ศาสนาคือฝิ่นของประชาชน ?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 7 มกราคม 2006.

  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,017
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    คาร์ล มาร์กซ์ ( Karl Marx : 1818 - 1883) นักปรัชญาสังคม ผู้เป็นต้นตำรับของแนวความคิดเรื่อง "สังคมนิยม" ( Socialism) และทฤษฎีการปฏิวัติระหว่างชนชั้น อันสั่นสะเทือนโลกเป็นเวลานานกว่าครึ่งศตวรรษ โดยมีประชากรที่อยู่ภายใต้การปกครองระบอบสังคมนิยมกว่า 1 ใน 3 ของประชากรโลก และประชากรที่เหลือทั้งหมดต่างก็ได้รับผลกระทบจากแนวคิดและทฤษฎีดังกล่าวทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ที่ผ่านมาได้แสดงทรรศนะที่เกี่ยวกับศาสนาไว้อย่างน่าสนใจยิ่ง

    คาร์ล มากซ์ เริ่มต้นวิเคราะห์ศาสนาด้วยคำพูดที่ว่า "การวิพากษ์วิจารณ์ศาสนา เป็นจุดเริ่มต้นของการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งมวล"

    ตามทรรศนะของมากซ์ ศาสนาคือรากเหง้าของวัฒนธรรมในสังคม ๆ หนึ่งเลยทีเดียว ถ้าหากว่าเราต้องการวิพากษ์วิจารณ์สังคมไม่ว่าเรื่องใด เราจะต้องรู้จักรากเหง้าของสังคมเสียก่อน และวิพากษ์วิจารณ์ศาสนาจึงเป็นภารกิจแรกของการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งปวง ในความเห็นของมาร์กซ์ ถ้าเราต้องการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เราจะต้องเปลี่ยนแปลงทรรศนะของผู้คนเกี่ยวกับศาสนาเสียก่อนเป็นอันดับแรก


    มาร์กซ์ให้ความเห็นต่อไปว่า “มนุษย์เป็นผู้ที่สร้างศาสนา ศาสนามิได้เป็นผู้สร้างมนุษย์” ตามทรรศนะของมาร์กซ์ สังคมมนุษย์เป็นสังคมที่มีการกดขี่ทางชนชั้นมาตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ไม่ว่าจะเป็นสังคมทาสที่มีนายทาสกดขี่ทาส หรือสังคมศักดินาที่เจ้าขุนมูลนายกดขี่บ่าวไพร่ หรือสังคมทุนนิยมที่นายทุนกดขี่คนงานและกรรมกร แน่นอนว่าผู้ที่ถูกกดขี่ย่อมมีความทุกข์ และพยายามหาวิธีการเพื่อให้พ้นจากภาวะที่ถูกกดขี่นั้น ซึ่งมาร์กซ์เห็นว่าทางออกก็คือการปฏิวัติทางชนชั้น ผู้คนหาทางออกชั่วคราวไปพลาง ๆ ก่อน และศาสนาก็ยื่นมือเข้ามาเป็นทางออกชั่วคราวนั้น เพราะทุกศาสนาล้วนกล่าวถึง และอาสาพาคนออกจากความทุกข์ (อย่างน้อยในทางนามธรรม) ทั้งสิ้น จึงตอบสนองต่อความต้องการในส่วนลึกที่จะออกจากทุกข์ที่เป็นจริง (ทุกข์ทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง) ของผู้คนได้เป็นอย่างดี ในแง่นี้ศาสนาจึงเป็นสัญลักษณ์ของการประท้วงต่อทุกข์ที่เป็นจริงของผู้คน (จะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม) ในยามที่ยังไม่มีทางออกที่ดีกว่านั้น



    แล้ว คาร์ล มาร์กซ์ ก็กล่าวคำที่สั่นสะเทือนศาสนจักรไปทั่วโลกด้วยคำพูดที่ว่า “ศาสนาคือฝิ่นของประชาชน” (Religion is the opium of the people) ในงานเขียนอันมากมายของเขานั้นมาร์กซ์ได้เอ่ยถึงประโยคดังกล่าวเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่เป็นประโยคที่ถูกเอ่ยอ้างมากที่สุดประโยคหนึ่ง แม้เขาจะไม่ได้ขยายความประโยคนี้อย่างชัดเจนก็ตาม คำว่า “ฝิ่น” (opium) ในที่นี้อาจตีความได้สองอย่าง อย่างแรกฝิ่นอาจหมายถึง ยาระงับปวด ที่แม้แต่ในวงการแพทย์ก็ใช้สำหรับระงับความเจ็บปวดเป็นการชั่วคราว ในแง่นี้ศาสนาคือยาระงับปวดซึ่งผู้คนที่ถูกกดขี่ใช้บริโภคเพื่อระงับความทุกข์ที่เป็นจริงเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่ไม่อาจระงับความทุกข์ที่เป็นจริง (ทางสังคมการเมือง) ได้อย่างถาวร


    อย่างที่สองฝิ่นอาจหมายถึง ยาเสพติด ที่ผู้คนใช้เสพเพื่อให้ลืมความทุกข์ที่เป็นอยู่จริงของตน และมีความสุขชั่วคราวไปในโลกแห่งอารมณ์และจินตนาการของตน แต่เมื่อเสพไปนาน ๆ ก็จะเป็นอันตรายต่อบุคคลนั้น และกลับจะเพิ่มทุกข์ให้มากขึ้นอีก ในแง่นี้ศาสนาคือยาเสพติด ที่ผู้ปกครองรัฐใช้มอมเมาประชาชน เพื่อให้ลืมความทุกข์ยากจากการถูกกดขี่เป็นการชั่วคราว (เช่น ทุกครั้งที่ไปวัด โบสถ์ หรือสุเหร่า ก็จะรู้สึกเพลิดเพลินชั่วคราว เพราะถูกชักจูงให้จินตนาการไปถึงโลกหน้า แต่เมื่อกลับมาก็ต้องเผชิญกับความทุกข์ที่เป็นจริงทางสังคมอีก) และลืมการปฏิวัติทางชนชั้นอันเป็นการแก้ปัญหาที่รากเหง้าของการกดขี่อย่างแท้จริง ตามทรรศนะของมาร์กซ์แล้วศาสนาจึงเป็นปัจจัยที่ทำให้เงื่อนไขของการปฎิวัติต้องถูกเลื่อนออกไป การวิพากษ์ศาสนาจึงเป็นภารกิจแรกที่ต้องทำในงานปฏิวัติทางชนชั้น


    ในความคิดเห็นของมาร์กซ์ “การเป็น radical คือ การลงลึกถึงรากเหง้าของสิ่งทั้งหลาย แต่สำหรับมนุษย์แล้ว รากเหง้าก็คือตัวมนุษย์เอง” ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างถึงรากเหง้า (radical) จะต้องเป็นผู้ที่เข้าใจและเข้าถึงรากเหง้านั้น ในความคิดเห็นของมาร์กซ์ รากเหง้าของมนุษย์มิใช่ ”พระเจ้า” หรือสวรรค์ หรืออำนาจศักดิ์สิทธิ์จากที่ไหน แต่รากเหง้าของมนุษย์ก็คือตัวมนุษย์เอง มาร์กซ์กล่าวต่อไปว่า “มนุษย์คือสิ่งสูงสุดสำหรับมนุษย์เอง” (Human is the supreme being for human) มนุษย์เป็นผู้ที่แสวงหาสติปัญญาและความจริงด้วยตัวมนุษย์เอง ไม่มีอำนาจดลบันดาลจาก “พระเจ้า” หรือสวรรค์ที่ไหนที่จะมาช่วยมนุษย์ได้ มนุษย์ต่างหากที่เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของมนุษย์เอง ในแง่นี้มาร์กซ์จึงได้ชื่อว่าเป็นนักมนุษยนิยม (humanist หรือ secular humanist) เพราะเชื่อว่ามนุษย์เป็นศูนย์กลางของภารกิจและเป้าหมายทั้งหลาย


    มาร์กซ์สรุปว่า “ปรัชญาคือมันสมอง และชนชั้นกรรมาชีพคือหัวใจของการปลดปล่อยมนุษย์” ปรัชญาคือการคิดวิเคราะห์ไปหาที่รากเหง้าของปัญหา วิพากษ์วิจารณ์ด้วยจิตใจที่อิสระ และให้โลกทรรศน์ที่เป็นระบบ จึงเปรียบเสมือนมันสมอง ส่วนชนชั้นกรรมาชีพคือผู้ที่ถูกกดขี่ภายใต้ระบบทุนนิยม เป็นคู่กรณีโดยตรงกับนายทุนที่กดขี่ จึงเป็นหัวใจของการปฏิวัติทางชนชั้นและการปลดปล่อยมนุษย์ออกจากระบบที่กดขี่นั้น
    ส่วนศาสนาประเภท “เอกเทวนิยม” (Monotheism) ที่เชื่อในการมีอยู่ของพระเจ้าองค์เดียว เช่น ศาสนายูดาย ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม เป็นต้น และศาสนาประเภท “ พหุเทวนิยม ” (Polytheism) ที่เชื่อในการมีอยู่ของพระเจ้าหลายองค์ เช่น ศาสนาขงจื้อ ศาสนาชินโต และศาสนาพราหมณ์ฮินดู เป็นต้น อาจจะหวั่นไหวต่อคำวิพากษ์วิจารณ์อันสั่นสะเทือนโลกของ คาร์ล มาร์กซ์ เพราะเขาโจมตีแนวคิดในเรื่อง “ พระเจ้า ” โดยตรงว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง และถูกผู้มีอำนาจนำไปใช้มอมเมาประชาชน ศาสนาจึงเป็นเครื่องมือของรัฐในการปกครองประชาชน

    สำหรับพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประเภท “เอกเทวนิยม” (Atheism) ซึ่งไม่เชื่อการมีอยู่ของพระเจ้านั้น ดูเหมือนว่าแนวคิดของมาร์กซ์จะสอดคล้องกับพุทธศาสนามากกว่าจะขัดแย้งกัน เพราะทั้งพระพุทธเจ้าและคาร์ล มาร์กซ์ ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องอำนาจดลบันดาล และเน้นการพึ่งพาตนเองด้วยกันทั้งคู่ เพียงแต่ว่าขณะที่มาร์กซ์สนใจแสวงหา “ความรอดในทางสังคม” (Social Liberation) นั้น พระพุทธเจ้ากลับทรงสั่งสอน "ความรอดพ้นในทางจิตใจ” (Psychological Liberation) และในขณะที่มาร์กซ์เลือกใช้วิธีปฏิวัติทางชนชั้นที่รุนแรง (violence) นั้น พระพุทธเจ้ากลับทรงใช้หลักเมตตาธรรมและสันติวิธี (non-violence) ในการนำมนุษย์สู่ความหลุดพ้นทั้งปวง​
    ***​


    </TD></TR><TR><TD height=30></TD></TR></TBODY></TABLE>-------------------------------------------​

    ดร.ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์
    อาจารย์ประจำำภาควิชามนุษยศาสตร์
    คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
     
  2. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,790
    อ่านดูแล้ว ทำไมศาสนาต่างๆส่วนมากถึงได้เชื่อถึงการมีอยู่ของพระเจ้า
    ยกเว้นศาสนาพุทธศาสนาเดียวที่ไม่เชื่อพระเจ้า
    แสดงว่า พระเจ้าต้องมีอยู่จริง เพราะว่าความเชื่อมีเปอร์เซ็นต์สูงมาก
     
  3. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,482
     
  4. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,790
    ลูกหนอนไม่ได้ยอมรับนับถือศาสนาใดๆเป็นหลัก แต่ศึกษาทั่วๆไปทั้งหมด ดูแต่ข้อที่ดีๆ สำหรับข้อเสียก็เลยสงสัยถามดูบ้าง รู้สึกดีแล้วก็safetyสบายใจดี ความจริงเหตุผลของศาสนาอื่นๆก็มีเหตุมีผลดีนะ ถ้าเราไม่ลงน้ำหนักที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถ้าเราเอนเอียงศาสนาใดมากๆ ความทุกข์จากการแบ่งแยกก็จะเกิด ลูกหนอนเป็นกลางดีกว่า สบายใจดี
     
  5. jdean

    jdean เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +147
    มันก็มีนะคับ นับถือลัทธิทางการเมืองแทนศาสนาเลยก็มี
     
  6. เช่นนั้นเอง

    เช่นนั้นเอง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2006
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +22
    เพราะมีความตาย จึงมีศาสนา ถ้ไม่มีความตาย ก็ไม่มีศาสนา

    เช่นนั้นเอง
     
  7. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,252
    ค่าพลัง:
    +7,241
    อันที่จริงคำพูดของเขาก็มีส่วนถูกน่ะ ศาสนาคือ.............จิปาถะ เนื้อแท้ของทุกศาสนา สอนให้คนไม่เบียดเบียนตนเองและเบียนเบียดผู้อื่น เคารพในศาสดา / คำสอนของศาสดา / เท่านี้ก็โอเคแล้วล่ะ อันอื่นเป็นแค่ส่วนประกอบ กับผลพลอยได้...
     
  8. Nirvanian

    Nirvanian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +184
    เมื่อคนยังไม่มีอิสระภาพอย่างแท้จริง ศาสนาก็จะอยู่คู่โลก เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจตลอดไป
     
  9. อีริค

    อีริค Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +30
    ศาสนาคืออะไร ?

    <img src="http://cache.gizmodo.com/assets/resources/2006/06/homeless-coder.jpg"


    ด้วยความเคารพ
     
  10. karain

    karain เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    639
    ค่าพลัง:
    +707
    คำถามของคุณอีริคน่าสนใจจัง
     
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ศาสนศาสตร์ ****

    มีหนึ่งเดียว...คือ ศาสตร์ที่ว่าด้วยการหลุดพ้นไปจากโลก

    ศาสนาพุทธ....เผยให้เห็นถึงสัจจธรรม หรือ หลักสัจจะธรรม
    หลักความจริงสูงสุดในธรรมชาติ และ สอนหนทางหลุดพ้นด้วย "สัจจะปฏิบัติ"
    เพื่อขจัดขัดเกลากิเลสให้หมดไป

    ศาสนาอื่นๆ ต้องให้ผู้นับถือกล่าว

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. naei

    naei Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +94
    ความถูกต้อง นั้นต้อง มี ธรรม

    ถ้าไม่มี ธรรมมะ ความถูกต้อง นั้น ก็เป็นเพียงสิ่งที่คนสมมุติ ขึ้นมา

    คนชั้นที่สูงกว่า ถ้าปกครองโดย ธรรม ก็ย่อยเป็น ปกติ ธรรมดา ที่คนชั้นที่ต่ำกว่า(คุณธรรมต่ำกว่า) ก็ต้องยอมรับ เพราะ ปรมัตธรรม ไม่มีสมมุติ เข้ามาเกี่ยวข้อง

    ถามว่า คนทุกคนเท่าเทียมกันไหม คำตอบ คือ ไม่

    บุญบารมี แตกต่างกัน พระอรหันต์ ยังมีภูมิปัญญาของท่านยังไม่เท่าเทียมกันเลย แต่ความบริสุทธิ์ ของท่าน เท่าเทียมกัน นั่นคือ ปราศจาก กิเลสทั้งปวง

    ถามกลับไปว่า คนธรรมดา กิเลสไม่เท่ากัน กรรมไม่เหมือนกัน คุณจะเอาเหตุนี้ มาแย้ง เพราะ ความริษยา ที่คนหนึ่ง เกิดมา มีลาภ มียศ มีศักดิ์ เพราะกรรมเป็นเหตุให้เค้ามี กับ คุณ ที่ไม่มีทั้ง ลาภ ทั้งยศ และอ้างเหตุแห่งความไม่เท่าเทียมกันนี้ เพื่อ ล้มล้างความไม่เท่าเทียมกันนี้ เพราะคุณไม่มีแบบ ที่คุณริษยา หรือ

    แบบนั้น คุณก็ต้องให้ทุกคน บริสุทธิ์ เท่าเทียมกันเสียก่อน แน่นอน ว่า เสียงที่ได้มา เป็นเสียงที่ปราศจาก อคติ และ ความโลภ ย่อมบริสุทธ์

    ถามต่ออีกว่า

    1 เสียง ของ พระพุทธเจ้า ผู้ทรงปราศจาก กิเลสทั้งปวง

    กับ ล้านเสียง ที่ยังมีความโลภ โกรธ หลง อย่างไหน มีค่ามากกว่ากัน

    ถ้าเช่นนั้น สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ พระธรรมวินัย มาจากพระพุทธเจ้า เพียงพระองค์เดียว

    แล้วทำไม ผู้เป็น อุบาสก อุบาสิกา ภิษษุ สมณะ จึงปฏิบัติตาม





    สักวันหนึ่ง ความจริงจะปรากฎ

    และเมื่อปรากฎแล้ว ยังอคติ อยู่อีก ไม่ปรับใจให้เห็นธรรม ก็ กรรมใคร ก็ของมัน
     
  13. lisy

    lisy สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +21
    แล้วเป็นไงละ ตอนนี้พวกที่ได้รับการเลือกเข้ามา โกงการเลือกตั้ง ทำประเทศชาติเสียหาย ยิ่งรวยยิ่งโกง ไล่ก็ไม่ไป ขนาดถูกศาลตัดสินยังทำตัวเป็นศรีธนญชัย

    lisy รู้สึกว่า คุณคงได้รับความไม่เป็นธรรม ถูกกดขี่ ถึงมีความเห็นเช่นนี้ คนดีๆเขาไม่อยากเข้ามาแปดเปื้อนกับการเมืองดอก ถึงต้องมีการเชิญเขามา แล้วมันไม่ดีต่อชาติตรงไหน
     
  14. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    ทฤษฎีของมาร์กซ์และเฮเกล ก็ถูกโลกพิสูจน์แล้วว่าล้มเหลว
    เพราะมาร์กซ์ คิดปรัชญา จากวัตถุกำหนดจิต
    แต่ทางพุทธที่ค้นพบ ความจริงคือ จิต กำหนดวัตถุ
    มาร์กซ์ เห็น นกบิน แล้วจึงเอานกเป็นตัวตั้ง ย้อนไปถึงจิต
    แต่พุทธ จิตเห็นอดีตชาติของนกแล้ว จึงย้อนขึ้นมาถึงนก ดั่งนี้
    การนำวัตถุย้อนไปหาจิตนั้น มาร์กซ์ไม่เข้าใจการปฏิบัติทางจิตเพื่อการหยั่งรู้ที่แท้จริง
    มาร์กซ์จึงไม่มีข้อมูลแท้จริงมาสร้างทฤษฎีได้อย่างสมบูรณ์
    คอมมิวนิสต์จึงแพ้ เพราะทฤษฎีผิดนั่นเอง
     
  15. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,082
    ค่าพลัง:
    +470
    ผมไม่นับถือศาสนาไหนทั้งนั้น เพราะคิดว่าแต่ละศาสนาก็มีความจริงอยู่คนละส่วน การแบ่งแยกศาสนาก็จะทำให้คนต่างๆมองเห็นโลกกันแค่ด้านเดียวแต่ตราบใดที่มนุษย์ยังคิดจะเอาชนะกัน คำว่าคุณเป็นคนศาสนาไหนมันก็ยังคงอยู่นั่นแหละ
     
  16. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    ศาสนา มี ทั้ง ดีและ ไม่ดี

    ผม คิด ว่า ศาสนา เป็น เพียง ส่วนประกอบ เหมือนแขน ขา ของคนเรา ที่ต้องมีทุกคน

    อย่า ให้ มัน ควมคุม คุณได้
     
  17. naei

    naei Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +94
    นี่ไง คือเสียงส่วนใหญ่

    ที่คนทั่วโลก เชื่อว่า พระเจ้ามีอยู่จริง ให้คุณให้โทษเราได้

    แต่ พระพุทธเจ้า 1 เสี่ยง โด่เด่ ท่ามกลาง เทวนิยมในยุคของพระองค์

    เฉพาะคนที่มีปัญญา มีบุญ มีบารมี นั่นแหละ จึงเห็นสิ่งที่พระพุทธเจ้า เอาความจริง มาเปิดเผย ว่า

    จริง ๆ แล้ว พระเจ้าไม่สามารถให้คุณ ให้โทษ เราได้ กรรมที่กระทำไว้ต่างหาก จึงจะให้คุณให้โทษเราได้

    1 เสียง ที่ปราศจากกิเลส บริสุทธ์ กับ ร้อยล้านเสียงที่ยังโมหะ อย่างไหนมีค่า

    เพราะฉนั้น ชนชั้นปกครอง ถ้าไม่มีธรรมนำหน้า แน่นอน ชนชั้นที่อยู่ใต้ปกครอง ย่อมไม่พอใจ

    แต่เป็นเพราะ ชนชั้นปกครอง มีคุณธรรม จริยธรรม เอาธรรมเป็นที่ตั้ง ชนชั้นใต้ปกครองย่อมเป็นสุขโดยธรรม

    แต่ชนชั้นใต้ปกครอง ต้องการเป็นชนชั้นปกครอง ทั้งที่คุณธรรม จริยธรรม ไม่มี ด้วยความโลภ โมหะ จริต ก็จะเห็นเท่าที่เป็นอยู่ ทุกวันนี้ ทั่วโลกไม่ว่าจะสังคมไหนก็ตาม
     
  18. naei

    naei Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +94
    "ออกตัวก่อนว่าที่ผมจะเขียนนี่ผมไม่ได้ว่าคุณนะ (ผมรู้ว่าคุณไม่รู้)
    แต่จะบอกว่า ไอ้ตรรกะปัญญาอ่อนนี่ มันสร้างขึ้นมาเพื่อล้มผู้นำที่ประชาชนเลือกกันขึ้นมา มันล้มล้างผู้นำก็เพื่อ ต้องการให้ประเทศไม่มีประชาธิปไตย เมื่อไม่มีประชาธิปไตย การแบ่งชนชั้นก็จะอยู่ได้ต่อไป แล้วคนที่จะซวยก็คือประชาชนอย่างคุณกับผมนี่แหละ

    มีอย่างที่ไหนบอก ยิ่งรวยยิ่งโกง มันเป็นไปได้อย่างไง ผมรุ้จักคนที่รวยเป้นร้อยล้านพันล้าน ก็เห็นเขาไม่เคยโกงใคร วันๆคิดแต่จะบริจาคเงินให้ผู้อื่น ไอ้คนพูดมันพูดออกมาอย่างนี้สร้างความเสียหายไปทั่วเลย

    เหมือนอย่างผมบอก "ยิ่งจนยิ่งเลว" อย่างนี้ใช้ได้ไหม "

    น่าอนาจจิต

    สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เคยตรัสเอาไว้ แบบนั้นจริง ๆ
    โดยนัยยะว่า คนยิ่งรวย ไม่โกง ไม่มีหรอก

    ขออภัยจริง ๆ ที่ ต้อง ยกคำตรัส มากบอกสู่กันฟัง

    ผมขออนุญาติ เวปแอดมิน ให้ลบ กระทู้ ที่ คุณเขียนไว้นะว่า ตรรกะ ปัญญาอ่อน

    ชักจะไม่ไหวแล้วครับ ความคิดเยี่ยงนี้
     
  19. *นักรบแห่งรัตติกาล*

    *นักรบแห่งรัตติกาล* สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +0
    ความคิดเห็นของผมที่เขียนไว้ หายไปหมดเลย ที่ผมเขียนนั่นเป็นความจริงทุกอย่างเลยนะนั่น

    เคยอ่านคำทำนายของคนโบราณ เขาว่า ยุคที่เราอยู่นี้ จะเป็นเป็นแบบว่า "กลับผิดเป็นถูก-กลับถูกเป็นผิด" ตรงกับคำทำนายจริงๆ

    พวกคุณอยู่กันก็หมั่นใช้สติปัญญาให้รอบคอบหน่อยก็ดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...