เว็บพลังจิต สวดมนต์อย่างไรให้มีอานุภาพมาก???????

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย PalmPlamnaraks, 17 พฤศจิกายน 2005.

  1. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +5,790
    <CENTER>[​IMG]วิธีสวดมนต์ที่ถูกต้อง[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>

    บทสวดมนต์หลายบทนั้นมีอานุภาพในตัวเองมากมายมหาศาล แต่ต้องขึ้นอยู่กับ "ผู้สวด" ด้วย มีหลายท่านได้ยินได้ฟังมาว่า คนนั้นคนนี้สวดมนต์บทนั้นบทนี้แล้วจะได้รับสิ่งที่ดีๆ อย่างนั้นอย่างนี้ จึงมีผู้เลือกเอาบทสวดมนต์ต่างๆ มาบอกเล่ากันว่าควรสวดบทไหน ขอเรียนให้ท่านทราบด้วยความจริง....ว่า...

    การที่สวดมนต์ตามบทสวดมนต์ต่างๆ แล้วได้สมหวังตามความปรารถนา หรือสวดแล้วได้โชคลาภต่างๆ นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ "บทสวดมนต์" แต่เพียงอย่างเดียว มีองค์ประกอบอย่างอื่นด้วย

    องค์ประกอบของการได้ทุกอย่างตามที่ปรารถนานั้น มีส่วนสำคัญอยู่ 3 ส่วน


    1.กรรม
    2.ตัวเราเอง
    3.ผู้ช่วยหรือสิ่งต่างๆ ช่วย



    [​IMG]1.กรรม มีอัตราส่วน 50 %
    ถ้าคนเราไม่มีส่วนของการกระทำที่ได้เคยทำไว้ในอดีตมาเป็นพื้นฐานแล้ว ไม่มีทางที่จะดีขึ้นมาได้ เปรียบเทียบว่า กรรม ดีที่เราทำนั้น เป็นกำลังพื้นฐานที่รองรับเรื่องราวต่างๆ

    [​IMG]2.ตัวเราเอง มีอัตราส่วน 25 % ถ้าเราเองไม่ทำตัวให้ดี เพื่อรองรับ หรือรอรับสิ่งที่ดีๆ แล้ว ก็ไม่มีทางที่จะได้ดีขึ้นมาได้

    [​IMG]3.ผู้ช่วยหรือสิ่งที่มาช่วย มีอัตราส่วน 25 % ผู้ช่วยในที่นี้ รวมถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นครูบา อาจารย์ ผู้ที่มีจิตดี จิตบริสุทธิ์ พรหม เทพ เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บทสวดมนต์ พระคาถา เครื่องราง ของขลัง วัตถุมงคล ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ เป็น "อุปกรณ์" เสริมที่มีความจำเป็น เพื่อให้สิ่งที่เราต้องการ สิ่งที่เราปรารถนา สมตามความต้องการ นี่เป็นการเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นชัดๆ สมมติว่า ถ้าเป็นการสอบ ต้องการคะแนน 50 เพื่อ "ผ่าน" ลองคิดดูง่ายๆ ว่า ถ้าเราจัดอัตราส่วนแล้วเราต้องใช้ส่วนไหนมากที่สุด ถ้าใช้ส่วนที่มากที่สุด ก็คือ ส่วนที่เป็น "กรรม" เรามีอัตราส่วนถึง 50 % ถ้าเราเคยทำกรรมดีไว้พอสมควร คือทำกรรมดีไว้เต็มเปี่ยมได้ครบ 50 % เราก็ไม่จำเป็นต้องไปหาคะแนนมาจากไหนมาเพิ่ม เพราะได้ครบ 50 % แล้ว เคยสังเกตหรือไม่ว่า คนบางคนแค่เพียง "นึก" ก็ได้สมตามความปรารถนาแล้ว ไม่จำเป็นต้อง "ร้องขอ" จากสิ่งใดๆ อีก ก็ได้ทุกอย่างตามที่ปรารถนา นั่นก็แสดงว่า บุคคลนั้นได้กระทำ "กรรม" ที่ดีๆ มาอย่างเต็มเปี่ยมแล้วในอดีต แต่ถ้าท่านยังทำความดีไม่เพียงพอ กระพร่องกระแพร่ง หรือขาดตกไปบ้าง สมมติว่ามี "กรรมดี" ได้คะแนนเพียง 30 % จำเป็นที่จะต้องหาคะแนนจากที่อื่นมาเพิ่มให้ครบ 50 คะแนน จะไปเอาจากไหน ก็จากที่เหลือ 2 ส่วนที่เหลือ คือ จากตัวเราเองและผู้ช่วยเหลือหรือสิ่งช่วยเหลือ การที่จะไปหาให้ครบ 50 คะแนนนั้น ถ้าเอามาจากตัวเองน่าจะง่ายกว่าไปหาจากคนอื่น เพราะการที่ทำเอง ก็จะได้เอง และได้มากกว่าคนอื่นมาทำให้ แต่ถ้าถามว่า เราทำเองนั้น ทำดีได้แค่ไหน จริงใจกับการทำความดีได้แค่ไหน หรือทำไปแล้ว ผลที่ได้จะเพียงพอกับคะแนนที่ต้องการหรือไม่ สมมติว่าทำได้อีก 10 คะแนน (จาก 25 คะแนน) เราก็ได้เพิ่มแล้วเป็น 40 คะแนน ยังขาดอยู่ 10 คะแนน เราก็ต้องอาศัยผู้ช่วยเหลือ หรือสิ่งช่วยเหลือ เช่น ครูบา อาจารย์ ผู้ที่มี"จิต" ดี "จิต" บริสุทธิ์ เทพ เทวดา พรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บทสวดมนต์ พระคาถา เครื่องราง ของขลัง วัตถุมงคล ฯลฯ เหล่านี้ก็สามารถช่วยท่านได้อีก 10 คะแนน รวมแล้วครบ 50 คะแนน ถือว่า "ผ่าน" นี่เป็นเพียงการเปรียบเทียบ และแสดงให้เห็นว่า ทุกส่วนต้องมีการเกื้อหนุนและประกอบกัน ถ้าแค่ผ่าน ก็ใช้เพียง 50 % หรือ 50 คะแนน

    แต่ถ้าจะให้ "เยี่ยม" ต้องใช้คะแนนมากๆ บางคนทำคะแนนได้มากถึง 90 หรือเกือบร้อย เช่น ทำแต่กรรมดี มาตั้งแต่อดีต เป็นคนที่ทำตัวเองดี และได้ผู้ช่วยเหลือดี เลยทำให้ได้ดี มากยิ่งขึ้น จำเอาไว้ว่า กรรม 50 ตัวเอง 25 ผู้ช่วยเหลือ 25 ไปจัดสัดส่วนเอาเอง ถ้าจะมานั่งรอแต่ให้คนอื่นช่วย (25 คะแนน ซึ่งความเป็นจริง ใครหรืออะไรจะมาช่วยได้ครบ 25 คะแนน) แล้วไม่ทำตัวเองให้ดีๆ ไม่ทำกรรมดีมาแต่ก่อน จะไปได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ หรือจะได้รับสิ่งที่ดีๆ ได้อย่างไร

    เพราะฉะนั้นความเป็นจริง ตัวเราเองเป็นส่วนสำคัญ มีคะแนนถึง 75 % หรือ 75 คะแนน จากการกระทำดีของเราที่ได้เคยทำไว้ ซึ่งก็คือ "กรรม" 50 ตัวเราเองทำดีด้วย 25 ถ้าทำได้แค่นี้ 75 คะแนนแล้ว ผ่านได้อย่างสบายๆ

    จะมานั่งรอผู้ช่วยเหลือ หรือสิ่งช่วยเหลือทำไม แค่เพียง 25 คะแนนเอง เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ทำไมไม่ฝึกตัวเองก่อน ให้ตัวเองมี "ดี" พอก่อน ก่อนที่จะไปหา "ดี" จากที่อื่น บทสวดมนต์ก็เช่นกัน จัดอยู่ในข้อที่ 3 คือผู้ช่วยเหลือ หรือสิ่งช่วยเหลือ อย่าลืมว่าเป็นเพียง "ส่วนประกอบเท่านั้น"

    คนที่ไม่มี "กรรม" ดีมาก่อน ไม่ได้ทำตัวให้เป็นคนดีก่อน ไม่ทำบุญทำกุศลมาก่อน ให้สวดพระคาถาชินบัญชร 100 จบ 1000 จบก็ไม่ได้อย่างที่ตัวเองต้องการ หรือเรียกง่ายๆ ว่า อาจจะไม่ได้ดีตามที่หวัง แต่การสวดมนต์ก็ได้ "กุศล" แล้ว แต่ได้อย่างมากที่สุดก็ไม่เกิน 25 คะแนน รู้อย่างนี้แล้วจะมามัวมานั่งทำอย่างใดอย่างหนึ่งทำไมกัน ทำทั้ง 3 ส่วนให้สมดุลย์กันไม่ดีกว่าหรือ ? ทั้งทำ "กรรม" ดี ทำตัวเองให้ดี (รวมถึงการทำบุญกุศล ปฏิบัติภาวนา ฯลฯ) และหาผู้ช่วยเหลือสิ่งช่วยเหลือที่ดี แล้วสิ่งที่คุณต้องการ...ก็จะไม่ไกลเกินความจริง [​IMG] การสวดมนต์เพื่อให้ได้อานิสงส์สูงสุด

    1.อย่าสักแต่ว่าสวดเป็นนกแก้วนกขุนทอง คือท่องๆ บ่ยๆ ไปตามอักขระที่อ่านหรือนึกได้ ข้อนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องให้รู้ความหมายด้วย ไม่จำเป็นขนาดนั้น เพราะการรู้ความหมายเป็นเพียงส่วนเสริมเท่านั้น
    (แต่ถ้ารู้ความหมายด้วย ก็เป็นเรื่องดี) จะรู้ความหมายหรือไม่รู้ความหมายก็ไม่สำคัญเท่ากับการสวดมนต์อย่างมีสมาธิ

    2.ต้องสวดมนต์อย่างมีสมาธิ หมายความว่า เวลาที่จะสวดมนต์นั้น ต้องรู้ก่อนว่าสวดมนต์บทไหน (จะรู้ความหมายหรือไม่รู้ก็ได้)
    แต่เวลาที่สวดมนต์นั้น ให้รู้ว่าอักขระหรือตัวหนังสือที่เรากำลังจะท่องนั้น คือตัวอะไร ฟังดูอาจจะเข้าใจยาก เอาอย่างนี้ เวลาที่จะสวดมนต์ เช่น นะโม ตัสสะ ฯลฯ ก็ต้องรู้ว่าตอนนี้กำลังสวดคำว่า นะ คำว่า โม คำว่า ตัส คำว่า สะ คือให้รู้ตัวทุกตัวอักขระว่ากำลังสวดคำไหน
    ทำได้มั้ยครับ ถ้าทำได้..คือรู้ตัวว่าสวดอักขระตัวไหน เราก็จะมีสติใจจดจ่อกับคำสวดตามอักขระ

    เมื่อมีสติเราก็จะมีสมาธิ การมีสติ และมีสมาธิในเวลาสวดมนต์นั้น จะได้รับ "พลังงาน" ที่ดี ทำให้ได้ แล้วจะได้รู้ว่า สวดมนต์เวลาที่มีสติและสมาธิ จะ "ดีกว่า" สวดมนต์แบบนกแก้วนกขุนทองอย่างมากมายมหาศาล [​IMG] การเรียงการสวดมนต์ ตามที่ได้ลงในเวบนี้ ให้สวดมนต์ตามที่ได้ลงเอาไว้ ตั้งแต่ บทสวดมนต์ที่เกี่ยวกับพระรัตนตรัย บทชัยมงคลคาถา (บทพาหุง ฯ) และจบด้วยพระคาถาชินบัญชร จะท่องโดยไม่ต้องดูตัวหนังสือก็ได้ แต่อย่าขี้เกียจ หมั่นท่องจำไว้ให้ได้ก็ดี อย่านึกว่ามีหนังสือ มีตำรา แล้วเอาแต่เปิดหนังสือ เปิดตำราท่อง แรกๆ ก็เปิดได้ เพราะคนไม่เคยท่องจะให้จำได้อย่างไร แต่ถ้านานๆ ไป ควรท่องจำเองโดยไม่ต้องเปิดหนังสือหรือตำรา เพราะการท่องด้วยจิตใจที่จดจ่อกับคำที่เราท่อง สิ่งที่เราได้ก็คือ จิตจะมีสมาธิ การสวดมนต์ก็คือการปฏิบัติสมาธิอย่างหนึ่งเช่นกัน












    </PRE>


    ที่มา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 เมษายน 2010
  2. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,403
    โมทนาครับ เป็นข้อความที่ดีจริง ๆ
     
  3. hexidecimal

    hexidecimal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,026
    ค่าพลัง:
    +1,637
    ดีเยี่ยม
     
  4. หมูตุ้ย

    หมูตุ้ย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2005
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +104
    ใครเป็นคนคิดเกณฑ์ขึ้นมาเหรอคับ (50 - 25 - 25) อิ ๆ มะได้มาป่วนนะ อยากรู้จิง ๆ
     
  5. Nukool

    Nukool เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2005
    โพสต์:
    278
    ค่าพลัง:
    +1,073
    ควรอาราธนาศีล 5 ก่อนสวดมนต์ทุกครั้ง พอสวดมนต์บทต่างๆเสร็จแล้ว ให้แพร่เมตตาไปให้สรรพสัตว์ทั้งหลายให้ได้มาอนุโมทนาบุญกุศลที่ได้ทำไว้ดีแล้ว แล้วตั้งจิตอธิฐานและกวดนำไปให้ด้วยนะครับ
     
  6. เกจิหนุ่ม

    เกจิหนุ่ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,517
    อ่านแล้วดีจังเลยครับ...ชอบจังโดนเลยอะปาล์ม
     
  7. จอกแหน

    จอกแหน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    272
    ค่าพลัง:
    +873
    ขอบคุณครับสำหรับบทความนี้ และผมมีคำถามต่อว่าถ้าเราสวดแบบว่าปากก็ท่องไปแต่ใจไปไล่จับตั๊กแตนอยู่ในทุ่งหญ้าอย่างมีความสุข บทสวดจบจึงสดุ้งกลับ เออ..ถึงบทไหนหละเนี้ย..แล้วอย่างนี้จะได้อะไรบ้าง ช่วยไขข้อข้องใจหน่อยคัรบ (ห้ามบอกว่าได้ตั๊กแตนนะ)
     
  8. sanya

    sanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +2,687
    คุณจอกแหนสมมุติได้ดี 555555
    ผมว่าคงไม่ได้ตั๊กแตนหรอก เพราะคุณไม่ได้บอกว่าคุณจับได้
     
  9. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    ได้รับรู้วันนี้เป็นพระคุณอย่างสูง
     
  10. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    ได้รับความกระจ่าง ก็วันนี้ ขอบพระคุณอย่างสูง(b-green) [b-wai]
     
  11. jojokola

    jojokola เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2005
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +100
    ผมก็สวดอยู่ครับ ก็ทำอย่างนี้เช่นกัน

    บทความน้ทำให้ผมเข้าใจอะไรมากขึ้นครับ
    ผมคงจะทำให้ดีขึ้นกว่านี้ครับ
     
  12. ab

    ab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2004
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +185
    โมทนาด้วยค่ะ
     
  13. GAN9

    GAN9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +1,249
    โมทนาด้วยครับ บทความดีมากครับ
     
  14. littleweb

    littleweb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    343
    ค่าพลัง:
    +1,355
    ขอบคุนคะ สนใจอยากรู้มานานมากแล้วคะ การที่มีสมาธิ จะอธิษฐานจิตได้ดี
    อนุโมทนาบุญกับคุณด้วยคะ
     
  15. สุวรรณา รัตนกิจเกษม

    สุวรรณา รัตนกิจเกษม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +772
    ....อนุโมทนาสาธุ....สาธุ
    เยี่ยม ๆ
     
  16. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    จะเล่าอะไรให้ฟัง มีอยู่วันนึงไปที่วัดท่าซุงและได้นั้งคุยกับหลวงพี่"ชัยวัฒ"คุยไปคุยมาท่านให้คาถามาอันนึงเป็นคาถา"ดูคู้แท้"แต่คาถานี้ใช้ได้แค่ครั้งเดียวและต้องทำเป็น"ชาญ"จึงจะเกิดผล ข้าพเจ้าใช้เวลาอยู่หลายวันในการจำพระคาถาทั้งหมดเพราะเป็นคาถายาว หลังจากรู้คาถาทั้งหมดแล้วโดยไม่ต้องใช้เปิดหนังสือ ทีนี้ก็มาทำให้เป็น"สมธิ"ทำยังไงก็คือทำบ่อยๆเท่าที่จะทำได้จะยืนจะเดินจะทำงานก็ว่าคาถาไปในใจแต่ขณะที่ว่าคาถาต้อง"ไม่อยาก"คือถ้าอยากแล้วมันจะเป็นกิเลส "ชาญ"จะไม่เกิน มีอยู่วันนึงวันนั้นใจสบายมากก็ว่าคาถาไปจนหลับทีนี้มารู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะปวด"ฉี่"ก็สลึมสลือลุกขึ้นเข้าห้องน้ำแล้วก็มานอนที่นี้หละท่านทั้งหลายก่อนที่ข้าพเจ้าจะหัวถึงหมอนก็รวบรวม"สติ"ทั้งหมดที่มีอยู่ว่าคาถาทั้งหมดในใจ ข้าพเจ้าจำได้ว่าหมดคาถาคำสุดท้าย ภาพก็เกิด คาถาบดนี้เค้าใช้หากินกับ"ฝัน"คือจะเห็นใน"ฝัน"เท่านั้นและเห็นได้แค่ครั้งเดียวคนที่เราเห็นคือคู่แท้ของเราในชาติปัจจุบันนี้ คาถานี้พระที่ท่านจะหนี"วัวเขาอ่อน"มักจะใช้กันเพื่อหนทางแห่งการหลุดพ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2005
  17. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,240
    ค่าพลัง:
    +1,790
    ดุเหมือนว่า พระที่ให้คาถา ดูแค่แท้ นี้จะผิดศีลแน่นอน
    การดูคู่แท้ ไม่จำเป็นต้องว่าคาถาก็ได้
    ขอให้จับความฝันให้ดี คอยเช็คความฝัน ขณะที่เราเพิ่งตื่น ลองเช็คเรื่องราวให้ละเอียด คู่แท้มีในความฝันแน่นอน
    แต่เฉพาะบุคคลนะ บัวมี 4 เหล่า แล้วแต่เหล่าไหน ก็เท่านั้น
    ความฝันเป็นอนาคตซะส่วนใหญ่ ไปละ
     
  18. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    5555555555555555+เค้าดูเพื่อที่จะหนีไม่ใช่เพื่อวิ่งเข้าใส่ ขอถามคุณหน่อยสิ พระไปโดน"ผู้หญิง"แต่ท่านไม่มีความ"กำหนัด"ไม่เจตนา ถามหน่อยอาบัตไหม?ฉันว่าเก่งๆอย่างคุณหน้าจะไปตั้ง"ศาสนา"ใหม่นะ เป็นศาสนาของตัวเอง รู้สึกว่าจะเก่งกว่าพระพุทธเจ้าท่านแล้ว จริงใหม?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2005
  19. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,589
    การสวดมนต์ให้ได้อานุภาพมากควรจะทำกรรมให้ครบ 3 อย่างคือ
    1.กายกรรมหากรู้ความหมายแล้วปฏิบัติตามก็จะได้ประมาณหนึ่งในสาม จะสังเกตได้จาก คนที่ปฏิบัติดี, ชอบ, ตรง แค่อธิษฐานจิต ก็สำเร็จได้โดยไม่ต้องสวด
    2.วจีกรรม เป็นการเปล่งเสียงออกมา ควรจะเป็นท่วงทำนอง ให้สอดคล้องกับจังหวะหายใจ เช่น เมื่อหายใจเข้าให้ยาวที่สุดแล้วเปล่งเสียงสวดให้จบในหนึ่งอึดใจ
    3.มโนกรรม เป็นการจินตภาพตัวพระคาถาเมื่อสวดอักขระใดให้ตัวนั้นลอยมาตรงหน้าเป็นการทำให้รู้ตัวทั่วพร้อม มีจิตจดจ่อเป็นสมาธิเป็นฐานแห่งการส่งผลว่าเร็วหรือช้า
    หากใครทำได้ครบทั้งสามอย่าง สิ่งที่มุ่งหวัง หากไม่ผิดทำนองคลองธรรม สำเร็จได้แน่
    ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยจิต จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว
     
  20. april_28

    april_28 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2005
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +174
    เคล็ดลับแนะนำครับ ในการสวดมนต์ให้เกิดอานุภาพมากๆ
    1. สวดมนต์ให้เหมือนกับสายน้ำที่ไหลไม่ให้ขาดตอน คือ สวดจนสดลมหายใจค่อยเปลี่ยนลมหานใจใหม่ ยกตัวอย่าง
    เริ่มต้นสวดตอนหายใจเข้าแล้วสวดให้นานที่สุดจนหมดลมจึงเปลี่ยนเป็นหายใจออกพร้อมกับสวดต่อจนหมดลม ไปเรื่อยๆ ไม่ให้ขาดตอน(ให้เหมือนสายน้ำที่ไหลไม่ขาดช่วง)
    2. ขณะที่สวดมนต์ให้ระลึกถึงคุณพระรัตนไตร์ หรือความดีที่เราเคยทำ ให้จิตจับอยู่ตรงนั้นเพื่อให้ใจเป็นเมตา พร้อมแผ่เมตา
    ถ้าจะให้ดีมากๆขณะที่สวดมนต์ถ้าทำสมาธิหรือเพ่งกสินไปพร้อมๆจะดีมากๆ (โดยเฉพาะการสวดคาถา)
     

แชร์หน้านี้

Loading...