ศีลข้อ3 กาม พระอรหันต์จี้กงโปรด

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย บุตรพระแม่อนุตตรธรรม, 7 พฤษภาคม 2009.

  1. บุตรพระแม่อนุตตรธรรม

    บุตรพระแม่อนุตตรธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    548
    ค่าพลัง:
    +428
    ศีลข้อที่ 3...บทตัณหา
    --------------------------------------------------------------------------------

    "อิ่มนัก มักเริงกาม" (เป่าซึซืออิ๋นอวี้)
    "มักมากในกาม เป็นความผิดบาปมหันต์กว่าความผิดบาปใดๆ "
    ความชั่วที่พัวพันคนมากที่สุดในโลก คือ "กามตัณหา" มันร้ายยิ่งกว่า "แอมแฟตตามีน" (ยาม้า) หรือยาเสพติดทุกอย่าง
    ใครเสพส้องกับมันเพียงครั้งเดียวก็อยากข้องเกี่ยวกับมันเรื่อยไป
    "กามตัณหา" เป็นเรื่องสกปรกที่สุดเรื่องหนึ่งในโลก ในเมื่อเราจะบำเพ็ญวิถีโพธิสัตว์ก็ต้องรู้จักควบคุม

    ระหว่างสามีภรรยากันก็ให้เป็นไปตามจริยธรรมความเหมาะสม
    กามตัณหาเกิดขึ้นเมื่อใดเหมือนไฟเผา อะไรก็ยั้งไม่อยู่
    จึงมีตัวอย่างผู้บำเพ็ญอยู่ในป่าเขา
    จนใกล้บรรลุอรหัตตผลอยู่แล้ว พอกามตัณหาเข้าครอบงำก็เสพกามกับลิงกับแพะฯ
    การควบคุมเอเกิดอารมณ์กามตัณหาให้ใช้วิธีดับไฟ ไม่ก่อไฟในใจ
    ไม่กินอิ่มเกินไป

    ปกติอยู่บ้านให้เดินเท้าเปล่าบ้าง ใต้เท้าสัมผัสความเย็นของพื้นบ้านจะช่วยลดไฟราคะได้
    คนเกิดอารมณ์ราคะได้ สัตว์ก็เกิดอารมณ์ราคะได้ ระวังพฤติกรรมอันเป็นเหตุเย้าแหย่ ยั่วยุ
    ไม่มีอะไรดีกว่าหลีกเลี่ยงไปให้พ้น

    ไม่ดูนิตยสาร หนังสือ หรือภาพยนตร์ประเภทลามก ไม่เข้าใกล้แหล่งโลกีย์
    อย่าให้ภาพเหล่านั้นแปดเปื้อนนัยน์ตาของเจ้าได
    นัยน์ตาของผู้ชายทำชั่วเรื่องนี้กันมาก
    ตายแล้วนัยน์ตาจึงเน่าก่อน
    ปัญหาครอบครัวก็เริ่มจากนัยน์ตาที่ชอบหาของสดคาวนี่เอง

    รักษาจิตให้สงบบริสุทธิ์เสมอ อ่านหนังสือธรรมะ สวดท่องคัมภีร์บ่อยๆ เช่น วิสุทธิสูตร (ชิงจิ้งจิง) ปารมิตาหฤทัยสูตร (ซินจิง) สัจคัมภีร์พระศรีอาริย์ (หมี่เล่อเจินจิง)
    เกิดอารมณ์เมื่อไรให้ระงับทันที เช่นนี้จึงจะค่อยเบาบางลง

    ขึ้นหนึ่งค่ำ สิบห้าค่ำข้างจีน วันพระวันโกน วันเฉลิมวันสำคัญของพระพุทธะ พระโพธิสัตว์ พระอริยเจ้า พระองค์ต่างๆ อีกทั้งในระหว่างสี่สิบเก้าวันที่พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย เสียชีวิต ให้รักษาศีลถือพรหมจรรย์

    แม้พวกเจ้าจะบำเพ็ญอยู่กับครัวเรือนมิได้ออกบวช แต่อาจารย์ก็หวังให้พวกเจ้ารักษาศีลได้บริสุทธิ์ ดำเนินรอยตามปฏิปทาพระโพธิสัตว์ กายใจจะได้สำรวมบำเพ็ญเป็นกระแสเดียวกัน
    บำเพ็ญอยู่กับครัวเรือน ให้สร้างคุณสัมพันธ์กับคนในบ้าน
    การไม่ได้แต่งงาน มิได้แสดงว่าเสียสละคนเพื่องานธรรม
    หญิงสาวจะต้องรู้จักจัดการกับงานบ้านของพ่อแม่ขณะนี้ให้ดีก่อนที่จะไปเริ่มต้นจัดการครอบครัวใหม่
    หัวปักหัวปำทำแต่งานธรรมะอย่างเดียวไม่เรียกว่าเสียสละเพื่องานธรรม
    ทุกคนในครอบครัวเคยเกี่ยวกรรมกับเจ้ามาก่อนทำยังไงจึงจะให้กรรมนั้นสิ้นสุดลงอย่างไม่ร้าวฉานได้ มิใช่ให้หลีกหนี เจ้าคิดว่าจะทิ้งภาระนั้นให้ใครดูแล
    เจ้าเป็นลูกโทนคนเดียว พ่อแม่และกิจการทางบ้านเจ้าเห็นเป็น "เครื่องพันธนาการ"
    เจ้าไปส่งเสริมใครๆ ให้ละวางพันธนาการต่างๆ แต่ "เครื่องพันธนาการ" ของเจ้าเองละ ใครจะเป็นผู้ไปส่งเสริม หรือเจ้ามักจะเห็นว่าพ่อแม่ลูกกันเป็นเช่นห่อสัมภาระ
    เจ้าสอนให้ใครๆ วางลง หันหลังให้กับพ่อแม่อย่างเด็ดเดี่ยว
    เจ้าส่งเสริมเขาอย่างนี้หรือ
    เจ้าสอนให้เขาวางพันธนาการนั้นลงไปปฏิบัติโพธิสัตว์ปฏิปทา
    ถามหน่อยเถอะ กรรมที่เกี่ยวกันมาสิ้นสุดลงอย่างราบเรียบแล้วหรือยัง
    ผู้ที่หันหลังให้กันไม่ใช่ตัวของเจ้าเอง เจ้าจึงพูดได้ง่ายๆ

    การเป็นสามีภรรยากันล้วนมีเหตุปัจจัยให้มาลบล้างกรรมนั้นต่อกัน
    อย่าได้ชื่นชมชีวิตคู่ของใครว่าดีนักแล้วชักนำให้เขาแต่งงานกัน
    และก็อย่าได้คัดค้านไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการแต่งงานของใคร
    เขาจะต้องลบล้างกรรมนั้นต่อกัน ให้เขาเป็นไปตามธรรมชาติ เจ้ามีหน้าที่เพียงชี้แนะให้เขาทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น

    ถ้าหากเจ้าเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวเจ้าอยากสำเร็จเป็นโพธิสัตว์
    เจ้าปฏิบัติงานธรรม สร้างบุญทุกวัน
    แล้วแม่ของเจ้าล่ะต้องสำเร็จเป็นโพธิสัตว์ไหม
    เจ้าทิ้งแม่ให้นอนป่วยอยู่กับบ้านทุกวัน
    แม่ตกนรกแต่เจ้าขึ้นสวรรค์
    บัลลังค์บัวเจ้าจะนั่งได้สบายไหม

    เจ้ากินเจ แต่แต่งงานไปอยู่บ้านที่ไม่ได้กินเจ
    จะต้องรู้ว่าเป็นกรรมเก่าที่เจ้าเกี่ยวกันพันกับเขามา
    เจ้าเป็นสะใภ้เป็นภรรยา ไม่ทำกับข้าวให้เขากินจะให้ใครทำ
    ถ้าจำใจต้องทำอาหารเนื้อสัตว์ ก็ให้แผ่เมตตากล้าเผชิญว่า
    "ฉันไม่ลงนรกใครจะลงนรก"
    ค่อยๆ ส่งเสริมเขาไป อย่าใช้ไม่แข็ง
    สักวันหนึ่งทุกคนในครอบครัวอาจกินเจร่วมกับเจ้าด้วยก็ได้


    สังคมปัจจุบันน่าสงสารสามีภรรยาเลิกร้างกันมาก
    หากเจ้ามีชีวิตคู่ที่อยู่ดีมีสุข
    อย่าได้โอ้อวดต่อคนที่ชีวิตคู่ล้มเหลว

    เตี่ยนฉวนซือมิให้เป็นพ่อสื่อแม่สื่อ
    ไม่ให้เป็นเถ้าแก่เป็นพยานการแต่งงานของใคร
    เพราะเตี่ยนฉวนซือถือปณิธานข้อพิเศษสำคัญยิ่ง


    สามีออกไปปฏิบัติงานธรรมให้รู้จักขอบคุณศรีภรรยา
    เธอเป็นแม่บ้านหุงหาอาหารเลี้ยงดูลูก ทำงานบ้านทุกอย่างให้
    ให้รู้จักยกย่อง เอาใจใส่ ตอบแทนคุณของเธอ

    พ่อแม่ยังไม่เข้าใจวงการธรรมะ
    ด้วยความรัก อยากปกป้อง จึงห่วงใยที่ลูกออกไปปฏิบัติงานธรรม อาจพูดจาว่ากล่าวหรือขัดขวางอย่างนี้ไม่ใช่มารทดสอบ
    ให้ค่อยๆ ออกมาปฏิบัติงานธรรมอย่างนิ่มนวล
    หนุ่มสาวผู้ปฏิบัติบำเพ็ญจะต้องรักนวลสงวนตัว จะแต่งงานจะต้องขออนุญาตจนพ่อแม่ยินยอมเสียก่อน
    หลังจากทำพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษแล้ว จึงจะเป็นสามีภรรยากันได้
    ตำหนักพระเป็นสถานที่สูงส่ง อย่าได้อาศัยเป็นสถานที่หาคู่
    เรื่องของครอบครัวเกี่ยวข้องกับศีลข้อนี้ อาจารย์จึงยกตัวอย่างให้ฟัง

    ผสมพันธุ์สุนัขไปขาย ไม่ดีไม่งามไม่ควรทำ
    ขี่ม้าเล่นไม่ดีเป็นการกดขี่สัตว์อย่างหนึ่ง ทั้งแรงสะเทือนยังอาจก่อให้เกิดอารมณ์ราคะ
    ซื้อขายค่าตัวหญิงโสเภณีมีความผิดทางคุณธรรม
    ล่วงเกินภรรยาของเพื่อน กรรมนั้นจะตามสนอง
    สะใภ้ด้วยกันและพี่น้องของสามีมิให้อิจฉาหาความกัน
    มิฉะนั้นชาติหน้าจะได้ภรรยาปากจัด

    หาคู่ครองต้องรู้ให้ชัดว่าเขามีคู่อยู่หรือเปล่า
    ถ้ามีอยู่ก็จงตัดใจให้คิดเสียว่าไม่มีบุญร่วมกัน แม้รูปสวยแค่ไหนก็ไม่เอา


    มีคู่อยู่แล้วอย่านอกใจ
    ทุกคนล้วนอยากมีสามีภรรยาที่อบอุ่น มั่นคงทั้งนั้น
    เอาใจเขามาใส่ใจเราแล้วเจ้าก็จะไม่ทำลายชีวิตคู่ของผู้อื่น


    ปฏิบัติงานธรรมก็ต้องให้เวลากับครอบครัวบ้าง อย่าให้เขากล่าวโทษว่า
    "พระโพธิสัตว์กวนอิมชิงสามีของฉันไป"
    "พระพุทธจี้กงหลอกเอาภรรยาของฉันไป"
    ขอร้องทีเถอะ อาจารย์ไม่เคยสอนให้เจ้าหมกอยู่ในตำหนักพระทุกวันเลย
    ถ้าถึงขั้นสุดท้าย สามียื่นคำขาดไม่ให้เจ้าออกมาไหว้พระอีก
    ภรรยาไม่ทำอาหารให้กิน ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ปัญหาก็จะตามมา
    บำเพ็ญอยู่กับครัวเรือนจะต้องทำให้ครอบครัวสมบูรณ์พูนสุขไม่ใช่ให้แตกแยก
    ไม่ใช่หมกตัวอยู่กับตำหนักพระแล้วถือว่าศรัทธาจริงใจ


    คนที่ไม่ค่อยได้มาตำหนักพระ แต่ที่บ้านของเขาสะอาดเรียบร้อย ทุกคนในบ้านสมัครสมาน ยิ้มแย้มแจ่มใสทุกเวลา
    แสดงว่าเขาได้นำเอาธรรมะกลับไปปฏิบัติบำเพ็ญในครัวเรือนแล้วด้วยความศรัทธาอย่างแท้จริง


    กามตัณหาเป็นต้นตอของการเกิดตาย
    ผู้บำเพ็ญวิถีโพธิสัตว์ถ้าไม่ตัดอารมณ์นี้ แต่สำรวมกายได้จะหมายถึงผู้ปฏิบัติมนุษยธรรมเท่านั้น
    ผลแห่งการสำรวมทำให้ไม่ต้องเวียนว่ายใช้หนี้ในวิถีบาป คือ เปรต เดรัจฉาน วิญญาณนรก
    เกิดชาติใหม่จะได้ครอบครัวบริวารดี สุขกายสุขใจได้บำเพ็ญร่วมกัน ช่วยกันดำเนินวิถีชีวิตคนได้อย่างสมบูรณ์


    พระโพธิสัตว์ล้วนกลัวเหตุอันเกิดจากกามตัณหา จึงตัดขาดเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง
    ผู้ละกามตัณหาได้ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่เร่าร้อน เกิดฌานสมาธิปัญญาได้ง่าย
    ผู้ละกามตัณหาได้ จะเกิดในตระกูลดี พ่อแม่มีศักดิ์ศรี พี่น้องปรองดอง คู่ครองอุ้มชูกัน ลูกหลานกตัญญู เพื่อนพ้องจริงใจต่อกัน
    ผู้ละกามตัณหาได้ จะเป็นที่ชื่นชมของเทพยดาฟ้าดิน เป็นที่เคารพยกย่องของคนทั้งหลาย แม้บำเพ็ญสำเร็จไป จะได้พุทธะลักษณะสมบูรณ์งดงาม
    ผู้บำเพ็ญแต่โบราณมา ล้วนเห็นกามตัณหาเป็นศัตรูตัวร้าย
    เมื่อเห็นเหตุอันเป็นตัวยั่วเย้า จะหลีกลี้หนีไปให้พ้นทันที เสมือนเผชิญกับหอกดาบคมกริบ อันพร้อมที่จะทำให้บาดเจ็บถึงตายได้เช่นกัน
    อักษรจีนตัวที่แปลว่ารูปหรือกาม จึงมีมีดอยู่เหนือหัว
    ดังนี้…
    มีอุทธาหรณ์คำเตือนว่า
    "แม้ชายชาญแสนหาญกล้า
    จะเชือนหน้าหญิงงามลำบากนัก"
    (อิงสยงหนันกั้วเหม่ยเหยินกวน)


    มีคำปลงสังเวชให้พิจารณาคู่กันว่า
    "ผู้ยอมตายภายใต้ดอกโบตั๋น
    แม้เป็นผีในโลกันต์ก็ยังเริงชื่นชู้"
    (หมู่ตันฮวาเซี่ยสื่อ จั้วกุ่ยเอี่ยเฟิงหลัว)
     

แชร์หน้านี้

Loading...