิศได้อย่างแน่นอน

    ต่อมาก็จัด ทีมวอลเล่ย์บอล โดยคัดข้าราชการสื่อสารที่เป็นหัวหน้าวอลเล่ย์บอลจากโรงเรียนจ่าอากาศได้ ๒-๓ คน เอามาเป็นครูฝึกข้าราชการสื่อสารที่มีรูปร่างสูงเปรียวทั้งหลายแต่ก็ไม่เคยเล่นวอลเล่ย์บอลเลย เริ่มตั้งแต่ฝึกกำลังขาให้สามารถกระโดดสูงๆ แล้วชงลูกบอลให้ตบอย่างเดียว ฝึกกระโดดตบลูกอยู่เช่นนั้นเป็นเดือนๆ จนผู้ตบมีความชำนาญสามารถตบหยอด, ตบไซด์ได้และบล็อกลูกตบได้อยู่ในเกณฑ์ดี

    ต่อมาข้าพเจ้าก็จัดให้มีการแข่งขันระหว่างหน่วยในแผนกสื่อสาร จนข้าราชการสื่อสารทุกคนติดกีฬา แม้เลิกงานแล้วก็ไม่ยอมกลับบ้านกันอยู่เล่นวอลเล่ย์บอลกันเองจนมืดจนค่ำ นับว่าข้าพเจ้าสร้างนักกีฬาวอลเลย์บอลชุดใหม่ขึ้นมา ในแผนกสื่อสารได้มากมายจริงๆ ในขณะที่นักกีฬาวอลเล่ย์บอลของหน่วยต่างๆ มีแต่หน้าเดิม รูปร่างเตี้ยๆ และตกอยู่ในความประมาทด้วยเหตุนี้ทีมวอลเล่ย์บอลของข้าพเจ้าจึงเป็นทีมที่มั่นใจได้ว่า น่าจะคว้าถ้วยชนะเลิศได้อย่างแน่นอนอีกประเภทหนึ่ง

    ส่วนการจัดทีมบาสเกตบอลนั้น ข้าพเจ้าก็ใช้วิธีจัดการเช่นเดียวกับทีมวอลเล่ย์บอล โดยสร้างนักบาสเกตบอลใหม่ขึ้นมาอีก แต่เนื่องจากสนามฝึกซ้อมของแผนกสื่อสารไม่มีเป็นของตัวเอง ทำให้การฝึกซ้อมเป็นไปไม่สมกับที่ได้ตั้งใจไว้ แต่ก็มั่นใจได้ว่ามีสิทธิ์ได้ครองถ้วยชนะเลิศประมาณ ๙๐ เปอร์เซ็นต์

    ปัญหาที่ข้าพเจ้าหนักใจมากที่สุดก็คือ การจัดทีมฟุตบอล เพราะการสร้างนักฟุตบอลให้ได้แต่ละคนนั้นยากมาก เพราะฟุตบอลเล่นด้วยเท้าไม่ใช่เล่นด้วยมือเหมือนวอลเล่ย์บอลหรือบาสเกตบอล อีกทั้งต้องใช้ผู้เล่นเป็นจำนวนถึง ๑๑ คน และยังต้องมีผู้เล่นสำรองอีกอย่างน้อย ๔-๕ คน ไม่เหมือนตะกร้อข้ามตาข่าย ซึ่งใช้ผู้เล่นเพียง ๓ คน

    อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าก็พยายามเฟ้นหานักฟุตบอลจริงๆ ที่พอมีฝีเท้าอยู่ในระดับเดียวกับนักฟุตบอลทีมอื่นๆ เข้าได้มา ๖ คนคือ จ.อ.บรรจง สุขเจริญ, จ.อ.ธนิต ธนะปลื้ม, จ.อ.สุรชาติ สุทธิวรรณ, พ.อ.อ.สมาน กลับทวี, พ.อ.อ.ประจวบ หิรัญปาน และตัวข้าพเจ้าเอง ส่วนที่เหลือก็คัดเอานักบาสเก็ตบอลมาฝึกเป็นประตูได้ ๒ คนคือ จ.อ.จำลอง จันทร์เพ็ญ และ จ.อ.ธวัช ธรรมสาคร นอกจากนั้นก็เลือกเอาผู้ที่วิ่งเร็ว แข็งแรงมีจิตใจนักสู้ และพอเตะฟุตบอลได้บ้างมาเข้าทีม

    สรุปรวมความแล้วนักฟุตบอลในทีมข้าพเจ้าบางคนสวมรองเท้าฟุตบอลไม่ได้ เพราะรองเท้ากัด บางคนหยุดลูกบอลโดยใช้เท้ากระทืบ บางคนเลี้ยงลูกบอลไม่เป็น ลูกบอลมาถึงเท้าเมื่อไรก็เตะเปรี้ยงออกไปให้พ้นตัวเท่านั้นเอง แต่อาศัยที่ว่าทุกคนมีกำลังใจดีเพราะข้าพเจ้าร่วมเล่นด้วย อีกทั้งให้กำลังใจว่า บรรดาผู้เล่นกองหน้าเมื่อได้ลูกแล้วหากปล่อยให้ใครมาแย่งไปได้ถือว่าเสียเหลี่ยมมาก ต้องติดตามเอาลูกบอลคืนมาให้ได้

    สำหรับกองกลางและกองหลังให้สำนึกว่า ฝ่ายตรงข้ามจะเก่งกาจอย่างไรก็ตาม หากมาเจอข้าฯ สกัดแล้วอย่าได้หวังจะเลี้ยงลูกบอลผ่านไปได้ ส่วนประตูนั้นก็ให้สำนึกและมั่นใจว่าตราบใดที่ข้าฯยืนเป็นผู้รักษาประตูอยู่จะไม่มีวันที่ใครจะยิงลูกบอลผ่านมือเข้าไปได้ และด้วยการย้ำบ่อยๆ

    ก่อนการซ้อมทุกครั้งทำให้นักฟุตบอลของข้าพเจ้าทุกคนคึกคะนอง มีกำลังกล้าแข็ง แม้จะเล่นบอลไม่อยู่ในขั้นมาตรฐานนักแต่ทุกคนวิ่ง แม้ฝ่ายตรงข้ามหลบไปได้ก็จะกลับตัววิ่งติดตามพัวพันไม่มีลดละ ช่วยเหลือด่านหลังที่เข้าสกัดแบบถึงลูกถึงคน ด้วยเหตุนี้ทีมนักฟุตบอลของแผนกสื่อสารแม้มี ๑๑ คนเท่าทีมอื่น แต่ดูเหมือนมีสัก ๒๐ คน

    และแล้วฤดูการแข่งขันกีฬาประจำปี ๒๕๑๖ ก็มาถึง และทีมนักกีฬาแผนกสื่อสารของข้าพเจ้าก็ได้เข้าชิงชนะเลิศทั้ง ๔ ประเภท คือ ตะกร้อข้ามตาข่าย, วอลเล่ย์บอล, บาสเกตบอลและฟุตบอล ตามที่ข้าพเจ้าได้หวังไว้โดย

    - ตะกร้อข้ามตาข่าย ชิงชนะเลิศกับแผนกซ่อมบำรุงฯและก็ได้ชนะเลิศได้ถ้วยใบที่ ๑ ไปด้วยชั้นเชิงการเล่นที่เหนือกว่า ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมาย

    - วอลเล่ย์บอล ชิงชนะเลิศกับกองพันอากาศโยธินฯและก็ได้ชนะเลิศได้ถ้วยใบที่ ๒ ไปด้วยชั้นเชิงการเล่นที่เหนือกว่า ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมาย

    - บาสเกตบอล เข้าชิงชนะเลิศกับทีมส่วนกลาง ปรากฏว่าบาสเกตบอลของแผนกสื่อสารทำแต้มนำมาโดยตลอด จ นกระทั่งเหลืออีก ๗ นาทีจะหมดเวลา ก็ยังนำ ๕ แต้ม (๒ ลูกครึ่ง) ต่อจากนั้นนักบาสเกตบอลตัวหลักๆ ของข้าพเจ้าก็หมดแรง เพราะมีผู้เล่นสำรองที่จะเข้าไปสับเปลี่ยนน้อยทำให้ทีมส่วนกลางทำคะแนนไล่มาเป็น ๖๖-๖๕ คือยังนำเขาอยู่เพียงแค่ ๑ แต้ม (ครึ่งลูก) ข้าพเจ้าดูนาฬิกาแล้วก็เห็นเหลือเวลาอยู่เพียง ๒ นาทีจะหมดเวลา และเมื่อดูสถานการณ์การเล่นแล้วเห็นว่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงต้องแพ้แก่ทีมส่วนกลางแน่นอน

    ข้าพเจ้าจึงกำหนดจิตถึงหลวงพ่อขอให้จัดส่ง "ท่านเทพฤทธิ์" (หลวงพ่อเคยบอกว่าท่านเทพฤทธิ์ เป็นเทพที่ปกป้องคุ้มครองกองบิน ๔ อยู่) มาช่วยนั่งอุดรูห่วงที่แป้นทางด้านของทีมแผนกสื่อสารไว้ ก็พอดีทีมของส่วนกลางชู๊ตลูกโทษ ๒ ครั้ง และคน ชู๊ตลูกโทษก็เป็นผู้ที่ชู๊ตลูกได้แม่นยำที่สุดเสียด้วย

    ปรากฏว่าลูกบอลลงไปในห่วงแล้วก็กระเด้งกลับออกมาทั้ง ๒ ครั้ง และไม่ว่าทีมส่วนกลางจะบุกเข้ามาชู้ตทั้งไกล หรือใกล้ใต้แป้นอีกสักกี่หนกี่ครั้งก็ตาม ลูกบอลก็จะกระเด้งออกจากห่วงทุกครั้งไป เป็นปาฏิหาริย์ที่เห็นได้อย่างเด่นชัดจนกระทั่งเสียงนกหวีดเป่าหมดเวลาการแข่งขัน และทีมบาสเกตบอลของแผนกสื่อสาร ก็ชนะส่วนกลางไป ๖๖-๖๕ ได้เป็นทีมชนะเลิศได้ถ้วยใบที่ ๓ มาอย่างปาฏิหาริย์

    สำหรับฟุตบอลนั้นทีมของแผนกสื่อสารได้เข้าชิงชนะเลิศกับทีมของแผนกซ่อมบำรุง ในวันปิดการแข่งขันกีฬากองบิน ๔ ประจำปี ๒๕๑๖ พอเริ่มการแข่งขันทีมของแผนกซ่อมบำรุงก็เปิดเกมรุกทันที ด้วยความสามารถในการคอนโทรลบอลและการจ่ายบอลที่เหนือชั้น บวกกับความสามารถเฉพาะตัว ของนักฟุตบอลแต่ละคนที่เหนือกว่า ทำให้นักฟุตบอลของแผนกสื่อสารวิ่งกันพล่านและตกเป็นฝ่ายรับอยู่ตลอดเวลา พูดง่ายๆ ก็คือพับสนามเล่นอยู่ในแดนของแผนกสื่อสารนั่นเอง

    พอนาทีที่ ๒๐ แผนกซ่อมบำรุงก็สามารถยิงประตูนำไปก่อน ๑-๐ แล้วก็บุกพับสนามเล่นอยู่เช่นเดิม ข้าพเจ้าซึ่งเป็นหัวหน้าทีมของแผนกสื่อสารและได้ลงเล่นด้วยเข้าใจสถานการณ์ดีว่า หากขืนเล่นต่อไปเช่นนี้ มีหวังถูกทีมแผนกซ่อมบำรุงยิงถล่มนับไม่ถ้วยแน่ จึงกำหนดจิตขอให้หลวงพ่อสั่งท่านเทพฤทธิ์ หรือท่านใดก็ได้ช่วยบันดาลให้ฝนตกเถิด

    บัดดลท้องฟ้าที่แจ่มใสก็เกิดมืดครึ้ม ลมพายุจัดและฝนก็ตกลงมาอย่างหนักโดยมิได้มีเค้ามาก่อนเลย น้ำเริ่มเจิ่งนองสนาม นักฟุตบอลของแผนกซ่อมบำรุงจับบอลเลี้ยง จ่ายบอลกันผิดพลาด มีการเสียหลักลื่นไถลไม่มีฟอร์มของการเล่นใดใดที่เหนือกว่าอีกต่อไป ผิดกับนักฟุตบอลของแผนกสื่อสารที่ทั้งใส่รองเท้าฟุตบอลและไม่ได้ใส่รองเท้า วิ่งลุยตัดลูกบอลของแผนกซ่อมบำรุงที่จ่ายพลาดไปเป็นขบวน คนหนึ่งพลาดคนหลังก็เตะลุยต่อพอนาทีที่ ๔๐ ก็ยิงประตูคืนมาได้เป็น ๑-๑ และพอเริ่มการแข่งขันในครึ่งหลังของแผนกสื่อสารก็ลุยต่อ

    ในขณะที่ทีมของแผนกซ่อมบำรุงท้อแท้หมดกำลังใจ เพราะไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้ตามแผนเนื่องจากสนามแฉะ เลี้ยงบอลจ่ายบอลไม่ได้ในที่สุดทีมของแผนกสื่อสารที่แรงดี กำลังใจดี ก็ยิงประตูนำไปได้อีก ๒ ประตู และก็ชนะทีมแผนกซ่อมบำรุงไป ๓-๑ ได้เป็นทีมชนะเลิศได้ถ้วยใบที่ ๔ มาครองอย่างปาฏิหาริย์ด้วยประการฉะนี้

    เมื่อชนะเลิศฟุตบอลแล้ว ข้าพเจ้าก็จัดให้มีการเลี้ยงฉลองถ้วยทั้ง ๔ ใบในคืนนั้น และสั่งพ.อ.อ.ชลอ ผาสุก ให้รายงานหลวงพ่อว่า “การแข่งขันฟุตบอลชิงชนะเลิศที่ข้าพเจ้าหนักใจมากที่สุดนั้น บัดนี้ทางแผนกสื่อสารทำได้สำเร็จแล้ว โดยสามารถเอาชนะคู่แข่งขันได้ ๓ ประตูต่อ ๑”

    ครั้นตอนบ่ายของวันรุ่งขึ้น พ.อ.อ.ชลอ ผาสุก ก็หน้าตาตื่นมาที่ทำงานข้าพเจ้า “หัวหน้าครับ เมื่อวานนี้เราชนะฟุตบอลเขาเท่าไร”

    ข้าพเจ้าตอบ “ชนะ ๓-๑”

    พ.อ.อ.ชลอ ผาสุก จึงเล่าว่า “ผมไปเรียนให้หลวงพ่อทราบเมื่อเช้านี้ว่าเราชนะฟุตบอลแล้ว ๒ ประตูต่อ ๑ แต่หลวงพ่อกลับบอกว่า เฮ้ยเมื่อคืนกรมหลวงชุมพรฯ มาบอกข้าฯ ว่าชนะ ๓ ประตูต่อ ๑ นี่หว่าผมจึงต้องรีบแจ้นกลับมาดู เอ๊ ทำไมผมจำผิดได้”

    หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ตัดเสื้อวอร์มสีม่วง (สัญญลักษณ์) ของแผนกสื่อสารแจกจ่ายราชการและคนงานทั้งหมด ทุกชั้นยศ เพื่อเป็นกำลังใจที่ทุกคนทั้งผู้เล่นและไม่ได้เล่นได้ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจทำชื่อเสียงให้หน่วยจนได้ถ้วยชนะเลิศมาครองทั้ง ๔ ประเภท และก็ได้นิมนต์หลวงพ่อ มาทำพิธีตั้งศาลเจ้าพ่อเทพฤทธิ์ ที่แผนกสื่อสารกองบิน ๔ ซึ่งก็เป็นที่เคารพบูชาของบรรดานักกีฬาสื่อสารตราบมาจนทุกวันนี้

    ท่านผู้อ่านที่รัก ทั้งบาสเกตบอล และฟุตบอลนั้นข้าพเจ้าซาบซึ้งอยู่ในใจตลอดว่า หากไม่ได้บารมีของหลวงพ่อช่วยแล้ว ก็ไม่มีวันเป็นไปได้เป็นอันขาดที่แผนกสื่อสารจะเอาชนะเลิศชิงถ้วยมาได้ และชาวแผนกสื่อสารก็คงจะไม่มีวันภูมิใจได้มาจนถึงทุกวันนี้ ว่าครั้งหนึ่งสามารถคว้าถ้วยชนะเลิศกีฬาของกองบินทั้ง ๔ ประเภทมาได้.
    ที่มา http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมบุญสร้างกำแพงแก้ววิหารหลวงพ่อโต-วัดกุฎีทอง-อยุธยา.553352/
     
  2. นาย หวังดี

    นาย หวังดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2013
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +1,272
    กราบหลวงพ่อครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...