สตรองด้วยพรหมวิหารธรรม

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย Mdef, 22 กรกฎาคม 2021.

  1. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
    9D98FFAB-B6DC-4140-B1C9-2A71439A7E3B.jpeg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2023
  2. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
  3. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
  4. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
  5. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
    8B9EB37D-1793-4245-917B-BFE680D43249.jpeg

    เมตตาธรรม

    “สิเนหะ” รู้จักคำนี้มั้ย เป็นภาษาบาลี
    คนไทยจะเรียก “เสน่หา” เสน่หาเป็นวิบัติของความเมตตา
    ทีนี้คนไทยจะใช้คำว่าเมตตากันทั่วไป
    ทั่วไปเสียจนกลืนไปกับคำว่าสิเนหะด้วย
    เช่น เรามีเสน่หากับใคร เราก็จะบอกว่า
    “เราเมตตาคนนี้เป็นพิเศษ”
    เคยมีความรู้สึกอย่างนี้มั้ย ?
    ..
    ถ้าเมตตาเป็นพิเศษ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าไม่ใช่เมตตา !
    ถ้าเมตตาเป็นพิเศษจะเข้าข่ายเป็นเสน่หา เข้าใจมั้ย
    เหมือนผู้ชายเมตตาผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษนะ
    มันชักจะไม่เมตตาแล้ว
    มันจะเป็นเสน่หา หรือว่าเป็นราคะไป
    ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะไม่ได้ระวังเรื่อง
    “วิบัติกับสมบัติของเมตตา”
    ..
    เมตตา คือความรักใคร่
    ความปรารถนาดีอยากให้เขามีความสุข
    มีจิตแผ่ไมตรีและคิดทำประโยชน์แก่มนุษย์รวมทั้งสัตว์ทั่วหน้า
    ถ้าเป็นเมตตาเจาะจงเฉพาะคน
    ชนิดที่มีความปรารถนาดีต่อใครผู้หนึ่งผู้ใดเป็นพิเศษอย่างนี้นะ
    ไม่ได้เป็นเมตตาแบบเสมอๆกัน ก็จะกลายเป็นเสน่หา

    ถ้าเป็นเมตตาที่ไม่วิบัติ จะเป็นเมตตาแบบเสมอๆกัน
    เป็นความปรารถนาดี อยากให้ทุกคนมีชีวิตที่ดี
    อย่างนี้เสมอกัน ไม่ได้เป็นพิเศษ
    ..
    เหมือนอย่างที่ท่านพระอุบาลีเถระได้เคยกล่าวถึง
    เมตตาของพระพุทธเจ้าไว้ว่า
    พระมุนี (พระพุทธเจ้า) มีจิตเสมอในสรรพสัตว์
    คือในพระเทวทัต นายขมังธนู (ที่เทวทัตจ้างให้ไปยิงพระองค์)
    องคุลิมารโจร (ที่วิ่งไล่ฆ่าพระองค์)
    พระราหุล และ ในช้างธนบาล
    (ที่พระเทวทัตมอมเหล้าให้วิ่งเข้าไปทำร้ายพระพุทธเจ้าขณะบิณฑบาต)
    พระพุทธเจ้าเหล่านี้ย่อมไม่มีความโกรธ ไม่มีความกำหนัด
    พระพุทธเจ้ามีจิตเสมอในชนทั้งปวง คือในผู้ฆ่าและโอรส
    นี่เป็นตัวอย่างของเมตตาที่แท้จริง
    คือปรารถนาประโยชน์สุขแก่คนทั้งหลาย
    เมตตาเป็นความปรารถนาให้เขาได้ดีตามที่เขาควรจะได้นะ
    ปรารถนาให้เขาเจริญงอกงามในชีวิต
    ไม่แยกว่านี่ลูก นี่ศัตรู
    มีเมตตาเสมอกัน
    ...

    กราบสาธุธรรม ตอนหนึ่งของหนังสือ เมตตาธรรม
    พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
     
  6. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
  7. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
    D4A0E8C8-7532-44FB-9B6E-E46253948EC5.jpeg

    เราทุกคนรู้ว่าความโกรธไม่ดี แต่ก็ยังอดโกรธไม่ได้
    และเรามักจะปล่อยให้โทสะครอบงำการกระทำและคำพูดของตนเอง
    ทไมถึงเป็นเช่นนี้

    เรามักจะคิดว่าถ้ามีเหตุที่ควรโกรธ เราก็โกรธได้
    ความโกรธไม่ได้เกิดจากเรา แต่เกิดจากสิ่งไม่ดีที่อยู่ภายนอก
    เราอ้างเหตุผลให้กับความโกรธโดยใช้เงื่อนไขว่า "ถ้า...."
    ถ้าเขาไม่ได้ขับรถมาเฉี่ยวเรา ถ้าเขาไม่นินทา
    ถ้าเขาไม่แสดงท่าทางดูถูก ถ้าเขาไม่..... ฯลฯ
    ถ้าสิ่งภายนอกไม่เป็นอย่างนั้น เราก็จะไม่โกรธ

    แต่ไม่ว่าเรื่องนั้นจะสมควรโกรธเพียงใดก็ตาม
    เมื่อเราปล่อยให้โทสะครอบงำจิตใจเราแล้ว
    ปฏิกิริยาที่เป็นการกระทำและคำพูดย่อมรุนแรงกว่าที่คาดเสมอ
    เรามักจะเผลอทำในสิ่งที่เราเองก็ต้องเสียใจภายหลัง

    มีนายทหารท่านหนึ่งขับรถไปรับลูกที่ยังเรียนอนุบาล
    ขณะถอยรถเข้าที่จอดก็มีรถอีกคันหนึ่งพุ่งเข้ามาชน
    เขาจึงเดินลงไปต่อว่า จากนั้นเหตุการณ์ก็บานปลายเป็นการทะเลาะกัน
    นายทหารท่านนี้โมโหมาก เดินกลับมาที่รถ คว้าปืนจะไปยิงฝ่ายตรงข้าม
    เคราะห์ดีที่ยามผู้เห็นเหตุการณ์มีไหวพริบดีมาก
    รีบเตือนขึ้นว่า "ท่านครับ ท่านจะมารับลูกไม่ใช่เหรอครับ"
    นายทหารท่านนี้ได้ฟังก็เกิดสติรู้ตัว วางปืนลงได้
    มิฉะนั้นแล้ว แทนที่จะได้รับลูกตามปกติก็คงต้องขึ้นโรงพัก

    ความโกรธในเรื่องที่ดูเหมือนเล็กน้อยนั้น ลุกลามใหญ่โตได้ง่ายมาก
    ดังนั้น การฝึกบริหารความโกรธของตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
    ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะพยายามบรรเทาความโกรธของตน
    ไม่ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์อย่างไรก็ตาม

    เราควรหมั่นฝึกซ้อมด้วยการคิดทบทวนบ่อยๆ ว่ามีเรื่องอะไรที่มักจะทำให้เราโกรธ
    เรื่องงาน เรื่องคนในครอบครัว หรือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว
    โดยมากแล้ว สิ่งที่เรารักมากนั่นแหละจะเป็นที่มาของความโกรธ เมื่อไม่ได้ดั่งใจ
    เมื่อเราคิดทบทวนเรื่องนี้จนรู้ตัวว่าโกรธอะไร
    ก็ต้องสอนตัวเองว่าจะรักษาใจอย่างไรไม่ให้โกรธ
    เตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้าว่าถ้าเกิดเหตุทีไม่น่าพอใจ
    เราจะให้อภัยหรือปล่อยวางความโกรธอย่างไร

    การฝึกเจริญเมตตาภาวนาเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดละความโกรธ
    ความเข้าใจในธรรมก็ช่วยให้เราปล่อยวางได้ง่ายขึ้น

    Photo credit : Creative Commons image by jclark1 (pixabay)
     
  8. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
  9. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
  10. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
  11. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
  12. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
  13. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
  14. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
  15. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
    6DB598D3-E554-4729-9A33-3CDE8C6A62A3.jpeg

    คนอื่นทำร้ายเรา นั่นเป็นวิบากของเรา แต่มันเป็นกรรมของเขา

    ที่เราตอบโต้เขา นั่นเป็นการสร้างกรรมใหม่ของเรา แลเราจักต้องรับวิบากในภายภาคหน้าอีกนะลูก

    หัดให้อภัย หัดปล่อยวางซะ!

    หากเรี่ยวแรงยังไม่พอ ก็อย่าเพิ่งเอาเข่าไปรับด้ามพร้า เพราะหัวเข่าจักแตกหักไปก่อน

    เริ่มคิดให้อภัยเขา โดยเริ่มคิดอย่างคนที่กิเลสความโกรธยังไม่หมดก่อน คือยังไร้กำลังในการให้อภัย เพราะลูกคงอาจเจ็บแค้นเขามานานแล้ว

    คิดเยี่ยงนี้ไปก่อนนะลูก..
    การคิดจักแก้มือ คิดจักเอาคืน เพื่อต้องการเห็นคนที่ทำร้ายเราให้มันเจ็บปวด ให้มันฉิบหาย อย่างสาสม ก็ยังมิอาจสาสมหรอก! ด้วยชีวิตคนเราอยู่ได้ไม่เกิน ๑๐๐ ปี หากจักให้เขาเจ็บปวด ฉิบหาย พิการ ย่อยยับลงไปต่อหน้า มาบัดนี้เรา แลเขา อายุเท่าไรกันแล้วหนอ? เมื่อเราได้แก้มือสมใจแล้ว เขาก็อยู่อย่างเจ็บปวด ทรมานในโลกนี้ได้ก็ไม่เกิน ๗๐ ปี มันก็ยังไม่สาแก่ใจเราหรอกหนอ!

    ให้เราอยู่เฉยๆ ไม่ตอบโต้ ตั้งสติ ให้รู้แลเข้าใจในความชั่ว ความเลวของเขาที่มายัดเยียดให้กับเรา กลั่นแกล้งให้เราต้องประสบเหตุเยี่ยงนี้

    จงรักษาหัวใจของเราไว้ มิให้ความโกรธ มิให้ความพยาบาทจองเวรเข้ามาครอบงำ แล้วนึกถึงบารมีคุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เป็นที่ระฦกอันสูงสุดภายในใจของเรา ว่า..นะโมตัสสะ ชนะศัตรู ผู้ใดคิดร้าย จงกลับกลายเป็นดีฯ ให้หมั่นภาวนาไปบ่อยๆ ภาวนาไปเรื่อยๆ เรื่องร้ายก็จักบรรเทาลงไปได้

    มาดแม้นเขาตามจองเวรไม่เลิก ก็จงเพียรแผ่เมตตาไปเรื่อยๆ อย่าได้หยุดหย่อน โดยต้องเชื่อคำคุณพระฯ ที่ว่า..

    หว่านพืชเช่นไร ได้ผลเช่นนั้น
    ใครทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี
    ใครทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว..
    ย่อมเป็นอยู่เช่นนี้เสมอมา เสมอไป ตลอดมา ตลอดไป ตลอดอนันตกาล!

    แลผลแห่งการที่เขาจองเวรเรา ผลแห่งการที่เขามุ่งพยาบาทเรา มุ่งเบียดเบียนเรา มุ่งทำร้ายเรา มุ่งกลั่นแกล้งเรา ด้วยแรงแห่งโทสะพยาบาทนั้น ก็จักย้อนกลับคืนสนองผลกลับไปยังตัวเขาเอง ให้เขาต้องไปชดใช้กรรมในอบายภูมิ

    #คือต้องลงไปเกิดเป็นสัตว์นรก #ผู้มีกายใจดิ้นเร่าร้อนด้วยไฟโกรธแค้นอาฆาตพยาบาทจองเวรอยู่ชั่วกัปป์กัลป์ ถ้าเมื่อครั้งเป็นคน เขาได้ก่อกรรมทำกับเราอยู่เป็นอาจิณ คือบ่อยๆ เป็นประจำ เขาก็จักต้องมาเกิดเป็นสัตว์นรกอยู่ในอเวจีมหานรก ซึ่งต้องมีอายุกำหนดอยู่ ๑ กัปป์ (๑ กัปป์ คือระยะกาลเพลา เปรียบได้กับมีภูเขาหินล้วน สูง กว้าง ยาว ด้านละ ๑๖ กิโลเมตร ทุกๆ ๑๐๐ ปี เอาผ้าผืนบางๆ ดั่งควันไฟมาปัดครั้งหนึ่ง ต้องปัดให้ภูเขาหินล้วนดังกล่าวเลี่ยนราบลงเสมอพื้นดิน กาลเพลาที่ต้องเสวยกรรมนานถึงขนาดนั้น เรียกว่า ๑ กัปป์)

    หากเราเคยมีบุญคุณกับเขามาก่อน แล้วเขาคิดเนรคุณเราด้วยกาย วาจา ใจก็ตาม ผลกรรมที่เขาจักได้รับนั้นก็คือ ต้องไปเกิดเป็นสัตว์นรก เสวยกรรมอยู่ในโลกันตนรก ซึ่งต้องมีอายุกำหนดอยู่ ๑ พุทธันดร (กาลเพลากว่าที่พระพุทธเจ้าจักทรงอุบัติตรัสรู้ขึ้นมาพระองค์หนึ่ง เรียกว่า ๑ พุทธันดร)

    พ้นจากนั้น #ก็มาเกิดเป็นเปรต ทั้ง ๑๒ จำพวก #ผู้มีแต่ความทรมานด้วยความหิวโหย ด้วยความที่เขาหิวโหยในความอยากที่จักกลั่นแกล้ง อยากที่จักแก้แค้น อยากที่จักให้เราได้รับแต่ความลำบาก โดยที่ ๑๑ จำพวกที่เขาต้องไปเสวยกรรมนั้น จักรับส่วนกุศลที่ใครๆ อุทิศให้นั้นมิได้เลย จักมีโอกาสโมทนาบุญได้ก็ในช่วงที่มีโอกาสเกิดเป็นเปรตจำพวกที่ ๑๒ คือ ปรทัตตูปชีวีเปรต เท่านั้น

    พ้นจากนั้น #ก็มาเกิดเป็นอสุรกาย #คือผู้มีกายที่ไม่กล้า #กายที่หลบซ่อน ด้วยความที่เขาชอบใส่หน้ากากอยู่ในสังคม แสดงตนว่าเป็นคนดี มีศีลธรรม โดยชอบหลบซ่อน ปิดบัง อำพรางความจริง ไม่กล้าเปิดเผยให้ใครรู้ว่าแท้จริงแล้วตนเป็นคนชั่ว คนเลวที่คอยกลั่นแกล้ง เบียดเบียน ใส่ร้าย ทำลายผู้อื่น

    พ้นจากนั้น #ก็มาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน #คือผู้มีกายไปทางขวาง #ด้วยเคยขัดขวางการสร้างคุณงามความดีของคนอื่น ขัดขวางใจเรา เบียดบังขวางทางเดินในชีวิตเรามาก่อน #ชอบเสพแต่ความครุ่นคิดหมกอยู่กับความสกปรกโสโครกของใจ ยามเมื่อเป็นเดรัจฉาน ก็จักเกิดเป็นสัตว์ประเภทไร้คนรัก ไร้คนชอบ มีแต่คนรังเกียจ โดยจำแนกแจกชีวิตไปตามภพภูมิที่เขาได้เคยกระทำไว้ เช่น เป็นพยาธิในน้ำเน่า เป็นหนอนในกองขี้ ในของปฏิกูล เป็นแมลงวันที่คอยแต่ตอมดมดูดกินของเน่า ซากศพ น้ำเหลือง น้ำหนอง เป็นต้น พ้นจากนั้นก็จักมาเกิดเป็นเดรัจฉานที่ใหญ่ขึ้นมา แต่ก็ไร้คนรัก มีแต่คนรังเกียจอีก เช่น เกิดเป็นเหี้ย เกิดเป็นหมาบ้า หมาขี้เรื้อน เกิดเป็นสัตว์ประเภทมีกลิ่นตัวเหม็นสาบสางต่างๆ เกิดเป็นสัตว์ที่น่าขยะแขยงต่างๆ เช่น กิ้งกือ ไส้เดือน เป็นต้น

    กว่าที่เขาจักได้กลับมาเกิดเป็นคนได้อีกคราหนึ่งนั้น เขาต้องใช้วิบากกรรมเวรอยู่เช่นนั้น อย่างยาวนานเหลือเกิน คิดได้ถึงจุดนี้ รู้เยี่ยงนี้แล้ว มันสะใจกว่ามั๊ยล่ะลูก? เขาอุตส่าห์แสดงบทบาทของสัตว์ในอบายภูมิให้เราได้เห็นล่วงหน้า แสดงได้เหมือนนักหนาเลยเชียวน๊อ! ก็เท่ากับว่าเขาได้ประกาศตนว่าเขาต้องการมีทางไปเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้เราได้เห็นแล้ว เราก็ค่อยๆ ทำใจให้อภัยให้เขาไปนะลูก

    เห็นมั๊ยลูก...เขาทำกับเรา เราเพียรแผ่เมตตาเพื่อให้อภัยกับเขา หากเขาไม่เลิก ไม่หยุด เขาก็ต้องได้รับผลกรรมถึงขนาดนั้นชั่วกัปป์กัลป์ไปเอง โดยที่เรามิต้องตอบโต้ แก้แค้น แก้มือกับเขาแต่อย่างใดเลย ซึ่งเขาจักต้องได้รับวิบากกรรมนั้นอย่างแสนสาหัสเป็นระยะเพลานานนักหนากว่าการที่เราจักไปแก้แค้น แก้มือ เพื่อตอบโต้เขาอีก

    ก็กฏของกรรมนั่นแลที่จักเป็นการตอบแทนแก้แค้นเขาเองอย่างสาสม!

    เชื่อพ่อนะลูก..! เฉยไว้ เย็นไว้ แผ่เมตตาไว้
    เมตตา คุณณัง อรหัง เมตตา
    สัพเพ ชนา สุขิตา โหนตุฯ
    ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด

    #พ่อ #พระธัมมสรโณ
     
  16. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
    61F438DF-DE97-4967-9C81-63E187382A81.jpeg

    “เวลากินเนื้อสัตว์. กินอาหารชนิดไหนก็แล้วแต่. ให้ระลึกแผ่เมตตาให้เจ้าของชีวิต- เลือดเนื้อ ที่เรากินเนื้อของพวกเขา. เพื่อมาหล่อเลี้ยงร่างกายของเรา. เพื่อประทังให้ชีวิตเราอยู่ต่อไปได้. เพื่อประกอบคุณงามความดี.”

    ท่านเล่าว่า. “เมื่อคืนนี้. มีคนนำไก่ย่างมาถวาย. ขณะท่านหยิบเนื้อไก่เข้าปาก. จิตของไก่. ซึ่งเป็นเจ้าของเนื้อ ที่ท่านกำลังกิน. จิตไก่ร้องไห้คร่ำครวญ. บอกว่า.

    “คุณแม่กินเนื้อหนังของข้าน้อยแล้ว. ช่วยส่งบุญ ส่งกุศล - แผ่เมตตาให้ลูกด้วย. เพราะชาตินี้เกิดเป็นไก่. ตายแล้วก็ยังไม่รู้. จะไปเกิดเป็นสัตว์ชนิดไหนอีก. โอกาสที่จะไปเกิดเป็นมนุษย์. เหมือนผู้อื่นคงไม่มี. ลูกขอบุญจากคุณแม่. ช่วยลูกด้วย. กินเนื้อของลูกแล้ว. ช่วยส่งบุญให้ลูกด้วย. “

    ท่านบอก “จิตของเขาน่าสงสาร - น่าเวทนา. เกิดเป็นสัตว์แต่ร่างกาย. ส่วนจิตก็ยังรับรู้ความเจ็บปวด - ทรมาน - ความทุกข์. เหมือนกันกับมนุษย์เรานี่แหละ.”

    “ได้ยินอย่างนี้แล้ว. เวลากินเนื้อกินหนังผู้อื่น. ให้ระลึกถึงบุญถึงคุณของเขานะ. มนุษย์ - สัตว์. ต่างก็เคยเกิดเคยตาย. กินเนื้อกินหนังกันและกันมา. เกิดภพสูงภพต่ำ. หมุนเวียนอยู่อย่างนี้แหละ.”

    “พระธรรมเคยบอกขึ้นในจิตแม่. โลกอันนี้กินขี้กัน. โอ๊ย. ยิ่งพิจารณายิ่งสงสารนะ. สิ่งที่แม่บอก. แม่เล่าให้ฟัง. อย่าให้ตกหล่นทิ้งเปล่าๆนะ. “

    คุณแม่จันดี โลหิตดี
     
  17. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
     

แชร์หน้านี้

Loading...