ศรัทธากับปัญญาจุดสมดุลย์อยู่ตรงจุดไหนครับและอยากให้วิเคราะห์ความเห็นนี้ด้วยครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ติดบ่วง, 14 พฤศจิกายน 2012.

  1. ติดบ่วง

    ติดบ่วง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2012
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +771
    ก่อนอื่นผมไม่ไ่ด้มีเจตนาจะกล่าวร้ายหรือโจมตีความคิดความเห็นใครนะครับ แต่แค่เอาข้อความมาให้ดูเป็นตัวอย่างความเห็นครับ คำตอบของอาจารย์เจษฎาในยูทูปที่ผมโพสถามไปครับ
    วิญญานและผีเป็นความเชื่อแต่โบราณเป็นหมื่นปีของมนุษย์ ผมว่าเพราะเราผูกพันกับคนที่ตายไปแล้วก็เลยเกิดเรื่องเล่าถึงพวกเค้าที่ตายแล้วแต่ยังไม่ไปไหน / ภพภูมิ เป็นคำอธิบายต่อเนื่องมาจากเมื่อกี้ / เทวดาและเทพเจ้า เป็นความเชื่อที่ทันสมัยขึ้นในหลักพันปีก่อน เพื่อใช้ยกพลังเหนือธรรมชาติขึ้นมาปกครองดูแลมนุษย์อีกที และคนที่ติดต่อกับเทวดาเทพเจ้าได้ ก็จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของยุคนั้น / กฎแห่งกรรม เป็นคำอธิบายที่ฟังง่ายดีเพื่อให้คนที่เชื่อเรื่องนี้ไม่กล้าทำบาป ข้อเสียคือคนอาจจะไม่เชื่อเพราะพิสูจน์ไม่ได้ง่ายๆ ครับ

    ผมเองไม่มีความเห็นครับ พอดีผมลองถามอาจารย์ท่านนี้ดูจากคลิปยูทูปครับ แต่ดูท่านจะเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูงเลยทีเดียว แต่ดูจากคำตอบของอาจารย์ท่านก็ยังไม่สรุปอย่างเด็ดขาดนะ แต่ส่วนหนึ่งที่ต้องยอมรับคือท่านก็มีเหตุผลของท่านจริงๆอ่ะนะครับ ผมว่าอาจารย์ท่านเจตนาดีไม่อยากให้คนเชื่ออะไรโดยไร้เหตุผล บางอย่างก็ดูงมงายเกินไป(เพราะปัจจุบันมีพวกมิจฉาชีพหากินกับความเชื่อมาก อาจารย์ท่านเลยมองว่าเป็นอย่างนั้นทั้งหมด) มีหลายความเห็นมากมายเกี่ยวกับอาจารย์ทั้งเห็นด้วยและคล้อยตาม(ที่ไม่เห็นด้วยบางท่านมองว่าอาจารย์ดูถูกคนที่เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บางท่านเมนท์บอกให้อาจารย์ท่านลองไปลองปฏิบัติธรรมดูบ้าง)
    ช่วยวิเคราะห์ทีครับ เพื่อเป็นกรณีศึกษาในเรื่องความสมดุลย์ระหว่างเหตุผลกับศรัทธา ว่าควรจะอยู่ตรงจุดไหนครับ เพื่อไม่ให้หลงงมงายและไม่เห็นผิดจากการเชื่อมั่นในความคิดมากเกินไป ขอบพระคุณครับ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=hr7iZBMOLPo&lc=-fg6HDDEQVaLn3adG75FlnOAssovnpIAZWnHfhZADJY&feature=inbox]แฉ เสกพระธาตุจากน้ำมนต์ - YouTube[/ame]
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=f534Fn4U3VA]สรุป PPT เฉลยปริศนาบั้งไฟพญานาค - YouTube[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=cM4kE53ZvwY&lc=aKyt4ojk8ht-SYyQLqxmlrNY6kOmdovXb_7tZdhVAxo&feature=inbox]บั้งไฟพญานาค ไม่ใช่ปรากฏการณ์ธรรมชาติ - YouTube[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=lj5epQIMgAI&feature=player_embedded]มองคำทำนายพิบัติ..ด้วยวิทยาศาสตร์ 2/5 - YouTube[/ame]

    ลองอ่านดูความเห็นของบางท่านในยูทูปดูนะครับ

    และอันนี้ลูกศิษย์ของอาจารย์ครับ ถกเถียงกันไม่จบดูเหมือนเอาความรู้ทางโลกมางัดความรู้ทางธรรม
    Guitarthai :

    ผมอยากได้ข้อสรุปเท่านั้นและครับ เพื่อให้สิ้นความสงสัย จากคนโง่เขลาเบาปัญญาผู้หนึ่งครับ ขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกๆท่านครับ(ทุกอย่างที่ทำให้เกิดปัญญาคือครูอาจารย์ทั้งหมด ผมมองอย่างนี้นะครับ)
     
  2. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    มีความเห็นว่า เชื่อบ่องไฟพญานาคเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ไม่สำคัญ แต่หากจะคุยก็คุยเล่นๆ ได้

    สำคัญเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม ทำความเห็นตนให้ถูกต้อง ไม่เป็นมิจฉาทิฐิ ศึกษาธรรม ปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธเจ้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2012
  3. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    ผมเห็นอาจารย์คนนี้ ออกมาพูด "อันนี้ไม่จริง อันนั้นหลอก นี่ไงผมมีหลักฐาน" ก็โอเค แต่ไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับคนที่มีศรัทธาในพระรัตนตรัย อย่างผมฟังเขาว่า พระองค์นี้เขาหลอกนะ นั่นมันมายากล ผมก็เฉยๆ นะ อย่างในพุทธกาลยังมีทั้งคนดีคนไม่ดี ดูอย่างร้ายขนาดพระเทวทัตก็ยังมี
     
  4. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    จริงสมัยนี้คนมันงมงายมาก อะไรก็เชื่อ อะไรก็ไหว้ เห็ดต้นใหญ่ ต้นกล้วยแปลกๆ อย่าไปเรียกอย่างนั้นว่าศรัทธาเลย เรียกว่าความเชื่องมงาย บ้าหวย เพ้อเจ้อดีกว่า
     
  5. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    อ.เจษฎา นี่ผมเคยสนทนาด้วย ค่อนข้างจะงมงายในวิทยาศาสตร์ อ.บอกว่า คำสอนของพระพุทธเจ้านั้นประเสริฐ แต่แกไม่เชื่อในความมีอยู่จริงของพระพุทธเจ้า

    ปล. ผมก็นักวิทยาศาสตร์ แต่ผมไม่ได้งมงายในวิทยาศาสตร์
     
  6. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    คืองี้นะ การทดลองเนี่ย มักจะทดลองโดยตีกรอบเอาไว้
    คือทดลองตาม ๑ ๒ ๓ นี้นะ แล้วก็สรุปออกมา

    ทีนี้ ไอ้สิ่งที่พบเห็นจริงๆมันมากกว่าที่การทดลองตีกรอบไว้นะสิ

    พ่อผมเองก็ไปดูมานะ บั้งไฟพญานาค ท่านก็เรียนจบวิทยาศาสตร์..
    แต่มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่รับรองอะไรหรอก
    ผมก็ถามท่านตรงๆว่า ท่านเห็นมันผุดขึ้นมาจากน้ำเลยมั้ย
    ท่านก็บอกว่าเห็น เห็นชัดๆเลยว่าผุดมาจากน้ำ
    ขอย้ำว่ามันผุดมาจากน้ำ...

    ยังมีเรื่องราวอีกมากในโลกใบนี้ที่วิทยาศาสตร์ก็ยังตอบไม่ได้
    เอาละ เรื่องบั้งไฟพญานาคผมเองก็ไม่รู้อะไรมากนะ
    รู้แต่ว่า แต่ก่อนเขาเรียกว่าบั้งไฟผี
    และมีการพบเห็นกันมาหลายสิบปีแล้ว
    หรือร้อยปีก็ไม่มีใครบันทึกไว้ใช่มั้ย หรือว่ามี...?

    ศรัทธากับปัญญา
    เคยได้ยินมั้ยครับว่า อย่างมงายกับวิทยาศาสตร์
    แปลกมั้ย
    อย่างมงายกับวิทยาศาสตร์
    หรือถ้าจะอธิบายให้ง่ายเข้า
    อย่าคิดติดตรึงแต่กับความเป็นไปได้ที่เรามีความรู้เท่านั้น
    นักวิทยาศาสตร์จริงๆจะไม่ปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างทันที เมื่อหาคำอธิบายไม่ได้
    นักวิทยาศาสตร์จะต้องรู้จักสังเกต ทดลอง แล้วก็สรุปผล

    อย่างเรื่องผีวิญญาณ ถ้าใครบอกว่าไม่มี
    ก็เป็นเรื่องของคนที่คิดว่าไม่มี
    แต่ถ้าเคยเจอ เคยคุยกับผี... จะบอกว่าไม่มีได้มั้ยละ...
    วิทยาศาสตร์จะตอบยังไง
    ตอบว่าเพ้อฝันคิดไปเอง อันนี้เป็นคำตอบที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์เลย
    ไม่ได้ผ่านกระบวนทางวิทยาศาสตร์เลย
    เพราะ ต้องระบุลักษณะ ตั้งสมมติฐาน หาวิธิการทดลอง แล้วก็ทดลอง

    คนที่ขาดความเข้าใจทางด้านวิทยาศาสตร์ก็มักจะร้องว่า
    ถ้าผีมีจริง ขอเจอจังๆคืนนี้ได้บ่
    คำถามก็คือ... ถ้าผีมีจริง ผีได้อะไรกับการออกมาเจอกับคนอย่างนี้
    และการที่คืนนี้เขาจะเจอหรือไม่เจอ... มันสรุปได้หรือว่าผีมีจริง

    เวลาคุยกันเรื่องพวกนี้... ต้องคิดก่อนว่าคุยกันไปทำไม
    คุยเล่นๆ หรือว่าคุยจริงจัง
    คุยจริงจังต้องมีการคิดอ่านทดลอง

    ผมเองก็เรียนสายวิทย์มา..
    เชื่อมั้ยครับ
    ผมเข้าใจเรื่องกฏแห่งกรรมมากขึ้น ขณะทำการทดลองวิทยาศาสตร์เคมี

    ในทางพระพุทธศาสนา นอกจากศรัทธาและปัญญาแล้ว
    ยังต้องมีอีกสามอย่างประกอบกัน คือ วิริยะ สติ สมาธิ
    ขออ้างพระสูตร

    ทัฏฐัพพสูตร
    ว่าด้วยการเห็นอินทรีย์ ๕ ในธรรมต่างๆ
    [๘๕๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อินทรีย์ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน? คือ
    สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
    [๘๕๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็จะพึงเห็นสัทธินทรีย์ ในธรรมไหนเล่า? ใน
    โสตาปัตติยังคะ ๔ พึงเห็นสัทธินทรีย์ในธรรมนี้.(นี่คือเรื่องศรัทธา)
    [๘๕๔] ก็จะพึงเห็นวิริยินทรีย์ ในธรรมไหนเล่า? ในสัมมัปปธาน ๔ พึงเห็น
    วิริยินทรีย์ในธรรมนี้.(นี่คือเรื่องวิริยะ)
    [๘๕๕] ก็จะพึงเห็นสตินทรีย์ ในธรรมไหนเล่า? ในสติปัฏฐาน ๔ พึงเห็น
    สตินทรีย์ในธรรมนี้.(นี่คือเรื่องสติ)
    [๘๕๖] ก็จะพึงเห็นสมาธินทรีย์ ในธรรมไหนเล่า? ในฌาน ๔ พึงเห็น
    สมาธินทรีย์ในธรรมนี้.(นี่คือเรื่องสมาธิ)
    [๘๕๗] ก็จะพึงเห็นปัญญินทรีย์ ในธรรมไหนเล่า? ในอริยสัจ ๔ พึงเห็น
    ปัญญินทรีย์ในธรรมนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อินทรีย์ ๕ ประการนี้แล.(นี่คือเรื่องปัญญา)


    เรื่องบางเรื่อง มันลึกซึ้งยิ่งนัก ไม่ใช่ว่ามันลึกลับหรอก
    แต่เรายังไม่รู้ห่านอะไรเลยแค่นั้นแหละ
     
  7. ติดบ่วง

    ติดบ่วง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2012
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +771
    อนุโมทนากับทุกท่านทุกความเห็นครับผม ขอบุญจงรักษาครับ
     
  8. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ศรัทธา ถ้ามากเกินก็จะ โง่งม
    ปัญญา ถ้ามากเกินก็จะ เกเร(เชื่อมั่น ยึดมั่น เฉพาะในสิ่งที่ตนสัมผัสได้)
    เพราะฉะนั้นควรทำศรัทธาให้สมดุลกับปัญญา (อรรถกถา)

    --------------------------------------------
    ในยุคนี้หลายคนยึดมั่นในเหตุผล บอกทำอะไรต้องมีเหตุผล
    แต่คุณรู้ไหมในกาลามสูตรบอกอย่าให้ยึดติดในเหตุผล

    หลายคนบอก อ้าวผมไม่เคยรู้เลย (อยู่ในข้อ 7 ของกาลามสูตรครับ)

    แล้วทำไมจึงไม่ควรยึดเหตุผลเป็นหลัก และควรยึดถืออะไร?

    เพราะในหลายครั้ง การพิจารณาตามเหตุผลนั้น เราได้ตัดตัวแปร(ความสัมพันธ์)บางอย่างออกไป (หลายคนคงง) ผมขอยกตัวอย่าง

    ผู้หญิงคนหนึ่งท้องเมื่อไม่พร้อม เธอควรแก้ปัญหาอย่างไร?
    หลายคนอาจบอกให้เธอไปทำแท้ง
    หลายคนบอกให้เธอรับผิดชอบการกระทำ

    คนทั้งสองกลุ่มนี้ ต่างก็ใช้วิธี/วิถีของเหตุผลเหมือนกัน แต่ทำไมวิธีการแก้ปัญหาถึงต่างกัน?

    เพราะ คนทั้งสองให้น้ำหนักของความสัมพันธ์บางอย่างไม่เหมือนกัน พวกแรกไม่ได้ให้น้ำหนักในเรื่องของบาปกรรม(หรือให้แต่ก็น้อยไป) คนกลุ่มนี้ตัดผลของกรรมทิ้งออกไปจากหลักเหตุผลของเขาหรือเธอ ทำให้เขาเหล่านั้นเลือกวิธีทำแท้งเป็นวิธีแก้ปัญหา

    อีกพวก ให้น้ำหนักของบาปกรรมในเหตุผลของเขาหรือเธอ กลุ่มหลังจึงเลือกวิธีในการรับผิดชอบในการแก้ปัญหา

    ถ้าคุณพิจารณาให้ดีจะพบว่า หลายครั้งการแก้ปัญหาตามแนวเหตุผลเป็นไปเพื่อการเบียดเบียนตนเองหรือผู้อื่น (ลองมองดูสงครามที่เกิดขึ้นในโลกก็ได้ ก่อนการรบทั้งสองฝ่ายล้วนมีเหตุผลที่น่าฟังทั้งนั้น)

    นี้เองที่เป็นข้อด้อยของเหตุผล (มันไม่ได้เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของบุญกุศลแต่เพียงอย่างเดียว)

    ถ้าใช้เหตุผลไม่ได้ แล้วควรยึดอะไรที่เป็นสมดุลของศรัทธาและปัญญา?
    ในกาลามสูตร บอกให้ยึดความเชื่อที่ไม่เป็นไปเพื่อความเจริญแห่งบาปอกุศล แต่เป็นไปเพื่อการเจริญขึ้นของบุญกุศล (กุศลมีลักษณะ ไม่เป็นไปเพื่อการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น)

    ---------------------------------------
    เช่นเดียวกัน ในเรื่องความเชื่อของ อ.เจษฎา ที่เชื่อว่าผีเทวดาไม่มีนั้น คุณก็ควรพิจารณาว่า ความเชื่อนี้เป็นไปเพื่อการเจริญขึ้นของอกุศลหรือเพื่อความเจริญขึ้นของบุญกุศล

    ถ้าคุณพิจารณาแล้ว เห็นว่าความเชื่อของอาจารย์ท่านนี้เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของบุญกุศลก็ควรเชื่อถือ ยึดมั่นตามแนวคิดอาจารย์ท่านนี้ด้วย

    แต่ถ้าเห็นว่าแนวความเชื่อนี้เป็นไปเพื่อความเจริญของอกุศลก็ไม่ควรยึดมั่นตามความเชื่อของอาจารย์ท่านนี้

    โดยส่วนตัวผมเห็นว่าความเชื่อ ความยึดมั่นว่าปรโลกไม่มีอยู่จริงของอาจารย์ท่านนี้ เป็นไปเพื่อความเจริญของบาปอกุศล เพื่อความหมดสิ้นไปแห่งบุญกุศล มีหิริและโอตัปปะเป็นต้น

    ผมจึงไม่ยึดถือแนวคิดในเรื่องนี้(เรื่องปรโลก) ของอาจารย์ท่านนี้

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 พฤศจิกายน 2012
  9. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    คุณจะไปเอานิยายอะไรกับอาจงอาจารย์ทางโลก...ถ้าจะจัดลำดับ คุณว่าเขาโง่กว่าไอน์สไตน์ไหม...ถ้าโง่กว่าก็เชื่อไม่ได้
    เข้าใจว่าแกไปเอาหลักรัฐศาสตร์ หลักวิทยาศาสตร์ หลักมนุษย์วิทยามาใช้
    ซึ่งสิ่งเหล่านี้ วิชาเหล่านี้ ไม่ใช่ความจริงสุดท้าย มันเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย
    นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ถูกสอนมาให้เชื่อหลักฐานงานวิจัย
    แต่ทางพุทธ มันเป็นความรู้ด้านปัญญาที่เกิดจากญานหยั่งรู้จากการปฏิบัติวิปัสนากรรมฐาน
    เช่นถ้าไม่จับ ยูเอฟโอมาให้ดู มันก็ไม่เชื่อว่ามี
    ไม่จับผีมาให้ดู มันก็ไม่เชื่อว่ามี
    ไม่จับพญานาคมาให้ดู มันก็ไม่เชื่อว่ามี
    คนพวกนี้ พระพุทธเจ้าบอกให้ฆ่าทิ้ง คือ ไม่สอน
    ส่วนผม พวกมิจฉาทิษฐิเหล่านี้ แค่เหลือบตาดู ผมยังไม่แลเลย นับประสาอะไรไปขอความรู้จากคนพวกนี้ มีแต่จะปวดหัวเพราะหลักวิทยาศาสตร์ซึ่งมันไม่ได้ค้นพบ เพียงแต่ไปอ้างทฤษฎีที่คนเก่งกว่ามันค้นพบเท่านั้น บางทีตัวมัน ถ้าไม่จบด๊อกเตอร์ ไม่มีงานวิจัยเป็นองค์ความรู้ของตนเอง...ก็ไม่น่าเชื่อถือ...พวกลอกงานวิจัยคนอื่นแล้วเอามาอ้างทั้งนั้น
    เรื่องยูเอฟโอ ขนาดแค่ภายในสุริยะ8ดวงของเรา เรายังไปไม่ถึงไหน แต่ดวงดาวมีเป็นล้านๆๆๆๆๆๆๆๆ มีหลายสุริยะมากมายมหาศาลฯลฯแล้วไอ้พวกหน้าโง่มันบอกไม่มีได้อย่างไร
    ส่วนผีนี่ ผมเคยถูกหลอกมาแล้วจังๆสามหน....ไอ้พวกหน้าโง่จะบอกไม่มีได้อย่างไร
    และพญานาคนี่ พระอาจารย์สายกรรมฐานหลายองค์ยืนยันว่ามีจริง แล้วไอ้พวกหน้าโง่นี่มันมีปัญญาเท่าพระอรหันต์เช่นหลวงปู่มั่น ภูริทัติโตหรือไม่ล่ะ คิดเปรียบเทียบแค่นี้ แล้วทีหลังอย่าไปยุ่งกับพวกโง่เหล่านี้ จะพากันปวดหัวเปล่าๆ เฮ้อ...เหนื่อยวุ๊ย.....
     
  10. ติดบ่วง

    ติดบ่วง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2012
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +771
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=i9cWQc52QDo]วัฏจักรชีวิต 028 มิจฉาทิฏฐิ - YouTube[/ame]
    ผมฟังแล้วเห็นว่าน่าสนใจดีครับ
     
  11. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    จุดกลาง จุดสมดล ระหว่าง ศรัทธา กับ ปัญญา คือ

    จุดที่ไม่มีความคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น ในทาง เชื่อ หรือ ไม่เชื่อ เลย
    อาจจะมีความสนใจ แต่ไม่ตัดสิน ไม่มีอดติ ว่าใช่ หรือ ไม่ใช่
    ไม่ปิดกั้น และ ไม่สนับสนุน ก่อนที่จะทราบด้วยตัวเองอย่างแท้จริง
     

แชร์หน้านี้

Loading...