ศรีจักรา มหายันต์ปาฏิหาริย์แห่งโลก มนุษย์ เทพ และจักรวาล

ศรีจักรานี้เป็นยันต์ที่ถือว่าเป็นสุดยอดของยันต์ทั้งปวงของชาวภารตะ ซึ่งถูกลอกเลียนไปใช้ในทิเบตแต่ก็ได้ไปแบบไม่ครบถ้วน เนื่องจากคติยันต์ฝ่ายฮินดูนั้นผูกสร้างอำนาจจากเทวะต่างๆด้วย การบูชาเทวราชที่เป็นรูปแบบหนึ่งของธรรมชาติ หรือบางทีคัมภีร์โบราณก็มักกล่าวว่า ธรรมชาติที่เราเห็นอยู่สัมผัสอยู่นี่ละที่เป็นส่วนหนึ่งของพระเป็นเจ้าของพวกเขา ซึ่งตรงนี้ลุงกุสต้องขอบอกว่าเรื่องราวของเทพเจ้าทางพราหมณ์เขานั้นนะไม่ใช่สิ่งที่เหลวไหลไร้สาระนา แต่เป็นการศึกษาในระดับคลาสสิกทีเดียวเชียวซึ่งต้องเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า เรื่องทรงเจ้าเข้าผีที่ก่อคดีสะเทือนขวัญที่เพิ่งผ่านมาเร็วๆนี้มันเป็นคนละเรื่องกับศาสตร์ของทางพราหมณ์เขา ซึ่งไม่นิยมยอมรับเรื่องการประทับทรงนี้เลย โดยยกเว้นพวกกลุ่มชาวทมิฬ(อินเดียใต้) ที่มักมีพิธีทรงเจ้าแต่คนฮินดูส่วนใหญ่เขาไม่ยอมรับเนื่องจากมีคติว่าร่างกายของมนุษย์นั้น หยาบเกินกว่าภาวะของเทพเจ้าจะเข้าทาบทับจนสนิทได้ซึ่งผู้ที่จะเข้าถึงเทพเจ้าได้ต้องบำเพ็ญตบะเฉพาะ และต้องแสวงสันโดษจนจิตยกระดับเป็นที่สมาคมกับมหาเทวะทั้งหลายได้ เรื่องการทรงเจ้าเข้าผีแบบดำน้ำลุยไฟนี่ละลุงกุสไม่ยอมรับกิจพิธีเหล่านี้ว่า เป็นเรื่องของเทพเจ้าหรอกเพราะจากตำรับตำราที่เชื่อถือได้พบว่าเป็นพิธีกรรมของพวกคนป่าด้อยอารยะธรรมแบบพ่อมดหมอผีวูดู ซึ่งลัทธินิยมเทวะเรียกพวกนี้ว่า

 

ลุงกุสเล่าเรื่องมายิกของชาวตะวันตกมาก็หลายตอนเลยอยากนำเรื่องราวของชาวภารตะที่นับว่าเป็นต้นตำรับมายิก หรือพระเวทสายสำคัญสายหนึ่งของโลกมาเล่าสู่กันฟังบ้างและพบว่า ในกระบวนยันต์ต่างๆที่มีใช้ในบ้านเรานั้นส่วนใหญ่พัฒนาดัดแปลงมาจากสายพราหมณ์มากพอสมควร ทั้งนี้เราต้องยอมรับอยู่ว่าวิทยาการของพราหมณ์(ในระดับทางโลกีย์วิสัย) นั้นถือว่าเป็นสุดยอดของโลกสายหนึ่งทีเดียวเชียวเดี๋ยวจะหาว่าหล่อไม่บอก

ชาวภารตะมักปลูกสร้างความศักดิ์สิทธิ์โดยกำหนดบูชาองค์เทวะเจ้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางธรรมชาติโดยมองจักรวาลในระบบที่เปิดคือมิใช่มองแค่มนุษย์เป็นศูนย์กลาง แต่มองในโลกธาตุที่มีภพภูมิอื่นๆร่วมอยู่ด้วยทั้งไม่ได้จัดระดับมนุษย์ให้สูงหรือต่ำเกินไปแต่อยู่บนหนทางเลือกแบบว่า

 

การปรับเปลี่ยนเงื่อนไขกาลเวลาของยุคต่างๆที่ซ้อนมิติอยู่ในจักรวาล ซึ่งโดยปกตินั้น จะแสดงสถานะยุคทางกาลเวลานั้นสี่สถาน เริ่มตั้งแต่เริ่มต้นยุคสร้าง จนสิ้นสุด(มหากาลียุคคือปัจจุบันนั่นเอง) ซึ่งเป็นการดับยุคแล้วเกิดวัฏฏะยุคทางกาลเวลาใหม่ สิ่งเหล่านี้ได้ปรากฏในการเคลื่อนที่ของระบบสุริยะทั้งระบบที่โลก เป็นแกนในการสร้างความสัมพันธ์กับดาวเคราะห์อื่นๆนั้น ก็จะมีลักษณะการอย่างเช่นการเกิดจุดสุริยะฉายเป็นเสมือน ประตูสวรรค์สี่ครั้งตามที่กล่าวมานั้นก็ตาม ลักษณะดังกล่าวยังปรากฏให้เห็นเป็นฤดูในปีนั้นก็มีความแตกต่างตามสภาวะที่ปรากฏในธรรมชาติ ซึ่งบางคนอาจถกเถียงว่า บางส่วนอย่างพื้นที่ตรงใกล้เส้นศูนย์สูตร หรือบริเวณขั้วการหมุนของโลกนั้นจะมีฤดูกาลปรากฏให้เห็นไม่ถึงสี่ฤดูกาลก็ขอแก้ว่า ฤดูทั้งสี่นั้นยังมีอยู่แต่ช่วงที่ปรากฏในแต่ละพื้นที่นั้นเหมือนจุดเงา ที่บางบริเวณอาจเกิดการทาบซ้อนหรือมีระยะสั้นจึงไม่อาจสังเกตเห็น ความเป็นไปดังกล่าวย่อมแสดงให้ประจักษ์แจ้งถึงประตูแห่งจักรวาล ที่มีอยู่ถึงสี่ด้านและเป็นที่มาของเทพผู้พิทักษณ์ที่เรารู้จักในคติพุทธศาสนาว่า จตุโลกบาล ยังไงละหลานๆ ซึ่งกระบวนดาวฤกษ์ดาวเคราะห์ ทั้งหลายนี้จะมีแรงกระทำต่อกันอยู่ตลอดจึงรักษาสถานะที่เป็นในขณะนั้น ได้หากดาวใดหรือสิ่งใดมีการเปลี่ยนแปลงภายในที่รบกวนระบบใหญ่ก็จะเกิดการไม่สมดุล และดำรงอยู่ไม่ได้ ความรู้นี้จึงเกิดปรัชญาเรื่อง

 

เรื่องสนามแม่เหล็กที่อีตาปาปิลุสนำมาขยายความในคอลัมน์ศาสตร์ปาฏิหาริย์ข้างๆ ลุงกุสนี้ในสมัยก่อนที่ยังไม่พบแม่เหล็กและวิธีใช้ซึ่งจากประวัติที่มีพบว่า จีนพบก่อนชาติแรกไม่เห็นจะไปเกี่ยวกับชาวภารตะที่เป็นต้นเรื่องศรีจักราตรงไหน หากเราคิดคงแค่นี้ก็คงไม่มีเรื่องมาฝอยต่อแต่ลุงกุสนั้นอยู่ไม่สุขค้นไปค้นมาจนพบว่า ชาวอินเดียหรือภารตะโบราณนั้นยังรับอารยะธรรมจากแอตแลนติส และอาณาจักรไมโนอันที่รุ่งเรืองวิทยาการแบบวิทยาศาสตร์และฮอทสุดๆผ่านมาทางชาวกรีก ที่ไปมาหาสู่กันและขอเฉลยต่อเลยว่าที่เรียกว่า

 

Kamen rider ยอดเยี่ยมท่านได้ศึกษาจากคัมภีร์มรกตด้วยหรือเปล่า....ครับ

 

เคยได้ยิน ครับ มี ข้อ มูล ใหม ครับ ขอบคุณมากครับ

 

more on this topic krub....very interesting

thank you krub

 

ครับผมมีตำราคัมภีร์มรกตอยู่ครับเเต่เป็นภาษาอังกฤษนะครับหาได้มาตั้งแต่ปี2518โดยประมาณครับเป็นคัมภีร์เก่ามากแล้วครับว่าด้วยวิชาหลังความตาย 49 วัน การจัดวางมันดราเพื่อเชื่อมกระแสพลังแห่งจักรวาล วิชาของชาวแอตแลนด์ตีสโบราณ การจัดวาง......ต่างๆ ครับและอีกหลายๆตัวครับ

 

วิชาหลังความตาย 49 วัน

By Dr. E Y vanz? ( or something similar to this..ehehe)

i have read most of his books krub..very interesting..he was an adept on tibetan buddhism

 

ในไทยเรามีการทำมือเชื่อมเป็นมุทดราไหมครับ บางอันกันผีได้ เชิญเทวดาได้

 

นั่นเป็นส่วนย่อยๆๆๆของวิชาในคัมภีร์มรกตครับ... น้อง jin วิชาในคัมภีร์นี้นี่แหละเป็นตัวทำลายอาณาจักรของชาวแอตแลนด์ตีส ครับ....จามไม่ได้ว่าคนเขียนคือใครเพราะมีภาษาโบราณของชาวแอตเลนด์ตีสอยู่ด้วยครับ

 

วิชาไทยไม่มีการทำมุทราครับแต่มีสอนอยู่วิชามุทราเป็นภาษามือของโยคีโบราณต่อมาแพร่หลายไปที่ธิเบตและจีนครับท่าในมุทราในคัมภีร์มรกตก็มีนะครับ

 

พี่คนลึกลับ ข้อมูลสุดยอด ขอบพระคุณครับ

 

อย่างการวงาปีรามิตในแนวตามเส้นรุ้งเส้นแวงต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกไม่ได้ปรกฏหรือกำหนดเองว่าจะตั้งที่นั่นที่นี่แต่มันมีวัตถุประสงค์แผงอยู่มากครับลองไปศึกษาดีๆนะน้อง jin ว่าทำไมปีรามิดถึงได้ตั้งอยู่ตรงเส้นรุ้งเส้นแวงนั้นความจริงในยันต์มหาศรียันตระ(ชื่อในคัมภีร์มรกต)กล่าวว่ารูปแบบของยันต์นี้จะเป็นการเชื่อมมวลธาตุหากวางในตำแหน่งที่เหมาะสมในมุมที่กำหนดตามองศาที่ถูกต้อง.....นี่คือเครื่องเชื่อมเวลา....เครื่องมือในการเดินทางระหว่างจักรวาล....ครับ....บอกมากไม่ได้เสียว

 

พี่ฮะอย่าเสียวซิครับ ชอบหลอกให้อยากเเล้วจากไป(b-cry)
(b-wai) please~

 

ผมมีอยู่เหรียญครับ

ใช้ไม่เป็นครับ ได้แต่เก็บไว้เพราะเห็นว่าความเป็นมาน่าสนใจ อยากอ่านคัมภีร์มรกตจังครับ

 

เรื่องราวของคัมภีร์มรกต มีบันทึกไว้ในแผ่นคล้ายๆ มรกตทั้งหมด 12 แผ่น และได้แปลเป็นภาษาไทยเรียบร้อยแล้ว

คุณพ่อมดโลจิ ได้นำมาโพสท์ไว้แล้วในกระทู้เรื่อง "พลังจิต และความลับแห่งปิรามิด"

ตามลิงค์ http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=2681&page=1&pp=50

น่าจะเป็นอันเดียวกันนะ ... ลองไปอ่านดูจ้ะ

 

ขอบพระคุณ ปู่ NiNe และ คุณ Kamen rider มากครับ

 

เอามาจากอุณมิลิตแน่นอน ดูภาพก็รู้แล้ว แถมยังอ้างถึงลุงกูสอีก เราก็มีนะ แบบเหรียญ

 

:boo: มีต่ออีกมั้ย

ตะกี้ตามไปอ่านเรื่องพีรามิต และ คัมภีร์มรกตมายาววว มาก

หาฉบับอังกฤตของคัมภีร์มรกตมาให้ http://www.crystalinks.com/emerald.html

:boo: :boo:

พี่คนลึกลับ แล้วก็ผู้รู้มาเขียนต่ออีกหน่อยนะค้าบบ