"สัจธรรมชีวิต"...หลังคลื่นสึนามิ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 24 ธันวาคม 2005.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    มหันตภัยคลื่นยักษ์สึนามิที่เกิดขึ้น เมื่อปลายปี ๒๕๔๗ สร้างความสูญเสียให้กับคนทุกชนชั้น และทุกวงการ ซึ่งมีคนในแวดวงบันเทิงประสบเหต ุและรอดตายมาหลายคน เช่น "อ้น" สราวุธ มาตรทอง, ติ๊ก กลิ่นสี, กิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ, นาธาน โอร์มาน สมชาย ชีวสุทธานนท์ "ตี๋ แม็ทชิ่ง" และ "กิ่ง" สุภัทรา ทิวานนท์ ฯลฯ
    อย่างไรก็ตาม ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีเรื่องเล่าจากผู้รอดตาย และผู้ลงไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยมากมาย สิ่งหนึ่งที่น่าจะหยิบขึ้นมา เป็นข้อคิดแก่ชีวิต คือ "สัจธรรมชีวิต...หลังคลื่นสึนามิ"
    นายเกียรติ กิจเจริญ หรือที่รู้จักกันในนาม "ซูโม่กิ๊ก" และนายชาญณรงค์ ขันทีท้าว หรือ "ติ๊ก กลิ่นสี" ๒ ผู้บริหารของบริษัททริปเปิ้ล ทู ที่พาลูกน้องร่วม ๒๐ คนไปดำน้ำที่หมู่เกาะพีพี แล้วประสบกับคลื่นยักษ์
    ติ๊ก กลิ่นสี บอกว่า สัจธรรมชีวิตที่ได้จากการรอดตายครั้งนั้น ได้ระบบความคิด ข้อมูลใหม่ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็น ภัยธรรมชาติ ทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่า จะไปไหนต้องวางแผนให้รอบคอบ
    ส่วนหนึ่งก็เชื่อว่าเกิดจากกรรม หรือเป็นอะไรบางอย่างที่อาจไม่เกี่ยวกับเรา แต่อยากให้เราได้เข้าไปเกี่ยวข้อง เพื่อทดสอบอะไรบางอย่าง
    หรือบางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ ก็คิดว่าคงเกิดขึ้นได้กับบางคน แต่คงอาจไม่เกิดขึ้นกับทุกคน เพราะทุกอย่างล้วนเกิดจากกรรมเก่าของเราประกอบกัน
    ความเชื่อส่วนตัวคิดว่าคนที่ส่งเรามาทำให้เกิดอะไรที่แตกต่าง ตั้งแต่อดีตชาติ หลายคนจึงเกิดเหตุการณ์ ไม่เหมือนกัน
    "ผมเป็นคนทำบุญมาตลอด ถ้าผมคิดว่าจริงๆ คนเรากลัวตายกันอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่รู้ว่าในส่วนที่เราไปมัน อยู่ที่ไหน จุดจบชีวิตคือความตาย เราต้องได้เจอกันทุกคน หลายคนก็ยังกลัวตายกันอยู่ แต่ผมคิดว่าเราตาย ไปอาจได้ไปพบสิ่งดีๆ กว่าอยู่ในโลกมนุษย์ก็ได้ อาจจะมีอีกโลกที่ดีกว่านี้ก็ได้" ความเชื่อเรื่องความตายของ ติ๊ก กลิ่นสี
    ขณะที่ ซูโม่กิ๊ก กล่าวว่า แม้ไม่ได้เจอเหตุการณ์จังๆ แบบติ๊ก เนื่องจากช่วง ๙ โมงเช้า ได้พาลูกน้องบางส่วน ลงเรือไปดำน้ำ ช่วงดำน้ำแรกๆ น้ำยังใส ไม่มีอะไร พอยิ่งดำอยู่นานประมาณ ๓๐ นาที เหมือนมีคลื่นใต้น้ำ และลมใต้น้ำเหมือนทอร์นาโดแรงมาก จนพวกตนไหลตามน้ำ และคอยหลบก้อนหินปะการังไปเรื่อยๆ พออากาศจะหมด ก็โผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ ถึงได้เห็นว่า บนผิวน้ำมีคลื่นปั่นป่วน ลูกน้องกดชูชีพลอยน้ำ แล้วรีบขึ้นเรือ
    "จริงๆ ผมก็กลัวตาย ตอนที่อยู่ระหว่างตายมากกว่า ตายอย่างไง ตายด้วยวิธีไหน นอนหายใจไม่ออกเราจะ อึดอัดไหม เราจะตายอย่างทรมานไหม แล้วผมยังเชื่อว่าปาฏิหาริย์ ๘๐ เปอร์เซ็นต์ มันเหมือนมีอะไรให้เรามา ประสบกัน ซึ่งพี่ติ๊ก จริงๆ ไม่ต้องนอนอยู่ที่เกาะพีพีก็ได้ แต่มันก็จะนอน คนเราบางทีมันอาจประจวบเหมาะ จะเกิดจากอะไรก็แล้วแต่ คิดว่าเป็นสิ่งที่เราไม่อาจพูดได้ ว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่" ซูโม่กิ๊ก กล่าว
    ด้าน น.ส.กุลสตรี ศิริพงศ์ปรีดา หรือ "นิ้ง" นางเอกค่ายอาร์เอส ที่เดินทางไปโชว์ตัวงานของค่าย ร่วมกับบริษัท ต้นสังกัด ที่ จ.กระบี่ เปิดเผยว่า ไปงานโชว์ตัวของบริษัท ที่ร่วมกับรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้วตนไป จ.ภูเก็ต และวันเดียวกันมาโชว์ตัวที่ จ.กระบี่ และพักอยู่ที่โรงแรมพาวิลเลียน ควีนส์ ที่อ่าวนาง ซึ่งตั้งอยู่บนเขา และห่างจากหาด
    "นิ้ง" กุลสตรี กล่าวว่า เมื่อเช้าตื่นขึ้นมากินข้าวตอน ๙ โมง พอกินเสร็จกำลังเดินออกจากห้องอาหาร ก็มีแม่บ้าน ตะโกนให้รีบบอกแขกขึ้นจากชายหาดด่วน เพราะเกิดคลื่นยักษ์ แต่ตนไม่ได้สนใจ ขึ้นไปอาบน้ำบนห้อง ซึ่งตอน ที่อาบน้ำอยู่ ไฟฟ้าในห้องก็ดับๆ ติดๆ แต่ไม่ได้สนใจอะไร พออาบน้ำเสร็จก็นั่งรถออกไปทำงาน กลับโรงแรมมา อีกทีเห็นอ่าวนางเละไปหมด ถึงได้รู้ว่าเป็นเหตุการณ์ร้ายแรง
    "ก่อนเกิดเหตุค่อนข้างโชคดี เพราะได้ไปทำบุญ ๙ วัด ที่ จ.เชียงราย มาแล้ว และนิ้งชอบเดินทางมา จ.ภูเก็ต มาดำน้ำ และโชคดีอีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อวานนี้หลังจากทำงานเสร็จก็เช่าเรือไปเกาะมอดะ ไปดำน้ำ แล้วเรือ เข้าฝั่งเวลาประมาณ ๖ โมงเย็น และวันนี้ตั้งใจว่าหลังจากโชว์ตัวเสร็จ คงเช่าเรือไปเกาะพีพี ถือว่าผลบุญ ที่เราได้ทำไปช่วยเราไว้" นางเอกสาว กล่าว
    ในขณะที่ นายสมชาย ชีวสุทธานนท์ หรือที่รู้จักกันในนาม "ตี๋ แม็ทชิ่ง" ผู้บริหารบริษัท แม็ทชิ่งเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กล่าวว่า เหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ได้พาพนักงานไปประชุมและทัศนาจรที่ จ.กระบี่ แถวอ่าวพระนาง คลื่นลูก แรกที่กระทบชายหาดขึ้นมา ถึงถนนทุกคนก็เริ่มถอยออก ชาวบ้านแถวนั้นวิ่งแตกตื่น บางคนวิ่งไม่ทันก็ถูกน้ำ ซัดเข้าไปเลย มันดูเหมือนคลื่นธรรมดามาก แต่มันใหญ่กว่าปกติ น้องๆ ทุกคนกรี๊ดเสียงดังแล้วพูดว่า คลื่นสวย แล้วมันก็สูงขึ้นๆ ใหญ่มาก พวกเราแคล้วคลาดมาได้ถือว่าโชคดีมากๆ และทีมงานเรากลายเป็นทีมผู้ช่วยชีวิต
    เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มองว่า ชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เราไม่สามารถรู้ได้ว่า ชีวิตวันนี้พรุ่งนี้ หรืออีกนาที วินาทีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าพูดตามหลักพระพุทธศาสนาแล้ว ก็คือเราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด ตรงนี้ก็เชื่อว่า ถ้าเราทำดีที่สุดแล้ว ถึงแม้จะมีอันเป็นไป ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ ก็ตาม เราก็พอใจในส่วนนี้แล้ว เพราะสภาพ คนตาย เห็นคนเจ็บปวดจากคลื่นยักษ์ มันยังคงติดตา จากไม่กี่วินาทีที่เห็นรอยยิ้มสนุกสนาน กลับกลายเป็นความทุกข์ บนคราบน้ำตา
    "อยากบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันสอนให้เราต้องเป็นคนมีสติมากขึ้น ทำให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้น เราจะเห็นว่าชีวิต ด้านขาวและด้านดำมันติดกันอยู่ จึงบอกกับตัวเองว่า จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วคิดจะทำอะไร ก็ให้รีบทำ อาทิ อยากจะบอกรักใคร ก็ให้บอก หรืออยากกอดพ่อกอดแม่ ก็ต้องรีบกอด อย่าผัดวันประกันพรุ่ง มันจะทำให้ชีวิต เรามีกฎระเบียบที่ดีขึ้น และผมยังเชื่อว่าการทำความดีว่า ทำดีแล้วต้องได้ดี" ตี๋ แม็ทชิ่ง กล่าว เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง


    ที่มา : komchadluek.net
     
  2. vichian

    vichian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    8,164
    ค่าพลัง:
    +41,921
    ครับ..ผมขอยืนยันว่า ผู้ที่รอดชีวิตมาได้จากเหตุการณ์คลื่นซึนามิ เป็นผลลัพธ์จากปาฏิหารแน่นอน ไม่ได้เกิดจาก ปาฎิคูณ เพราะจำนวนคนสูญหายตายจากไปตั้งหลายพันคน(หมายถึงผลหารต้องลดลงไม่ใช่เพิ่มขึ้น)

    ทั้งหลายทั้งปวงของเหตุการณ์นี้ เป็นเรื่องของอกุศลกรรมที่ให้ผลอย่างพอเหมาะพอเจาะทีเดียว แม้ผู้ที่ต้องรับผลกรรมจะอยู่คนละประเทศ แต่อยู่ในอาณาบริเวณที่กรรมสามารถให้ผลด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสัมฤทธิ์ผล ส่วนใครไม่เกี่ยวข้องก็รอดตัวไปอย่างที่เอ่ยรายนามมาข้างต้น และขอบอกว่าไม่ใช่ความโชคดี หรือ ฟลุ๊ก หรือ เพราะปาฏิหาริย์อะไรทั้งนั้น เพราะในศาสนาพุทธมีแต่กฏของกรรมเท่านั้นครับ

    สวัสดีที่ไม่มีปาฎิบวก ปาฎิลบ
    จากคนที่ยังไม่เต็มบาท
     

แชร์หน้านี้

Loading...