ว่าด้วย ความอยาก สู่ นิพพาน คำถามที่สงสัย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย มดตัวหนึ่ง, 11 พฤศจิกายน 2012.

  1. มดตัวหนึ่ง

    มดตัวหนึ่ง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +3
    สวัสดีครับพี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน ผมได้เข้ามาสู่เว็บพลังจิตแบบงงๆเข้ามาเพราะค้นหาคำว่า มนุษย์ต่างดาว ใน google ก็มาเจอที่นี่น่ะครับ ...
    ประเด็นที่ผมสงสัยและอยากจะแบ่งปันความสงสัยนี้แก่ท่านเพื่อให้เกิดปัญญาร่วมกันคือ ความตั้งใจที่จะทำสิ่งใดๆให้สำเร็จให้ได้ จะเรียกสิ่งนั้นว่าความอยากได้หรือไม่ เช่น ฉันอยากจะถือ เนสัชชิก ไม่นอน ยืนเดินนั่ง เพื่อให้ไปถึงการตัดซึ่งความอยาก หรือ อยากสำเร็จทางธรรม อยากบรรลุธรรม เป็นผู้รู้ อยากจะรู้ ต้องการหลุดพ้น นิพพาน หรือต้องการฝึกฝนตนมีญานแกร่งกล้า เพื่อจะทำการต่างๆ เช่นรู้เรื่องลึกลับทั้งหลายทั้งปวงที่เราๆสงสัยได้ด้วยญานนั้น ทุกท่านครับ ความต้องการหรือความอยากให้ไปถึงจุดนั้นนัยแล้วคือ กิเลส หรือไม่
    แสดงความคิดเห็นได้ครับ... หรือถ้าเคยคุยกันเรื่องนี้แล้ว จะลิงค์ให้ผมอ่านบ้างก็ขอขอบพระคุณมากครับ ขอบคุณทุกท่านครับ (f)(f)
     
  2. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    มันต้อง ไม่ไปเผลอบอด หยิบมาแต่ส่วนเดียว ในเรื่องการ แจ้งนิพพาน

    คือ

    พระพุทธศาสนา เขา เน้นนัก เน้นหนา ย้ำนัก ย้ำหนา ว่า วิธีการปฏิบัติ
    ธรรมนั้นคือ รู้แจ้งอริยสัจจ

    ซึ่ง.......มันเริ่มด้วยการมา ฝึก รู้ทกข์ ชี้ทุกข์ กล่าวถึงเหตุแห่งทุกข์
    และ ชี้อุบายในแจ้งทุกข์ เมื่อแจ้งทุกข์ รู้ทุกข์เป็น มันจะไม่บอด ไปหยิบ
    คำว่า

    ปฏิบัติด้วย อยาก มากล่าว !!

    เอาสามัญสำนึก เข้าพิจารณาก็ไม่ยากเลย ใครบ้าง อยากรู้ทุกข์ อยากแจ้งทุกข์

    ไม่มีใครที่ไหนใช้วิธีปฏิบัติ เอาความ อยากมารู้ทุกข์ แจ้งทุกข์ สดับในเรื่องว่าด้วยทุกข์

    แต่นั่นแหละ ตถาคตกล่าชัดเจนว่า คำสอนของตถาคตมีแต่เรื่อง ชี้ทุกข์ ให้รู้ทุกข์

    ดังนั้น

    คนฉลาด ที่ไม่บอดเกินไป ก็จะพอรู้เลาๆแล้วหละว่า ไม่ใช่ใช้ อยาก แน่ๆ แต่มัน
    อะไรหละ ต้องมี อุบายในการฝึกหัดอย่างไรหละ ก็นะ....

    ต้องฟังธรรมให้บ่อยๆ ฟังให้เป็น แล้ว จับประเด็นไปปฏิบัติอย่างไรให้ถูก ว่ากัน
    แต่เรื่องทุกข์ ว่ากันอย่างไรถึงแจ้ง อริยสัจจ4 ได้


    สรุป จับประเด็นถูก ก็เลิกบอด ใช้คำว่า "อยาก" ได้เลยทันที
     
  3. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    มาดูตัวอย่าง กรรมฐานบางตัวเช่น อานาปานสติ

    อานาปานสติ จะมีบางบท ท่านให้ รู้ว่าจิตมีราคะ ก็รู้ว่าจิตมีราคะ

    เช่น เดินๆอยู่ กำลังตามรู้ลมหายใจอยู่ แต่ตาแว๊บไปเห็น ขนม แล้วมันอยาก

    ก็อาศัยจังหวะ แฉลบออกจากการรู้ลม ไปแสดงพฤติจิตมี ความอยาก นั้นนั่น
    แหละในการ ตามรู้จิตมีราคะ ก็รู้ว่าจิตมีราคะ

    แต่ให้รู้ในฐานะ จิตมันแสดง ทุกข์ คือ จิตมันแล่นไปสู่อารมณ์อยาก

    ดังนั้น

    เราอาศัย การรู้ทุกข์ ไม่ใช่ใช้ อยาก หรือไปให้ อยากมันมาครอบงำเรา

    เมื่อ รู้ทุกข์ได้ตรงตามคำสอน เราก็จะกล่าวได้อย่างเต็มปากว่า ไม่ได้ใช้อยาก

    ตรงกันข้าม เรากำลังตามเห็นความสิ้นไปของความอยาก อันเกิดจากการแจ้ง
    ในการรู้ทุกข์ต่างหาก
     
  4. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    อุปมาเหมือน อยาก ก็คือ โจร

    เราจะ มานั่งเฝ้ายาม เพื่อคอยดู โจร

    แต่ไม่มีใคร เผลอให้ โจร เข้ามาครอบงำเรา เขามากุมเรา

    ดังนั้น เราอาศัย อยากเพื่อการรู้ การเห็น ว่ามันมีลักษณะอย่างไร
    แต่ เราไม่เชิญมันเข้ามาในบ้าน

    ความที่เราไม่มีทางเชิญ โจร เข้าบ้าน เนี่ยะ เราจะ ภูมิใจ และประกาศได้ว่า
    เราไม่ได้เชิญโจรเข้าบ้าน หากไม่บอดเกินไปนัก

    แต่ถามว่า อาศัยการเห็น โจร หรือเปล่า ใช้ อยากมาเป็นสิ่งคอยตรวจตรา อาศัย
    ระลึกเห็น หรือเปล่า...................คนที่ลงมือปฏิบัติตามความเป็นจริง จะเข้าใจ
     
  5. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    แต่ สำหรับผู้ฝึกใหม่ๆ มันก็เหมือน คนที่ไปรบ รักษาเมืองอยู่ในที่ลำบาก ข้าศึกปิด
    ล้อม อาหาร เสบียง ยุทโธปกรณ์ก็มีไม่พอ แต่ เราเริ่ม ป้องกัน เฝ้าระวัง มีกำแพง
    สูง ข้าศึกเข้ามาไม่ได้โดยง่าย

    แน่นอนหละ งานนี้ ข้าศึกย่อมล่อลวง ปลอมตัวมา และ อุบายของมันก็ย่อมต้อง
    ทำทีเป็น คนขนอาหารมาให้ ขนอาวุธมาให้ มาสร้างความอิ่ม ความอุ่นให้กับคน
    ในเมือง

    เราก็เพียงแต่ เฝ้าแล้วรู้จักคนที่เข้ามาให้มากๆ จนพอแยกแยะ ข้าศึกได้ เราก็
    ปล่อยให้มัน ขนอาวุธ ขาอาหารเข้ามาถึงในเมือง นั่นแหละ ไม่ต้องรีบไล่ เรายัง
    ไม่อยู่ในฐานะขับไล่มันได้ เราต้องการ อาหาร และ อาวุธ และ กำลัง

    เราปล่อยให้มันเข้ามา แต่อย่าให้ลึก พอมันเอาของมาส่ง เราก็อาศัยพิจารณา
    รับสิ่งที่มันเอามาให้ เป็นประสบการณ์ เป็นการทำความรู้จัก แล้ว ก็รีบเชิญมัน
    ออกไป มันเข้ามาอีก เราก็ให้มันเข้ามาตื้นขึ้น

    พอมันกลับมาอีก เราก็รับของมันตรงหน้าประตู แล้ว ให้มันกลับไป

    พอคราวหน้ามันจะเข้ามาอีก มันเห็นว่าเรารู้จัก ข้าศึกย่อมทำทีเป็นพัก
    หน้าประตู แล้วก็เดินผ่านไป ไม่เข้ามาอีก ถึง ไม่อาจเข้ามาได้อีกเลย !

    ตัณหา กิเลส โจร มันก็เหมือน แขก ที่เดินผ่านหน้าบ้าน หน้าเมือง มาแล้ว
    ก็ไป มาแล้วก็ไป เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป อาศัย ระลึกมันเดินผ่านหน้าบ้านไป
    อีก ...ตรงนี้แหละ จะพอประกาศได้ว่า ใช้ "อยาก" อีกหรือเปล่า!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2012
  6. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ถ้าอรรถข้างบนยังไม่เข้าใจ
    ก็ให้คิดสั้นๆง่ายๆไปก่อนนะครับ คำว่า "อยาก" คือ "ตัณหา" เป็นองค์ประกอบหนึ่งของกิเลส
    คราวนี้ก็มาแยกแยะให้ออกว่า ที่ว่าอยากน่ะอยากไปในทางใด เป็นกุศลหรืออกุศลหรือไม่
    อยากทำบุญหรืออยากทำบาป
     
  7. มดตัวหนึ่ง

    มดตัวหนึ่ง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอบคุณสำหรับการแบ่งปัน จริงๆเรื่องนิพพานนั้นผมไม่ได้คิดมากนะครับ เพราะว่ากว่าจะเข้าใจถึงเรื่องนั้นมันจะมีวันหรือเปล่าไม่รู้ แต่ทว่าเมื่อก่อนตัวผมเป็นคนสนใจเรื่องลึกลับ เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว พีรามิด จานบิน อะไรเหล่านี้ ได้ไปอ่านเจอ ท่านด.ร ท่านหนึ่งพูดถึงตัวเองเกี่ยวกับการฝึกจิต นั่งสมาธิ พูดถึงพระที่ฝึกจิตจนติดต่อมนุษย์ต่างดาวได้ ด้วยความบ้าเป็นพักๆก็เลยนั่งสมาธิ แล้วในที่สุดคนอย่างผมก็เลิกในเวลา 2 วัน (เอง) เพราะผมตั้งคำถามว่าที่เรานั่งสมาธิเนี๊ยเพราะ"อยาก" เห็นมานุสต่างด้าวเนี๊ยนะ ตอนนั้นคือความอยากล้วนๆ จึงเป็นคำถามแต่นั้นมา นั้นจึงเป็นคำถามถึง คำว่า อยาก เพราะใช้นิยามตัวเองตอนนั้น ตอนนี้ผมก็ยังสนใจเรื่องมนุษย์ต่างดาวอยู่ แต่ไม่ได้พยามนั่งสมาธิ แต่ใช้อ่านศึกษาเอาครับ....
     
  8. มดตัวหนึ่ง

    มดตัวหนึ่ง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +3
    ตัณหาที่อยากจะเห็นมนุษย์ต่างดาว 555
     
  9. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    ก็นั่นแหละ ใช้ได้

    คือ ทำสมาธิเพราะต้องการติดต่อมนุษย์ต่างดาว แล้วก็ลงมือ

    พอลงมือ มันไม่ใช่ว่า เธอขี้เกียจนะ แต่ ตัณหามันดับไปดื้อๆต่างหาก

    พอตัณหาดับ เธอก็เลิกสนใจเอาสมาธิติดต่อมนุษย์ต่างดาว

    ตัณหาจึงเกิดขึ้น

    แล้ว ตัณหามันก็แสดงตัวว่า ดับได้ ดับไป

    ทีนี้ ไม่ได้ทำสมาธิเพื่อติดต่อ แต่ อาศัย ตัณหาที่เกิดขึ้นมาใหม่ เอา
    ไปแสวงหาหนังสือบ้าง กระทู้บ้าง พอทำไปสักพัก ตัณหาเขาก็ดับไป

    เราจึง อาศัยระลึกเห็น ตัณหามันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

    จิตมีราคะก็รู้ว่าจิตมีราคะ จิตไม่มีราคะก็รู้ไปว่าจิตไม่มีราคะ

    รู้ไปแบบนี้แหละ จะเรียกว่า ภาวนา ประกอบธรรม ทำความ
    เข้าใจ ทุกขสัจจ พิจารณาพฤติจิต อาการของจิต

    การภาวนา จึงไม่ได้เข้าไปขัดแย้งโลก

    ความคิดแบบโลกๆต่างหาก ที่อาจจะปรักปรำว่า การภาวนาธรรมนั้นมีการขัดแย้ง

    ******************

    ทีนี้ มันจะต้อง เฝ้นธรรม

    คือ เรื่องราวที่เราแสวงหา ตามตัณหาเนี่ยะ มันจะมีหลายประเภท

    บางประเภท ยิ่งเข้าไปแสวงหา ยิ่งถ่ายถอน ถอนตัวไม่ขึ้น

    บางประเภท ยิ่งเข้าไปแสวงหา ก็ ว่างเปล่า ไร้แก่นสาร เปลี่ยนแปรไปตามสมัย

    บางประเภท ยิ่งเข้าไปแสวงหา แต่กลับยิ่งทำให้ เห็น ตัณหา ได้ชัด เห็นตัณหา
    เกิดดับได้ชัด เช่น การรู้อยู่ที่กายใจ ( กายคตาสติ ) ด้วยจิตตั้งมั่น เป็นกลางลงเป็นปัจจุบัน ไป
    ตามความเป็นจริง

    จึงต้อง เฝ้นหาเอาเอง

    เสร็จแล้ว ก็ต้องใช้ ปฏิภาณของตนเองนั่นแหละ พิจารณาน้อมไป

    จะน้อมไปทางไหนหละ

    น้อมไปทางแสวงหาแล้วยิ่งติดหนึบ

    หรือ น้อมไปแล้วก็เหมือนคว้าอากาศ

    หรือ น้อมไปแล้วแต่กลับตื่น เบิกบาน อิสระ ไร้สิ่งร้อยรัด สิ้นตัณหาเพราะรู้ชัดว่า
    จิตมีราคะก็รู้ชัดว่าจิตมีราคะ จิตไม่มีราคะก็รู้ชัดว่าจิตไม่มีราคะ แล้วสุดท้ายก็
    รู้แจ้งว่าจิตไม่มีราคะ ........นิพพานในที่สุด รุ้ทั่วถึงทุกเรื่องราว ( เพราะ รู้จาก
    รากเง้าของมัน ... ตัณหา นั่นเอง )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2012
  10. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ความปรารถนาไม่ทำตนพ้นจากทุกข์ เรียกว่าความอยากเพราะยังข้องอยู่ในภพ

    ความปรารถนานำตนออกจากทุกข์ไม่ชื่อว่าความอยาก แต่เป็นความเพียรเพื่อละความอยากอันเป็นเหตุพ้นจากทุกข์!
     
  11. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    ความต้องการอาหารเพื่อดำรงชีวิตให้เป็นปกติสมดุลย์.... แตกต่างจากความต้องการกินอาหารเพราะความอยาก ความโปรดปราน น่ากิน น่าเอร็ดอร่อย

    เกาให้หายคัน... แตกต่างจากการเกาเพราะเมามัน ลุ่มหลง
    (หรือไม่ก็เลิกเกาเพราะเข้าใจว่า ที่กำลังคันมันไม่ใช่เรา)

    ควรรู้ ควรทำ... แตกต่างจากการอยากรู้-อยากทำ และหรือ อยากให้คนอื่นรู้ว่ากูรู้-กูทำ



    ความต้องการตอบสนองต่อสิ่งที่ควร ที่เหมาะสม... เป็นเหตุไปสู่ผลที่มีดุลยภาพ
    ความต้องการตอบสนองต่อสิ่งที่เป็นอารมณ์ปรุงแต่ง... เป็นเหตุไปสู่ผลที่ดิ้นรนฟุ้งฝันไม่มีที่สิ้นสุด
     
  12. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491

    เห็นด้วยอย่างยิ่งคับ...สาธุๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...