ว่าด้วยเรื่องภิกษุณี ๑หมื่น ๘ พันองค์

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย anand, 27 เมษายน 2011.

  1. anand

    anand เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,118
    ค่าพลัง:
    +641
    พระไตรปิฎกมหาวิตถารนัย ๕๐๐๐ กัณฑ์
    (ส.ธรรมภักดี)
    กัณฑ์ที่ ๑๙๙
    คัมภีร์ขุททกนิกาย พระอปทาน
    ว่าด้วยเรื่องภิกษุณี ๑ หมื่น ๘ พันองค์

    อฏฺฐารสสหสฺสานิ ภิกฺขุณี สากิยสมฺภวา
    ยโสธรีปมุขานิ สมฺพุทฺธํ อุปสงฺกมุนฺติ.

    ณ บัดนี้ อาตมภาพจักได้แสดงคัมภีร์พระอปทาน กัณฑ์ที่ ๑๙๙ ว่าด้วยเรื่องภิกษุณี ๑ หมื่น ๘ พันองค์สืบต่อไป เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาและพุทธศาสนิกชนทั้งหลายตลอดกาลนานหาประมาณมิได้

    เรื่องภิกษุณี ๑ หมื่น ๘ พันองค์

    ดำเนินความตามวาระพระบาลี คัมภีร์พระอปทานว่า พระเถรี ๑ หมื่น ๘ พันองค์ ได้กล่าวไว้ว่า ภิกษุณี ๑ หมื่น ๘ พันองค์ซึ่งเกิดในวงศ์ศากยะ มีพระนางยโสธราเป็นประธาน ได้เข้าไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นองค์พระศาสดาจารย์ นางภิกษุณี ๑ หมื่น ๘ พันองค์นั้น ล้วนแต่เป็นผู้มีฤทธิ์มากได้พากันกราบพระบาทของพระมุนีนาถศาสดา แล้วพากันกราบทูลตามกำลังของตนว่า ข้าแต่พระมหามุนี ข้าพระบาททั้งหลายสิ้นชาติ ชรา พยาธิ มรณะแล้วได้ถึงแล้วซึ่งธรรมอันไม่มีอาสวะ อันเป็นธรรมสงบระงับ เป็นธรรมไม่รู้จักตาย เป็นธรรมเครื่องนำออกจากโลก ข้าแต่องค์พระมหามุนี ถ้าความพลั้งผิดของภิกษุณีทั้งปวง มีในเมื่อก่อนขอพระองค์จงทรงอดโทษแก่ข้าพระบาททั้งปวงด้วยเถิด พระพุทธองค์ได้ตรัสว่า เธอทั้งหลายจงแสดงฤทธิ์ จงตัดความสงสัยของบริษัททั้งปวง ภิกษุณีทั้งปวงได้กราบทูลขึ้นว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นมหาวีรวงศ์ พระนางยโสธราเป็นที่รักใคร่พอใจ เป็นประชาบดีของพระองค์ ในเมื่อยังทรงดำรงอยู่ในฆราวาส ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นมหาวีรบุรุษ ข้าพระบาททั้งหลายล้วนแต่เป็นหัวหน้า เป็นใหญ่แห่งหญิง ๙ ล้าน ๖ แสนคน ในเมื่อยังดำรงอยู่ในฆราวาส พระนางยโสธราเป็นผู้ประกอบด้วยรูปสมบัติ อาจารสมบัติ คุณสมบัติ เป็นผู้กล่าวถ้อยคำอันเป็นที่รัก หญิงทั้งปวงย่อมนอบน้อมนับถือเหมือนกับมนุษย์ทั้งหลายนับถือเทวดาฉันนั้น ในคราวนั้น หญิงทั้ง ๑ หมื่น ๘ พัน ซึ่งเกิดในวงศ์ศากยะ มีพระนางยโสธราเป็นประธานก็ได้เป็นใหญ่ทั้งนั้น ข้าแต่พระมหามุนี หญิงทั้งหลายล่วงเสียซึ่งกามธาตุตั้งอยู่ในรูปธาตุ นับจำนวนพันๆ ที่จะเสมอด้วยรูปของพระนางยโสธราไม่มี ภิกษุณีทั้งปวงถวายบังคมสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็แสดงฤทธิ์ถวายนานาประการได้บันดาลให้กายใหญ่เสมอจักรวาล หันศีรษะไปทางด้านทิศอุดร ข้างทั้งสองอยู่ในทวีปทั้ง ๒ ส่วนตัวอยู่ในชมพูทวีป บันดาลให้มีลูกตาหมือนกับดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ใหญ่กว่ายอดภูเขาเมรุมาศ แล้วทำภูเขาจักรวาลให้เป็นใบพัด ทำต้นหว้าประจำทวีป ให้เป็นด้ามพัด พัดมาเฝ้าองค์พระโลกนาถแล้ว บ้างก็จำแลงให้เป็นช้าง ม้า ใหญ่เท่าภูเขา บ้างก็จำแลงให้เป็นดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ภูเขาเมรุมาศ บ้างก็จำแลงให้เป็นสมเด็จอมรินทราธิราชแล้วพากันกราบทูลขึ้นว่า ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า ผู้มีพระจักษุญาณ หม่อมฉันทั้งหลาย มีพระนางยโสธราเป็นประธาน ขอน้อมนมัสการซึ่งพระบาททั้งคู่ของพระองค์ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นนายกของโลก ความปรารถนาของหม่อมฉันทั้งหลาย ซึ่งได้อบรมเพื่อพระองค์นานมาแล้วก็ได้สำเร็จแล้ว ข้าแต่พระมหามุนี หม่อมฉันทั้งหลายเป็นผู้ชำนาญในทางฤทธิ์ ในทางทิพพโสต ในทางเจโตปริยญาณ หม่อมฉันทั้งหลายได้สำเร็จบุพเพนิวาสญาณ ทิพพจักษุญาณแล้ว ได้สิ้นอาสวะปวงทั้งแล้ว บัดนี้ไม่มีการเกิดอีกแล้ว ข้าแต่มหาวีรเจ้า ความรู้ของหม่อมฉัน ในอรรถธรรม นิรุตติ ปฏิภาณ ได้สำเร็จแล้วในสำนักของพระองค์ หม่อมฉันทั้งหลายได้พบพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้เป็นที่พึ่งของโลกมาแล้ว หม่อมฉันทั้งหลายได้กระทำความดีไว้มาเพื่อพระองค์มาแล้ว ข้าแต่พระมหามุนี กรรมเก่าอันใดของหม่อมฉันมีอยู่ ขอพระองค์ได้ทรงโปรดระลึกถึงกรรมเก่าอันนั้น ซึ่งเป็นกุศลด้วยเถิด ข้าแต่มหาวีรเจ้า หม่อมฉันทั้งหลายได้สะสมบุญไว้แล้วเพื่อพระองค์ ข้าแต่มหาวีรเจ้า หม่อมฉันทั้งหลายได้งดเว้นสิ่งที่ไม่สมควร ละเสียซึ่งความประพฤติที่ไม่สมควรมาแล้ว ได้สละชีวิตเพื่อพระองค์มาแล้ว หม่อมฉันทั้งหลาย ได้เป็นภรรยาของพระองค์มาตลอดหลยพันโกฏิชาติแล้ว หม่อมฉันทั้งหลายไม่เคยมีใจคิดคดทรยศต่อพระองค์เลย พระองค์ได้ ทรงมีพระคุณแก่หม่อมฉันทั้งหลายมาหลายพันโกฏิชาติแล้ว ข้าแต่องค์พระมหามุนี หม่อมฉันทั้งหลายไม่เคยมีใจไม่ดีต่อพระองค์เลย พระองค์ได้ทรงเลี้ยงดูหม่อมฉันทั้งหลายมาหลายพันโกฏิชาติ หม่อมฉันทั้งหลายได้สละชีวิตเพื่อพระองค์มาหลายพันโกฏิชาติแล้ว หม่อมฉันทั้งหลายได้สละชีวิตเพื่อพระองค์มาหลายพันโกฎิชาติแล้ว หม่อมฉันทั้งหลายได้ช่วยพระองค์ให้พ้นภัยโดยยอมสละชีวิตมาหลายพันโกฏิชาติแล้วข้าแต่องค์พระมหามุนี หม่อมฉันทั้งหลาย ไม่เคยปิดบังเครื่องแต่งกายของหญิง และเครื่องนุ่งห่มต่างๆ เป็นอันมากเพื่อพระองค์เลย ข้าแต่องค์พระมหามุนี หม่อมฉันทั้งหลายได้สละทรัพย์สมบัติ คามนิคม ไร่นา บุตร ธิดา ช้าง ม้า โค กระบือ ทาสี บริวารมาจนนับไม่ถ้วนเพื่อพระองค์ เวลาพระองค์ทรงบริจาคทานแก่พวกยาจก หม่อมฉันทั้งหลายก็พลอยยินดีตาม ข้าแต่องค์พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันทั้งหลายได้เสวยทุกข์ต่างๆ เป็นอันมากมาแล้วในสงสารเพื่อพระองค์นับไม่ถ้วนแล้ว ข้าแต่องค์พระมหามุนี หม่อมฉันทั้งหลายเวลาได้ความสุขก็ไม่ดีใจ เวลาได้ความทุกข์ก็ไม่เสียใจ ได้ยินดีในที่ทั้งปวงเพื่อพระองค์มาแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงนำไปเพื่อพระธรรมใดโดยสมควร ข้าแต่องค์พระมหามุนี พระองค์ได้เสวยสุขทุกข์แล้วก็ได้สำเร็จพระโพธิญาณ หม่อมฉันทั้งหลายได้พบพระองค์ผู้เป็นพรหม เป็นเทพยเจ้า เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นนายกของโลก ซึ่งมีพระนามว่า พระโคดม ข้าแต่องค์พระมหามุนี หม่อมฉันทั้งหลายผู้แสวงหาซึ่งธรรมของพระพุทธเจ้าได้กระทำกุศลไว้เพื่อพระองค์มาแล้ว หม่อมฉันทั้งหลายได้เป็นบริจาริกาของพระองค์มาแล้วในเมื่อ ๔ อสงไขยแสนกัลป์โน้น พระทีปังกรพุทธเจ้าได้เกิดขึ้นในโลก คนทั้งปวงในปลายแดนพระราชอาณาเขต ได้นิมนต์องค์พระโลกเชษฐ์เจ้าไว้แล้ว ก็ช่วยแผ้วถางมรรคาเพื่อเป็นที่เสด็จมาขององค์พระศาสดา ในเวลานั้น พระองค์เป็นสุเมธพราหมณ์ ได้รับตกแต่งมรรคา ถวายแก่องค์พระศาสดา ผู้จักเสด็จมาเวลานั้น หม่อมฉันทั้งปวงซึ่งเกิดในตระกูลพราหมณ์ ก็ได้นำดอกไม้ไปบูชาพระองค์ ในคราวนั้นพระทีปังกรพุทธเจ้าก็ได้ทรงทำนายพระองค์ไว้ แผ่นดินอันใหญ่นี้ก็หวั่นไหว เทพยดา มนุษย์ กับพวกข้าพระองค์ก็ได้สละของที่ควรบูชาต่างๆ ออกบูชาพระองค์ พระทีปังกรพุทธเจ้าก็ทรงพยากรณ์ ซึ่งความปรารถนาของเทพยดา มนุษย์ทั้งหลายไว้ว่า จักสำเร็จดังปรารถนา บุคคลเหล่าใดได้ปรารถนาไว้แล้วในวันนี้ บุคคลเหล่านั้นก็จักสำเร็จความปรารถนา ในที่เฉพาะพระพักตร์ของพระโคดม พระทีปังกรพุทธเจ้าได้ทรงพยากรณ์หม่อมฉันทั้งหลายไว้อย่างใด ในกัลป์อันหาประมาณมิได้หม่อมฉันทั้งหลายก็ยินดีต่อพยากรณ์อันนั้น หม่อมฉันทั้งหลายก็ได้กระทำอย่างนั้น หม่อมฉันทั้งหลายได้มีใจเลื่อมใสยินดีต่อการกระทำดีอันนั้น แล้วก็ได้เสวยสมบัติในเทพยดามนุษย์มาจนนับไม่ถ้วน หม่อมฉันทั้งหลาย ได้เสวยสุขทุกข์ในเทพยดามนุษย์แล้ว มาในชาติสุดท้ายนี้ หม่อมฉันทั้งหลายได้เกิดในตระกูลศากยะ หม่อมฉันทั้งหลายได้เป็นผู้มีรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ มียศ มีศีล มีข้อวัตร มีอวัยวะทั้งปวงสมบูรณ์ดี มีผู้นับถือในตระกูลทั้งหลาย เวลาหม่อมฉันทั้งหลายได้ประสบโลกธรรมคือลาภ ยศ สรรเสริญ สักการบูชา จิตของหม่อมฉันทั้งหลายก็ไม่ยินดี หม่อมฉันทั้งหลายจักมีภัยมาแต่ไหน ข้อนี้ สมกับที่พระองค์ได้ตรัสไว้ในพระราชวังคราวนั้น คือพระองค์ได้ทรงแสดงซึ่งอุปการคุณของนางกษัตริย์ทั้งหลายไว้ในพระราชวังของพระเจ้าสุทโธทนะมหาราชไว้ว่า นารีใดเป็นผู้มีอุปการคุณ เป็นผู้รวมสุขร่วมทุกข์ เป็นผู้บอกสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นผู้มีเมตตาแก่สามี นารีนั้น เป็นนารีที่ประเสริฐ บุคคลควรประพฤติธรรมที่เป็นสุจริต ไม่ควรประพฤติธรรมที่เป็นทุจริต ผู้ประพฤติธรรมย่อมนอนเป็นสุขทั้งในโลกนี้และโลกอื่น หม่อมฉันทั้งหลายได้สละบ้านเรือน ออกบรรพชาในพระพุทธศาสนามาแล้ว ยังไม่ถึงกึ่งเดือน ก็ได้รู้แจ้งแทงตลอดซึ่งอริยสัจ ๔ มีผู้คนเป็นอันมากได้น้อมนำจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจัย มาถวายหม่อมฉันทั้งหลายไม่ขาดสาย เหมือนกับลูกคลื่นในมหาสมุทรฉะนั้น หม่อมฉันทั้งหลายได้เผากิเลสให้สิ้นแล้ว ได้ถอนภพทั้งปวงแล้ว ได้ทำลายเครื่องผูกให้ขาดไปเหมือนนางช้างทำลายเครื่องผูกให้ขาดไปแล้วฉะนั้น หม่อมฉันทั้งหลายไม่มีอาสวะแล้ว การที่หม่อมฉันทั้งหลายได้มาสู่สำนักของพระองค์ผู้เป็นพระพุทธเจ้านี้เป็นการดีแล้ว หม่อมฉันทั้งหลายได้สำเร็จวิชชา ๓ ปฏิสัมภทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ แล้วได้กระทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว หม่อมฉันทั้งหลายผู้ได้เสวยทุกข์สุขมาเป็นอันมากแล้วได้ถึงความบริสุทธ์แล้ว หม่อมฉันทั้งหลายผู้ได้เสวยทุกข์สุขมาเป็นอันมากแล้ว ได้ถึงความบริสุทธิ์แล้ว ได้สมบัติทั้งปวงแล้ว หญิงเหล่าใดได้สละตนเพื่อบุญกุศล หญืงเหล่านั้นก็ได้มิตรที่ดี ได้สำเร็จนิพพาน อันไม่มีสิ่งใดตกแต่ง กรรมทั้งปวงของหม่อมฉันทั้งที่เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบันได้สิ้นไปแล้ว หม่อมฉันทั้งหลายขอถวายบังคมซึ่งพระบาททั้งสองของพระองค์ พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า เราจะกล่าวสิ่งใดแก่พวกเธอ ผู้ที่ทูลลานิพพานให้ยิ่งขึ้นไป เธอทั้งหลายจงถึงซึ่งนิพพานเถิดฯ นางภิกษุณี ๑ หมื่น ๘ พันองค์มีนางยโสธราเป็นประธานได้กล่าวเนื้อความเหล่านี้ต่อพระพักตร์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า สิ้นเนื้อความในเรื่องภิกษุณีเหล่านี้เพียงเท่านี้

    อ่านต่อ ก็แลเรื่องภิกษุณีเหล่านี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2011
  2. anand

    anand เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,118
    ค่าพลัง:
    +641
    ก็แลเรื่องภิกษุณีเหล่านี้ เป็นเรื่องชี้ให้เห็นว่า เมื่อครั้งพระทีปังกรเพุทธเจ้าโน้น ภิกษุณีเหล่านี้ ก็ได้พบปะกับพระพุทธองค์ ซึ่งดำรงอยู่ในเพศฤาษี มีนามว่า สุเมธดาบส คือ ในคราวนั้น พระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายได้เสวยพระชาติเป็นสุเมธดาบส ได้รับทำหนทางถวายพระทีปังกรพุทธเจ้า ภิกษุณีเหล่านั้นก็ได้นำดอกไม้ไปสักการบูชาแล้วปรารถนาเพื่อให้พบพระสุเมธดาบส ในเมื่อได้เป็นพระพุทธเจ้า ต่อนั้นมา หญิงเหล่านั้นก็ได้ทำกุศลต่างๆ เพื่อปรารถนาพบพระพุทธเจ้ามาจนนับชาติไม่ถ้วน ได้เป็นบริจาริกา คือ เป็นพระชายาของพระโพธิสัตว์เจ้ามาจนนับไม่ถ้วน ได้สละชีวิตเพื่อช่วยพระโพธิสัตว์เจ้ามาจนนับชาติไม่ถ้วน ในวันจะปรินิพพานได้พากันไปทูลลาพระพุทธองค์ แล้วกราบทูลเรื่องอดีตถวายพระพุทธองค์โดยย่อ พระพุทธองค์ก็ได้โปรดให้ภิกษุณีเหล่านั้นแสดงฤทธิ์ถวาย เพื่อให้ประชุมชนทั้งหลายได้ทราบว่า ภิกษุณีเหล่านั้น ได้สำเร็จพระอรหัตสิ้นแล้ว ภิกษุณีเหล่านี้ มีจำนวน ๑ หมื่อน ๘ พัน มีพระนางยโสธราเป็นหัวหน้า ครั้นทูลอำลาปรินิพพานต่อพระพุทธองค์แล้ว ก็กลับไปนิพพานในที่อยู่ของหมู่ภิกษุณีในวันนั้น

    ต่อนี้ไป เป็นเรื่องของพระเถรี ๒ จำพวก คือ พระเถรีจำพวกที่ ๑ ซึ่งนับว่าเป็นพวกนางกษัตริย์ ๑ หมื่น ๘ พันองค์ ได้ไปกราบทูลพระพุทธองค์ว่า ข้าแต่พระมหามุนี ภพทั้งปวงของหม่อมฉันทั้งหลายสิ้นไปแล้ว หม่อมฉันทั้งหลายได้ปลดเปลื้องความสืบต่อแห่งภพแล้ว อาสวะทั้งปวงไม่มีแก่หม่อมฉันทั้งหลายแล้ว หม่อมฉันทั้งหลายขอทูลอำลา ข้าแต่องค์พระมหามุนี หม่อมฉันทั้งหลายได้ทำบุญกุศลไว้เพื่อพระองค์มานาน ได้ถวายเครื่องบริโภคแก่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสาวกทั้งหลายมาแล้วเพื่อพระองค์ ข้าแต่องค์พระมหามุนี กรรมสูง กรรมต่ำ หม่อมฉันทั้งหลายได้กระทำไว้แล้วแก่ภิกษุณีทั้งหลาย การบริกรรมในตระกูลสูง หม่อมฉันทั้งหลายก็ได้กระทำไว้แล้ว หม่อมฉันทั้งหลายได้มาเกิดในตระกูลกษตริย์ด้วยบุญกุศลที่ได้กระทำไว้แล้วนั้นมาชาติปัจจุบันนี้ หม่อมฉันทั้งหลายได้มาเกิดในตระกูลกษัตริย์ ได้เป็นผู้มีรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ลาภสักการะบูชาแล้ว หม่อมฉันทั้งหลายเบื่อหน่ายในความเป็นฆราวาส จึงได้ออกบรรพชาได้สำเร็จพระอรหัตในไม่ช้า คนทั้งหลายน้อมนำเอาจีวค บิณฑบาตเสนาสนะ คิลานปัจจัย มาถวายหม่อมฉันทั้งหลายเป็นอันมาก หม่อมฉันทั้งหลายได้เผากิเลสให้สิ้นแล้ว ถอนภพทั้งปวงแล้ว ตัดเครื่องผูกให้ขาดเหมือนช้างทำลายเครื่องผูกให้ขาดแล้วฉะนั้น หม่อมฉันทั้งหลายไม่มีอาสวะแล้ว การที่หม่อมฉันทั้งหลายได้มาสู่สำนักพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐนี้ เป็นการมาดีแล้ว หม่อมฉันทั้งหลายได้สำเร็จวิชชา ๓ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ แล้วได้กระทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วฯ ภิกษุณีทั้งหลายที่เป็นนางกษัตริย์จำนวน ๑ หมื่น ๘ พันองค์ มีนางยสวดีเป็นประธานได้กราบทูลองค์พระศาสดาจารย์ดังที่แสดงมาแล้วนี้ สิ้นเรื่องภิกษุณีเหล่านี้เพียงเท่านี้

    เรื่องภิกษุณีอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งจักยกมาแสดงนี้เป็นเรื่องภิกษุณีที่เป็นนางพราหมณี จำนวน ๘ หมื่น ๔ พันองค์ ภิกษุณีเหล่านั้นได้พร้อมกันไปกราบทูลพระพุทธองค์ว่า ข้าแต่พระมหามุนี เมื่อก่อนข้าพระบาททั้งหลายซึ่งมีจำนวน ๘ หมื่น ๔ พันนี้ได้เกิดในตระกูลพราหมณ์ มีความสุขมาแต่กำเนิด ข้าแต่องค์พระมหามุนี เมื่อก่อนข้าพระบาททั้งหลายได้เกิดในตระกูลพ่อค้า พ่อครัวก็มี ได้เกิดมาเป็นเทพธิดา เป็นนางนาค เป็นนางกินรีก็มี บางจำพวกก็ได้บรรพชา ซึ่งจะตรัสรู้ข้างหน้า พวกเทพยดา กินรี นาคทั้งหลายได้เสวยยศสมบัติทั้งปวงแล้ว ได้ความเลื่อมใสต่อพระองค์แล้วก็จักตรัสรู้ข้างหน้า ข้าแต่มหาวีรเจ้า ข้าพระบาททั้งหลายซึ่งเป็นธิดาของพราหมณ์ เกิดในตระกูลพราหมณ์ ขอถวายบังคมพระบาททั้งคู่ของพระองค์ ข้าพระบาททั้งหลายได้ทำลายภพทั้งปวงแล้ว ได้ถอนรากตัณหาเสียแล้ว ได้ตัดอนุสัยเสียแล้ว ได้ทำลายสังขารเสียแล้ว ข้าพระบาททั้งหลายเป็นผู้มีสมาธิทางโคจรเป็นผู้ชำนาญในสมาบัติ อยู่ด้วยความยินดีในธรรมทุกเมื่อ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นนายกของโลก ข้าพระบาททั้งหลายได้ทำให้เครื่องนำไปในภพและอวิชชาสังขารสิ้นไปแล้วจักไปสู่ที่อันเห็นได้แสนยาก ขอพระองค์จงทรงอนุญาต พระพุทธองค์จึงตรัสว่า เธอทั้งหลายมีอุปการคุณแก่เราผู้เดินทางไกลมาตลอดกาลนานแล้ว เธอทั้งหลายจงตัดความสงสัยของบริษัท ๔ แล้วจงไปนิพพานเถิด ภิกษุณีเหล่านั้น ก็ถวายบังคมพระบาทของพระพุทธองค์แล้วก็แสดงฤทธิ์ต่างๆ ถวาย คือบันดาลให้มีแสงสว่างในบางคราว ให้มืดในบางคราว บันดาลให้เป็นดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ มหาสมุทร ภูเขาสิเนรุ ภูเขาสัตตบริภัณฑ์ ตันไม้ปาริฉัตตกะในสวรรค์ บันดาลให้บริษัททั้ง ๔ ได้เห็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานนรดี ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี ภิกษุณีบางจำพวกก็จำแลงตัวให้เป็นพรหม เดินจงกรมอยู่ไปมา บางจำพวกจำแลงตัวให้เป็นพรหม แล้วก็แสดงธรรม คร้้นแสดงฤทธิ์ต่างๆ ถวายแด่พระพุทธองค์แล้ว ก็พร้อมกันถวายบังคมแล้วกราบทูลว่า ข้าพระบาททั้งหลายเป็นผู้ชำนาญในทางฤทธิ์ ทางทิพพโสต ทางรู้จักใจผู้อื่น ข้าพระบาททั้งหลายสำเร็จบุพเพนิวาสญาณ ทิพพจักขุญาณ อาสวักขยญาณแล้ว ไม่มีการเกิดอีกแล้ว ข้าแต่มหาวีรเจ้า ความรู้ของข้าพระบาททั้งหลาย ในอรรถ ธรรม นิรัตติ ปฏิภาณก็เกิดในสำนักของพระองค์แล้ว ข้าพระบาททั้งหลาย ได้พบกับพระพุทธเจ้าทั้งหลายแล้ว ได้กระทำกุศลไว้เป็นอันมากเพื่อพระองค์แล้ว ข้าแต่องค์พระมหามุนี กุศลกรรมอันใดของข้าพระบาททั้งหลายมีอยู่ในปางก่อน ขอพระองค์จงทรงระลึกถึงกุศลกรรมอันนั้น ข้าพระบาททั้งหลาย ได้สร้างบุญกุศลไว้แล้วเพื่อพระองค์ ในกัลป์ที่แสน นับถอยหลังจากกัลป์นี้ลงไป องค์พระมหามุนี ผู้มีพระนามว่า พระปทุมุตตระ ได้เกิดขึ้นในโลกพระนครที่เกิดขององค์พระปทุมุตตรพุทธเจ้านั้น ชื่อว่า หงสาวดี ทางประตูเมืองหงสาวดีนั้น มีแม่น้ำคงคาไหลอยู่ทุกเมื่อ ภิกษุทั้งหลายลำบากด้วยการไปมา ด้วยแม่น้ำคงคานั้นๆ มีน้ำเต็มอยู่ตลอด ๑ วันก็มี ๒ วันก็มี ๓ วันก็มี ๗ วันก็มี ๑ เดือนก็มี ๔ เดือนก็มี ภิกษุเหล่านั้นก็ข้ามแม่น้ำคงคานั้นไปไม่ได้ ในคราวนั้น มีบุรุษคนหนึ่งชื่อ่า ชัชชิยะ ได้เห็นภิกษุเหล่านั้น ค้างอยู่ที่ฝั่งนี้ ก็ให้สร้างสะพานข้ามแม่น้ำคงคาไป ในคราวนั้นข้าพระบาทก็ได้สละทรัพย์แสนหนึ่งออกสร้างสะพาน ทั้งได้สร้างวิหารถวายสงฆ์ไว้ที่ฝั่งโน้น บุรุษสตรีทั้งหลายทั้งตระกูลสูง ตระกูลต่ำ ก็ได้พากันสร้างสะพาน สร้างวิหาร ถวายพระภิกษุสงฆ์ พวกข้าพระบาทกับบุคคลเหล่าอื่น ก็ได้เป็นทายาทในธรรมทั้งหลายของพระศาสดาพระองค์นั้น ด้วยความเลื่อมใส สตรี บุรุษ กุมาร กุมารีทั้งหลายได้นำทราบมาเกลี่ยลงที่สะพานและวิหาร ทั้งได้ปัดกวาดถนน ตั้งต้นกล้วย หม้อน้ำ ธงช่อ ธงชัยไว้ ๒ ข้างถนน แล้วจัดธูป ดอกไม้ไว้บูชา ครั้นสร้างสะพานและวิหารเสร็จแล้ว ก็ได้นิมนต์องค์พระปทุมุตตระศาสดามารับมหาทานแล้วปรารถนามรรค ผล นิพพาน องค์พระปทุมุตตรศาสดา ผู้เป็นมหาวีรบุรุษ ผู้เป็นที่เคารพของบุคคลทั้งปวง ผู้เป็นมหามุนี ทรงอนุโมทนาแล้ว ก็ทรงพยากรณ์ว่า ล่วงไปอีกแสนกัล์ปจักถึงภัททกัล์ป พวกนี้จักได้ความสุขในภพน้อยภพใหญ่แล้ว ก็จะสำเร็จมรรค ผล นิพพาน นระนารีที่สร้างสะพานเหล่านี้จักได้บรรลุธรรมวิเศษในอนาคตกาล บุคคลเหล่านั้นก็ได้เกิดเป็นบริวารของพระองค์ในสวรรค์ด้วยบุญกุศลอันนั้น บุคคลเหล่านั้นได้เสวยทิพยสุข มนุษยสุข อยู่ตลอดกาลนานจนนับวันเวลาไม่ได้ที่ในกัลป์แสนนับถอยหลังจากกัลป์นี้ลงไป พวกข้าพระบาททั้งหลายได้กระทำกุศลไว้เป็นอันดี แล้วก็ได้เสวยสุขในเทพยดา มนุษย์ เวลามาเกิดเป็นมนุษย์ ก็บริบูรณ์ด้วยรูปสมบัติ ทรัพยสมบัติ ยศศักดิ์ บริวารมาในกาลสุดท้ายนี้ ข้าพระบาททั้งหลายก็ได้มาเกิดในตระกูลพราหมณ์มีมือเท้าเป็นสุขมาแต่กำเนิด ข้าพระบาททั้งหลายไม่เคยเห็นซึ่งแผ่นดินที่ไม่มีเครื่องประดับตลอดกาลทั้งปวง ข้าพระบาททั้งหลายไม่เคยได้เห็นที่มีโคลนมีเลน คนทั้งหลายได้น้อมนำเครื่องสักการบูชาไปให้พวกข้าพระบาทไม่ขาดสาย ในเมื่อพวกข้าพระบาทยังเป็นฆราวาสอยู่ ทั้งนี้ด้วยผลแห่งบุพพกุศลของข้าพระบาททั้งหลาย ต่อมาข้าพระบาททั้งหลายก็ละฆราวาสออกบรรพชา ข้าพระบาททั้งหลายได้ข้ามโลกสงสารแล้ว ไม่มีการเกิดอีกแล้ว คนทั้งหลายจำนวนพันๆ ได้น้อมนำจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจัย มาบูชาข้าพระบาททั้งหลายทุกเมื่อ ข้าพระบาททั้งหลายได้เผากิเลสให้สิ้นแล้วได้ถอนภพทั้งปวงแล้ว ได้ตัดเครื่องผูกให้ขาดไป เหมือนกับนางช้างทำลายเครื่องผูกให้ขาดไปฉะนั้น ข้าพระบาททั้งหลายไม่มีอาสวะแล้ว การที่ข้าพระบาททั้งหลายได้เข้ามาในพระพุทธศาสนานี้ เป็นการมาดีแล้ว ข้าพระบาททั้งหลายได้สำเร็จวิชชา ๓ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ แล้ว ได้กระทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ดังนี้ฯ พระภิกษุณีที่เป็นนางพราหมณี ๘ หมื่น ๔ พันองค์ ได้กล่าวเนื้อความเหล่านี้ไว้ในที่เฉพาะพระพักตร์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ดังที่แสดงมา สิ้นเรื่องนางภิกษุณีเหล่านี้เพียงเท่านี้

    ได้ใจความว่า ภิกษุณีเหล่านี้ เมื่อครั้งพระปทุมมุตรพุทธเจ้านั้นได้พากันสร้างสะพาน สร้างวิหารถวายแก่ภิกษุสงฆ์มีองค์พระปทุมุตตระเป็นประธานแล้วปรารถนามรรค ผล นฤพาน ต่อจากนั้นมาก็ได้เสวยแต่ความสุขในเทพยดามนุษย์ตลอดแสนกัลปวสาน มาถึงชาติสุดท้าย ก็ได้มาเกิดในตระกูลพราหมณ์ ได้ออกบรรพชาในพระพุทธศาสนาแล้วสำเร็จพระอรหัตหมดทั้ง ๘ หมื่น ๔ พันองค์ ในเวลาจะปรินิพพานจึงไปทูลลาองค์พระศาสดาจารย์ แล้วองค์พระศาสดาจารย์ให้แสดงฤทธิ์ถวายเพื่อให้สิ้นสงสัยของบุคคลทั้งปวง เมื่อภิกษุณีเหล่านั้น แสดงฤทธิ์ถวายต่างๆ อย่างที่แสดงมาแล้วก็กราบทูลถึงคุณธรรมของตนว่าเป็นผู้ชำนาญในฤทธิ์ ชำนาญในทิพพโสต ชำนาญในเจโตปริยญาณ บุพเพนิวาสญาณ ทิพพจักขุญาณ อาสวักขยญาณ ปฏิสัมภิทาญาณ แล้วกราบทูลถึงบุญกุศลหนหลังที่ได้สร้างสมไว้ว่า ได้สร้างสะพาน สร้างวิหาร ถวายพระภิกษุสงฆ์ดังที่แสดงมา เป็นอันว่าภิกษุณีทั้ง ๘ หมื่น ๔ พันองค์ได้สร้างสะพาน สร้างวิหาร ถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ไว้ในครั้งพระปทุมุตตระพุทธเจ้าจึงได้สำเร็จพระอรหัต ในครั้งพระพุทธเจ้าของเราทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลายจงเข้าใจเถิดว่า อานิสงส์แห่งการสร้างสะพาน สร้างวิหารถวายแก่พระภิกษูสงฆ์นี้ย่อมมีอยู่มากมาย ทำให้ผู้สร้างทั้งหลายได้รับผลานิสส์ตลอดแสนกัลปวสาน ในกาลสุดท้ายก็ให้ได้สำเร็จนิพพานดังพระภิกษุณี ๘ หมื่น ๔ พันองค์ ซึ่งแสดงมาแล้วนี้เป้นอุทาหรณ์ หากจะมีคำถามว่า สร้างสะพานให้เป็นสาธารณประโยชน์ทั่วไปแก่บุคคลทั้งปวง ไม่เฉพาะพระภิกษุสงฆ์เล่า จะได้อานิสงส์เหมือนกับการสร้างถวายพระภิกษุสงฆ์หรือไม่ประการใด มีคำแก้ไขว่า ที่จะให้มีอานิสงส์เท่ากับสร้างถวายพระภิกษุสงฆ์นั้นไม่ได้ เพราะว่า บุคคลทั้งปวงนอกจากพระภิกษุสงฆ์แล้วย่อมไม่มีศีลธรรมประเสริฐเท่าพระภิกษุสงฆ์ แต่ว่ามีอานิสงส์มาก ยากที่จะนับได้ เพราะฉะนั้นจึงควรยินดีในการสร้างสะพาน หรือถนนหนทางให้เป็นสาธรารณประโยชน์จึงจะเป็นการดี สิ้นเนื้อความในเทศนากัณฑ์นี้เพียงเท่านี้.

    เอวํ ก็มี ด้วยประการฉะนี้ฯ




     

แชร์หน้านี้

Loading...