สอบถามอนันตริยกรรม2เรื่อง

1.เคยลักเงินของสงฆ์เมื่อวัยรุ่น เป็นบาปจัดว่าอยู่ในอนันตริยกรรมห้ามสวรรค์ห้ามนิพพานหรือไม่
2.เคยทำแท้งเมื่อ10ปีที่แล้ว เป็นบาปจัดว่าเป็นอนันตริยกรรมห้ามสวรรค์ห้ามนิพพานหรือไม่
ทั้ง2ข้อมีผลต่อการเจริญสมาธิมั้ยครับ

 

ทั้งสองเรื่อง
ไม่ถือว่าเป็นอนัตริยกรรมครับ

ถ้ายึดติดกังวลมีผลเสีย
ต่อการเจริญสมาธิแน่นอน

แต่ถ้ารู้สึกละอายใจเกรงกลัวบาป
จะพลิกเป็นผลดีในการเจริญสมาธิ

 

ขโมยเงินพระ อาจจะมองว่าเป็นการขโมยเงินที่ตัวบุคคลก็ได้ หรือไม่ว่าจะเป็นการขโมยของสงฆ์เช่นจากตู้บริจาคก็ตาม มันไม่ได้ร้ายแรงหรือเป็นโทษที่แก้ไขไม่ได้ รู้สึกนึกผิดบาป ยังไม่ตายก็ยังหามาชดใช้ได้

การทำแท้งห้ามชีวิตหนึ่งที่กำลังจะได้เกิด ก็ถือว่าเป็นกรรมจากการฆ่า แต่อาจจะดูเล็กน้อยเพราะเราไม่มองว่าเป็นตัวบุคคลที่มีเลือดเนื้อแล้ว แต่มันไม่ใช่กรรมเล็กน้อย และก็ยังเป็นกรรมที่แก้ไขไม่ได้อีกด้วย

ทั้งสองกรณี ในทางศาสนาไม่จัดเป็นอนันตริยกรรม แต่ความยึดติดต่อความผิดบาปนั้นมีผลต่อการเจริญสมาธิ โดยเฉพาะความผิดที่ไปทำแท้ง เมื่อฝึกสมาธิถูกต้องถูกทาง บาปนั้นจะหลอกหลอนอยู่ในห้วงแห่งสมาธิอยู่พักใหญ่ ต้องใช้ความอดทนและความกล้าที่จะยอมรับผิด สำนึก และให้อภัยตนเอง ปล่อยวางกรรมนั้น สมาธิจึงจะก้าวไปสู่ขั้นต่อไปได้ ( กรรมพวกนี้จะทำให้ระดับฌานไปได้ไม่เกินทุติยฌาน )

 

อนันตริยกรรม

1. มาตุฆาต - ฆ่ามารดา
2. ปิตุฆาต - ฆ่าบิดา
3. อรหันตฆาต - ฆ่าพระอรหันต์
4. โลหิตุปบาท - ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อ ขึ้นไป เช่น พระเทวทัตได้ทำร้ายพระพุทธองค์ ในสมัยพุทธกาล
5. สังฆเภท - ยุยงสงฆ์ให้แตกกัน ทำลายสงฆ์

สองข้อนี้ไม่ใช่ครับ
1.เคยลักเงินของสงฆ์เมื่อวัยรุ่น
2.เคยทำแท้งเมื่อ10ปีที่แล้ว

 

ไม่ใช่ทั้งสองข้อค่ะ

ส่วนข้อ 1 และข้อ 2 ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตตามปกติแน่นอนค่ะ มิใช่เฉพาะแค่การเจริญกรรมฐาน

โดยจะมีระยะเวลาสิ้นสุดกรรมค่ะ ข้อแรก เจ้ากรรมนายเวรจะทวงคืนในระยะเวลาประมาณ 10 ปี ข้อสองการทำแท้งนั้น เด็กจะก่อกวนอยู่ประมาณ 7 ปีค่ะ

ผลของกรรม ข้อแรกจะถูกโกงเงิน ส่วนข้อสองจะถูกทำให้ป่วยตลอดหรือมีความคิดจะฆ่าตัวตายตลอด หากกรรมสาหัสจริงๆ จะถูกข่มขืนหรือจับเข้ารพ.บ้าค่ะ

ด้านการเจริญกรรมฐานนั้นพบว่า หากไม่มี ศีล ไม่มี ทาน จะไม่มีความก้าวหน้า แถมถูกขัดขวางจากเจ้ากรรมนายเวรในข้อ 1 และ 2 ค่ะ