สวรรคาลัยอยู่หนใด..."บนขอบฟ้ากว้าง"

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ตั้มศรีวิชัย, 14 พฤศจิกายน 2008.

  1. ตั้มศรีวิชัย

    ตั้มศรีวิชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    597
    ค่าพลัง:
    +1,847
    <center>[​IMG]</center>

    นับ ตั้งแต่วันที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้เสด็จสู่สวรรคาลัย พสกนิกรชาวไทยทั้งมวลเศร้าโศกอาลัยเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาดังกล่าวมีคำๆหนึ่ง
    ที่เอามาใช้กันบ่อยๆ เพราะมีส่วนเกี่ยว เนื่องกัน เช่น เสด็จสู่สวรรคาลัย เสด็จสู่สรวงสวรรค์ เป็นต้น นอกจาก นั้น พระเมรุ และ อาคารประกอบ ที่สร้างขึ้นตามคติความเชื่อในประเพณี โบราณ และคติเรื่องไตรภูมิ ทางพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอาคารพระเมรุ เป็นอาคาร ที่มียอดปราสาทซ้อนชั้น สื่อถึงชั้นภพภูมิต่างๆ ในสรวงสวรรค์ ซึ่งเชื่อว่า แทบทุกคนคงได้เห็นภาพหรือไปชมด้วยตาตนเองมาแล้ว
    สำหรับความหมายของ "สวรรคาลัย" ในพจนานุกรมฉบับราช บัณฑิตยสถาน ได้ให้ความหมายไว้ว่า เป็นคำกริยา หมายถึง ตาย ซึ่งจะใช้แก่ เจ้านายชั้นสูง นอกจากนี้แล้วคำๆ นี้ส่วนใหญ่จะใช้ในการแต่งกลอน ส่วนการใช้ คำว่า "ส่งเส็จสู่สวรรคาลัย" ซึ่งคนส่วนใหญ่เข้าใจว่า"สวรรคาลัยเป็นสวรรค์ชั้นหนึ่งชั้นใดแต่ความจริงแล้วไม่ใช่ชื่อของชั้นของสวรรค์" ทั้งนี้หากแปลความหมายตรงๆหมายถึง "ส่งเสด็จตายไปสู่สรรค์"

    สำหรับสวรรค์ในคติความเชื่อทางพุทธศาสนานั้นนายโอฬารเพียร ธรรม ผู้เขียนหนังสือ ตามหาความจริงวิทยาศาสตร์กับพุทธธรรม และถอดกฎพบกรรม ได้ยกตำราในพระไตรปิฎก มาอธิบายโดยเรียงจากชั้นล่างสุด ประกอบด้วย๑.ชั้น จาตุมหาราชิกา สวรรค์ชั้นนี้อยู่ใกล้ชิดมนุษย์มากที่สุด ประกอบด้วยเทวดา หลากหลายประเภท มีผู้ปกครอง ๔ องค์ เรียก จตุโลกบาล โดยองค์แรกคือ ท้าว กุเวร หรือ เวสสุวรรณ อยู่ด้านทิศเหนือ ผู้ปกครององค์ที่ 2 คือ ท้าว วิฬุร หก อยู่ด้านทิศใต้ ผู้ปกครององค์ที่ 3 ชื่อ ท้าววิรูปักษ์ อยู่ทิศตะวัน ตก ผู้ปกครององค์ที่ 4 ชื่อ ท้าวธตรัฐ อยู่ทิศตะวันออก ปกครองพวก คน ธรรพ์ รุกขเทวดา ภูมิเทวดา และ อากาสเทวดา คนธรรพ์ คือ พวกที่ถนัดการ ร้อง การรำ และดนตรี รุกขเทวดา คือ พวกที่อยู่ตามต้นไม้ ภูมิเทวดา คือ พวกที่เป็นเจ้าที่ทั้งหลาย ส่วน อากาสเทวดา คือ เทวดาที่รับผิดชอบ เรื่องความสมดุลของดินฟ้าอากาศ สรุปว่าในชั้น จาตุมหาราชิกา นี้ มีเทวดา หลากหลายชนิดจริง ๆ ทั้งที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์สวยงาม หรือ น่ากลัว รวม สัตว์ที่มีกายทิพย์บางอย่าง และก็เป็นภพภูมิที่ติดต่อกับมนุษย์ ได้ง่ายกว่า ภพภูมิอื่นๆ พูดเป็นวิชาการสมัยใหม่ อาจพูดได้ว่า เพราะมีความละเอียดของ กายทิพย์ และ คลื่นจิต ไม่แตกต่างจากมนุษย์มากนัก ผู้ที่ให้ทานรักษา ศีล อยู่เสมอ ๆ ตายแล้วก็ไปเกิดเป็นเทวดา พวกนี้ได้ สวรรค์ชั้นนี้ ครอบ คลุม ตั้งแต่ พื้นโลกมนุษย์ ขึ้นไปถึงระยะประมาณ ๒๑,๐๐๐ โยชน์ (คูณ ด้วย ๑๖ จะออกมาเป็นกิโลเมตร )
    ๒.ชั้นดาวดึงส์เป็นสวรรค์ชั้นที่คนไทยคุ้นชื่อมากที่สุด และมีการ พรรณนาถึงความงดงามของสวรรค์ชั้นนี้กันมากมาย ในชั้นนี้ มีสมเด็จพระอมริน ทราธิราช หรือ พระอินทร์ เป็นผู้ปกครอง มีสวนสวรรค์อยู่ ๔ แห่ง ครอบคลุม ทั้ง ๔ ทิศ มีชื่อว่า นันทะ จิตรลดา สักกะ และ ผรุสกะ ในเขตพระราชฐาน ของพระอินทร์ มีต้นไม้ใหญ่ ชื่อต้น ปาริชาต เมื่อออกดอกผลิบานจะส่งกลิ่น หอมอบอวลไปทั่วสวรรค์ ใต้ต้นปาริชาต มีแท่นศิลาแท่นหนึ่ง ชื่อ บัณฑุกัมพล ศิลาอาสน์ เป็นที่ประทับของพระอินทร์ ( เมื่อพระพุทธองค์เสด็จไป แสดง อภิธรรมโปรดพระมารดา ก็แสดงธรรม ณ. ที่นี้ ) สำหรับผู้มีสิทธิ์ไปเกิด บนสวรรค์ชั้นนี้ ขอเพียงให้ทำความดีสม่ำเสมอ ด้วยความตั้งใจจริง ก็ไปเกิด ได้แล้ว ส่วนที่ตั้งของชั้นดาวดึงส์ ก็อยู่สูงขึ้นไปจากโลก ประมาณ ๔๒,๐๐๐ โยชน์
    ๓.ชั้นยามาเป็นสวรรค์ที่เพียบพร้อมด้วยความงาม และ ความ สุข มากกว่าชั้นดาวดึงส์หลายเท่า ทิพยปราสาท เป็นเงิน และ ทอง มีรัศมี สว่างไสว กายทิพย์ของเทวดาเอง ก็มีรัศมีแผ่รอบกายเช่นกัน ผู้ปกครองสวรรค์ ชั้นนี้ ชื่อ สมเด็จพระสุยามเทวาธิราช เทวดาในชั้นนี้ มีนิสัยรักความ สงบ และความอิสสระ ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับสวรรค์ชั้นอื่นนัก ผู้ที่จะเกิดบน สวรรค์ชั้นนี้ ต้องทำบุญ ทำทาน รักษาศีล เป็นปกติของชีวิต ทำแต่ความดีอย่าง เดียว ไม่ทำความชั่วเด็ดขาด สำหรับสถานที่ตั้ง ก็อยู่สูงขึ้นไปจากสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์อีกประมาณ ๔๒,๐๐๐ โยชน์
    ๔.ชั้นดุสิตสวรรค์ชั้นนี้ ก็มีความงดงามตระการตาเพิ่มขึ้น จาก สวรรค์ชั้น ยามาอีกมากมาย ที่สำคัญก็คือสวรรค์ชั้นนี้ เป็นสถานที่ ที่ พระโพธิสัตว์ ผู้ตั้งใจบำเพ็ญบารมี เพื่อจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จะมาเกิด ที่นี่ ธรรมสถานในสวรรค์ชั้นนี้ จะมีการแสดงธรรมบ่อย ๆ โดยเทพผู้เป็นพระ โพธิสัตว์ จะผลัดเปลี่ยนกันมาแสดงธรรม ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นนี้ ชื่อ สมเด็จ พระสันดุสิตเทวาธิราช เทพสำคัญบนชั้นนี้ ที่ชาวพุทธรู้จักดี องค์แรก ก็ คือ พระมารดาของพระพุทธเจ้า ซึ่งเมื่อเสด็จทิวงคตแล้ว ก็มาเกิดเป็น เทพ (ชาย) อีกท่านก็คือท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี ก็อยู่สวรรค์ชั้นนี้ นอกจาก นั้นแล้ว พระศรีอาริยเมตตรัย พระโพธิสัตว์ที่จะมาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าใน อนาคต ปัจจุบัน ก็อยู่บนสวรรค์ชั้นนี้ สำหรับสถานที่ตั้ง ก็อยู่สูงขึ้น ไป จากสวรรค์ชั้นยามา อีกประมาณ ๔๒,๐๐๐โยชน์
    ๕.ชั้นนิมมานรดี สวรรค์นี้มีความงดงาม ประณีต เหนือกว่าสวรรค์ชั้น ดุสิตขึ้นไปอีก ซึ่งยากจะบรรยาย โดยใช้ภาษาที่พวกเราใช้กันตามปกติ เทพใน ชั้นนี้ รัศมีเรืองรองสว่างไสว และความพิเศษ ของเทพในชั้นนี้ก็คือ สามารถ เนรมิตเอาอะไรก็ได้ ตามแต่ใจปรารถนา ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นนี้ ชื่อ สมเด็จพระ สุนิมมิตเทวาธิราช คุณธรรมของคนที่ทำให้มาเกิดมาในสวรรค์ชั้นนี้ ก็ไม่แตก ต่างอะไรนักจากชั้นอื่น ๆ เป็นแต่ต้องยกระดับจิตใจตนเอง ให้ ประณีต บริสุทธิ์มากขึ้น มิให้ด่างพร้อยเลย ตัวอย่างผู้มาเกิดบนสวรรค์ ชั้นนี้ ในสมัยพุทธกาล คือ นาง วิสาขา
    ๖.ชั้นปรนิมมิตวสวัตดีเป็นสวรรค์ชั้นสูงสุดในฝ่ายเทวโลก เป็นชั้น ที่เทพผู้มาเกิด เสวยสุข ที่ละเอียดอ่อน ยิ่งกว่าชั้นอื่นใด อยากได้อะไร ก็ จะมีเทพผู้เป็นบริวารมาคอยเนรมิตให้ ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นนี้ ชื่อ สมเด็จพระ ปรนิมมิตวสวัตดี เทวาธิราช สถานที่ตั้งก็อยู่สูงขึ้นไป จาก สวรรค์ ชั้น นิมมานรดี อีกประมาณ ๔๒,๐๐๐ โยชน์

    สวรรค์มีอยู่จริงหรือ?
    ส่วนคำถามที่ว่ามีหลักฐานอะไรบ้างที่พอจะยืนยันได้ ว่าสวรรค์มีจริงนั้น นายโอฬารได้เสนอเหตุผลดังนี้ ๑.ทุกศาสนา มีคำสอนเรื่อง สวรรค์ ทั้งนั้น รายละเอียดอาจแตกต่างกันไป ถ้าคิดว่าศาสดาทุกคนเป็นผู้ยิ่ง ใหญ่ มีบารมีสูง รวมกันแล้ว ทำให้คนทั้งโลกเชื่อ มีศรัทธาได้ แล้ว ทำไม สวรรค์จะมีจริงไม่ได้ ๒.ชาวพุทธ ถ้าเชื่อคำสอนพระพุทธเจ้า เชื่อกฎแห่งกรรมโดยลึกซึ้ง ก็จะต้อง เชื่อการมีอยู่ ของ วัฏสงสารด้วย เพราะกฎแห่งกรรม ไม่สามารถทำงานครบ ถ้วน สมบูรณ์ ในชาติ (มนุษย์)เดียว ดังนั้น ชีวิตที่มีกายทิพย์อีก ๒๙ ภพ ภูมิ คือพวก นรก เปรต ผี เทวดา พรหม จึงต้องมีด้วย เพื่อรองรับการ เวียนว่ายตายเกิด จากกรรมต่าง ๆ ที่มนุษย์แต่ละคนทำขึ้น
    ๓.คนทั่วโลกไม่ว่าสมัยใด และนับถือศาสนาใด มีคนเคยเห็นผีมามาก มาย ทั้งด้วยตัวเอง และการถ่ายภาพ ( ที่เคยเห็นเทวดามีบ้างแต่น้อย) ถ้า ผี คือชีวิตที่มีกายทิพย์ค่อนข้างหยาบ เกือบซ้อนกับภพมนุษย์มีจริง ก็ไม่มี เหตุผลอะไรที่เทวดา ซึ่งเป็นกายทิพย์ เช่นกัน แต่ละเอียด ประณีตกว่า จะมี จริงไม่ได้
    และ๔.ในทางวิทยาศาสตร์ แต่เดิมอะตอม คือสิ่งละเอียดที่สุด ต่อมาก็ พบ นิวตรอน โปรตรอน อีเล็คตรอน และต่อมาก็พบ อนุภาคควอนตัม ที่เล็กกว่านั้น ไปอีก ในปัจจุบัน มีทฤษฎี สตริง ที่กล่าวถึง อนุภาคพื้นฐานของจักรวาล ที่ เล็กกว่า ควอนตั้ม อีก นับ ล้าน ล้าน ล้าน และอนุภาคละเอียดนี้ จะเกิดได้ ในมิติอื่น ๆ นอกเหนือ ๔ มิติ ที่เรารู้จักกัน ( คำนวณว่า จักรวาล ต้อง มี ๑๐-๒๖ มิติ จึงจะรองรับทฤษฎีนี้ได้ ) ทฤษฎีสตริง นี้ อาจนำไปสู่การ พิสูจน์ การมีจริง ของชีวิตกายทิพย์ ( หรือ โอปปาติกะ ในพุทธศาสนา ที่อยู่ คนละภพภูมิ หรือ คนละมิติ ถ้าใช้ คำทางวิทยาศาสตร์ ปัจจุบัน )ในอนาคตอัน ใกล้นี้ก็ได้

    "สวรรค์ เป็นส่วนหนึ่งของภพภูมิทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ และเป็นส่วนของ วัฏสงสาร แต่มนุษย์เรามองเห็นและสัมผัสได้เพียง ๒ ภพภูมิ คือ ภพภูมิ มนุษย์ กับ สัตว์เดรัจฉาน ส่วนอีก ๒๙ ภพภูมิ นั้น มนุษย์มองไม่เห็น และ สัมผัสด้วยประสาททั้ง ๕ ไม่ได้ คนส่วนใหญ่จึงไม่เชื่อว่ามีจริง" นายโอฬาร กล่าว

    เรื่องไตรเทพไกรงู และภาพ ประเสริฐเทพศรี
    ที่มา...
    [​IMG]
    http://www.komchadluek.net/2008/11/14/x_phra_j001_231246.php?news_id=231246
     
  2. kriengkripob

    kriengkripob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,326
    ค่าพลัง:
    +2,048
    ขอบคุณบทความ
     

แชร์หน้านี้

Loading...