สังคมมีปัญหา....พระนักเทศน์จะแก้อย่างไร ?

"ทำงานแข่งขันกับเวลาและไม่มีเวลาว่าง" เป็นเหตุหนึ่ง ที่คนมักหยิบมาเป็นข้ออ้างว่า "ไม่มีเวลาเข้าวัดฟังเทศน์ ศึกษาธรรมะ และปฏิบัติธรรม"
ผลที่ตามมาคือ "คนห่างไกลวัด ห่างไกลธรรม" เมื่อเป็น เช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก สำหรับสังคมไทยซึ่งนับวันจะมี ปัญหาอันเกิดจากเหตุเพราะคนไร้ศีลธรรม

ท่ามกลางภาวะสังคมที่สับสนวุ่นวาย ด้วยปัญหานานัปการ "พระนักเทศน์" ถือว่าเป็นผู้มีบทบาทสำคัญ อย่างยิ่งที่จะช่วยบรรเทาปัญหานี้ โดยการนำพาคน ให้เข้าหาธรรมะมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ วัดประยุรวงศาวาส ซึ่งเป็นสำนักฝึกพระนักเทศน์ ได้จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ พระนักเทศน์ ๑,๒๕๐ รูป ประเด็นสัมมนาหนึ่งที่น่าสนใจ คือ "สังคมมีปัญหา พระนักเทศน์จะช่วยแก้อย่างไร" ทั้งนี้ได้นิมนต์พระนักเทศน์ และเชิญผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมอภิปราย

พระราชวิจิตรปฏิภาณ (เจ้าคุณพิพิธฯ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์เทพวราราม กล่าวว่า ก่อนจะแก้อะไรใน สังคม เราต้องรู้ว่าสังคมเราวิกฤติอยู่ ๔ ประการ ที่ว่าวิกฤติเพราะเป็นไปตามโลกาภิวัตน์ เป็นการสรรค์สร้าง สังคมให้กับเด็ก แล้วเราก็อยู่ในสังคมที่เราสร้างเอง คือ สังคมกามอารมณ์ สังคมบริโภค สังคมโฮกฮาก สังคมกากเดน เราต้องแยกให้ออกว่าได้เกิดอะไรขึ้นในสังคมของเรา
สังคมกามอารมณ์ เช่น เรื่องพระสงฆ์กับผู้หญิง ถ้าพระมีอะไรกับผู้หญิง ก็อยากให้วินิจฉัยไว้ ๒ เรื่อง คือ

ถ้าเกิดขึ้นนอกวัดแสดงว่าพระเลว แต่ถ้าเรื่องเกิดในวัดแสดงว่าผู้หญิงเลวมาหาพระเอง

ฉะนั้น พระท่านเคยรับบาตรประจำ ท่านก็ต้องฉลองศรัทธา อันนี้ไปโทษพระไม่ได้ เพราะมีการนำของมาถวาย ถึงกุฏิ ท่านจะไม่รับก็คงเกรงใจ ตรงนี้อยากให้ลองทำความเข้าใจกับปัญหา



"สังคมบริโภคมีการกินเติบใช้เปลือง สังคมโฮกฮาก มีใครพูด กันดีบ้าง นักการเมืองก็ด่ากันทุกวัน แค่พรรคเดียวกันอย่าง คุณประมวล กับพรรคไทยรักไทย ก็ยังด่ากันเอง แล้วต่างพรรค จะไม่ด่ากันได้อย่างไร สังคมกากเดน เป็นพวกขี้ยาขี้คุก ขี้เกียจ สังคมเราเป็นแบบนี้ เด็กๆ ก็เปลี่ยนไป ชอบควงลูกเศรษฐี ชอบ สร้างเรื่องบัดสี ชอบเป็นผีการพนัน ปัญหาเหล่านี้ พระนักเทศน์ จึงมีบทบาทที่จะเทศน์ ให้สังคมได้เข้าใจถึงปัญหาที่แก้ พระต้อง แก้การปกครองด้วย ถ้าวันนี้ไม่มีหลวงพ่อคูณ สังคมเราก็คงแย่กว่านี้ และเราคงต้องใช้วิธีการ ของพระพุทธเจ้า มาใช้ให้มากที่สุด" พระราชวิจิตรปฏิภาณกล่าว

ในขณะที่ อาจารย์สนิท ศรีสำแดง กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ปัญหาสังคมทุกวันนี้มีมาก โดยมีทั้งเร่งด่วนและ ปัญหาที่ไม่เร่งด่วน เช่น หวยที่เคยผิดกฎหมาย แล้วรัฐบาลก็นำมาไว้บนดิน จึงไม่ผิดกฎหมายแล้ว หรือโครง การตั้งกาสิโน หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ๔ ภาค ที่รัฐบาลกำลังจะทำขึ้นมาไม่ให้มีปัญหา จะว่าไปแล้ว ปัญหาที่มีอยู่เป็นปัญหาของโลก เมื่อใดมีโลกอยู่เมื่อนั้นก็มีปัญหา ตรงนี้อยู่ที่พระนักเทศน์ว่า ปัญหาไหนเร่งด่วน ที่จะต้องใช้การเทศน์เตือนสติ

ทุกวันนี้การเทศน์ใช้การพูดอย่างเดียว มันไม่ประสบผลสำเร็จเสียแล้ว เพราะว่าคนเริ่มเบื่อ พระนักเทศน์ จะต้องลงไปสู่ส่วนลึก ของปัญหาในการปฏิบัติ เทศน์เพื่อทำให้คนสนใจในการปฏิบัติ เมื่อใดที่พูดแล้วจะต้อง เป็นวาจาสิทธิ์ หากทำได้ก็จะเกิดเป็นพลัง แต่มัวจะไปเทศน์ตามงานศพ ให้จบไปวันๆ หนึ่ง แบบนี้ไม่มีทางได้ผล

ทั้งนี้อาจารย์สนิท ได้พูดไว้อย่างน่าคิดว่า "วันนี้มีคนอยากฆ่าตัวตายเพราะทุนนิยมกันมาก แม้แต่โทรทัศน์ บางทีก็มีการเทศน์ติดลบ มันก็เลยลำบาก ทางที่ดีจะเป็นเชิงรุกหรือไม่รุก ผู้เทศน์ต้องทำตัวให้เป็นที่เคารพ ศรัทธา พระนักเทศน์สามารเทศน์นำคนได้มากที่สุด เหมือนหลวงตามหาบัว ที่นำคนมาฟังธรรมได้เยอะ ฟังแล้วก็เข้าใจในปัญหา"




ด้าน นายสุภาพ คลี่ขจาย ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย กล่าว เสริมว่า คงต้องยอมรับว่าสังคมไทย อยู่ในยุคที่เสื่อมโทรมมาก เราจะใช้สำนัก พระพุทธศาสนาฯ หรือพระนักเทศน์ เข้ามาช่วยได้อย่างไร เมื่อเดินทางไปดูงาน ที่ประเทศสิงค์โปร์ก็พบว่า หลังจากที่เขาได้เร่งพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโต ให้ทำงาน ๖ วันต่อสัปดาห์ เพื่อทำให้ จีดีพี สูง แต่เชื่อไหมว่าภายใน ๒ ปีที่ ผ่านมาพบว่า มีตัวเลขการหย่าร้างสูงที่สุดในรอบ ๔๐ ปี ของประเทศ

ส่วนในประเทศไทยนั้น รัฐบาลมุ่งพัฒนาทุ่มเทงบประมาณ โดยคิดอย่างเดียวว่า แก้ปัญหาความยากจน ให้ จีดีพี รายได้สหประชาชาติสูงขึ้น จึงลืมนึกไปว่าใน ท่ามกลางภาวะเหล่านั้น สังคมเป็นอย่างไร เศรษฐกิจดี สังคมก็แย่ลง และถ้าเศรษฐกิจแย่ สังคมก็ยิ่งแย่ ลงไปอีก

"วันนี้จะทำอย่างไร ให้พระคุณเจ้ามาช่วยงานสังคม ทำอย่างไรให้เด็กเข้าวัด วัดอยู่กับที่ พระยังเทศน์ไม่รู้เรื่อง ตรงนี้ก็ต้องแก้กันไป ผมไปหาหลวงพ่อปัญญา ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ เวลามีงานศพท่านจะต้องเทศน์ ก่อนสวด พอเทศน์เสร็จแล้วท่านถึงเริ่มสวด นั่นก็เป็นทางแก้ปัญหาสังคมได้อย่างหนึ่ง ท่านมาทำบุญบ้านใหม่ ให้ผม ท่านก็ขอไมโครโฟน ขอเทศน์ก่อน เพราะท่านเห็นว่าการขึ้นบ้านใหม่ ต้องอยู่อย่างไรจึงจะมีความสุข" นายสุภาพ กล่าว



น.ส.ช่อผกา วิริยานนท์ กล่าวเสริมว่า ทุกปัญหาในโลกนี้มีสิ่งที่เหมือนกันคือ ปัญหาข้างนอกกับปัญหาข้างใน ซึ่งปัญหาข้างนอกคือปัญหาสังคม ปัญหาระบบ การศึกษา ปัญหาค่าแรง น้ำท่วม ไฟไหม้ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นหน้าที่ของ พระนักเทศน์ก็คือ ปัญหาข้างในเป็นเรื่องแปลกมนุษย์เราชอบหาเรื่อง เช่น ญาติพี่น้องตาย มีปัญหาต้องแบ่งมรดก จึงถือเป็นปัญหาข้างนอก ที่ต้องให้ นักกฎหมายเป็นคนแก้ "สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาข้างใน เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในใจ คือ อยากได้มากกว่าคนอื่น จึงต้องหาวิธีเอามาให้ได้ ตรงนี้อยากจะบอกว่าปัญหาข้างในใจเป็นปัญหาที่น่ากลัวที่สุด และเป็นปัญหา ที่พระพุทธเจ้า ได้หาทางออกเอาไว้แล้ว คือ การเดินตามทางที่พระองค์บอก นั่นคือทางแก้ ส่วนการจะสื่อสาร กับคนในศตวรรษที่ ๒๑ มันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก พระจะถ่ายทอดออกสู่สังคมได้ ต้องมีวิธีการสื่อสาร เช่นเดียวกับ การสื่อสารผ่านสื่อมวลชน"


ที่มา http://www.komchadluek.net

 

ที่อ้างกันว่า "ไม่มีเวลาเข้าวัดฟังเทศน์ ศึกษาธรรมะ และปฏิบัติธรรม"

ไผ่อยากรู้ว่า"เวลา"ทำไมถึงจะไม่มี ในเมื่อมี 24 ชั่วโมงเท่ากันทุกคน ดังนั้นที่อ้างว่า ไม่มีเวลา เป็นเพราะ แบ่งเวลาไม่เป็น มากกว่า
แล้วที่ แบ่งเวลาไม่เป็น นั้นเพราะไม่ได้ศึกษาการใช้ชีวิตตามอย่างพุทธศาสนามากกว่า