สอบถามปฎิกิริยาจากการสวดมนต์ สมาธิ ภาวนา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย pr_krut, 10 กันยายน 2010.

  1. pr_krut

    pr_krut Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +34
    สวัสดีค่ะ
    ขอสอบถามผู้รู้เกี่ยวกับการถือ ศีล การภาวนานะค่ะ
    เนื่องจากว่าพึ่งเริ่มได้ประมาณ 2 เดือน โดยจะสวดมนต์สมาทานศีล และนั่งสมาธิ ภาวนาพุทโธ ประมาณ 40 นาที และแผ่เมตตา ทำเป็นประจำอย่างนี้ทุกก่อนนอนและตื่นนอน พึ่งปฏิบัติจริงจังมาได้แค่ 2 เดือน

    แต่มีปฏิกิริยาจากการปฏิบัติดังกล่าวช่วงสองเดือน คือ มีการกระตุกตามร่างกายตลอดเวลา และทั้งวันมาประมาณ 2 เดือนแล้ว และส่วนที่กระตุกบ่อยมากที่สุดคือ หนังตาขวา กระตุกตลอดเวลา แต่จะมีช่วงหยุดกระตุก เฉพาะตอนนั่งสมาธิ สังเกตอาการเป็นแบบนี้มาสองเดือนแล้ว จึงอยากทราบว่า ดิฉันปฏิบัติถูกหรือไม่ถูกอย่างไรค่ะ ร่างกายถึงมีปฏิกิริยาแบบนี้ เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยปฏิบัติ ก็ไม่เคยเป็นมาก่อน

    ไม่ทราบว่าจะปฏิบัติสมาธิอย่างไรให้ถูกต้องดีค่ะ แล้วอาการกระตุกตามร่างกายตลอดเวลาจะหายไหม ขอบคุณค่ะ
     
  2. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ตึงไปก็ไม่ดี หย่อนไปก็ไม่ดี พอดี พอดี จึงดี
    ตั้งใจมากไปก็ไม่ดี ตั้งใจน้อยไปก็ไม่ดี เกร็งไปก็ไม่ดี หละหลวมไปก็ไม่ดี ทั้งใจทั้งกาย
    เอาแบบสบายสบาย ร่างกายเป็นไง ใจเป็นไง ปล่อยไป รู้ไว้ก็พอ ก็ดี จะดีต้องรู้นะ ถ้าไม่รู้เลยก็ไม่ดี
    มันเลยยากตรงที่หาพอดีนี่ละ
    สำหรับผมที่เคยกระตุก ก็ไม่บังคับมันบางทีกระตุกตา บางทีตัว ไม่สนใจ ไม้ตายผม ช่างมัน รู้กายรู้ใจไว้พอ ของแบบนี้บางทีไม่สนใจหายเอง ยิ่งติดยิ่งข้องยิ่งอยากให้มันหายมันยิ่งเอาใหญ่
    เป็นอุบายหนึ่งครับลองฟังจากผู้รู้อีกหลายๆท่านนำไปพิจารณาให้ถูกกับจริตที่เข้าใจเพื่อให้เกิดผลในการปฏิบัติที่ดีที่สุดนะครับ สาธุ

    อนุโมทนากับการสนใจปฏิบัติดีด้วยครับ
     
  3. ไกล้ธรรม

    ไกล้ธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +121
    ผมถามผู้รู้หน่อยนครับ ผมก็ปฎิบัติมาประมาณ1ปีแล้วครับ สวดมนต์นั่งสมาธิทุกวัน เวลานั่งไปบางที่มัน หัวมันจะทิ่มน่ะครับมันค่อยๆเอนลงน่ะครับ ไม่ทราบเป็นเพราะอะไรครับ แล้วเวลานั่งไปคำว่าพุท โธ หายไปแล้วไม่รู้จะทำใงต่อน่ะครับ บางคนบอกว่าเวลาคำว่า พุท โธ หายไปแล้ว ใจเราจะเกิดปิติ แต่ของผมไม่รู้สึกปิติอะไรเลยครับ เสียงภายนอกได้ยินก็รู้ แต่ผมไม่เอาเข้ามาใส่ใจน่ะครับ แล้วก็ปวดขาครับ แต่พยายามฟื้นทำเป็นไม่สนใจน่ะครับ ไม่ทราบว่าแบบนี้ถูกต้องบ้างไหมครับ ผมนั่งประมาณ 1 ชั่วโมงครับ ขอผู้รู้ช่วยแนะนำหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ
     
  4. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,166
    สำหรับผมนะครับ
    ผมถามผู้รู้หน่อยนครับ ผมก็ปฎิบัติมาประมาณ1ปีแล้วครับ สวดมนต์นั่งสมาธิทุกวัน
    อนุโมทนาด้วยครับ
    เวลานั่งไปบางที่มัน หัวมันจะทิ่มน่ะครับมันค่อยๆเอนลงน่ะครับ ไม่ทราบเป็นเพราะอะไรครับ
    ตั้งมั้นไมพอ สติไม่พอ อ่อนล้า เผลอไป กำลังตกลง เป็นได้ทุกอย่างครับ
    บางคนบอกว่าเวลาคำว่า พุท โธ หายไปแล้ว ใจเราจะเกิดปิติ แต่ของผมไม่รู้สึกปิติอะไรเลยครับ เสียงภายนอกได้ยินก็รู้ แต่ผมไม่เอาเข้ามาใส่ใจน่ะครับ
    สำหรับผมที่หายไป การรับรู้ทั้งหมดยังอยู่หรือว่าจะเรียกว่ารู้ชัดกว่าปกติก็ได้ถ้าจะรู้ จิตรวมอยู่เอง ไดยไม่ต้องอาศัยเครื่องกำจัดความฟุ้งซ่านจิตย่อมมีปิติ อย่างนี้ จึงเป็นคำภาวนาที่หายไป หากหายไปแบบไม่รู้ตัว ก็จะคือไม่รู้ตัวนั่นละครับ สำหรับผมนะ
    แล้วก็ปวดขาครับ แต่พยายามฟื้นทำเป็นไม่สนใจน่ะครับ ไม่ทราบว่าแบบนี้ถูกต้องบ้างไหมครับ ผมนั่งประมาณ 1 ชั่วโมงครับ ขอผู้รู้ช่วยแนะนำหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ
    สู้กับมารสู้กับเวทนา สู้ไปได้ของดี อินทรีย์ถึงที่ลุยเลยบารมีเกิด
    ถ้าไม่สนใจตั้งมั่นสักแต่รู้ได้จริง เวทนาการรู้การปรุงแต่งจะแยกออกจากัน มันจะเป็นคนละส่วน การรู้ เวทนาจะแยกจากกันให้เห็น จะสบายใจก็ได้ มันเป็นทุกข์เป็นเวทนาไม่ใช่เราเป็น คนละส่วนกัน หรือจะดูว่า มันคนละส่วนกันทั้งหมด ถ้าไม่รวมกันแล้วมันไม่เกิดทุกข์ รวมกันก็เกิดทุกข์ก็ได้ จะสมมุติเรียกอธิบายว่าอย่างไรก็ได้ แต่ถ้าทำเองเห็นเองเข้าใจเองกระจ่างเองแน่นอนครับ

    แยกทุกข์ออกจากใจได้เมื่อ ก็สบายใจได้ทุกข์เมื่อที่มีทุกข์ เมื่อนั้นหรือจึงยังเรียกว่าทุกข์ได้


    ผู้รู้ยังมีอีกมากอ่านให้หลายหลาก พิจารณาหาวิธีที่ถูกกับจริตที่ติดกับนิสัย แล้วนำไปปฏิบัติได้เลยครับ

    อนุโมทนากับผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายด้วยครับ สาธุ
     
  5. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    การกระตุกของร่างกายนั้น ไม่ใช่ผลร้ายจากการฝึกสมาธิ แต่ทำไมมัน
    ปรากฏเอาตอนช่วงทำสมาธิ อันนี้ ก็พอจะมีคำตอบบแบบนี้

    o เดิมทีร่างกายของเรานั้น ต้องตรากตรำทำงานหลักมาทั้งวัน มาตลอด
    ทั้งชีวิต บางคนคิดว่า ฉันไม่ใช่จับกังกรรมกร กายฉันมันทำงานอะไร
    แบบนั้นด้วยเหรอ ก็ต้องบอกว่า จริงแล้ว กายเราเครียดและรับทุกข์เวทนา
    ตลอดเวลา โดย....

    1. จากความเสื่อมสภาพของร่างกายเอง ที่เป็นเพียงธาตุ4 ที่ไม่อาจคงทนธาวร
    มันจึงต้องสัปเปลี่ยนแรกของเก่าและใหม่กับธรรมชาติ ลักขโมยจากธรรมชาติ
    มาด้วยทุจริต(โลภโมห์โทษัน) ด้วยสุจริตบ้าง ด้วยวาสนาบ้าง ด้วยบารมีบ้าง

    2. จากความตบแต่งของอกุศล โดยมาจากบุคคล และสิ่งแวดล้อมภายนอก
    อากาศ อาหาร ที่อยู่อาศัย และ สัตว์และบุคคล

    3. จากความตบแต่งของกุศล โดยมาจากตัวเราเอง ที่มีความเข้าใจ เป็น
    กลาง ตั้งมั่นต่อการรู้ใน อากาศ อาหาร ที่อยู่อาศัย และ สัตว์และบุคคล
    ซึ่งตอบสนองด้วยบุญกริยาเราเอง

    o ช่วงของการเห็น ร่างกายของเรา ถูกตบแต่ง มีการแปรเปลี่ยน ดีขึ้น
    หรือเลวลง หรือกลางๆ จะเป็นช่วงที่ มุนษย์ผู้ไม่เคยสดับธรรมะให้เข้าใจ
    จะเกิดอาการลดตนให้ต่ำกว่าธรรมชาติ เห็นธรรมชาติเหนือกว่าตน(เหตุ
    เพราะเข้าถึงความเข้าใจเรื่องกายเรานั้นเป็นส่วนที่เอามาจากภายนอก หยิบ
    ยืมเขามา) ทำให้หลายคนทีเดียว วิ่งเข้าหาทิฏฐิที่เรียกว่า จ้าว หรือ ผู้สร้าง

    คนที่ไม่ได้สดับธรรมะ พอมาถึงจุดนี้ ก็จะวิ่งไปหา องค์ หา ขันธ์ เมื่อ
    เอามาสนองตัณหาตนที่ลดตัวเองให้ต่ำ อย่างคนไม่รู้ สุดท้ายก็บ้อท่า เสียที
    ให้กับ มารที่สร้างโลก ครองโลกของกิเลส

    ดังนั้น

    o ไม่จำเป็นจะต้องไปลดตน เพื่อหาที่พึ่งที่ไม่อาจนำเราหลุดพ้น ขอให้ลดตน
    เฉพาะกายที่แลเห็นแล้วว่า เป็น ธาตุขันธ์ที่แปรเปลี่ยนได้ด้วยการตบแต่งจาก
    ทั้งอกุศล และกุศล กลางๆ คละกันไป แล้วยกใจ ที่เป็นผู้สังเกตเห็นอาการ
    แปรเปลี่ยนของธาตุขันธ์นั้น ไม่ว่ามันจะปรับตัวให้เนียนขึ้น สว่างขึ้น มีน้ำมี
    นวลขึ้น หรือ ปรับให้หมองลง จะฝกช้ำกระดำกระด่าง หรือแห้งกร้านหลุด
    ร่วงกระเด็นลงกองกลับสู่พื้นดิน ให้ยกใจแยกออกมา สังเกตเข้ามาที่ใจ แล
    เห็นความแปรเปลี่ยนที่ใจ ซึ่งจะปรากฏ ยินดี ยินร้าย หรือ อัตติมานะ
    อัสมิมานะ อัตตา ให้รู้ทันสิ่งเหล่านี้ที่กุมใจ เมื่อเขากุมใจเราได้ ก็จะพลอย
    สงสัย แล้วพาแล่นไปในความฝุ้ง ทำให้ตกจากการรู้กายเพื่อรู้ใจอย่างเป็น
    กลางไป ทำให้ สมาธิไม่ตั้งมั่น ทำให้เราเสียงานการภาวนา

    ค่อยๆดูไปแบบนี้ แล้วจะค่อยๆมีจิตใจตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว ต่อการเปลี่ยนแปลง

    เมื่อแลเห็นความเปลี่ยนแปลงชัด เห็นสภาพกายและใจตกอยู่ใต้สามัญลักษณ์ชัด
    ก็จะค่อยๆเห็นสิ่งที่เรียกว่า ธรรมหนึ่ง สภาพธรรมที่ไม่ตกอยู่ใต้สภาวะ
    การเปลี่ยนแปลงใดๆท่ามกลางความแปรปรวนเหล่านั้น ก็จะเข้าใจหนทาง
    ภาวนาได้มากขึ้นตามลำดับ
     
  6. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ฝึกแบบ พุทโธ เหรอ

    ถ้าฝึกแบบ พุทโธ พุทโธ หายหรือไม่หาย นี่มีวิธีตรวจสอบง่ายๆ

    หาก พุทโธ หายของจริง อย่าว่าแต่ จะหาพุทโธเลย ต่อให้ปิติ
    เสียงภายนอก ปวดขา อาการทำเป็นไม่สนใจ อาการไม่ทราบถูกไม่ถูก
    อาการทำเป็นฝืนๆ อาการสนใจระยะเวลานั่ง เหล่านี้จะไม่เกิดด้วย

    คือ มันจะเติมอะไรลงไปไม่ได้ (หากเติมได้ให้รีบกลับไปเติมพุทโธอย่างเก่า)

    หาก เมื่อไหร่ พุทโธ หายแล้ว คุณไปนั่งสาระวนอยู่กับการดูนั่น
    ดูนี่ เสร็จแล้วมีอาการต้องฝืนแบบนั้น ต้องคล้อยตามแบบนี้ อันนี้
    เขาเรียกว่า คุณไม่ได้ศรัทธาอยู่กับการปฏิบัติแบบพุทโธแล้ว แต่
    ใจคุณลังเลสงสัยวิธีการอื่น แล้วไปเผลอนมสิการเข้ามาปรุงแต่ง
    แทนการบริกรรมพุทโธ

    พุทโธ มันก็เลยหายไป เพราะไปทำกรรมฐานกองอื่นเสียแล้ว

    ถ้า พุทโธ ไปเรื่อยๆ แล้วมันหายจริง สิ่งที่เป็นกรรมฐานที่เกิด
    จากจิตมันเป็นพุทโธขึ้นมาด้วยตัวจิต เขาจะดำเนินกรรมฐานของ
    เขาต่อไปเอง ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะคิดทำนู้น ทำนี่ตามใจชอบ (แต่
    ถ้ากรรมฐานไม่เดินเอง เอาแต่นิ่งๆว่างๆสว่างโล่ง อันนั้นก็กลับมา
    อนุโลมออกคิด ฝึกตกจากกรรมฐานไว้บ้าง แต่อย่าตกกรรมฐาน
    ภาวนาพุทโธแต่แรกๆ จะไม่ถูก)

    เมื่อไหร่เกิดการตรึกนึกคิดทำกรรมฐานตามใจชอบ เมื่อนั้น เกิด
    ลังเลสงสัยการภาวนาพุทโธไปแล้ว จิตคายตัวออกมาแล้ว คาย
    พุทโธออกไปแล้ว มันเลยหายไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2010
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ถึง จขกท

    อย่าไปเอะใจ หรือ สะดุดใจว่า why ร่างกายแสดงอาการ ประหลาด
    การปฏิบัติถูกทาง ให้เรา สังเกตุว่า เราตอบสนองต่อสิ่งเร้า ภายนอก รวมถึง ในจิตใจเรา ร่างกายเรา เป็นไปในทิศทางใด

    ถ้าเรา ตอบสนอง ด้วยการ เอาใจออกไปจาก สิ่งเร้า ได้ทั้งปวง จนถึงกับ ไม่ได้นึกถึงมันเลย เหมือน เด็กเล่นวีดีโอเกม แล้ว พ่อแม่เรียกอย่างไร ก็ไม่ได้ยิน
    นั่นแหละ ดีมาก แสดงว่า เราจรดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ดี

    แต่ว่า สิ่งที่เราจรดจ่อนี้ ให้เราหา คำบริกรรม หรือ หาเครื่องมือ ที่เอาใจไปวางไว้ ได้

    นี่แหละจึงเรียกว่า ถูกทาง

    บางคน เดินจงกรม ก็เอาใจไปไว้ที่การเดิน และ คำบริกรรม โดยไม่ได้ยินเสียงอะไร หรือ อาการภายใจจะแสดงกิริยาอย่างไร ก็ไม่สนใจ ยังคงแน่วแน่กับ การเดิน และ คำบริกรรม

    ก็ทำให้ได้แบบนั้น ส่วน อาการที่ เราจะต้องพบเจอ ยังมีอีกมาก ให้ยึดหลักเอาไว้
     
  8. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,166
    แสดงธรรม ตามทำรู้ ผู้รู้แน่
    ธรรมแท้ๆ ดังทอง มองดูเห็น
    อนุโม ทะนาท่าน ทั่วเช้าเย็น
    ที่ท่านเป็น ผู้แจงธรรม ถูกทางกาล

    อนุโมทนาธรรมกับทุกท่าน ผู้แสดงธรรม ด้วยกรุณาเพื่อแก้ไขสิ่งข้องติดตามกำลังตามเจตนาครับ สาธุ
    ด้วยความเคารพทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2010
  9. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    เห็นด้วยกับคุณรู้รู้ไปค่ะ การตั้งใจมากไป ทำให้เกิดอาการเกร็ง ร่างกายจึงกระตุก

    หากเกิดอาการอีก ลองเปลี่ยนอิริยาบท ไปเดินจงกรมดูค่ะ อาจจะช่วยได้ค่ะ (มีสติ กับการเดิน -ก้าวเท้าซ้ายให้รู้ว่า ก้าวซ้าย ก้าวเท้าขวาให้รู้ว่า ก้าวขวา)

    ขออนุโมทนาบุญกับท่านจขกท. และท่านผู้ตอบค่ะ
     
  10. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    อาการหัวทิ่ม (ที่ไม่ใช่อาการหลับ) เป็นอาการก่อนที่จะเกิดปิติอย่างหนึ่งค่ะ เรียกว่า "อุเพงคาปิติ" หรือปิติตัวโยกคลอน จะเกิดเมื่อเข้าฌาณ ๒ ค่ะ

    ให้ทำไปไม่ต้องสนใจค่ะ หากต่อไปจะเกิดอาการตัวหมุน แบบลูกข่าง เหมือนอาการปลุกพระ ไม่ต้องตกใจนะคะ ดูไปเรื่อย ๆ หากผ่านอาการนั้นไปเอง จากนั้นจะเข้าฌาณ ๓ -๔

    เมื่อได้แล้วควรฝึกวสี ๕ ต่อ เพื่อความชำนาญในการเข้า-ออกฌาณค่ะ จากนั้นจะต่อกรรมฐานกองใด แล้วแต่ใจค่ะ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ

    Numsai
     
  11. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    อาการกระเพื่อมทางกายในขณะภาวนา
    ส่วนมากมาจากจิตที่กระเพื่อม
    เมื่อภาวนาละเอียดเข้าไป แยกกาย แยกจิต ได้
    จะเห็นกระแสของจิตที่ยึดโยงกายอยู่
    และจะเห็นกระแสของจิตที่กระเพื่อมออกไปสู่กาย
    ในขณะที่กระแสจิตรวมเข้ามา
    กระแสจิตที่กระเพื่อมออกไปสู่กายเราก็รู้

    ภาวนาสงบละเอียดเข้าไปจะพอเห็นเหตุเอง
    ตอนนี้ก็ลองผิดลองถูกไปก่อน
    เมื่อเห็นถูกได้ปัญญาก็เกิดเมื่อนั้น
     
  12. เศรษฐาพล

    เศรษฐาพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    498
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,535
    ทำทานเยอะๆ ถ้านั่ง แล้ว เกิดอาการ ตากระตุก อาจจะเพราะเกิดจาก ท่านั่ง ที่ไปกดทับเส้นประสาท เพราะ ร่างกายของคนเราไม่เหมือนกัน ผมแนะนำให้ นอนทำสมาธิ เอา รับรอง จะหายดี ถ้าหายแล้ว pm มาบอกด้วยนะ
     
  13. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    อาการกระตุก อาการทางกาย เกิดจากคลื่นในสมองที่ปรับไม่ราบเรียบ ราบลื่น
    ขณะสภาวะจิตที่เข้าสู่ความสงบ จากคลื่นหยาบในชีวิตประจำวันจะคลายลง
    แล้วจิตปรับสู่คลื่นที่ละเอียดขึ้น ภาวะละเอียดขึ้น

    บางคนมีอาการคัน บางคนอาการหมุนๆโคลงเคลง มีไปตามแต่ภาวะแต่ละคนที่สะสมคลื่นอารมณ์ชีวิตประจำวันมาเป็นนิจเป็นประจำ

    พักผ่อนให้พอดี ไม่เครียดกับงานกับชีวิตมากเกินไป
    ตอนเริ่มทำสมาธิ อย่าเกร็งมาก ผ่อนตัวผ่อนจิตใจตามสบาย

    เฝ้าตามดูลมหายใจเข้า-ออก หรือคำภาวนา แบบใส่ใจผ่อนคลายไม่ไปตึงกับมัน

    รักษาความต่อเนื่องไว้ เดี๋ยวก็คงหายดีขึ้นไปเองครับ
     
  14. ไกล้ธรรม

    ไกล้ธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +121
    ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้คำชี้แนะ และอนุโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วยนะครับ วันหลังจะมาขอคำชี้แนะใหม่นะครับ ไม่มีอาจารณ์น่ะครับอ่านหนังสือแล้วปฎิบัติเองน่ะครับ
     
  15. prapanuch

    prapanuch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +854
    ดิฉันก็สงสัยเหมือนในอาการปฎิบัติธรรม ขณะน้่งสมาธิ ดิฉันตั้งใจว่าหลวงพ่อเทศน์ครั้งนี้ต้องถามให้หายสงสัย วัดป่าสาขาหนองป่าพงค่ะแต่พอจะเอ่ยถามท่านกลับตอบมาก่อนว่า"อย่าสงสัย ให้ปฎิบัติไป"ดิฉันอมยิ้มเหมือนได้คำตอบโดยไม่ต้องถามค่ะ
     
  16. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,354
    บางที่คำตอบที่เราต้องการคือเราตอบตัวเองนะครับ

    ผมเองก็ปฏิบัติอยู่ครับ ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็เพียนปฏิบัติทุกเช้าค่ำ

    บางที่ก็สงสัยหลายอย่างแต่ปฏิบัติไปเราก็เริ่มเข้าใจได้เองครับ

    อนุโมทนากับท่านที่ปฏิบัติธรรมทุกท่านด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,166
    เวลายิ้มด้วยธรรมนี่ มีความสุขดีนะครับ พิจารณาดีๆ จะได้ของดีที่อยู่ในนั้นได้นะครับ
    ยิ้มด้วยธรรมจากครูบาอาจารย์ ยิ้มที่คลายจากความสงสัย ยิ้มที่คลายจากการปรุงแต่งร้อยรัดแม้ชั่วขณะหนึ่งยังตรึงใจได้จนถึงทุกวันนี้ แม้เพียงระลึกถึง

    อย่างไรก็ไม่ถึงใจ เท่าได้ถึงเอง

    อนุโมทนาครับ
     
  18. สมชัย3457

    สมชัย3457 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +90
    สวัสดีครับ
    ผมเองก็ได้ปฏิบัติโดยการสวดมนต์นั่งสมาธิมาหลายปีแล้ว และมีอาการต่างๆเกิดขึ้นมา จึงอยากจะขอคำแนะนำจากผู้รู้ว่าเป็นอย่างไร
    เริ่มจากเวลาสวดมนต์ ผมจะสวดและทำสมาธิไปพร้อมกัน เป็นการเตรียมตัวเพื่อนั่งสมาธิเวลาสวดมนต์เสร็จ อาการต่างๆจะเกิดขึ้นหลายอย่าง บางครั้งเวลาจุดธูปอธิฐานก็จะเกิดอาการซาบซ่านที่ผิวกาย บางครั้งเริ่มสวดอรหังจะมีอาการเหนื่อยเวลาเปร่งคำสวด บางครั้งสวดมนต์ได้สักพักมือทีพนมไว้จะมีอาการสั่นเหมือนคนทรง ต้องแยกมือออกจึงจะหาย
    บางครั้งมือที่พนมไว้จะยกขึ้นไปเหนือหัวและเงยหน้าตามไปด้วย พร้อมกับการสวดมนต์ไปด้วย บางครั้งขณะสวดมนต์เสียงจะเปลี่ยนไปบ้าง จังหวะสวดก็เปลี่ยนไปบ้าง เวลานั่งสมาธิบางครั้งจะมีอาการตัวเอียงไปทางซ้ายบ้าง ทางขวาบ้าง ก้มหน้าบ้าง เงยหน้าบ้าง หรือบางครั้งจะรู้สึกเหมือนมีใครมานั่งข้างๆ ก็ได้แต่ตามรู้ตามดูอาการไปเรื่อยๆ บางที่ขณะนั่งสมาธิปากก็จะสวดภาษาแปลกๆออกมา ทั้งหมดนี้เป็นอาการที่เกิดขึ้นกับผม จึงอยากขอให้ท่านผู้รู้ช่วยแนะนำให้หน่อยครับ ว่าเป็นอาการปกติหรือปกติ ดีหรือไม่ดี ถ้าไม่ดีจะมีแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องอย่างไร
    ขอขอบพระคุณกับทุกๆคำแนะนำครับ
     
  19. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,166
    สำหรับผม
    คงต้องตอบว่า ถ้าพอใจในสายนี้ก็แล้วไป แต่ถ้าหากอยากแก้อาการ ก็เพิ่มสติลงไปในการปฏิบัติครับ หาการปฏิบัติที่เป็นการเพิ่มกำัลังสติ เอาให้ทันสมาธิ

    อย่างที่เขาว่าคนสติแข็งจะถูกแทรกยากไงครับ รู้ตัว รู้ตัว หมั่นรู้ตัวมากๆ เดินจงกรม หรือเอาคำภาวนาแบบต้องตั้งใจไม่ให้เผลอ อย่างการนับ นับผิดต้องเริ่มใหม่ เผลอต้องเริ่มใหม่อะไรอย่างนี้ ไม่ปล่อยไหล ไหล ตั้งใหม่ สู้ด้วยความรู้สึกตัวให้ได้มมากขณะ ถ้าอยากแก้นะ
    รู้แล้วจบ รู้แล้วจบ ตั้งใหม่อย่าไหลตาม อย่าปล่อยตาม รู้ตัวเข้าไว้ ไม่รู้ตัวไม่ทันก็ไหลได้ จะเอาปัญญาไปดับทุกข์ไง ต้องรู้ ไม่ไหล ไม่ขาดสติ ไม่ขาดรู้ตัว สติมาปัญญาเกิดนะ ผมว่า (สังเกตุไหมพวกคิดมากสติแข็งจะไม่ค่อยถูกแทรกไม่ค่อยเจอผีที่เขาเรียกคนแข็ง เจอก็ไม่กลัว)
    สำหรับผม ผู้ชอบการรู้ตัวมีสติเข้าไว้ แล้วว่าดี แล้วว่ามีปัญญาเกิดได้

    ลองดูหลายๆคำตอบนะครับ อยากให้ได้หลายๆความเห็นแล้วให้ท่านเลือกนำไปพิจารณาครับ
    เอาให้ถูกกับจริตจึงดี เอาเป็นการทำความดี จึงดี
    ขอให้ท่านโชคดี ได้ของดี ที่ถูกกับจริต เอื้อต่อการปฏิบัติดีครับ สาธุ เจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2010
  20. pr_krut

    pr_krut Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +34
    ค่ะได้มาอ่านการแชร์ความรู้ในการปฎิบัติทำสมาธิแล้ว รู้สึกว่าการปฏิบัติและปฎิกิริยา ของแต่ละคนขณะปฏิบัตินั้น มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะฉะนั้นเราต้องมั่นตามรู้มันไปด้วยวิธีเฉพาะตัวของใครของมัน แต่บทสรุปหรือคำตอบ เราก็จะได้คำตอบเดียวกัน เป็นอะไรที่ดีมากค่ะที่ได้เข้ามาแชร์ความรู้ครั้งนี้ อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ (f)
     

แชร์หน้านี้

Loading...