ว่าด้วยเรื่องการเข้าทรงและผีสิง!

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย คนขายธูป, 27 สิงหาคม 2007.

  1. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    วิญญาน เข้าสิง และ ควบคุม ร่าง มี 10 วิธี


    1.ทรงร่างโดยซึมผ่านกลางกระหม่อม

    ---วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นวิญญานที่มาดี ด้วยการค่อยๆซึมผ่านกลางกระหม่อมมีอาการคล้ายเกิดความชาเสียวหนืดๆ เหมือนสว่านค่อยๆเจาะลึกเข้าไปในสมอง และจะซึมซ่านไปทั้งตัว การทรงแบบนี้เป็นวิธีนิ่มนวลสุขุมไม่เสียสุขภาพกายเนื้อและกายทิพย์


    2.บีบประสาทให้ปวดศรีษะ

    ---วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นอาการที่วิญญานมาบังคับให้ร่างจำนนยอมเป็นร่างทรงชั่วคราว หรือเป็นการเตือนให้รู้ว่าทำผิดจากคำมั่นสัณยา เมื่อบีบจนร่างปวดศรีษะทนไม่ไหวหน้ามืด หมดความรู้สึกไปชั่ววูบหนึ่ง วิญญานก็จะแทรกผ่านช่วงนั้น


    3.ทรงโดยซึมผ่านท้ายทอย(ขี่คอ)

    ---วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นวิญญานที่ไม่ดีมาเกาะที่ตำแหน่งท้ายทอยตอนท้ายสมอง ที่เรียกว่าต่อมเมดุลล่า (medulla) ทำหน้าที่เหมือนกาฝากค่อยๆซึมและงอกฝังรากเข้าไปในกายเนื้อเรา โดยเราจะมีอาการหนักท้ายทอยก่อน เมื่อซึมจนได้ที่ก็จะกำเริบขึ้นมา อาละวาด เช่น ลมพัดเย็นๆ ตามมาปะทะหลัง เราจะรู้สึกขนลุกเกรียว สักครู่จะรู้สึกหนาวๆร้อน หนักท้ายทอย


    4.ดวงไฟกระแทกหน้าผาก

    ----วิธีนี้ส่วนมากเป็นการเชิญวิญญานมาประทับร่างทรงซึ่งใช้วิธีหลับตาแล้วภาวนาคาถาระลึกถึงครูบาอาจารย์ จนจิตสงบก็เห็นเป็นดวงไฟวิ่งเข้ามากระแทกผ่านหน้าผาก จากนั้นจะหมดความรู้สึกไปวิญญานก็จะทำงานผ่านร่างต่อไป


    5.วิญญานกระแทกบีบหัวใจ

    ---วิธีนี้ส่วนมากวิญญานจะกระแทกเข้าบีบหัวใจให้หยุดเต้นไปชั่วแวบนึง ช่วงแวบเดียวนั้น วิณยานจะแทรกผ่านทันที หัวใจจะเสียวปวด ถ้าทรงบ่อยๆเข้าจะทำให้เป็นโรคหัวใจได้ง่าย


    6.ซึมขึ้นมาทางมือ

    ---วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นวิญญานไม่ดีมาเองโดยซึมผ่านขึ้นมาทางมือมีอาการคล้ายชาแบบเหน็บกินมือเลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆแล้วจะพาให้ชาไปทั้งตัว สุดท้ายก็เข้าควบคุมจนร่างหมดสติ วิณยานก็จะทำงานตามใจชอบได้


    7.ซึมขึ้นมาทางเท้า

    ---วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นวิญญานชั้นต่ำจึงใช้วิธีซึมผ่านเท้าขึ้นมาแล้วค่อยชาเหมือนเหน็บกินเลื่อนไปเรื่อยๆจนชาหมดทั้งตัวและดับความรู้สึกลง


    8.แฝงมาเป็นเงาตามตัว

    ---วิธีนี้วิญญานจะอยู่ในลักษณะร่างไปไหนก็ตามติดไปด้วย วิญญานเกาะหลังตามไปตลอดเหมือนเงาตามตัว โดยส่วนมากจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรมาตามทวงหนี้ รอคอยจังหวะที่ดวงตกบารมีเสื่อมจะได้กระทืบให้หกล้มใจแตก เพราะช่วงที่ตกใจแวบหนึ่งวิณยานก็จะแทรกผ่านได้ แม้วิญญานนี้จะยังไม่เข้าสิง แต่ก็คอยจะทำลายความสำเร็จของเรา ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีแต่ความฉิบหาย


    9.กระแสพลังส่งมาจากแดนไกล

    ---วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นภาวะวิญญานที่ดีส่งอำนาจจิตฉายส่องมาเป็นลำแสง กระแสพลังดังแสงไฟพวยพุ่งส่องมาจากแดนไกลวิ่งมาเป็นทางยาวเข้าคลุมร่างนั้น คล้ายโทรจิต แต่วิธีนี้เรียกว่า
    พลังทิพย์ โดยวิญญานปล่อยพลังจิตเป็นพลังงานสร้างกระแสคลื่นมาบังคับบัญชาให้เราทำตามคำสั่ง จะมีอาการคล้ายครึ่งหลับครึ่งตื่น ร่างกายไม่สามารถกระดุกกระดิกได้ ไม่สามารถสั่งการตนเองได้ในขณะนั้นเนื่องจากถูกบัญชาจากกระแสนั้น จะพูดตามสิ่งที่ส่งมาได้โดยอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องคิด


    10.วิญญานใหม่เบียดเบียนวิญญานร่างเดิม

    ----วิธีนี้ วิญญานที่จะมาเข้า จะใช้พลังอำนาจอันแข็งแกร่ง แผ่คลุมกระแทกวิญญานเก่าให้ไปอยู่ข้างๆกายเนื้อทันที แล้ววิญญานใหม่นั้นก็จะทำการอาศัยร่างพูดหรือทำงานต่อไป เมื่อหมดธุระแล้วก็จะถอยออกจากร่าง วิญญานเดิมก็จะคืนสู่ร่างอีกครั้ง



    จาก หนังสือ สมาธิ วิญญานเล่ม1
     
  2. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    วิญญาณที่เข้ามาใช้ร่างกายผู้อื่นนั้นเป็นการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น
    ผิดศีลปานาฯ หากจะเข้ามาต้องมีเหตุผลหรือบุพกรรม หรือได้รับ
    อนุญาติจากเจ้าของร่าง หรือมีสัญญาเก่ากันมาแต่อดีต

    ดังนั้น การเข้าทรงไม่ใช่สิ่งดีนัก แต่ก็มีสาเหตุให้ต้องเป็นร่างทรง
    เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าจะประคองกันไปอย่างไร จำต้องทำอย่างระวังฮะ
     
  3. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    การเข้าทรง 10 ลักษณะ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    การเข้าทรงนั้น เป็นการที่วิญญาณติดต่อกับมนุษย์เพื่อสื่อความหมายวิธี 1 ในหลายวิธี โดยที่สามารถแบ่งเป็น 2 ชนิด<o:p></o:p>
    1.มนุษย์เชิญวิญญาณมา<o:p></o:p>
    2.วิญญาณมาเข้าสิงเอง<o:p></o:p>
    และการทรงทั้ง 2 ชนิดนี้พอจะแบ่งเป็น 10 ลักษณะดังนี้คือ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    7.1 ทรงโดยซึมผ่านกลางกระหม่อม<o:p></o:p>
    วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นวิญญาณที่มาดีเข้าประทับด้วยการค่อยๆซึมผ่านกลางกระหม่อมมีอาการคล้ายเกิดความชาเสียวหนึดๆเหมือนสว่านค่อยๆเจาะลึกเข้าไปในสมองมีอาการอย่างนี้ต่อเนื่องเป็นวันๆ จนนึกว่าเป็นอุปาทานของจิต การทรงนี้เป็นวิธีนิ่มนวลสุขุมที่ไม่เสียสุขภาพกายเนื้อและกายทิพย์<o:p></o:p>
    หน้า226<o:p></o:p>
    สภาพวิญญาณจะซึมซ่านไปทั้งตัวโดยผ่านกระหม่อมตัวเราก็อยู่ปกติสุขดี เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น ท่านก็จะผ่านร่างเราเตือนเราโดยเรายังมีความรู้สึกอยู่บ้าง<o:p></o:p>
    7.2 บีบประสาทให้ปวดศีรษะ<o:p></o:p>
    วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นอาการที่วิญญาณมาบังคับร่างให้จำนนยอมเป็นร่างทรงชั่วคราว หรือเป็นการเตือนให้รู้ว่า ทำผิดจากคำมั่นสัญญา เมื่อบีบจนร่างปวดศีรษะทนไม่ไหวหน้ามืดหมดความรู้สึกไปวูบหนึ่ง วิญญาณก็จะแทรกผ่านช่วงนั้น<o:p></o:p>
    7.3 ทรงโดยซึมผ่านท้ายทอย (ขี่คอ)<o:p></o:p>
    วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นวิญญาณที่ไม่ดีมาเกาะที่ตำแหน่งท้ายทอยตอนท้ายสมองที่เรียกว่า ต่อม “ เมดูลล่า ” ทำหน้าที่เหมือนกาฝากค่อยๆซึมและงอกรากฝังเข้าไปในกายเนื้อเราโดยเราจะมีอาการหนักท้ายทอยก่อน เมื่อซึมจนได้ที่ก็จะกำเริบขึ้นมาอาละวาด<o:p></o:p>
    เช่น ลมพัดเย็นๆ ตามมาปะทะหลังเราจะรู้สึกขนลุกเกรียว สักครู่จะรู้สึกหนาวๆร้อนๆหนักท้ายทอย<o:p></o:p>
    หน้า227<o:p></o:p>
    7.4 ดวงไฟกระแทกหน้าผาก<o:p></o:p>
    วิธีนี้ส่วนมากเป็นการเชิญวิญญาณมาประทับร่างทรงซึ่งใช้วิธีหลับตาแล้วภาวนาคาถาระลึกถึงครูบาอาจารย์หรือชาวจีนเขาใช้ธูป 3 ดอกเสียบกระดาษเงินทองแผ่นใหญ่แล้ว พนมมือปิดหน้าผากตัวเองหลับตาภาวนาคาถาเช่นกัน จนจิตสงบเห็นเป็นดวงไฟวิ่งเข้ามากระแทกผ่านหน้าผาก จากนั้นก็จะหมดความรู้สึกไปวิญญาณก็จะผ่านร่างทำงานต่อไป<o:p></o:p>
    7.5 วิญญาณกระแทกบีบหัวใจ<o:p></o:p>
    วิธีนี้ส่วนมากวิญญาณจะกระแทกเข้าบีบหัวใจให้หยุดเต้นชั่วแวบหนึ่ง ช่วงแวบเดียวนั้น วิญญาณก็จะแทรกผ่านทันที หัวใจจะเสียวปวด ถ้าทรงบ่อยๆเข้าจะทำให้เป็นโรคหัวใจได้ง่าย<o:p></o:p>
    7.6 ซึมขึ้นมาทางมือ<o:p></o:p>
    วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นวิญญาณไม่ดีมาเองโดยซึมผ่านขึ้นมาทางมือมีอาการคล้ายชาแบบเหน็บกินมือเลื่อนขึ้นมา<o:p></o:p>
    หน้า228<o:p></o:p>
    เรื่อยๆแล้วจะพาให้ชาไปหมดทั้งตัว สุดท้ายควบคุมจนร่างหมดสติ วิญญาณก็จะทำงานตามใจชอบได้<o:p></o:p>
    7.7 ซึมขึ้นมาทางเท้า<o:p></o:p>
    วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นวิญญาณชั้นตํ่าจึงใช้วิธีซึมผ่านเท้าขึ้นมาแล้วค่อยชาเหมือนเหน็บกินเลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆจนชาหมดทั้งตัวและดับความรู้สึกลง<o:p></o:p>
    7.8 แฝงมาเป็นเงาตามตัว<o:p></o:p>
    วิธีนี้ส่วนมากวิญญาณจะอยู่ในลักษณะร่างไปไหนไปด้วย วิญญาณเกาะตามหลังไปตลอดเวลาเหมือนเงาตามตัว โดยส่วนมากจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรมาตามทวงหนี้ รอคอยจังหวะที่ร่างดวงตกบารมีเสื่อมจะได้กระทืบให้หกล้มใจแตก เพราะช่วงที่ร่างตกใจแวบหนึ่งวิญญาณก็จะแทรกผ่าน<o:p></o:p>
    แม้วิญญาณนี้จะไม่เข้าสิงแต่ก็จะคอยทำลายความสำเร็จของเรา ไม่ว่าทำอะไรมีแต่ฉิบหาย<o:p></o:p>
    หน้า229<o:p></o:p>

    7.9 กระแสพลังส่งมาจากแดนไกล<o:p></o:p>
    วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นภาวะวิญญาณที่ดีส่งอำนาจจิตฉายส่องมาเป็นลำแสง กระแสพลังดังแสงไฟพวยพุ่งส่องมาจากแดนไกลวิ่งมาเป็นทางยาวเข้าคลุมร่างนั้น คล้ายกับโทรจิตแต่วิธีนี้เรียกว่า พลังทิพย์โดยวิญญาณปล่อยพลังจิตเป็นพลังงาน สร้างอำนาจกระแสคลื่นมาบีบบังคับบัญชาให้เรากระทำตามสั่ง<o:p></o:p>
    ในการนี้วิญญาณอันแท้จริงไม่ได้มา แต่เป็นพลังทิพย์ส่งมาเข้าคลุมร่างเหมือนชาไปหมดทั้งตัว ร่างกายไม่สามารถกระดุกกระดิกเหมือนถูกกดบังคับไว้ มีอาการคล้ายครึ่งหลับครึ่งตื่น มีความรู้สึกระลึกรู้อยู่เพียงครึ่งหนึ่ง แต่ไม่สามารถสั่งการตัวเองให้ฝืนกับการกระทำได้ การพูดตอบปัญหาเหมือนกับพูดได้อัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องคิด ความรู้สึกตัวครึ่งๆนี้ ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในตนเอง<o:p></o:p>
    7.10 วิญญาณใหม่เบียดเบียนวิญญาณร่างเดิม<o:p></o:p>
    คนเราปกติที่ยังไม่ตายจะมีวิญญาณอยู่ในตัวคนเรา แต่เมื่อมีการเชิญวิญญาณมาหรือวิญญาณมาเข้าเองนั้น<o:p></o:p>
    หน้า230<o:p></o:p>
    วิธีเข้าทรงนี้วิญญาณที่มาจะใช้อำนาจพลังอันแข็งแกร่งแผ่คลุมกระแทกวิญญาณเก่าให้ไปอยู่ข้างๆ กายเนื้อทันทีแล้ววิญญาณใหม่นั้น ก็จะทำการอาศัยร่างพูดหรือทำงานต่อไป เมื่อหมดธุระแล้วก็จะถอยออกร่าง วิญญาณเดิมก็จะกลับคืนสู่ร่างอีกครั้งหนึ่ง
     
  4. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    เรื่องวิญญาณและการเข้าทรง
    เรียน คุณอโณทัย
    ดิฉันได้เข้ามาอ่านใน website ของคุณแล้วรู้สึกว่าได้รับคำแนะนำที่ดีมีเหตุผลและน่าเชื่อถือ จึงอยากจะขอปรึกษาใน
    เรื่องของร่างทรง เรื่องมีอยู่ว่า.........
    เมื่อประมาณเดือนที่แล้วน้องสาวของสามีดิฉัน อยู่ดีๆ ก็เกิดอาการคล้ายกับว่ามีวิญญานหรืออะไรสักอย่างเข้าร่าง คือ
    มีอาการเกร็งแล้วก็พูดจาเหมือนกับว่าไม่ใช่ตัวตนของเค้า (แต่ขอเล่าภูมิหลังคร่าวๆ ของผู้หญิงคนนี้ก่อนนะคะว่า........
    เค้าอายุประมาณ 25 ปี ค่อนข้างมีปัญหาทางจิต คือเป็นคนคิดมาก และระแวงตลอดเวลา ว่าจะมีคนมาทำร้าย สมัคร
    เข้าไปทำงานที่ไหนก็จะทำงานอยู่ได้ไม่นาน เพราะจะมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ในลักษณะที่ว่าเวลาเพื่อนร่วมงานไม่คุยกับเค้า
    หรือคุยกันเอง แต่ไม่คุยกับเค้า เค้าก็จะคิดว่าเพื่อนๆ กลุ่มนั้นคิดไม่ดีกับเค้า ไม่ชอบหน้าเค้า ทำให้เค้าไม่สามารถทำงานอยู่ที่ไหน
    นานๆ ได้ และผู้หญิงคนนี้เป็นคนขี้กลัวอย่างมากๆ กลัวไปทุกเรื่อง แต่ว่าเค้าแต่งงานแล้วมีสามีแล้ว แต่งงานตั้งแต่อายุประมาณ
    22 ปี)

     
  5. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    ขอเล่าต่อ และในที่สุดทุกคนในบ้านก็ลงความเห็นกันว่า ผู้หญิงคนนี้มีเจ้ามาเข้าร่าง ซึ่งเค้าบอกกับทุกคนว่าเค้าเป็น
    เจ้าแม่กวนอิม ในระหว่างที่เค้าบอกว่าเค้าเป็นเจ้าแม่กวนอิม เค้าจะทำท่า ยกมือขวาขึ้นนิ้วทั้งหมดชี้ขึ้นด้านบน นิ้วนางงอลง
    แล้วนิ้วก็จะเขียวเหมือนกับเลือดไม่เดิน เป็นอยู่อย่างนั้นสักระยะหนึ่ง
    แล้วก็กลายเป็นว่าคนในบ้านทุกคนก็เชื่อว่าเค้าคือร่างทรงของเจ้าแม่กวนอิม จริงๆ แล้วเค้าก็เริ่มแสดงปาฎิหาริย์ ไม่รู้
    ว่าจะเรียกปาฎิหาริย์ได้หรือเปล่านะคะ คือคนที่มานั่งเฝ้าเค้าก็คือญาติๆ ก็ถามคำถามว่ามาทำไม เค้าก็ตอบว่ามาช่วยร่าง แล้วก็
    ถามคำถามเกี่ยวกับตัวญาติเอง ประมาณว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร ทำอย่างไรถึงจะมีเงินใช้ ตอนนี้มีปัญหาอย่างนี้จะทำยังไง อะไร
    ประมาณนี้ (เหมือนดูดวง) แล้วเค้าก็จะตอบแบบประมาณว่าเป็นคำตอบที่น่าเชื่อ หรือทักในสิ่งที่คนทั่วไปไม่คิดว่าคนที่เป็นร่างจะรู้
    เลยทำให้ญาติๆ เชื่อกันไปใหญ่ และเหตุการณ์ในลักษณะนี้ก็เกิดขึ้นในช่วงเย็นของทุกวัน (คนที่เป็นร่างยังคงไปทำงานตามเวลา
    ปกติ แต่จะกลับมาเป็นร่างในช่วงเย็น)
    แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็กลายเป็นว่าคนที่มาเข้าร่าง ของร่างทรงคือแม่ (แม่ของร่างทรงตายไปแล้วและเป็นแม่ของสามี
    ดิฉันด้วย) และก็บอกให้คนมาตามสามีดิฉันไปพบ แต่สามีและดิฉันไม่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง และก็ได้ยืนยันไปว่าไม่ใช่
    หรอก ไม่ต้องมาทำท่าทางอย่างนี้ ซึ่งคนที่เป็นร่างก็พยายามพูดอะไรที่ผ่านมาแล้ว ก่อนที่แม่จะตายว่าสามีดิฉันเคยทำอย่างนั้น
    อย่างนี้ ซึ่งดิฉันและสามีก็ยังยืนยันอยู่ดีว่าไม่เชื่อหรอก และก็ไม่สนใจด้วย
    ซึ่งหลังจากนั้นก็กลายเป็นว่า ญาติๆ ของสามี พยายามพูดโน้มน้าวให้เราทั้ง 2 คน เชื่อให้ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง
    และพยายามทำให้เราทั้ง 2 คนเชื่อให้ได้ แต่ดิฉันและสามีก็ยังยืนยันในความเชื่อเดิมว่าไม่เชื่อ
    เรื่องยังไม่จบแค่นั้น ข่าวการเป็นร่างทรงแพร่กระจายออกไปในหมู่ญาติๆ กว้างขึ้น ญาติที่อยู่ที่อื่นเริ่มมาหา และก็เกิด
    เหตุการณ์ขึ้นอีก เมื่อญาติที่จะมาดูร่างทรง (คนที่เป็นน้องสาวแฟน) อยู่ๆ ก็เกิดอาการกลายเป็นร่างทรงแทน และบอกว่า
    วิญญาณที่มาเข้าร่างนี้คืออาผู้ชายของแฟนดิฉันซึ่งตายไปแล้ว มาและบอกว่าอยากให้ทำบุญไปให้ ตอนนี้วิญญาณของเค้าถูก
    ขังอยู่ในบ้าน (บ้านที่ดิฉันและแฟนอยู่) ออกไปใหนไม่ได้ เวลาพวกดิฉันกินข้าวเค้าเห็นแล้วก็อยากกินด้วย แต่ไม่มีใครเอาให้เค้า
    กิน (ซึ่งญาติของแฟนได้คุยกันว่าจะขอนิมนต์พระมาทำพิธีที่บ้านดิฉัน เพราะอาผู้ชายคนนี้ตายที่บ้านที่ดิฉันอยู่)
    เรื่องยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีก เมื่อทุกคนพยายามจะมาพาสามีดิฉันไปพบร่างทรงให้ได้ เพื่อให้เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งสามีก็
    ยืนยันคำเดิมว่าไม่ไป และไม่เชื่อ (ผู้หญิงคนที่เป็นร่างทรงคนนี้ ก็เคยมีอาการแปลกๆ และก็เป็นคนแปลกๆ คือเป็นคนที่มี
    ปัญหาชีวิต ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตเหมือนกัน) และในเย็นวันนั้น
    หลังจากที่ทุกอย่างกลับเป็นปกติ น้องสาวสามี (คนที่เป็นร่างคนแรก) ได้เดินผ่านหน้าบ้าน สามีดิฉันเรียกให้มาคุยกัน
    และบอกกับน้องว่า ให้ไปหาหมอเถอะ เพราะอาการที่เป็นนี้มันมากเกินไปแล้ว รีบไปพบจิตแพทย์ก่อนที่อะไรๆ มันจะสายเกินแก้
    น้องสาวแฟน ก็บอกว่าก็เพราะสามีไม่เชื่อ แล้วถ้าเค้าพูดในสิ่งที่แม่และสามีดิฉันรู้กันแค่สองคน สามีดิฉันจะเชื่อหรือไม่ พูดแค่
    นั้นน้องสาวสามีก็ทำตาเหลือกขึ้นมาทันทีแล้วก็บอกว่าตัวเองเป็นแม่ขึ้นมาทันที และบอกพูดว่าทำไมไม่เชื่อ พูดได้แค่นั้นสามี
    ดิฉันก็เลยตบหน้าน้องสาวไปหนึ่งที (สามีของน้องสาวยืนอยู่ด้วย) สามีน้องสาวแฟนก็ทำท่าจะเข้ามาชกแฟนดิฉัน ซึ่งตัว
    น้องสาวสามีก็รีบห้ามแฟนตัวเองใหญ่เลย โดยลืมตัวไปว่าเมื่อกี้ตัวเองยังเป็นแม่อยู่เลย และดิฉันก็ต้องรีบห้ามสามีเหมือนกัน
    เพราะไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายไปกันมากกว่านี้ และตอนนี้กลายเป็นว่าดิฉันและสามีกลายเป็นคนที่ไม่ปกติ ไม่ยอมเชื่อ
    ให้สิ่งที่ทุกคนเชื่อ ซึ่งดิฉันและสามีก็ได้พยายามบอกทุกคนแล้วว่า ใครจะเชื่อก็เชื่อไป ไม่ต้องมาพยายามให้เราเชื่อ เพราะ
    เราเชื่อว่าทุกชีวิตสามารถประสบความสำเร็จได้ก็ด้วยตัวของเราเอง แค่มีความรับผิดชอบไม่เอาเปรียบใคร แค่นี้ก็จะพบกับ
    ความสำเร็จได้
    คุณอโณทัยช่วยให้ความเห็นในเรื่องนี้หน่อยซิค่ะ ว่ามันเป็นไปได้มากน้อยแค่ใหน และจะแก้ไขความขัดแย้งใน
    เรื่องความเชื่อนี้ได้อย่างไร เพราะมันค่อนข้างรบกวนจิตใจ และทำลายความสัมพันธ์อันดีของคนรอบข้างพอสมควร
    ช่วยตอบให้ด้วยนะค่ะ เผื่อจะได้คลายความเครียดลงได้บ้าง ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    เปิ้ล
     
  6. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    ตอบ คุณเปิ้ล
    เรื่องของวิญญาณนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนครับ.....
    ถ้าคำถามนี้....ถามว่าการเข้าทรงมีจริงมั้ย....ผมตอบได้เลยว่า มีจริง และไม่มีจริง
    เริ่มต้นอย่างนี้นะครับ
    ร่างกายที่เราเห็นกันเป็นตัวตนอยู่นั้น วิทยาศาสตร์บอกว่า มีร่างกาย (ที่เราจับต้องได้...มองเห็นด้วยตาเปล่านี่แหละครับ)
    กับสมองที่มีหน้าที่ควบคุมร่างกาย ความรู้สึก และการทำงานของอวัยวะต่างๆ
    แต่ทางศาสนาพุทธ (และอาจจะมีศาสนาอื่นๆ ด้วย) บอกว่า นอกจากจะมีร่างกายที่จับต้องได้ ที่สามารถมองเห็นได้ด้วย
    ตาเปล่าแล้ว ยังมีอีกร่างหนึ่ง (ความจริงไม่ใช่ร่าง แต่เพื่ออธิบายให้ง่ายเข้า..ก็เลยไปก่อนว่าเป็นร่าง) ที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
    (ตาธรรมดา) และไม่สามารถจับต้องได้ (เนื่องจากมีความละเอียดมาก) เราเรียกว่า "กายทิพย์"
    เพราะฉะนั้น ร่างกายคนเราจึงมี 2 ส่วนประกอบกัน คือที่เป็นกายหยาบ (ที่สามารถจับต้องหรือมองเห็นได้) และที่เป็นกาย
    ทิพย์ (เป็นกายละเอียด จับต้องไม่ได้ มองด้วยตาธรรมดาไม่เห็น แต่มีพลังงาน) บางทีเราก็เรียกกายทิพย์นี้ว่า "จิต" หรือ "วิญญาณ"
    กายทิพย์จะซ้อนอยู่ในกายหยาบ
    กายทิพย์จะอยู่ (อย่างปรกติ) โดยไม่มีกายหยาบไม่ได้
    กายหยาบจะอยู่ (อย่างปรกติ) โดยไม่มีกายทิพย์ไม่ได้
    เพราะฉะนั้น กายหยาบและกายทิพย์ต้องพึ่งพาอาศัยกัน อยู่ด้วยกัน
    ร่างกายธรรมดา (กายหยาบ) จะมี กายทิพย์อยู่ด้วยกันเพียง 1 กายทิพย์เท่านั้น
    การเข้าทรง...จึงเท่ากับการที่มีอีก 1 กายทิพย์ (หรือจิต หรือวิญญาณ) ของคนอื่น หรือที่อื่นเข้ามาอาศัยด้วย หรือมาไล่
    กายทิพย์เดิมของเราออกไป กายทิพย์ หรือจิต หรือวิญญาณคนอื่นเข้ามาอยู่แทนที่
    จำไว้ให้ดีนะครับ...การเข้าทรง การประทับทรงนั้น หมายความว่า มีกายทิพย์ หรือจิตหรือวิญญาณอื่นมาอาศัยแทนที่
    เพราะฉะนั้น....กายหยาบจึงมีกายทิพย์ของคนอื่นอาศัย
    แน่นอน.....เมื่อไม่ใช่ของดั้งเดิมของตัวเอง กายหยาบของเรา แต่กายทิพย์ของคนอื่นเมื่อเวลานั้นเกิดขึ้น เราจึงไม่รู้สึกตัว
    ไม่รู้ว่าได้กระทำอะไรลงไป เพราะกายทิพย์ หรือจิต หรือวิญญาณไม่ใช่ของเรา
    การเข้าทรงจึงเกิดขึ้นได้หลายกรณี
    1.เข้าทรงจริง เกิดขึ้นจากกายทิพย์ หรือจิต หรือวิญญาณของบุคคลอื่น เขามาแทนที่กายทิพย์ของเรา
    กายทิพย์ หรือจิต หรือวิญญาณของบุคคลอื่นนั้น อาจจะเป็นเทพ ผี สัมภเวสี วิญญาณอื่นก็เป็นไปได้
    สังเกตได้ว่าเป็นกายทิพย์ หรือจิต หรือวิญญาณ ภพภูมิไหน ให้ดูจากปฏิกริยา ของกิน จุดประสงค์ของการมาเข้าทรง
    ถ้ามาจากภพภูมิที่ดี ปฏิกริยาจะสงบเสงี่ยมเรียบน้อยมากกว่า ของกินหรือของเซ่นสังเวยจะคาวหรือใช้เนื้อหนังมังสาน้อย
    หน่อย จนอาจจะไม่มีเลย จุดประสงค์ของการมา มาก็เพื่อช่วยเหลือคนอื่น มาเพื่อสอนสั่งให้คนทำดี มาเพื่อสร้างบุญกุศลที่เป็นความ
    ดีทั้งหลายทั้งปวง
     
  7. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    ถ้าภพภูมิต่ำหรือยิ่งต่ำลงไป จะสังเกตท่าทาง ทะลึ่งตึงตัง ไม่สุภาพ (คนละอย่างกับหึกเหิม)ของเซ่นสังเวยจะมีเลือดสดๆ
    ผสม ใช้ของคาวมาก และจุดประสงค์ก็เพื่อผลประโยชน์ ลาภ ยศ สรรเสริญ
    2.เข้าทรงไม่จริง เกิดได้ 2 กรณี
    สร้างขึ้นมาเอง บางทีด้วยความอยากได้อยากเป็นวิญญาณที่มีชื่อเสียง ก็สร้างตัวเองว่าเป็นวิญญาณที่มีชื่อเสียง
    องค์นั้นองค์นี้ เราจึงมักเห็น หลวงปู่ทวด รัชกาลที่ 5 เจ้าแม่กวนอิม กันเกลื่อนเมือง
    โดยเหตุผลว่าเป็นวิญญาณที่มีชื่อเสียง คนรู้จักและศรัทธากันมาก เลยขอยืมชื่อมาใช้ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง พวกนี้พอ
    จิตยึดชื่อเสียงของวิญญาณเหล่านี้แล้ว เลยสร้างภาพสร้างนิมิตรขึ้นมาเองว่า.....
    วิญญาณเหล่านั้นมาจริงๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าได้สร้าง "ความเป็นวิญญาณ" ขึ้นมาเอง โดยที่วิญญาณต่างๆ ไม่ได้มาจริงๆเลย
    แต่เพราะความศรัธา จึงสร้างขึ้นมาเองอย่างไม่รู้ตัว
    สร้างขึ้นมาเอง โดยรู้แก่ตัวดีเองว่า ไม่มีวิญญาณรูปไหนๆ มาเลย พวกนี้ไม่ได้ศรัทธาวิญญาณไม่ได้เชื่อ ไม่ได้นับถือ
    แต่โกหกขึ้นมา เพื่อหวังผลประโยชน์ พวกนี้ถือว่าเป็นพวกที่เลวทราม หลอกลวง ต้มตุ๋นชาวบ้าน
    ขอบเขตความสามารถของวิญญาณมีต่างกัน
    บางวิญญาณมีฤทธิ์ มีพลังงาน ในขอบเขตของตัวเอง
    อะไรที่สูงกว่าภูมิปัญญาของตัวเองก็มักไม่รู้
    ผมเน้นว่า.....เรื่องที่เราเห็นว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ เรื่องมหัศจรรย์ (รวมทั้งเรื่องการทำนายทายทัก)ของวิญญาณนั้น เป็นเรื่อง
    ธรรมดา ไม่ใช่เป็นเรื่องวิเศษมหัศจรรย์อะไรเลย
    เป็นเรื่องของอำนาจจิตธรรมดา ที่แสนจะธรรมดา
    มนุษย์ทุกคน...สามารถทำได้
    มนุษย์ทุกคน....สามารถมีพลังจิตเหล่านี้ได้

    อย่าไปตื่นเต้น...อย่าไปศรัทธาเกินความจำเป็น อย่าไปหลง อย่าไปงมงาย อย่าไปเชื่อมากไม่อย่างนั้น ก็จะเป็นเครื่องมือของ
    พวกวิญญาณ (หรือพวกที่หลอกลวง) ได้
    ย้ำนะครับว่า.....มนุษย์ทุกคน....สามารถมีพลังจิตเหล่านี้ได้
    เพราะฉะนั้นน้องสาวของสามีคุณ และญาติของร่างทรง แสดงอาการ แสดงอิทธิฤทธิ์ได้นั้น เป็นเรื่องเด็กๆ ครับ บางเรื่องก็
    เดาได้ บางเรื่องอาจรู้มาก่อน หรือถึงจะเป็นเรื่องอำนาจจิต..ก็เป็นเล็กน้อย ธรรมดามากๆ
    ไม่ได้วิเศษอะไรเลย
    ที่จริงคุณถามผมนิดเดียว (แต่ผมอธิบายซะยืดยาว) ว่า...จะแก้ความขัดแย้งเรื่องญาติพี่น้องได้อย่างไร ?
    ยากครับ....ตราบใดที่คนมีความเชื่ออย่างนั้น ศรัทธาอย่างนั้น ยากที่เราจะไปเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคนอื่นได้
    ตัวเค้าเองยังเปลี่ยนแปลงทัศนคติของเค้าเองยังไม่ได้ แล้วเราจะไปเปลี่ยนเค้าได้อย่างไรเล่าครับ
    ปล่อยไปเรื่อยๆ ครับ บาปและกรรมมีจริง ใครหลอกลวงไว้ กรรมก็ตามทันแน่นอนไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้าหรอกครับ....ชาตินี้
    ก็เห็นผลแล้ว
    ปล่อยไปเรื่อยๆ แต่ต้องดูอยู่ห่างๆ หมายความว่า จะเข้าทรงอะไรก็เข้าไป แต่อย่ามายุ่งกับเรา อย่ามารุกราน อย่ามาเกี่ยวข้อง
    หรือทำให้เราเดือดร้อน
    เราก็ไม่ต้องทำกิจกรรมร่วมกับเค้า เลี่ยงได้ก็เลี่ยง หลีกได้ก็หลีก
    เดี๋ยวเค้าก็จะรู้เองว่า เค้าไม่น่ามายุ่งกับเรา
    ส่วนในทางศาสนาพุทธนั้น สอนให้มีเมตตา
    เอาอย่างนี้นะครับ.....เราต้องสร้างความเข้าใจเป็นพื้นฐานของเราก่อนว่า พวกที่ชอบเรื่องเข้าทรงนี่เป็นพวกมีปัญหาทางจิต
    อาจจะขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง จิตอ่อน เชื่อง่าย เป็นพวกชอบงมงาย เชื่อโดยปราศจากเหตุผล พวกหวังผลประโยชน์ พวกโลภ พวก
    มีใจเป็นอกุศลพวกชอบคิดไม่ดีกับคนอื่นและกับตัวเอง
    น่าสงสารมั้ยครับ ?
    ถ้าน่าสงสาร....คุณกับสามีคุณก็ต้องมี "เมตตา"
    หมั่นแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล แผ่เมตตาให้คนเหล่านี้บ่อยๆ
    ด้วยใจที่เมตตาจริงๆ นะครับ อย่าแกล้ง
    แผ่เมตตาไปให้เค้าเรื่อยๆ ครับ ว่าขอให้มีความสุข ให้ได้พบกับธรรมะที่แท้จริง
    ทำบ่อยๆ ครับ....รับประกันได้เลยว่า....เหตุการณ์จะดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
    ไม่ลองก็ไม่รู้....นะครับ


    อโณทัย เขตต์บรรพต

    http://www.extrasoul.com/qold2.html
     
  8. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    เรื่องวิญญาณ (อีกแล้วครับท่าน)
    สวัสดีค่ะ คุณอโณทัย

    มีเรื่องอยากขอคำแนะนำค่ะ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 3 เดือนก่อน เพื่อนได้ชวนเล่นผีถ้วยแก้วที่หอพัก แต่เราใช้ดินสอเขียนแทนแก้ว
    ก็เล่นกันบ่อยเพราะมันดูไม่ค่อยหน้ากลัวเท่าไหร่
    จนดิฉันสามารถเล่นคนเดียวได้ คือพอจับดินสอแล้วมันก็ลากเขียนไปเอง
    หลังจากนั้นดิฉันก็รู้สึกไม่ค่อยสบายอยู่เหม่อลอย
    และอาการเริ่มเป็นหนัก คือดิฉันได้ยินเสียงคนพูดในใจ
    ทดสอบหลายครั้ง เพราะนึกว่าเป็นความนึกคิดของตัวเอง
    เช่น บางครั้งได้ยินในใจว่าเดี๋ยวฝนจะตกแล้ว สักพักฝนก็ตก
    ให้ทำให้น้องเค้าลงไปข้างล่างขณะที่เค้านอนอยู่
    สักพักน้องเค้าก็ลุกลี้ลุกลนเดินลงไป เป็นแบบนี้หลายครั้ง มือก็เริ่มสั่น โดยเฉพาะนิ้วชี้สั่นและเขียนสื่อสารกับดิฉันบ่อย
    มีอาการเพ้อพูดภาษาอะไรก็ไม่รู้ และมีลางสังหรณ์เกิดขึ้นหลายครั้ง
    คือตอนที่นั่งอ่านหนังสือใกล้เที่ยงคืน มีนกแสกบินมาเกาะที่ระเบียงห้อง ตัวมันก็ใหญ่ เสียงร้องของมันก็น่ากลัว ทำให้
    จิตใจหดหู่ และได้เห็นวิญญาณผู้หญิงชุดขาว ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยได้เห็นแบบนี้มานานแล้ว จึงเริ่มรู้สึกไม่ดี
    คืนนั้นจึงหยิบพระมาองค์นึงอธิษฐาน แล้วจับดินสอ ดินสอก็ลากไปเขียนว่า อย่าเชื่อในสิ่งที่เราไม่เห็น ตอนนี้ให้รีบกลับบ้าน
    ซะไม่งั้นจะตายใน 2 วัน
    คืนนั้นนอนไม่หลับทั้งคืนเลย ใจมันหวิวๆ ตัวมันลอยๆ เหมือนจิตจะหลุดออกจากร่าง
    รุ่งเช้าให้พ่อมารับ ขอเล่าโดยสรุปน่ะค่ะ ว่าได้ไปรักษาหลายที่มาก
    พระองค์นึงซึ่งเก่งนั่งทางใน และด้านสมุนไพรบอกว่าเราเป็นไข้หลับใน ถ้ามาไม่ทันกลับบ้านเก่าภายใน 2 วัน และทั้งโรง
    พยาบาล 2-3 แห่ง แพทย์จิตก็ไปหา
    แต่หมอเช็คร่างกาย เช็คฮอร์โมน ตรวจเลือด แล้วบอกว่าเราปกติดีไม่ได้เป็นโรคจิต ถ้าเป็นก็แปลกเพราะยังพูดจากับหมอได้
    ฉะฉาน
    จึงไปหาร่างทรง 3-4 ที่ ซึ่งแต่ละคนเป็นคนที่รู้จักกันทางพ่อบ้าง น้าบ้าง ไม่ไปหาสุ่มสี่สุ่มห้า กลัวโดนหลอก และตอน
    ทำพิธีทุกครั้งทั้งพ่อ แม่ ป้า น้าอยู่ด้วยตลอด เค้าก็บอกว่าโดนพวกรุ้งกินน้ำ ผีฟ้า เทพเทวา
    และมีตายายจะเอาเป็นร่างทรง บางร่างทรงก็บอกว่าโดนของ
    และที่บอกเหมือนกันทุกคนคือเราดวงตกมาก ฉุดไม่ขึ้น เราก็รักษาทั้งดาน ทั้งเชิญออก ทั้งกิน อาบ น้ำมนต์ก็ไม่หาย แต่ที่แปลก
    คือตอนที่เป็นดิฉันก็ไหว้พระสวดมนตร์
    ทั้งชินบัญชร ธัมมจักรกัปปวตนสูตร ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก บูชาเทพเคราะห์
    บางครั้งก็ได้ยินเสียงคนมาสวดด้วย ทั้งๆ ที่นั่งสวดคนเดียว
    ขณะที่สวดพอจิตเริ่มเป็นสมาธิ ก็เห็นภาพตัวเราใส่ชุดขาว นั่งลอยหน้าพระพุทธรูปใหญ่ รอบๆ ข้างมีพระสงฆ์สวดมนตร์
    เป็นแถวยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา
    ก็คิดว่าเรากำหนดจิตเป็นภาพแบบนี้ได้ไงเนี่ย และรู้สึกว่าฝ่ามือมีไอร้อนๆ อยู่ตลอดเวลา
    พอตอนนอนก็กระตุก เหมือนมีอะไรเข้าและออกจากร่างเรา จิตมันจะลอยๆ เหมือนมันจะหลุดจากร่าง
    และอีกอย่างที่พิสูจน์ได้คือตอนสอบเอนท์ ดิฉันนั่งทำข้อสอบแบบเติมคำตอบ
    คือคิดไม่ออกก็จะเดา ก็เดาว่าเป็น 650
    แต่ได้ยินเสียงเด็ก (เป็นเสียงที่ได้ยินในใจ) มาบอกว่า 500 อยู่หลายครั้ง แต่เราไม่เชื่อ
    สุดท้ายลองออกมาถามเพื่อนหลายคนก็บอกว่าตอบ 500
    พอรู้แล้วสับสนเลยค่ะ ว่าเราโดนอะไรกันเนี่ย จนวันที่ทำบุญบ้าน
    และย้ายศาลพระภูมิ (มีคนทักว่าตั้งผิดที่เพราะเงาบ้านทับ)
    และเพื่อนพ่อบอกให้ลองไปที่ตำหนักทรงแห่งหนึ่ง คนทรงเป็นผู้หญิงทำทุกอย่างแก้ของ ดูดวง แต่คิดแค่ค่า
    ดอกไม้ธูปเทียน 32 บาท คนเยอะมากต้องจองคิว
    ไปวันเดียวกับวันที่ดิฉันต้องไปดานวันแรก ซึ่งที่ดานนั้นดานกับไข่ออกมาเป็นก้อนเลือด น้ำมัน ผงสีดำ ไข่ก็เอา
    ไปเอง ยายที่ดานบอกว่าโดนของเยอะให้มาดานอีก
    พอไปที่ตำหนัก เค้าให้นั่งทำจิตให้สงบ แล้วอยากทำอะไรก็ทำ ดิฉันก็สั่น แล้วพูดออกมาเป็นภาษาอะไรไม่รู้
    เค้าก็พูดภาษานั้นโต้ตอบกับเราสลับกับภาษาไทย
    ทุกคนในที่นั้นงง รวมทั้งดิฉันซึ่งยังสติดีอยู่ แต่บังคับตัวเองไม่ได้
    สุดท้ายปู่ทรงก็อาบน้ำมนตร์เหมือนล้างของในตัว แล้วให้เอามะกรูดไปโยนทะเล
    แล้วก็ใส่สายสิญจน์กันให้ทั้งคอ และข้อมือทั้งสองข้าง
    แล้วปู่ทรงก็บอกว่าที่ดิฉันได้พูดไปนั้นเป็นภาษาเทพ
    ดิฉันเป็นร่างเปิดจึงมีเทพ 2 องค์ซึ่งเป็นกึ่งเทพกึ่งอสูรจะเอาเป็นร่างทรง
    และมีกุมารทองอีกองค์ ซึ่งตามมาตั้งแต่เกิด (ปู่บอกว่าถ้าทำข้อสอบไม่ได้ก็ให้เค้าช่วย มันก็ตรงกับเหตุการณ์ที่ดิฉันโดน
    มาก่อน)
    ที่แปลก กุมารทองพูดภาษาเทพได้ด้วย ปู่ทรงบอกว่าดิฉันมีหูทิพย์ ตาทิพย์ และกายทิพย์ ซึ่งเข้าออกร่างได้ง่าย
    ปู่ทรงบอกว่าอนาคตดิฉันมีแนวโน้มที่จะเป็นร่างทรง
    ตอนนี้ชีวิตฉันไม่ขึ้นอยู่กับดวงชะตาแล้วขึ้นอยู่กับเทพ 2 องค์นั้น
    เช่น ถ้าดวงดิฉันมีสิทธิได้เรียนต่อ แต่เค้าไม่ให้เรียนก็เรียนไม่ได้
    แต่ถ้าดิฉันไม่มีดวงเค้าก็ยัดดวงให้ได้
    และที่น่าแปลกที่สุด ปู่ยังรู้ด้วยว่าดิฉันไปหาหมอจิตมา หาใครมาบ้าง
    สุดท้ายปู่ก็ครอบเศียรปู่ให้ แล้วบอกว่าให้ยึดมั่นในพระพุทธคุณ เพราะไม่มีสิ่งใดเหนืออำนาจแห่งพระพุทธคุณไปได้
    และตอนนี้ดิฉันก็ค่อนข้างหายดีแล้ว แต่ยังมีกระตุกบ้าง
    ยังเจ็บตามข้อบ้าง (ปู่บอกว่าเป็นการสื่อสารว่าเทพยังอยู่น่ะ)
    ที่ดิฉันอยากถามคือ มันจะเป็นไปได้หรือค่ะที่ดิฉันจะมีหูทิพย์ ตาทิพย์ และกายทิพย์
    ทั้งๆ ที่ดิฉันไม่ได้ฝึกสมาธิ และไม่ได้ฝึกอะไรที่มันทำให้มีพวกนี้ได้
    อีกอย่าง หลายคนที่บอกว่าคนที่ไปดูร่างทรงพวกนี้ เป็นพวกที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง
    แต่เหตการณ์หลายๆ อย่าง ที่ปู่ได้ไขข้อข้องใจของดิฉัน มันทำให้ฉันเชื่อเรื่องพวกนี้
    คุณอโณทัยคิดยังงัย แล้วมีคำแนะนำดีๆยังไงบ้างค่ะ
    ระริน
     
  9. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    ตอบคุณระริน
    เรื่องของเรื่องก็คือ คุณเอาตัวเองไปเกี่ยวข้องกับวิญญาณเองตั้งแต่แรก
    คนที่เอาตัวเองไปผูกพันกับวิญญาณเกินขอบเขต..ไม่เคยมีชีวิตที่ดี
    อ่านตรงนี้...ให้ดีๆ นะครับ
    คนที่เอาตัวเองไปผูกพันกับวิญญาณเกินขอบเขต..ไม่เคยมีชีวิตที่ดี
    คุณจะไปรักษาที่ไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ...เพราะ "ใจ" ของคุณเองต่างหากที่ไปยอมรับนับถือเหล่าวิญญาณต่างๆ
    เป็นคนจุดฉนวนยอมรับเรื่องของ "วิญญาณ" ก่อน...เริ่มตั้งแต่ไปเล่นผีถ้วยแก้ว
    แล้วในส่วนหนึ่งของตัวคุณ...ก็มีความผูกพันเกี่ยวข้องกับวิญญาณอยู่แล้ว
    มี E.S.P หรือประสาทสัมผัสพิเศษเกี่ยวกับวิญญาณอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว
    พอตัวเองเป็นคนเริ่มต้นสนใจเรื่องวิญญาณ....วิญญาณก็หันมาสนใจคุณบ้าง...
    จาก 1 เป็น 2 แล้วก็ 3 4 5 6 เรื่อยๆ
    เท่ากับว่าคุณเปิดสถานีรับพวก "วิญญาณ" เอง
    การเห็น การพบวิญญาณเป็นเรื่อง "ปรกติ" ใครๆ ก็สามารถเห็นได้
    การรู้เรื่องราวที่เราเคยไปทำอะไรต่อมิอะไรมาในอดีต ก็ไม่เป็นเรื่องแปลก....วิญญาณ ผี มนุษย์ เทวดา ยักษ์ พรหม พระ
    อรหันต์ก็ทำได้
    แต่คำว่า "ทำได้" นั้นมีขอบเขตที่ต่างกัน
    อยู่ที่ "จิต" และ "ความบริสุทธิ์ของจิต" ที่แตกต่างกัน
    ยิ่ง "บริสุทธิ์" มาก ก็จะมี "การรู้" เรื่องราวทั้งในอดีต และอนาคตมาก
    ร่างทรงที่มีวิญญาณก็รู้เรื่องราวที่เราเคยทำมาได้
    พวกนี้เป็นแค่ "อำนาจจิต" มีขอบเขตและความสามารถนิดเดียว
    เพราะฉะนั้นอย่าไปตื่นเต้นหรือตกอกตกใจมากนัก
    อย่ามองว่าเป็นคนเก่งหรือคนวิเศษ.......ผีเปรตที่ไหนก็ทำได้
    อย่าไปหลงครับ
    ที่คุณบอกว่าไปรักษาหลายที่มาก แต่ไม่หาย
    จะไปหายได้ยังงัยล่ะครับ...
    ก็คุณไม่ได้รักษา "จิต" คุณเองเลยนี่ครับ
    มัวแต่ให้คนอื่นรักษา...แต่ตัวเองไม่รักษาตัวเองก่อน
    ที่คุณบอกว่าได้หูทิพย์ ตาทิพย์ นั้น เพ้อเจ้อครับ
    คุณแค่รู้อะไรมากกว่าคนอื่นได้นิดหน่อย แล้วเหมาเอาว่าเป็นหูทิพย์ ตาทิพย์ นั้น ไม่ใช่แน่
    แค่ได้อะไรมากมายกว่าคนอื่น...เพียงแค่นี้อย่าทึกทักว่าเป็น "มนุษย์วิเศษ"
    คุณกำลังโดนวิญญาณมันหลอกเอาไว้ใช้น่ะครับ
    หลอกให้เห็นว่าอยู่กับมัน....จะได้หูทิพย์ ตาทิพย์ หรือเป็นผู้วิเศษ
    จำเอาไว้ว่า...พวกวิญญาณต้องอาศัยมนุษย์ในการกระทำกิจต่างๆ
    (พอๆ กับมนุษย์ก็ต้องอาศัยวิญญาณในการทำกิจบางอย่างเช่นกัน แต่จะเป็นวิญญาณที่มี "ระดับ" ขึ้นมาหน่อย อย่างเทวดา
    หรือพรหม หรือวิญญาณที่มีจิตที่ดี)
    ชีวิตคุณไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิญญาณอะไรนั่นหรอก...อย่าเพ้อเจ้อเหลวไหล
    ชีวิตคุณขึ้นอยู่กับ "กรรม" ที่ได้เคยกระทำไว้ต่างหาก

    ทางแก้ที่ดีที่สุดต้องอยู่ที่ "จิต" ของคุณเอง
    คุณต้องตั้งมั่น "จิต" ให้ดี (ถ้าอยากหายเป็นคนปรกติ)
    ถ้าคุณไม่ยอมรับ "พวกวิญญาณ" ซะอย่าง....ใครจะมาบังคับคุณได้
    เริ่มต้นจากบังคับ "จิต" ของคุณก่อน
    บังคับ "จิต" ว่า ต่อจากนี้จะไม่สนใจ "พวกวิญญาณ" ที่มารบกวนคุณอีก
    ไม่ว่าพวกมันจะทำอะไรคุณก็ตาม...คุณจะไม่เชื่อ ไม่หลงใหล ไม่ยอมรับในสิ่งที่พวกวิญญาณเอามาหลอกล่อ
    เช่น มาให้เห็นโน่นเห็นนี่ ให้พูดภาษาบ้าๆ บอๆ ให้ทายโน่นทายนี่ ให้ปากคุณศักดิ์สิทธิ์
    ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าทำได้...ก็ต้องหาพยาน...
    ใช้วิธีนี้...
    คุณเอาดอกไม้ธูปเทียนไปกราบพระที่หิ้งพระ...หรือกลัวว่าจะเล็กไป....ไปที่วัดเลย ไปหาพระประธานที่องค์ใหญ่ๆ
    ไปกราบท่าน..ตั้งสัจจะอธิษฐานไปเลยว่า....
    ต่อไปนี้..จะเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี....จะทำตัวเป็นชาวพุทธที่ดี
    จะเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า..ตามอัตภาพ
    จะตั้งใจรักษาศีลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
    จะเป็นคนดี...ช่วยเหลือสังคม และจะบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญต่อๆ ไป
    เมื่อข้าพเจ้า (ชื่อคุณนั่นแหละ) ตั้งใจมั่นดังนี้แล้ว ขอบารมีของพระพุทธองค์ที่เป็นบุคลประเสริฐยิ่งกว่าบุคคลใด ขอบารมี
    พระธรรมซึ่งเป็นความจริงที่ไม่เคยบิดเบือนในทุกสภาวะ ขอบารมีของพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นผู้ประเสริฐ ขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    ทั้งหลายไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใด ถึงเวลาที่ท่านจะช่วยสงเคราะห์ข้าพเจ้า (ชื่อคุณ) แล้ว
    ขอได้โปรดมาช่วยเหลือข้าพเจ้า (ชื่อคุณ) คุ้มครอง ปกป้อง ข้าพเจ้า (ชื่อคุณ) จากสิ่งที่ไม่หวังดี และเภทภัยต่างๆ และขอ
    เป็นบารมี..เพื่อให้ข้าพเจ้ามีสติ มีสมาธิ มีปัญญา มีพลังงานที่เข็มแข็ง เป็นตัวของตัวเอง

    เสร็จแล้วคุณก็ต้องให้สัจจะนะครับว่า..คุณจะอะไรถวายท่านเป็นการตอบแทน เช่น ตั้งสัจจะว่าจะทานอาหารมังสวิรัตวันไหน
    กี่วัน (กำหนดเอง)
    หรือทำอะไรก็ได้ที่ดูแล้วว่า..น่าจะเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ (ดูบทความเรื่องทำบุญกุศลอะไรถึงจะได้อานิสงส์สูงสุด ในเวบนี้
    ได้ครับ)
    นี่คือการสร้างขวัญและกำลังใจอย่างดี
    ข้อสุดท้ายก็ต้องมี "พลังงาน" ป้องกันบ้าง
    คือหา "พลังงาน" จากพระ...(พระเครื่องก็ได้) วัตถุมงคลอะไรก็ได้ติดตัวไว้บ้าง
    ที่ต้องให้หา "พลังงาน" มาป้องกัน เพราะตอนนี้ "พลังงาน" จากตัวคุณ หรือจากจิตของคุณอ่อนเต็มที เลยต้องหา "แรงเสริม" มาช่วย
    ถ้าไม่มีจริงๆ บอกมานะครับ....จะหาให้
    ลองทำดูนะครับ...ติดขัดตรงไหน....โทรมาถามก็ได้
    จะช่วยเท่าที่จะช่วยได้นะครับ

    อโณทัย เขตต์บรรพต
     
  10. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    อยากเจอคนรัก....ที่จากไป
    สวัสดีครับ คุณอโณทัย

    ผมมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับบางอย่าง ที่อยากจะให้ท่านช่วยให้คำแนะนำบ้างครับ
    คือว่าแฟนของผมเขาเพิ่งจะเสีย โดยอุบัติเหตุทางรถยนต์
    นั่นก็คือรถยนต์ชนเสาไฟฟ้าครับ ซึ่งผมก็เป็นคนขับเอง แต่ว่าผมไม่เป็นอะไรเลย เพราะผมรัด
    เข็มขัดนิรภัยครับ แต่ว่าแฟนผมเขาไม่ยอมรัด
    ทำให้ศีรษะของเขากระแทกกับหน้ารถเต็มที่ สมองเลยได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง
    ในตอนแรกผมก็ยังดีใจที่น้องเขาไม่เป็นอะไร ก็ยังคุยกับผมดี ๆ อยู่
    ผมก็ถามว่าโกรธพี่ไหมที่พาไปเกิดอุบัติเหตุแล้วต้องเป็นอย่างนี้เพราะพี่
    น้องเขาก็บอกว่าไม่โกรธหรอก แล้วผมก็บอกให้นอนหลับไปก่อน
    เดี๋ยวรออีกซักครู่ก็จะมีคนมาช่วยเอง น้องเขาก็ค่อย ๆ หลับไปคาอ้อมกอดผม
    เมื่อตอนที่หลับไปสนิทแล้ว ผมก็ได้ยินเสียง "ครอก" จากน้องเขา
    แล้วเลือดก็เริ่มออกตามศีรษะของน้องเขา ผมยอมรับว่าใจเสียเลยในตอนนั้น
    พยายามตะโกนเรียกชื่อของน้องเขาไม่ให้หลับ พยายามทุก ๆ อย่าง แต่ก็ไม่ได้ผล
    สุดท้ายน้องเขาก็ไปเสียที่โรงพยาบาล คือว่าหมดสติตอนที่อยู่บนรถ แต่หัวใจไปหยุดเต้นที่โรง
    พยาบาลครับ
    แล้วที่อยู่ในช่วงจัดงานศพอยู่นั้น ผมจะได้กลิ่นแก้มของน้องเขาทุกวันเลย (ก่อนที่จะถอดเครื่อง
    ช่วยหายใจออก ผมได้หอมแก้มน้องเขาทีหนึ่ง เลยทำให้จำกลิ่นได้ครับ)
    พอเลยวันทำบุญร้อยวันไปแล้ว ผมก็ยังได้กลิ่นอยู่อีก
    ผมเลยนำเรื่องนี้ไปปรึกษาผู้รู้ท่านหนึ่ง
    เขาก็แนะนำให้ผมลองหัดนั่งสมาธิดู แล้ววันหนึ่งอาจจะได้เจอ ผมก็เลยทำตาม
    แล้วในระหว่างที่ผมนั่งสมาธิในวันหนึ่งนั้น ผมก็ได้เห็นน้องเขายืนอยู่ข้างหน้าผม
    ทำให้ผมมั่นใจว่าน้องเขายังไม่ได้ไปไหนครับ แต่ก็เห็นได้ทีเดียวเท่านั้น
    ผมเคยนำเอาวันเดือนปีเกิดของน้องเขาไปให้หมอดูดู
    เขาก็บอกว่าแฟนของผมตอนนี้เขาไปเกิดเป็นกึ่งเทพ (คือว่าสูงกว่ามนุษย์แต่ว่าต่ำกว่าเทพครับ)
    ที่ผมได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดมาให้ท่านได้อ่านดูนั้น
    ก็เพราะผมมีปัญหาอยากจะเรียนถามว่า ทำยังไงผมถึงจะติดต่อกับแฟนผมได้ครับ
    ทุกวันนี้ผมจะสวดมนต์ให้แฟนทุกวันเลยครับ
    กรุณาแนะนำทางที่ถูกต้องให้ผมด้วย
    เนื้อความใน mail ฉบับนี้อาจจะดูสับสนไปบ้าง ต้องขออภัยอย่างสูงนะครับ
    เอก
     
  11. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    ตอบคุณเอก
    ก่อนอื่นผมขอแดงความเสียใจกับคุณด้วย ที่ได้สูญเสียคนที่คุณรักไป
    ทีนี้ก็มาว่าเรื่องของคุณ....
    ที่คุณถามว่าจะให้ผมแนะนำวิธีการติดต่อกับน้องของคุณให้นั้น
    ผมว่าคุณก็แปลก...
    แปลกข้อแรกก็คือ....คุณจะติดต่อไปทำไมล่ะครับ...เพื่ออะไร ?
    ถามใจตัวเองตรงนี้ก่อนว่า..เพื่ออะไร ?
    เข้าใจครับ..ว่าคุณรักของคุณ อยากคุยอยากเจอ เหมือนตอนที่ยังอยู่ด้วยกัน
    แต่เจอเพื่ออะไร ? อยากพูดคุยกันเป็นปรกติหรือ ?
    แล้วคุณจะแค่พูดคุย...เพียงแค่นั้นหรือ...
    พอคุยแล้ว...คุณก็อาจจะอยากได้สัมผัสอีก
    อยากได้เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ตามความ "อยาก"
    ผมจะบอกอะไรให้อย่าง..บางทีหลายคนอาจจะไม่รู้
    การที่วิญญาณจะมาปรากฏร่างให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นในภวังค์ ในความฝัน หรือในความเป็นจริง
    (เห็นจริงๆ) นั้น
    วิญญาณต้องใช้ "พลังงาน" มากพอสมควร
    แบบว่าต้องรวม "พลัง" เพื่อปรากฏให้เห็น
    (นี่พูดถึงวิญญาณที่ธรรมดาๆ นะครับ เว้นแต่วิญญาณที่มี "พลังงาน" สูงๆ ที่สามารถทำได้โดย
    ไม่ต้องเสีย "พลังงาน" มากนัก")
    คุณคิดดู...ถ้าน้องของคุณไม่มี "พลังงาน" มากนัก มาปรากฏตัว (หรือคุณจะเห็นน้องเค้า...น้อง
    เค้าก็ต้องปรับ "พลังงาน" มาให้ตรงกับคลื่นของคุณด้วย) บ่อยๆ
    เค้าจะเหนื่อยแค่ไหนกับการมาให้คุณเห็น
    แปลกข้อที่ 2 ก็คือ
    คุณย้ำตั้ง 2 ครั้งว่า...
    มี "ผู้รู้" ตั้ง 2 คน
    คนรกก็คือวันที่คุณทำบุญร้อยวัน
    คนที่ 2 ก็คือคนที่คุณเอาวันเดือนปีเกิดไปให้เค้าดู
    ก็มีผู้รู้ตั้ง 2 คนแล้ว...ทำไมไม่ให้เค้าช่วยคุณล่ะครับ
    ไม่เห็นต้องมาเดือดร้อนถึงผมเลย

    การอยากเห็นหรืออยากติดต่อ "วิญญาณ" ต้องมีสาเหตุและความจำเป็นครับ
    อย่าไปอยากเห็นสุ่มสี่สุ่มห้า...หรือหาเรื่องไม่เป็นเรื่องเข้าตัว
    ต้องมีสาเหตุ...มีความจำเป็นจริงๆ
    แนะนำง่ายๆ ก็คือ "ปฏิบัติ" มากๆ
    เช่น การทำสมาธิ (ซึ่งหารายละเอียดได้ในเวบนี้ ในหัวข้อ การทำสมาธิอย่างง่ายๆ)
    เมื่อจิตเป็นสมาธิ...ก็จะมีการจัดระเบียบคลื่นสมองเอง
    เมื่อคลื่นสมองสงบ...คุณก็จะรู้เอง เห็นเอง
    แต่ต้องจำเอาไว้อย่างนึงว่า
    "อย่าทำสมาธิ เพราะต้องการเห็นวิญญาณ"
    ถ้าคิดอย่างนี้..ก็จะไม่มีทางได้ในสิ่งที่คุณต้องการ
    ทุกอย่างต้องปล่อยไปตามความเป็นธรรมชาติ
    อย่า "อยาก" อย่า "ดิ้นรน"
    ไม่อยากก็จะได้เอง

    พูดอย่างนี้อย่าเพิ่งง...ลองทำดูก่อน...
    แล้วคุณจะหายงง
    (ผมลบชื่อและนามสกุลของคุณกับแฟนออก เพื่อไม่ให้คนอื่นได้ทราบ...)
    อโณทัย เขตต์บรรพต
     
  12. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    ภาษาเทพ ภาษาพรหม
    เรียน คุณอโณทัย
    ผมขอความกรุณาขอความรู้เรื่องของภาษาเทพ หรือบางทีก็เรียกว่าภาษาคูโบส ว่าคืออะไร เป็นภาษาของใคร มีจริงหรือไม่
    ถ้ามีจะทำความเข้าใจในสิ่งที่ได้ยินนั้นได้อย่างไร
    ที่เรียนถามเรื่องนี้ก็เพราะมีบ่อยครั้งที่ได้เห็นการที่มีพลังงานหรือจิตวิญญาณอื่นมาใช้ร่างของคนที่เรารู้จัก แล้วจะพูดภาษา
    ที่ฟังไม่เข้าใจ ต้องขอให้พยายามพูดในภาษาไทย
    ซึ่งบางครั้งก็พูดได้บ้างแต่ไม่ชัดเจนนัก แล้วก็กลับไปพูดภาษาแบบเดิมอีก
    กรณีที่เรียนถามนี้ยืนยันได้ว่าไม่ใช่เรื่องแกล้งทำ แต่เป็นกรณีที่มักจะเกิดขึ้นเอง โดยคนที่ถูกใช้ร่างก็ไม่ได้รู้ตัวมาก่อน
    ขอความกรุณาคุณอโณทัย ช่วยให้ความสว่างในเรื่องนี้ด้วยจะเป็นพระคุณยิ่งครับ

    ทิวา

    ตอบคุณทิวา
    ผมได้รับคำถามเกี่ยวกับเรื่องภาษาเทพ-ภาษาพรหมจากคนที่รู้จักหลายต่อหลายคนมากมายหลายคำถาม เช่น......
    ภาษาเทพ-ภาษาพรหม มีจริงหรือไม่ ?
    ภาษาเทพ-ภาษาพรหม มีความหมายอย่างไรเวลาที่มีการพูด
    ภาษาเทพ-ภาษาพรหม ใครที่สามารถพูดได้

    ถามกันมากมาย...ทำยังกับว่าผมเป็นเทพเป็นพรหมทื่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้
    เรียนให้ทราบจริงๅ ว่า ไม่มีความเชี่ยวชาญปานนั้น
    แต่..ก็พอมีความรู้ และเคยมีประสบการณ์มาบ้าง
    เอาจากเริ่มต้นก่อนว่า .........
    บางตำราบางครูบาอาจารย์ท่านว่า ภาษาเทพ เรียกว่าภาษากูต๊าบ ภาษาพรหม เรียกว่าภาษากูโบส (พยางค์ที่เรียกว่า กู.....
    อาจออกเสียงว่า คู ตามรากศัพท์เดิม)
    สมัยที่เรียนวิชาภาษาบาลีในมหาวิทยาลัย......อาจารย์สอนว่า
    ภาษาบาลีใช้พูดใช้สื่อสารกันทั่วไป ชาวบ้านชาวช่องก็ใช้
    ถ้าจะจารึกเป็นคัมภีร์ หรือเป็นตำรา หรือให้รู้ว่าเป็นภาษาทางการ ให้ดูสูงขึ้น ก็จะใช้ภาษาสันสกฤต
    ความจริงทั้งบาลีและสันสกฤตก็มีความหมาย...รูปแบบ...ไม่ต่างจากกันเท่าไหร่นัก
    ภาษากูต๊าบกับกูโบส ก็เป็นภาษาโบราณ
    ถ้ากูต๊าบใช้กับเทพ ก็คงเป็นเทวดาธรรมดา แบบทั่วๆ ไป (เหมือนบาลี) กูโบสก็น่าจะใช้กับพรหม ซึ่งมี "ภาวะจิต"
    ที่สูงกว่า "เทพ" (เปรียบเหมือนภาษาสันสกฤต)
    แต่ผมก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนกำหนดว่า กูต๊าบกับกูโบสเป็นภาษาเทพ-ภาษาพรหม
    หรือใครที่มีองค์ (แบบมีวิญญาณระดับเทพมาลงทรง) ต้องพูดภาษาเทพ-ภาษาพรหม
    ผมว่า "ภาษามั่ว" ซะมากกว่า
    หมายความว่าคนที่ (อ้าง) ว่ามีเทพมีพรหมมาลงนั้นพูดภาษามั่ว ไม่ได้หมายความว่าภาษาของเทพของพรหมนั้นมั่วนะครับ
    แต่เท่าที่เคยเห็นมา...ก็มีจริงนะครับ..ไม่ใช่ไม่มี
    แต่น้อยมาก
    ประเภทที่หลอกเอา "ค่าครู" จากคนที่มาหาน่ะ....
    พวกนี้เทพ-พรหมท่านไม่มายุ่งกับมนุษย์ขี้เหม็นที่มีกิเลสล้วนๆ เหล่านี้หรอกครับ
    ถ้าจิตไม่บริสุทธิ์พอ
    แกล้งทำเป็นพูดภาษาแขก หรืออะไรก็ได้ฟังแล้วแปลกๆ ให้ดูขลังๆ เพื่อเรียก "ศรัทธา"
    จริงๆ แล้ว...ถ้าเทพ-พรหมมาจริง จะมานั่งพูดภาษาอื่นทำไมล่ะ ? ขี้เกียจแปล
    จะมาหามนุษย์ จะมาคุยกันแบบไม่รู้เรื่องทำไม คุยภาษามนุษย์ดีที่สุด
    สื่อสารได้ง่ายที่สุด....ใช่มั้ยครับ ?
    ระดับดวงจิตเป็นเทพเป็นพรหมนั้น...แค่แปลภาษามาสื่อสารเป็นภาษามนุษย์..ถ้าแปลไม่ได้...จะมาช่วยอะไรมนุษย์ได้
    อย่างไรล่ะครับ
    เพราะฉะนั้น สันนิษฐานเอาไว้ก่อนเลยว่า.....
    พวกร่างทรงที่จัดตั้งสำนัก เพื่อมีอามิสหรือลาภ สักการะ นั้น เชื่อเอาไว้ก่อนเลยว่า "ไม่จริง"
    แต่เรื่องของภาษาเทพหรือพรหมนั้นมีจริง
    แต่จะเรียกว่า ภาษากูต๊าบ-กูโบส หรือเปล่านั้น ผมไม่ยืนยัน
    เพราะผมเคยฝึกเคยพูดเคยทำ......เพียงเพื่อ "อยากรู้"
    พอรู้แล้วว่ามีจริง....ก็พอแล้ว

    ไม่สนใจอีกเลย...เพราะ "ไม่มีประโยชน์" สำหรับผม หรือคนอื่นเลย
    เอาไปติดต่องานก็ไม่ได้
    เอาไปสอนใครก็ไมใด้
    ยากก็ยาก
    แล้ว...ไม่ใช่ภาษาของเราด้วย
    แต่อย่างที่บอก....เพราะความอยากรู้ จึงอยากลอง
    คนที่ทำการฝึกให้นั้น คือ "อาจารย์แสงอรุณกุศล" อดีตเจ้าอาวาสวัดธารน้ำตกหลังเหว ต.ซับสนุ่น ปากช่อง นครราชสีมา
    ส่วนเรื่องความหมายนั้น..ถ้าเป็นของจริงมีแน่ครับ
    แต่เท่าที่ผมมีประสบการณ์.....พูดออกมาไม่ได้รู้ความหมายทุกคำทุกพยางค์หรอกครับ
    รู้เป็นความหมายใหญ่ๆ ความหมายรวมๆ
    ท่านอื่น (ที่เป็นของจริง) อาจจะรู้ทุกคำทุกพยางค์ก็ได้ครับ ผมเป็นเพียง "ผู้ฝึกหัด" จึงรู้ได้ในขอบเขตที่จำกัด
    ที่คุณทิวา...เขียนมาในตอนท้ายว่า ".....กรณีที่เรียนถามนี้ยืนยันได้ว่าไม่ใช่เรื่องแกล้งทำ แต่เป็นกรณีที่มักจะเกิดขึ้นเอง
    โดยคนที่ถูกใช้ร่างก็ไม่ได้รู้ตัวมาก่อน....."
    บางทีนะครับ (บางคนด้วย) ไม่ได้แกล้งทำ แต่ถูก "สะกดจิต" ทั้งจากตนเองและสิ่งอื่น
    ถ้าถูกสะกดจิตจากตัวเองนี่น่ากลัว เพราะกระทำลงไปแบบไม่รู้ตัว ไม่มีสติ
    แล้วเราเองจะไปรู้ได้อย่างไรครับว่า....ใครแกล้งทำหรือของจริง
    อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น....เพราะสิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นของจริง
    บนความจริง...ก็มีความหลอกลวง
    ผมเคยเจอบ่อย....ประเภทมาพูดภาษาแปลกๆ กับผม (บอกซะด้วยว่าเป็นภาษาเทพ) จนรำคาญ ต้องปรามๆ ไปว่า....
    "ถ้าลำบากก็พูดภาษาคนเถอะ...."
    แต่........
    ที่เคยเจอ "ของจริง" ก็หลายท่าน
    โดยมากเป็น "งานพิธี" ที่สำคัญ....เกี่ยวข้องกับ "ศาสนา"
    มีผู้หลักผู้ใหญ่มาในงานมากมาย
    "ของจริง" ฟังแล้วสะท้านใจครับ
    ใครที่เคยโดนไฟดูดไฟชอร์ต.....จะรู้ว่าอาการเป็นอย่างไร ??
    นั่นแหละครับ..อาการของ "ของจริง"

    อโณทัย เขตต์บรรพต
     
  13. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130

    ปฏิบัติดี มีศีล ไม่ลบหลู่ดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วิญญาณไม่มีทางเข้าทรงเข้าสิงได้ จะเข้าทรงได้ก็ต่อเมื่อเจ้าของร่างอนุญาติ หรือวิญญาณที่เป็นเทพชั้นสูงต้องการใช้ร่างเราโปรดสรรพสัตว์ ช่วยเหลือมนุษย์ นะจ๊ะ
     
  14. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    วิชชาเรียกดวงวิญญาณมาเจรจาไถ่ถอนกรรม


    วิชชานี้เกิดขึ้นโดยฆราวาสผู้หนึ่ง ท่านจะให้นั่งสมาธิแล้วสวดบทสวดมนต์
    บทหนึ่ง สวดไปสักพัก ดวงวิญญาณจะมาเข้าร่างคนที่นั่งสมาธิมากมาย
    และได้มาเล่าเรื่องราวที่ผูกพันกันในอดีตชาติ เช่น โกรธแค้นเป็นเจ้ากรรม
    นายเวร หรือรักกันมากในอดีตชาติ เป็นต้น


    ฆราวาสท่านนี้จะใช้การเจรจาไกล่เกลี่ยให้ยอมความขณะวิญญาณนั้นมาเข้าร่าง
    ปัจจุบันเปิดรับผู้ปฏิบัติธรรมลักษณะนี้ ที่ อ. ไทรน้อย จ. อยุธยา ทุกกลางเดือน
     
  15. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    ธรรมดาพินิจเล่ห์มนุษย์ด้วยกันยังแสนยาก ทั้งที่มีกายเนื้อให้พิเคราะห์ถึงการกระทำและปัจจัยอื่นๆ อันสามารถมองเห็นได้ด้วยตานอกนี้ก็ตาม


    ร้ายกว่านั้น ในโลกวิญญาณ เหล่ากายทิพย์มีทั้งที่ดี ที่ปานกลาง และที่ร้ายกาจ ไม่แตกต่างจากเมื่อครั้งสิ่งเหล่านั้นยังมีลมหายใจ


    แต่กลับอ่านได้ยากกว่ามากนัก ด้วยไม่เห็นรูป สัมผัสได้เพียงการมาหรือไม่มาแฝง มาทรง มาลง มาควบคุม มาครอบงำ


    บางคราว วิญญาณร้ายอกุศลมักแอบอ้างเป็นเทพไท้หรือเบื้องบนที่ท่านดี แล้วค่อยๆ ครอบงำเจ้าของร่างให้เห็นผิดเป็นชอบ


    อาทิ แรกเริ่มทำทีเป็นหวังดีในสิ่งต่างๆ ก่อนอย่างแนบเนียน ซึ่งแท้จริงแฝงประสงค์ร้ายที่จะสำแดงในภายหลัง


    หากเจ้าของร่างตกภายใต้อำนาจครอบงำโดยสมบูรณ์ เพราะอำนาจจิตอ่อน หรือเหตุใดๆ ก็ตาม ไม่ช้าจะผิดรูปผิดรอยไปจากผู้คนปกติ
     
  16. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964

    (verygood) (verygood) (verygood)

    วิญญาณเหล่านี้ เมื่อตอนเป็นคนก็เป็นพวกมีฤทธิ์ครับ
    ช่วยคนโดยมีเจตนาแอบแฝง (คนทั่วไปจะนับถือว่าเป็นคนดี)
    แต่เขาจะหลงในฤทธิ์และลาภสักการะ ทำให้ดวงวิญญาณ
    เมื่อตายไปต้องมาวนเวียนอาศัยเครื่องลาภสักการะ


    ดูออกได้ย้ากกกกก มากกกกกกก
     
  17. กองทัพเทพ

    กองทัพเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +2,629
    อะไรกันกับเทพ กับพรหม อีกแล้ว
    เรื่องพวกนี้ ก็มีมาเรื่อยๆ
    แต่สังเกตได้นะว่า เว็บนี้ คนมีองค์เยอะแยะ ทีเดียว
    ต้องเป็นเพราะ มีอะไรนำมาพบกัน เราเชื่ออย่างนั้น
    ไม่ว่าจะเทพบันดาล กรรมบันดาล
    ก็อาจจะเป็นได้

    ก็เลยไม่รู้ว่าเทพมายุ่งกับคน หรือคนมายุ่งกับเทพ


    (555)

    แนะนำให้ ๑ เว็บ

    http://www.saisanya.net/index.php
     
  18. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034




    แม้นมีดังนั้นจริง ก็พึงสำรวมวจีกรรม เพราะหากบุคคลใดประพฤติดังนั้นย่อมเป็นการพาตัวตนของเขา เข้าสู่ระบบกรรมที่จะต้องชำระจำเพาะเป็นรายบุคคลตามบัญชีบุญ - บาปอยู่แล้ว


    ไม่พึงให้บุคคลใดมาผูกใจเจ็บอาฆาตพยาบาทโดยใช่เหตุ ด้วยวจีกรรมของเรา เพราะภายหน้าเขานั้นจะกลายมาเป็นเจ้ากรรมนายเวร


    ซึ่งทั้งเขาและเราต่างก็ต้องเวียนว่ายทุกขเวทนาไม่รู้จบในวัฏแห่งการจองกรรมจองเวร
     
  19. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964

    (verygood) (verygood) (verygood)

    ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องเป็นแบบพระพุทธเจ้าสมณโคดม
    โดน "พระเทวทัต" ตามราวีทุกชาติเลย ขอบคุณครับ...
     
  20. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    ขอเสริมในด้านที่ใคร่จะชี้แจง


    เทพเบื้องบนฝ่ายกุศลทั้งหลาย ท่านระวังนักเรื่องกรรมและการก่อเหตุอันจะทำให้ดวงจิตบริสุทธิ์ของท่านต้องแปดเปื้อนหมองศรี


    ท่านจึงไม่มีเหตุต้องใช้ฤทธาเดชานุภาพใดในการบังคับบัญชาให้มนุษย์ต้องเป็นร่าง ด้วยข้ออ้างเพื่อสร้างบุญญาบารมีร่วมกัน ยกเว้นกรณีแบ่งอณูอวตาร


    อย่างไรก็ดี ในยุคนี้มีหลายบุคคลที่ถูกพลังงานกายละเอียดในทางอื่น หมายตาสำหรับเป็นร่างลงทรงเพื่อกิจเช่นนั้นเช่นนี้อยู่จริง


    และมักถูกเคี่ยวเข็ญด้วยเหตุร้ายต่างๆ เป็นต้นว่า ด้านสุขภาพ ด้านชีวิตการงานและชีวิตส่วนตัวกับอีกนานาประการ กระทั่งต้องยอมรับสัญญานั้นอย่างจำใจเลี่ยง


    จึงพึงแยกแยะระหว่างเบื้องบนฝ่ายกุศลแท้จริง กับสิ่งที่ไม่ใคร่จะเป็นไปในทางดีนัก


    แต่กระนั้น ด้วยศักดิ์และสิทธิ์ของความเป็นมนุษย์ ซึ่งมีอำเภอใจอิสระที่จะรับหรือไม่รับเป็นร่างทรงยังคงอยู่ครบทุกประการ


    สิ่งลี้ลับในภพภูมิอื่นแท้จริงแล้ว ย่อมต้องคำรพนบนอบต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก อันเป็นกฏแห่งโลกทิพย์


    บุคคลทั้งหลายจึงเลือกได้ด้วยตนเอง ว่าใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยการเดินทางใด
     

แชร์หน้านี้

Loading...