สุขในปัจจุบัน สุขในอนาคต

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 14 มีนาคม 2010.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    ถาม : ..........................

    ตอบ : เรื่องของทาน ศีล ภาวนา ทุกสิ่งที่เราทำ คนได้ก็คือเราเอง ถามว่าดีอย่างไรก็ต้องดูว่าตัวผล คือ อานิสงส์ที่จะได้เป็นอย่างไร ? เอาเรื่องของศีลเป็นตัวอย่าง ทุกคนไม่มีใครอยากให้คนอื่นมาฆ่าเราทำร้ายเรา เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ควรที่จะฆ่าใครไม่ควรที่จะทำร้ายใคร เราไม่อยากให้ใครมาลักขโมยของเรา เราก็ไม่ควรจะลักขโมยของ ๆ ใคร คนที่เรารัก เราไม่อยากให้คนอื่นมาแย่งไป เราก็อย่าแย่งคนอื่นเขา เราไม่อยากให้ใครมาโกหกเรา เราก็ไม่ควรที่จะโกหกใคร เป็นคนมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ รู้ผิดรู้ถูก รู้อะไรควร รู้อะไรไม่ควรเป็นสิ่งที่ดี อย่างไรก็อย่าไปเอายาเสพติดมาย้อมใจตัวเองให้มันมึนเมาจนขาดสติสัมปชัญญะไป

    ทุกสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอนมา ท่านสอนเพื่อให้ตัวเราได้เองทั้งนั้น สิ่งที่เราทำ คือ เราได้ก่อนแล้ว หลังจากนั้นพอเราทำแล้ว ตัวเราดี สิ่งที่เราทำดี พอตัวเราดีเสร็จมันก็จะส่งผลไปถึงคนรอบข้างด้วย คนรอบข้างก็เออ...เห็นตัวอย่างที่ดีก็เลียนแบบทำตาม มันก็เป็นสังคมที่อยู่ร่มเย็นในวงเล็กๆ อาจจะเป็นว่าเฉพาะครอบครัวของเราก่อน แต่อย่าลืมว่าทุกครอบครัวตั้งใจทำดีอย่างนี้ หมู่บ้านนั้นทั้งหมู่บ้านก็ดี ทุก ๆ หมู่บ้านถ้าตั้งใจทำตำบลนั้นก็จะดี ถ้าทุกตำบลตั้งใจทำอำเภอนั้นก็ดี ทุกอำเภอตั้งใจทำจังหวัดนั้นก็ดี ถ้าทุกจังหวัดพร้อมใจกันทำประเทศของเราต้องดี

    ทุกสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอนท่านสอนเพื่อประโยชน์สุขของเราทั้งนั้น สุขในปัจจุบัน คือ ไม่ต้องไประแวดระวังไม่ต้องไปกลัวภัยอะไร เพราะทุกคนไม่เบียดเบียนกัน สุขในอนาคต คือ ผลที่เราทำ ถ้าหากว่าเกิดจากการให้ทานต่อไปในภายภาคหน้าก็จะเป็นผู้ที่มีฐานะร่ำรวย ผลของการที่เรารักษาศีลก็จะเป็นผู้ที่มีรูปสวย มีจิตใจที่ดีงาม ผลของการเจริญภาวนาเกิดมาก็จะมีปัญญามาก ถ้าหากว่าเป็นทางโลกมีอุปสรรคอะไรก็แก้ไขได้ ถ้าเป็นทางธรรมต้องการจะตัดกิเลสก็มีปัญญาสามารถตัดกิเลสได้เหล่านี้เป็นต้น

    เพราะฉะนั้นสิ่งที่ท่านสอนท่านสอนให้อยู่สุขทั้งปัจจุบันและสุขทั้งอนาคตค่อยๆ ดูไป ค่อยๆ ทำไป สิ่งทั้งหลายเหล่านี้พิสูจน์ได้ในระยะยาวๆ อย่าเพิ่งเชื่ออะไรง่ายๆ ตามพิสูจน์ตามค่อยๆ ดูไป

    เขาบอกว่าพระองค์นี้ดี หลวงปู่องค์นี้ดี หลวงพ่อองค์นี้ดีค่อยๆ ดูไป ถ้าหากว่าไม่ดีจริง ถึงเวลาก็จะมีสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรไม่เหมาะไม่สม หลุดออกมาให้เราเห็นจนได้ แต่ถ้าหากว่าเป็นสิ่งที่ดีจริง กายวาจาใจของท่านเป็นผู้ที่บริสุทธิ์จริงต่อให้ระยะเวลายาวนานแค่ไหน ไม่ว่าระยะใกล้ไกล ใกล้ชิดหรือห่างไกลขนาดไหนก็ตาม เราไม่สามารถที่จะหาจุดบกพร่องของท่านได้ สิ่งที่จะต้องมาตำหนิกันมันไม่มี ค่อยๆ ดูไปนานๆ โบราณเขาว่า หนทางพิสูจน์ม้า เวลาพิสูจน์คนใช่ไหม ?

    มันเกิดจากอะไร ต้องใช้คำว่าประสบการณ์ ประสบการณ์ที่ตกผลึกลงมาจนกระทั่งกลายเป็นข้อคิด กลายเป็นคำคม กลายเป็นคำพังเพยขึ้นมา ฉะนั้นสิ่งที่ท่านพูดส่วนใหญ่มันก็แฝงไปด้วยความจริงเกือบ ๆ จะ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เต็ม ท่านบอกหนทางพิสูจน์ม้าใช่ไหม ? ม้าไม่ดีจริงมันเดินทางไกลไม่ไหวหรอก หรือไม่ก็เจอหนทางที่ทุรกันดารหน่อยหนึ่งก็ไปไม่รอดแล้ว มันต้องม้าดีถึงไปได้ ขณะเดียวกันเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์คน จะดีจะชั่วอย่างไรดูไปนานๆ คบกันไปนานๆ เดี๋ยวก็เห็นเอง


    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔



    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=873



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2010
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...