ศีลห้าและพุทธะ หลวงพ่อคำบ่อ ฐิตปัญโญ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ฉลาดน้อย, 29 พฤษภาคม 2013.

  1. ฉลาดน้อย

    ฉลาดน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +1,721
    ศีลห้าและพุทธะ


    หลวงพ่อคำบ่อ ฐิตปัญโญ

    ณ ศาลากาญจนาภิเษก กรุงเทพฯ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๔๓



    ให้ถือเสียว่าวันนี้เป็นวันวิสาขบูชา ตั้งใจใฝ่หาทำความดี ให้ทานรักษาศีล ตั้งใจเจริญเมตตาภาวนา

    พระศาสดาทรงเข้มงวดกวดขันในวันที่ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ทรงยอมเสียสละแม้แต่ชีวิต ตั้งพระทัยที่จะนั่ง (บำเพ็ญเพียร)อยู่ที่ต้นโพธิ์ จนกว่าจะได้ตรัสรู้ มิฉะนั้นจะไม่ทรงลุกอย่างเด็ดขาด

    ดังนั้น ขอให้พวกเราตั้งใจกันให้ได้สักขั้น อย่างต่ำๆ ก็ให้ได้ ศีลห้าทำให้สำเร็จ ศีลห้า ไม่เป็นของยากและไม่เป็นของง่าย พระพุทธองค์ทรงเห็นจริง รู้ควรไม่ควร จึงทรงมอบศีลห้าไว้ให้ ถ้าหากรักษาได้ก็จะนำความสุขความสบายมาให้

    ศีล เป็นของเลิศ ของประเสริฐ การที่เราอยู่รวมกันได้ก็เพราะมีเมตตา มีธรรมต่อกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน มีเมตตา กรุณา สงสารซึ่งกันและกัน ว่า เกิดมาในโลกแตกต่างกันหลายอย่าง ทรัพย์รูปพรรณสัณฐาน ความดี ก็ไม่เหมือนกัน

    ท่านจึงให้ทำความดีให้ได้ ความดี ก็คือ ศีล นั่นเอง ใครทำได้ก็จะปิดอบายภูมิได้ ไม่ต้องลงอบายภูมิ คือ สัตว์นรก เปรต อสุรกายสัตว์เดรัจฉาน ดังนั้น พยายามรักษาศีลให้ได้ ตั้งใจให้เป็นอริยกันตศีลตั้งใจไม่ฆ่า ไม่คิดทำลายสิ่งที่มีชีวิต ไม่ลักทรัพย์ ฯลฯ

    ศีลห้า ถ้าใครทำได้ เรียกว่า ดับเวร ๕ อย่าง ได้ คือ ดับทุกข์ ๕อย่าง เวรก็จะไม่เกิด ภัยอันตรายก็จะไม่เกิด เวรมณี คือ เว้นจากความชั่วได้ เป็นผู้พ้น เป็นผู้ละได้ ผ่านได้ ผ่าน ๕ ข้อนี้ได้ ก็ผ่านนรกเปรต อสุรกายและสัตว์เดรัจฉาน (อบายภูมิ ๔) ได้เด็ดขาด

    ขอให้ระลึกถึงพระมหากรุณาคุณ พระเมตตาคุณ พระปัญญาคุณ อันบริบูรณ์อยู่ในสันดานของพระพุทธเจ้า เพื่ออบรมบ่มนิสัยให้เราพ้นจากทุกข์เดือดร้อน

    คุณความดีของพระพุทธเจ้าต่อเรานั้นมากมายเหลือพรรณนาเรามาทำความดีอันนี้เพื่อบูชาความดีของพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ ขณะนี้เราเอาพระพุทธองค์เป็นที่พึ่ง คือ เอาความรู้ว่าบาป - บุญ - นรก - สวรรค์ - นิพพาน มีจริงๆ เราจึงมาประกอบคุณงามความดีเช่นในวันนี้

    ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ธรรม ก็คือ กายกับใจ นั่นเอง กายนี้ยังฆ่าสัตว์ไหม ลักทรัพย์ไหมให้รู้ไปทุกข้อ เรียกว่า พุทธะ สิ่งใดไม่ดีก็เลิกเสียจริงๆ ไม่ฆ่าสัตว์ไม่ลักทรัพย์ ฯลฯ

    คนเมา เมาโลภ เมาโกรธ เมาหลง เมาสุรา ถ้าเมาแล้ว ทำอะไรก็ได้ ไม่รู้ชั่วดี - เสื่อมเจริญ - ทุกข์สุข อยู่ในความมืด เมื่อตกอยู่ในความมืด ก็ไม่สามารถรู้เห็นความดีได้ จะเอาอะไรมารู้ อำนาจของศีลทำให้อยู่ในความดี ขอให้ประพฤติปฏิบัติไปจนกว่าจะประสบความสำเร็จ

    ทำอย่างไรจะปฏิบัติศีลห้าให้ได้ในชาตินี้ นี่เรียกว่า พุทธะ พยายามสร้างความดีและปัญญาให้เกิดกับตัวเอง

    กายและใจก็คือธรรม กายและใจนั้น ยังไม่ดี ยังไม่ชั่ว ต่อเมื่อเราทำอะไรออกมา จึงเกิดบุญบาป ทำดีก็บุญ ทำชั่วก็บาป ถ้าไม่มีกายกับใจ ก็ไม่สามารถทำบุญหรือบาปได้ ดังนั้น เมื่อมีกายกับใจแล้ว ก็ต้องพยายามสร้างสม กระทำความดี ก็เรียกว่าเป็น พุทธบริษัท (คือ ผู้กระทำความดี)

    การทำความดีก็ไม่ง่าย เพราะ โลภ โกรธ หลง ปิดบังปัญญาเอาไว้ ทิฏฐิ มานะ ปิดบังปัญญาไว้ ไม่ให้ทำความดีง่ายๆ จะให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ก็ไม่ได้ ท่านเรียกว่า มาร (คือ เครื่องกางกั้น) ไม่ให้ถึงซึ่งความดีให้ได้

    วิริเยน ทุกขมัจเจติ ล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร มุ่งมั่นพากเพียร ญาติโยมที่ล่วงลับไป หากเป็นเทวดา ท่านก็จะอนุโมทนาสาธุการ ให้พรกับพวกเรา เทวดาให้พรอยู่นะ คนที่ทำคุณงามความดี ทุกคนก็รู้ว่าเกิดแก่เจ็บแล้วก็ตายเหมือนกันดังนั้น อย่าท้อแท้ในการทำความดี แม้แต่พระพุทธองค์ ก็ยังต้องแก่ เจ็บและตาย ได้ทรงพยายามสร้างสมอบรมบ่มนิสัยเพื่อตรัสรู้ในวันวิสาขบูชานี้

    ทำความดีบูชาตัวเองนั่นแหละ - พุทธะ ก็คือตัวเอง เมื่อทำความดีแล้ว ก็แผ่ไปยังพ่อแม่ สรรพสิ่งสรรพสัตว์ทั้งหลายในวัฏฏสงสาร ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ

    สรรพสัตว์ล้วนปรารถนาความดี ความสุข กันทั้งนั้น ไม่มีใครปรารถนาความไม่ดี ความทุกข์ ถ้าหากไม่ทำความดีสิ่งที่ปรารถนาก็จะไม่ได้ ท่านจึงให้พากันทำความดี ปฏิบัติ นั่งสมาธิภาวนา ฟังธรรมะเพื่อให้รู้และเข้าใจในอรรถในธรรมอย่างแท้จริง

    คนมีธรรมะ เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน เราก็สุข เขาก็สุข ตัวเองก็ไม่เบียดเบียนตัวเอง การเบียดเบียนตัวเอง ก็คือการทำความชั่ว กัมมุนา วัตติโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมใครทำอะไรก็ได้อันนั้น ทำชั่วก็ได้ชั่ว ลองรักษาศีลห้าดูสิ ท่านจึงบอกว่า สีเลนะ สุคติง ยัญติ สีเลนะ โภคะ สัมปทา มีทรัพย์ก็เพราะมีศีล ทรัพย์สมบัติถ้าใช้เป็นก็มีค่ามหาศาลถ้าใช้ไม่เป็น เอาไปซื้อยาม้า ก็เสร็จเลย...สิ่งไม่ดีไม่มีใครปรารถนาฉะนั้น ถ้ามีพุทธะ ธัมมะ สังฆะ ก็จะเป็นผู้ปฏิบัติดี ... กายวาจา ใจ ดี เห็นชอบตามทำนองคลองธรรม นี่เองคือ สุปฏิปันโนคือ ผู้ปฏิบัติดีแล้วทางกาย วาจา ใจ

    ดังนั้น เราขอเอา พุทธ ธรรม สงฆ์ เป็นที่พึ่ง ขอแล้วก็ต้องทำด้วยถ้าเราไม่ปฏิบัติ พระสงฆ์ พระพุทธเจ้า ก็เกิดไม่ได้ในเรา พุทธะ ธัมมะ สังฆะ อยู่ที่เราเอง ไม่ใช่พระพุทธรูป แต่อยู่ในตัวเราเอง ความดีอยู่ที่ใจเราเอง มีความอ่อนน้อม ระลึกคุณความดีของผู้มีพระคุณเช่นพระพุทธเจ้า (ขณะกราบท่าน)ทำกายให้ดี พูดทางวาจาให้ดี ทำใจให้ดี ก็จะนำมาซึ่งการปฏิบัติบูชา (ปฏิปัตติปูชา) ถวายพระพุทธเจ้า พระธรรมพระสงฆ์


    คัดลอกจาก http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/misc/lp-kumbw_1.htm
     

แชร์หน้านี้

Loading...