สักการะ...พระพิฆเนศ ณ ถิ่นกำเนิดที่อินเดีย

ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย guawn, 15 เมษายน 2007.

  1. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>สักการะ...พระพิฆเนศ ณ ถิ่นกำเนิดที่อินเดีย (๑)</TD></TR><TR><TD vAlign=top>13 เมษายน 2550 20:04 น.</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] [​IMG] พระพิฆเนศ เป็น
     
  2. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,494
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>สักการะ...พระพิฆเนศ ณ ถิ่นกำเนิดที่อินเดีย (๒)</TD></TR><TR><TD vAlign=top>20 เมษายน 2550 21:22 น.</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG][/IMG] [​IMG] (ต่อจากฉบับวันอาทิตย์ที่ ๑๕ เมษายน)เมืองมุมไบ เป็นเมืองหลวงของรัฐมหาราช เดิมชื่อ
     
  3. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,494
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>สักการะ...พระพิฆเนศ ณ ถิ่นกำเนิดที่อินเดีย (๓)



    </TD></TR><TR><TD vAlign=top>27 เมษายน 2550 22:10 น.</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG][/IMG] [​IMG] (ต่อจากฉบับวันเสาร์ที่ ๒๑ เมษายน) การเดินทาง (ยาตรา) เพื่อไปสักการบูชาองค์พระพิฆเนศ ณ แผ่นดินถิ่นกำเนิดของพระองค์ท่านในเมืองมุมไบ และเมืองปูเน ชาวอินเดียเรียกกันว่า อัสตะวินายัก อันหมายถึงสถานที่ประดิษฐาน พระสวายัมภูคณปติ หรือองค์พระพิฆเนศที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ เป็นสถานที่พระองค์ท่านได้เคยมาปรากฏตัวให้ผู้ที่เคารพศรัทธาได้พบเห็นมาก่อน เมื่อกว่า ๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว

    อัสตะวินายัก มีทั้งหมด ๘ แห่ง เมื่อวันเสาร์ก่อนได้กล่าวถึงไปแล้ว ๑ แห่ง คือ เทวสถานศรีวราด์วินายัก เมืองมาฮัด วันนี้จะได้กล่าวถึงเทวสถานแห่งต่อไป
    คุณปัณฑร ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ จ.เชียงใหม่ ผู้ชำนาญเรื่อง พระพิฆเนศ ได้ให้ข้อมูลว่า เทวสถานแห่งที่ ๒ คือ เทวสถานศรีสิทธิวินายัก ตั้งอยู่ที่เมืองสิทธิเตก ริมฝั่งแม่น้ำทีมะ ใกล้กับเมืองอะฮะ เมนนคร มีตำนานเก่าแก่เล่าสืบทอดกันต่อมาว่า
    เมื่อ พระพรหมประชาบดี ได้สร้างโลก จากการช่วยเหลือขององค์ พระคเณศ ในขณะที่ พระวิษณุ ทรงกระทำโยคะนิทรา หรือ นารายณ์บรรทมสินธุ์ อยู่ที่ เกษียรสมุทรทะเลน้ำนม
    ครั้นเมื่อพระองค์ทรงตื่นจากพระบรรทม ขี้หู ของพระองค์ได้หล่นออกมา ๒ เม็ด เกิดเป็นร่างของอสูร นามว่า มธุอสูร และ คัยตะยะอสูร
    พระวิษณุได้สู้รบกับอสูร ๒ ตนนี้ เป็นเวลานานถึงห้าพันปี ก็ไม่สามารถสังหารอสูรทั้งสองตนได้ พระศิวะมหาเทพ ทรงทราบ จึงได้เสด็จลงมาเพื่อแนะนำให้พระวิษณุทรงทำพิธีบูชาต่อพระคเณศเสียก่อน แล้วจึงค่อยไปปราบอสูร
    พระวิษณุทรงทำตามคำแนะนำของพระศิวะมหาเทพ เมื่อได้บูชาพระคเณศแล้ว พระวิษณุก็สามารถปราบอสูรทั้ง ๒ ตนลงได้ และเชื่อกันว่า สถานที่พระวิษณุได้สังหาร ๒ อสูร ก็คือบริเวณที่ตั้งของ เทวสถานศรีสิทธิวินายัก แห่งนี้
    อีกตำนานเรื่องหนึ่งกล่าวว่า หลังจากที่ พระศิวะ และ พระแม่ปารวตี ทรงทดสอบปัญญาของพระโอรสทั้ง ๒ คือ พระคเณศ และ พระขันธกุมาร โดยให้เดินทางรอบโลก ใครเดินทางกลับมาถึงก่อน จะได้รับการอภิเษกสมรส
    พระขันธกุมาร จึงทรงประทับหลังนกยูง ออกเดินทางในทันที ขณะที่พระคเณศกลับประกอบพิธีอาบน้ำชำระร่างกาย พร้อมทั้งจัดเตรียมอาสนะให้กับพระบิดาศิวะเทพ และพระมารดาปารวตี พร้อมทั้งทูลเชิญทั้ง ๒ พระองค์ประทับยังอาสนะที่จัดเตรียมไว้ และออกเดินกระทำทักษิณาวัตร รอบพระบิดาและพระมารดาถึง ๗ รอบ พร้อมทั้งกล่าวสรรเสริญต่อพระบิดาและพระมารดา
    จากนั้นทรงทูลต่อพระบิดาและพระมารดาว่า ในพระเวทได้ระบุไว้ว่า ผู้ที่กราบไหว้บูชาต่อบิดามารดาของตนเอง พร้อมทั้งการเดินประทักษิณาวัตร รอบบิดามารดาจะได้ผลบุญเทียบเท่ากับการได้เดินทางรอบโลก
    ด้วยความมีพระปัญญาของพระคเณศ ทำให้พระศิวะและพระแม่ปารวตี จัดพิธีอภิเษกสมรสให้พระคเณศ โดย พระปชาปติวิศวรูป ทรงมอบพระธิดา ๒ พระองค์ ผู้มีความงามเป็นเลิศ นามว่า พระนางสิทธิ และ พระนางพุทธิ ให้อภิเษกสมรสกับพระคเณศ
    สถานที่จัดพิธีอภิเษกสมรส ก็คือ สถานที่ตั้งของ เทวสถานศรีสิทธิวินายัก แห่งนี้ นั่นเอง
    อีกตำนานหนึ่ง ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของบรรดานักบวชในเทวสถานศรีสิทธิวินายัก แห่งนี้ ก็คือเรื่องราวของการสร้างโลก โดย พระพรหมประชาบดี เมื่อพระองค์ทรงสร้างโลกขึ้นมา จุดแรกที่ทรงสร้างขึ้น ก็คือ สถานที่อันเป็นที่ตั้งของ เทวสถานศรีสิทธิวินายัก แห่งนี้
    ความสำคัญอีกประการหนึ่งของเทวสถานแห่งนี้ ก็คือ เทวรูปขององค์ พระคเณศ ที่เป็น สวายัมภู (เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ) มีงวงที่หันไปทางขวา (ขวามือของพระคเณศ) ซึ่งถือว่าเป็นเทวลักษณะที่หายาก และปรากฏขึ้นเพียงแห่งเดียว จากจำนวนสวายัมภูทั้ง ๘ แห่ง (ส่วนใหญ่พระคเณศจะมีงวงหันไปทางซ้ายทั้งสิ้น)
    เทวสถานแห่งที่ ๓ คือ เทวสถานศรีวิฆเนฮาร เทวสถานอันสวยงามเก่าแก่แห่งนี้ สร้างขึ้นในปี ๑๘๓๓ บางตำนานบอกว่า สร้างมาตั้งแต่ปี ๑๗๘๓ เทวสถานแห่งนี้มีชื่อเสียงมาก ในเรื่องของความงดงามทางสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะยอดโดมที่เป็นทองคำ และความงดงามของพวงมาลัย ที่ประดับประดาอยู่ในตัวเทวาลัย
    มีตำนานกล่าวว่า กษัตริย์อภินันทะ ได้ประกอบพิธีบูชายัญ เพื่อประสงค์ที่จะไปจุติเป็น อินทรเทพ
    ฝ่ายอินทรเทพทราบข่าว กลัวจะเสียตำแหน่ง เลยส่งอสูรลงมาปราบ บางแห่งว่า พระพรหม เป็นผู้ส่ง กาละ (กาล หรือเวลา เหมือนผู้ทำลาย) ลงมาในร่าง วินะสูร (วิฆน หมายถึงอุปสรรค) เพื่อขัดขวางไม่ให้กษัตริย์อภินันทะ ประกอบพิธีได้สำเร็จ
    วินะสูร นอกจากจะขัดขวางการประกอบพิธีของกษัตริย์อภินันทะแล้ว ยังได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่หมู่มวลมนุษย์ และเหล่ามุนีทั้งหลายอีกด้วย พิธีกรรมต่างๆ ก็ไม่สามารถประกอบขึ้นได้
    เดือดร้อนถึงเหล่าทวยเทพทั้งหลาย ต่างพากันสวดมนต์อ้อนวอนต่อ พระคเณศ ขอให้เสด็จลงมาช่วยปราบวินะสูร พระคเณศจึงเสด็จลงมาปราบวินะสูรจนสำเร็จ
    ก่อนหน้าที่วินะสูรจะตาย ได้ขอร้องให้พระคเณศ ใช้คำนำหน้าว่า คณ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พระคเณศ จึงได้สมญาว่า คณ หมายถึงผู้เป็นหัวหน้า หรือผู้เป็นใหญ่
    ผลบุญแห่งการยาตราสู่เทวสถาน ศรีวิฆเนฮาร แห่งนี้ เชื่อกันว่า จะทำให้ผู้ที่มีโอกาสได้กราบไหว้บูชาขอพรจากองค์พระคเณศ จะประสบความสำเร็จสมหวังในกิจการต่างๆ ราบรื่น ปราศจากอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง
    เทวสถานแห่งที่ ๔ ที่คณะของเราเดินทางไปสักการบูชาคือ เทวสถานศรีมหาคณปติ เมืองรันยันกาวน์ ห่างจากเมืองปูเน่ ประมาณ ๕๔ กิโลเมตร
    ตำนานของเทวสถานแห่งนี้มีเรื่องเล่าสืบทอดกันมาว่า เมื่อครั้ง มหาฤาษีกฤษมาดา จามออกมา เกิดเป็นทารก มีผิวกายสีแดง
    ทารกเมื่อเกิดขึ้นมาก็ร้องว่า ข้าคือบุตรแห่งพระพรหม ผู้จะเป็นใหญ่ในโลกทั้ง ๓ มหาฤาษีกฤษมาดาจึงมอบคณปติมนต์ ให้แก่ทารกน้อย เพื่อทำพิธีบูชายัญต่อพระคเณศ
    ทารกผู้นั้นได้บำเพ็ญเพียรเป็นเวลาถึง ๕,๐๐๐ ปี จนพระคเณศทรงพอพระทัย จึงมาปรากฏพระองค์ต่อหน้าทารกนั้น พร้อมทั้งถามความต้องการของการบำเพ็ญเพียรอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้
    ทารกน้อยบอกว่าต้องการจะเป็นใหญ่ในโลกทั้ง ๓ และไม่มีผู้ใดจะสังหารตนได้ พระคเณศหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบไปว่า พรที่ขอมานั้นมันยากมาก แต่เราจะให้พรตามที่ขอมา
    พระคเณศจึงเนรมิตปราสาทขึ้น ๓ หลัง คือ ปราสาทที่ทำด้วยทองคำ ปราสาทที่ทำด้วยเงิน และ ปราสาทที่ทำด้วยโลหะ พร้อมทั้งบอกว่านับแต่นี้เจ้าจะมีนามใหม่ว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...