วิเคราะห์ ยามสอง คืนปีใหม่ แผ่นดินไหว คนไทยเมา

[/B]เปิดตัวศูนย์ปฏิบัติการรับมือมหาภัยพิบัติ มหาสุรสิงหนาท(ศภม.)อย่างเป็นทางการ เพื่อเตรียมรอรับเด็กชายปลาบู่กลับชาติมาเกิดและมหาภัยพิบัติที่กำลังรอการพิสูจน์

เพื่อความตระหนัก ไม่ใช่เพื่อความตื่นตระหนก

ดูเหมือนมหาภัยพิบัติกำลังรอการพิสูจน์(หลังเรากำลังซ้อมใหญ่) ว่า
“ยามสอง คืนปีใหม่ แผ่นดินไหว คนไทยเมา” จริงหรือไม่


ขออัญเชิญเหล่าพระโพธิสัตว์ หน่อเนื้อพุทธางกูร....
เทพบุตร เทพธิดา ครุฑ นาคา ยักษ์ คนธรรพ์ ฯลฯ ผู้ลงมาจุติลงมาบนโลกมนุษย์...
ร่วมทำภารกิจเพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์ในยุคภัยพิบัติ
ธำรงค์รักษาไว้ซึ่งสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ช่วยปกป้อง คุ้มครอง พระพุทธศาสนาในยุคภัยพิบัติ
และเสริมสร้างพระพุทธศาสนาให้เจริญถึงห้าพันปี..
ร่วมกับสิงหนาทโพธิสัตว์ และพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์
https://www.facebook.com/note.php?note_id=101438366639146


อ่านเอกสาร PDF ทั้ง 3 ไฟล์ได้ตามที่แนบ

และดูลิงค์ที่มีคลิปวีดิโอของคุณตาทองใบ คำศรี ซึ่งยังมีชีวิตอยู่บอกเล่าเรื่องราวสำคัญ

palungjit.org/threads/ภัยพิบัติและพระศรีอาริยเมตไตรยจากคำบอกเล่าของเด็กชายปลาบู่-308139.html

คิดว่าหลายคนหรือเกือบทั้งหมดน่าจะยังไม่เคยได้ยินเรื่องของ “เด็กชายปลาบู่” วัย 5 ขวบ
ซึ่งได้เสียชีวิตไปเมื่อ 37 ปีที่แล้ว
ก่อนเสียชีวิตได้ขอให้บิดาสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม ไว้บนเขาลับแล ที่ อ. เขาสอยดาว จ.จันทบุรี
รอการกลับชาติมาเกิด ได้บอกเล่าเตือนภัยเหตุการณ์สำคัญผ่านคุณตาทองใบ ซึ่งเป็นบิดาฟังไว้

จริงหรือไม่ โอรสของเจ้าฟ้าชายองค์ไหน ที่มีปาน จะบวชเป็นสามเณร มาพร้อมกับแม่ใหม่
บอกให้ดูปานพ่อจะจำหนูได(มีปานขาวที่แขน)

รถไฟลอยฟ้ามันเหมาะได้ไหมพ่อ รถไฟใต้ดินมันมุดน้ำได้ไหมพ่อ เด็กชายปลาบู่ถามพ่อ

จริงหรือไม่จะมี “พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์” มาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในยุคภัยพิบัติและเสริมสร้างพระศาสนาให้เจริญถึงห้าพันปี

จริงหรือไม่ว่าหลังปี 2562 เมืองหลวงจะย้ายไปที่บุรีรัมย์ สุรินทร์และศรีสะเกษ ฯลฯ

จริงหรือไม่ที่เขื่อนเก็บกักน้ำที่ตาก(เขี่อนภูมิพล) จะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว จะพังเสียก่อน จะแก้ไขไม่ได้ เด็กชายปลาบู่ได้แนะนำเอาเหล็กรางรถไฟไปหุ้มให้แข็งแรง เพื่อจะได้พังไม่มาก

ในสมัยที่มีชีวิตอยู่เด็กชายปลาบู่ได้ทำนายสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลายอย่าง (เครื่องบินชนตึกที่อเมริกา.9/11,สึนามิที่อินโดนีเซีย, แผ่นดินไหวในจีน, สึนามิในญี่ปุ่น) รออีกสองเรื่อง

จริงหรือไม่ที่พญาอินทรีจะรบกับพญามังกร เป็นสงครามร้ายแรง

กรณีเขื่อนภูมิพลแตก น้ำจะทะลักทันทีเหมือนแก้วแตก
(กรณีเขื่อนศรีนครินทร์แตก น้ำจะค่อยทะลักเพราะเป็นเขื่อนแกนดินเหนียว
และค่อยๆทลายน้ำลงมาเหมือนเขื่อนสิริกิติต์)
(อ่านคำแนะนำ����͹��չ��Թ���ᵡ 䢢�͡ѧ�������ǡѺ ����͹��չ��Թ���)

ขณะนี้ได้เปิดตัวศูนย์เตรียมการรับมือมหาภัยพิบัติ มหาสุรสิงหนาท ได้เปลี่ยนชื่อเป็นศูนย์ปฏิบัติการรับมือมหาภัยพิบัติ มหาสุรสิงหนาท(ศภม.) อย่างเป็นทางการ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี ท่านสิงหนาท โพธิสัตว์ เป็นผู้นำการปฏิบัติการฯ

เป็นศูนย์ในระยะยาว ยังไม่มีอะไรอำนวยความสะดวก มีเพียงต้นโพธิ์ ต้นไม้ที่ปลูกไว้และศาลาปฏิบัติธรรม พร้อมกุฏิพระ เท่านั้น

ได้มีโอกาสสนทนากับท่านสิงหนาท ทางโทรศัพท์ท่านว่าไม่ต้องเกรงใจ เพราะถือว่าเป็นการทำงาน ถ้าท่านไม่ได้ทำคงอกแตกตาย

ศูนย์ปฏิบัติการรับมือมหาภัยพิบัติ มหาสุรสิงหนาท สวนศรีมหาโพธิ์และวัดป่าร่มโพธิ์ศรี-เขาลับแล หมู่ 1 ต.ทรายขาว อ.เขาสอยดาว จ.จันทบุรี
เส้นสุขุมวิทไปสุดทาง จันทบุรี-สระแก้ว(ให้เลี้ยวซ้ายไปจันทน์ เพราะเลี้ยวขวาไปตราด)
หลัก กม. 55-56 ห่างจากชลบุรีประมาณ 55 กม.


ติดตามข่าวสารจากศูนย์ได้ที่
fb: Singhanat Bodisattava
www .youtube.com/mahasurasinghanat
..............................................................................

เปิดเวบนี้ไว้ และเปิดเสียงด้วย เมื่อมีแผ่นดินไหวจะส่งเสียงเตือน
PS-EMC : Private Sector - Emergency Management Centre

มีข้อมูลความคืนหน้าเชิงวิทยาศาสตร์ให้ติดตามได้ที่
fb: Piyacheep S. Vatcharobol


””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
ขอให้รอดพ้นจากภัยพิบัติและภัยจากสังสารวัฏทั้งปวง
พรนิพพาน ญาณเวสม์
fb: Pornniphan Yanawet

 

ตอนนี้ก็จะย่างเข้าสู่ระยะที่สองของภัยภิบัติแล้วไม่ทราบว่าพระมหาโพธิ์สัตย์และพระโพธิ์สัตย์ที่จะมากอบกู้โลกและเหล่ามวลมนุษย์ชาติ(ขอใช้คำที่เข้าใจง่ายและตรงประเด็นอาจจะดูเหมือนหนังฮอลลีวูดบ้างก็โปรดอภัย)ได้มาประจำที่ ศภม.หรือยังครับ

 

เพื่อความตระหนัก ไม่ใช่เพื่อความตื่นตระหนก


...


อันนี้เห็นด้วยครับ....ส่วนเรื่องการกลับชาติมาเกิด...และเรื่องอื่นๆ

ขอให้เป็นเรื่องของอนาคต...เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นประเด็นถกเถียงกัน...ไม่รู้จบ (ไม่อยากเห็นสภาพเช่นนั้นเลย)

ขอบคุณ...ครับ

 

ท่านสิงหนาทโพธิสัตว์ ผู้ได้รับหน้าที่เป็น "พระเถระมหาโพธิสัตว์" ผู้มาอุปถัมภ์ "ธรรมิกราชโพธิญาณ" หรือ "พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์" ท่านก็คงเตรียมการอยู่แถวไม่ไกลจากวัดและแถวๆนั้น เพราะก็จะเริ่มมีผู้ศรัทธา มาพบปะ หารือและพิสูจน์อะไรบางอย่างและเตรียมพร้อมเพื่อพัฒนาสถานที่เพื่อรับคนจำนวนมากในอนาคตกันแล้ว ท่านก็เพิ่งรู้ตัวว่าจะต้องรับหน้าที่ ฟังดูแล้วไม่น่านานเท่าไร มีครูบาคอยช่วยอยู่ รวมทั้งเท่าที่ทราบมี....เตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือในการพัฒนาศูนย์ด้วย เพราะในภูิมิเดิมๆก็สนับสนุนกันอยู่แล้ว

 

ทุกคนก็รอเหตุการณ์ว่าจะเกิดหรือไม่ หรือมีผู้มีบุญญาบารมี ครูบาอาจารย์ เหล่าเทพทั้งมวล จะสามารถเลื่อนออกไปได้อีกหรือไม่ ผู้ที่ออกมาเผยแพร่ทุกคนล้วนมีความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น เพราะหากไม่เกิดจริง(ณ วันที่คาดการณ์) ก็จะกลายเป็นเรื่องกุข่าวหรือกระต่ายตื่นตัว ที่ยอมเสี่ยงเพราะต้องการช่วยเหลือผู้คนให้ตระหนักเท่านั้น เพราะนี่จะเป็นแค่ยกแรก เรืองอื่นๆยังตามมาอีกเยอะ ขอบคุณทีมงาน

 

ด้วยความเคารพครับ ขอฝากบทวิเคราะห์ไว้ให้พิจารณาครับ
จากกระทู้ วิเคราะห์ข้อมูลจากพระอาจารย์รัตน์และภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นในปลายปี พ.ศ.2555 - 2556

ภัยพิบัติครั้งใหญ่นั้นน่าจะเริ่มจริงจังในปลายปี พ.ศ. 2555 - ต้นปี 2556
อันนี้เป็นระยะแรกแต่จะไปสิ้นสุดคงใช้เวลาอีกประมาณ 5 - 6 ปี

จากที่เราได้เคยวิเคราะห์ไว้แล้วใน กระทู้ วิเคราะห์เรื่องเด็กชายปลาบู่และภัยพิบัติ

ข้อมูลของเด็กชายปลาบู่ ผ่านคำบอกเล่าของคุณลุงทองใบ คำสี

ระบุว่า " แต่อีก 38 ปี (2555) จะเกิดอาเพศรุนแรง แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนทั้งไทย พม่า ฯลฯ
กรุงเทพฯจมดินจมน้ำ เขื่อนที่จังหวัดตากก็พัง
"ในเวลายามสองในคืนปีใหม่ คนไทยฉลองกันสนุกสนาน
เกิดแผ่นดินไหวมีคนตายมากมาย" (ยามสอง คือประมาณเวลา 22.00 –24.00 น.) "

---------
​

ข้อมูลนี้อันที่จริงไม่ได้ระบุว่าเป็นปีใหม่ที่เป็นรอยต่อ 31 ธันวาคม 2554 -1 มกราคม 2555
แต่คุณลุงตีความเอาว่าเป็นช่วงนั้น
และคุณลุงยังลังเลอีกด้วยว่าอาจจะเป็นปีใหม่ไทยก็ได้คือ ช่วงสงกรานต์


แต่เราขอวิเคราะห์แบบคนธรรมดาที่ไม่ได้มีญาณหยั่งรู้พิเศษใด ๆ
เป็นแต่เพียงนำข้อมูลของท่านผู้รู้ต่างๆ มาวิเคราะห์

เราวิเคราะห์ว่า เหตุการณ์เริ่มต้นภัยพิบัติครั้งใหญ่ในระยะแรกนั้น
คือช่วงปีใหม่ที่เป็นรอยต่อ 31 ธันวาคม 2555 -1 มกราคม 2556
ไม่ใช่อย่างคุณลุงพ่อของเด็กชายปลาบู่ตีความ

เราวิเคราะห์ว่าไม่ใช่ปีใหม่ 1 มกราคม 2555 ที่กำลังจะถึงนี้


สรุปคือตอนนี้เรามีสมมติฐาน 2 กรณี คือ
กรณีที่ 1 คือ ประมาณวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2555
กรณีที่ 2 คือ ประมาณวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555
( 2 กรณีนี้มีความคลาดเคลื่อนห่างกันถึง 365 วัน)


เรามีข้อมูลสนับสนุนค่อนข้างน่าเชื่อถือว่า
กรณีที่ 2 คือ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 หรือหลังจากนั้นจะมีภัยพิบัติใหญ่
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้ประมาท
กรณีที่ 1 คือในวันที่ 1 มกราคม 2555 ก็อาจมีภัยพิบัติ
คือไม่แน่ว่าปลายปีนี้ 2554 ไปจนถึงต้นปี 2555 จะมีภัยอะไรเกิดขึ้นบ้าง
เราเพียงอยากจะชี้ให้ระมัดระวังเรื่องการตีความเรื่องวันเวลาที่เกิดเหตุเท่านั้น

หรืออาจเป็นไปได้ว่าคำเตือนของเด็กชายปลาบู่
และคำเตือนจากผู้รู้อีกหลาย ๆ ท่านนั้นเป็นคนละเหตุการณ์กัน

เราขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการเลือกที่จะรับฟังคำเตือนของเด็กชายปลาบู่
และคุณลุงทองใบ คำสี ว่าควรเชื่อดีหรือไม่

แต่สมมติว่าคำเตือนดังกล่าวเป็นความจริง
แต่เกิดความผิดพลาดในการตีความหรือในการบอกเล่า
สมมติวันที่ 1 มกราคม 2555 นี้ไม่มีภัยพิบัติใหญ่
ก็จะมีผู้ประมาทและปรามาสว่าเป็นการหลอกลวง เป็นเรื่องแต่งขึ้น
ทั้งที่จริง ๆ แล้วเด็กชายปลาบู่ต้องการสื่อสารว่าภัยพิบติจะเกิดในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ต่างหาก
แต่จากการตีความที่ผิดพลาดทำให้เวลาคลาดเคลื่อนไปถึง 365 วัน
ไม่ใช่ในวันปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้
เมื่อมีความคลาดเคลื่อนผู้คนก็จะประมาท

สิ่งที่เราคาดการณ์อีกกรณีคือ
จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่เข้าใจหรือไม่ได้ติดตามข้อมูลข่าสารมากเพียงพอ
เข้าใจไปเองว่า 21 ธันวาคม 2012 หรือ 21 ธันวาคม 2555 จะเกิดภัยพิบัติใหญ่
บางทีก็ลือกันไปถึงขนาดว่าโลกจะแตกสลาย
พอถึงวันดังกล่าวเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น สื่อต่าง ๆ ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์
ก็จะกระจายข่าวว่า เรื่องปี 2012 เป็นเรื่องแหกตา
ผู้คนบางส่วนก็จะตกอยู่ในความประมาทมากขึ้นอีกครั้ง

เขาเหล่านั้นจะมีความโล่งใจและฉลองต้อนรับปีใหม่ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555 อย่างประมาท
เขานับถอยหลังเพื่อเข้าสู่ปี พ.ศ. 2556 หรือปี ค.ศ. 2013 อย่างโล่งใจและหลงระเริง

ช่วงปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่คนเกือบทั้งโลกมีความความประมาทขาดสติมากที่สุด...


ข้อมูลพระอาจารย์รัตน์ระบุว่า
วันที่ 21 ธันวาคม 2012 ช่วงนั้นจะยังไม่มีอะไรหนักๆ ให้เห็น
แต่พระอาจารย์ ให้ระวังช่วงเวลานั้นปลายปี 2012 ถึง กุมภาพันธ์ 2013
ซึ่งตอนนั้นจะมีทั้งแกนโลกพลิก ภัยธรรมชาติใหญ่ๆ มากมาย และผู้คนจะล้มตายกันมาก
ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 55 – 14 ก.พ. 56 ซึ่งหมายความว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว พลังงาน แรงดึงดูด จากดาวทุกดวง จะมีมากที่สุด จนถึงขั้นสามารถทำให้แกนขั้วโลกจากทิศเหนือ-ใต้ พลิกเปลี่ยนเป็นชี้ไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก และ ในอนาคตเราจะเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแทนทิศตะวันออก

ขอเรียนย้ำอีกครั้งว่า การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลกจนถึงขั้นเปลี่ยนขั้วโลกใหม่ได้นั้น ไม่ได้จำเพาะว่าจะต้องเกิดขึ้นในวันที่ 21 ธ.ค. 55 เพียงวันเดียว แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน ระหว่างวันที่ 21ธ.ค.55 จนถึงวันที่ 14ก.พ.56 (56วัน) กำหนดวันเกิดเหตุที่แน่นอน พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ จะติดตามและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของพลังงานอย่างต่อเนื่อง จึงจะสามารถระบุวันเกิดเหตุได้อย่างแม่นยำอีกครั้ง


ข้อมูลดังกล่าวท่านหมายถึง 21 ธันวาคม 2555 - 14 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นช่วงอันตราย

ข้อมูลจากหลวงปู่สรวงที่กล่าวว่าจะมีภัยในปี 2555

คำเตือนจากปู่อินทร์ตาทิพย์เขาตำแยอายุ 109 ปี
ปู่บอกว่าภัยพิบัติจะเกิดตามหนังสือพุทธทำนายไว้
จะแรงบ้างหรือเบาบ้างขึ้นอยู่กับว่าครูบาอาจารย์ได้ช่วยไว้หรือไม่
แต่ปลายปี 2555 ต่อเนื่องปี 2556 เหตุการณ์จะรุนแรงมาก

จากข้อมูลที่หลายคนเชื่อว่าเป็นพุทธทำนายคือ
ปีมะโรง "คนจะเปลี่ยนสภาพจากเดินเป็นคลาน"
เมื่อนำมาเทียบเคียงกับข้อมูลของคุณลุงเชียงใหม่และข้อมูลจากพระอาจารย์รัตน์
เราคาดการณ์ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวติดต่อกันเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง
จนกระทั่งการเดินและการทรงตัวไม่สามารถเป็นไปได้ตามปรกติ
ขอได้โปรดทราบว่า
ปีมะโรงที่ีกำลังจะมาถึงนี้จะหมายถึงช่วงระหว่างวันที่
วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2555 - 9 เมษายน พ.ศ.2556



ขอทิ้งท้ายด้วคำเตือนของหลวงปู่สรวงท่านว่า
"....ถ้าคนมีศีลห้าไม่ถูก ก็เราไม่ได้กบฎพระเจ้าอยู่หัว
คนที่กบฎ คนที่อยากชนะ ผืนแผ่นดินนี้ตายแน่..."

 

หากภาวะเขื่อนแตกจากแผ่นดินไหวไม่เกิดปีใหม่นี้ แต่เป็นปลาย 55 ขึ้น 56 เราก็จะมีเวลามากขึ้นในการเตรียมสถานที่หลบภัย แต่ในระหว่างปี 55 ในเมืองเองก็คงหนีไม่พ้นเรื่องน้ำและเรื่องแรงๆอีกนั่นแหละ หากใครไม่พร้อมรับสถานการณ์ก็คงต้องเตรียมรับมือเอง เพราะมีประสบการณ์แล้ว

 

ขอโอกาสชี้แจงประเด็นสำคัญ เรื่อง คืนปีใหม่ 55 หรือ 56 ??

ตามที่มีหลาย ๆ ท่านเช่น คุณkaran20 ได้วิเคราะห์เรื่องวัน เวลา พ.ศ. ของเหตุการณ์ "ยามสอง คืนปีใหม่ แผ่นดินไหว คนไทยเมา" ในปีที่ 38 (พ.ศ.2555) ภายหลังที่เด็กชายปลาบู่เสียชีวิตนั้น !!

กรณีที่หนึ่ง เนื่องจากเวลายามสอง (22.00 - 24.00 น.) ของคืนวันที่ 31 ธันวาคม นั้น ยังอยู่ในปี พ.ศ. 2554 เพราะเหลือเวลาอีกประมาณ 1-2 ชั่วโมงกว่าจะถึงพ.ศ. 2555

ดังนั้น เหตุการณ์อาจจะยังไม่เกิดในปีใหม่ที่จะถึงนี้ก็ได้ เพราะเป็นยามสอง ของพ.ศ. 2554 เหตุการณ์อาจจะเกิดในยามสองของ พ.ศ. 2555 ซึ่งหมายถึง ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555 หรือคืนปีใหม่ 2556

กรณีที่สอง แต่ถ้าเด็กชายปลาบู่ หมายถึง "คืนปีใหม่" ของปีที่ 38 หลังจากตนเองเสียชีวิต หรือ "คืนปีใหม่" ของ พ.ศ. 2555 ซึ่งก็หมายถึงคืนปีใหม่ที่จะถึงนี้ ไม่ใช่"คืนปีใหม่" ของ พ.ศ.2556

ความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น 2 กรณีดังที่กล่าวมา แต่เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลของครูบาอาจารย์และฆราวาสผู้ทรงอภิญญาญาณแล้ว น้ำหนักก็จะไปที่ ปลายปี 2555 ถึง ต้นปี 2556

อย่างไรก็แล้วแต่ ก่อนจะถึงปีใหม่ปีหน้า ก็ต้องถึงปีใหม่ปีนี้ก่อน พวกเราก็เตรียมการป้องกันไว้ซักนิด ในคืนปีใหม่ ระยะเวลาประมาณ 2-3 ชม. ถ้าไม่เกิดขึ้นก็เป็นที่น่ายินดี เพราะมหาชนไม่ต้องเสียชีวิตเพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ เราก็กลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติและเหลือเวลาเตรียมตัวอีก 1 ปี แต่ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นในปีนี้ ก็หวังว่าพวกเราที่เตรียมการป้องกันเอาไว้ก็คงจะรอดกัน

เรื่องวันเวลาที่ปลาบู่บอกเอาไว้ มันคาบเส้นว่าปีใหม่ปี 55 หรือ ปีใหม่ 56 ?? และทางปลาบู่ผู้เล่าเองก็เสียชีวิตไปแล้ว ทางคุณตาทองใบและผู้ที่เกี่ยวข้องก็มีข้อมูลตามที่ปลาบู่ชี้ชัดไว้แค่นี้ ถ้าผิดพลาดประการใด ให้ถือว่าไม่ใช่ความผิดพลาดของปลาบู่ เพราะตีความหมายผิดเอง ดังนั้นขอให้เพื่อนสมาชิกและผู้ที่รับทราบข้อมูลทุกท่านอภัยให้ด้วย

แนวทางวิเคราะห์ด้านบนนี้ อนุญาติให้เพื่อนสมาชิกวิพากษ์วิจารณ์ได้ตามสะดวกเลย เพื่อการเตรียมการป้องกันที่รัดกุมที่สุด ขออนุโมทนากับคุณพรนิพาน และคุณ karan20 ด้วย

สิงหนาท

 

ยามสอง+ปีใหม่ = Santika

จำได้ว่ากลับมาจากทำบุญที่วัด เปิดดูข่าวทางทีวียังสลดหดหู่กับภาพผู้เสียชีวิตจากไฟไหม้ไม่ลืมจนเดี๋ยวนี้


ส่วนปีใหม่ไทย 2553 อันนี้ก็เผาบ้านเผาเมืองกันอีก เฮ้อ ประเทศไทย

ผ่านมาแล้วสองไฟ ปีนี้มาเจอน้ำ

ยังเหลืออะไรอีกเนี่ย ดินกับลม ใช่มั้ย

อย่างไรเสียจะเกิดหรือไม่เกิดก็ตาม เช้าวันปีใหม่ที่จะถึงนี้ อย่านอนดึกนักจะได้ตื่นไปทำบุญตักบาตรที่วัด กันนะครับ

 

รอติดตามดูครับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอมีสติอยู่กับตัวก็พอครับ

 

น่าสนใจครับ แต่การจะคำนวณและวิเคราะห์นั้น โดยเฉพาะพุทธทำนาย สมควรจะใช้หลักปีโบราณในการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ อย่างปีมะโรงนั้นจะเอาปีสากล คือวันที่ 1 มกราคม 2555 มาเป็นปีมะโรงไม่ได้นะครับ อีกกรณีหนึ่งตามหลักโบราณแล้ว การกำหนดปีในวันใหม่ไม่เหมือนกับปัจจุบัน ผมเคยได้ทราบมาจากอาจารย์ท่านหนึ่งเล่าว่า ในปัจจุบันเราถือว่าหลังเที่ยงคืนเป็นวันใหม่อีกวันหนึ่ง เช่น เวลา 23.59 น. เป็นวันจันทร์ เมื่อถึงเวลา 24.01 น ก็เป็นวันอังคาร เป็นต้น แต่ในหลักสมัยโบราณไม่ได้ใช้หลักนี้ การกำหนดวันเวลาใหม่จึงไม่เหมือนกันครับ ดังนั้นช่วงปีมะโรงจึงถูกกำหนดออกไปห่างจากช่วงปีใหม่สากล แต่ในพุทธทำนายกำหนดบอกไว้ว่าเป็นเดือน 5 ปีมะโรง คนจะโก่งโค้งคลานเหมือนอย่างกบ เดือน 5 ผมแปลได้แล้วว่าช่วงไหน เพราะไปตรวจสอบกับระบบจันทรคติไทยโบราณ แต่คนจะโก่งโค้งคลานเหมือนอย่างกบนี่สิ ผมไม่แน่ใจ มีคนแปลไปต่าง ๆ นานา จึงยังสรุปไม่ได้ แต่หวั่น ๆ ชอบกล ในแวบแรก ๆ ผมรู้สึกว่าน่าจะเกี่ยวพันกับเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก แต่ยังไม่รู้ความหมายที่แท้จริง ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมากันแน่....

 

ปีมะโรงที่ีกำลังจะมาถึงนี้จะหมายถึงช่วงระหว่างวันที่
วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2555 - 9 เมษายน พ.ศ.2556

 

หลังจากได้เข้ามาศึกษาดูกระทู้ในห้องนี้มาหลายปี

บางครั้งรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะจมอยู่ในมวลสารข้อมูลจำนวนมหาศาลที่โพสต์เข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน
จึงจำเป็นจะต้องมีการกลั่นกรองข่าวต่างๆก่อนที่จะเก็บเอาเป็นสมมุติฐานของตัวเอง

หากบริโภคข้อมูลมากไปอาจจะสับสนในชีวิตได้ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์กับตัวเองและผู้อยู่ใกล้เคียง นะครับ

 

ช่วงนี้ออกกำลัง ฟิตร่างกายให้แข็งแรงไว้ ลอลุ้นปลายปี 2555

 

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ฮั้วโต๋
ข่าวดี คือ ได้คนที่หันมารักษาศีลเพิ่มขึ้น เพราะเห็นทุกข์ก็เห็นธรรมแต่ ข่าวที่ต้องเตรียมพร้อม คือไม่ประมาทในเรื่องน้ำมามากอีกรอบ คราวนี้ไม่พ้นอพยพขึ้นเหนือ 2 เชียงแน่ๆ เพราะมวลน้ำเท่ากับน้ำในเขื่อนที่ จ. ตาก ที่ไหลก้อนใหญ่ตูมเดียว มากลางคืนหลังเที่ยงคืนแล้ว ในวันนั้นฮั้วโต๋จะสวดมนต์ที่บ้าน ไม่ไปธรรมะสัญจรสักที่เดียว ก่อนเกิดเหตุการณ์ล่วงหน้า 1 สัปดาห์
เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

 

คลิป อ. ปริญญา คนที่ยังไม่ได้คลิกดู น่าจะลองดูนะ

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=k2zcVBqLeJ0&feature=player_embedded"]56วัน7ราตรี - โดย อ.ปริญญา ตันสกุล 5/5 - YouTube[/ame]

ตอนท้ายๆ อ. บอกว่า จะมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงคนตายเยอะ เชื่อมโยงระหว่างประจวบฯ - พม่า - ศรีลังกา โดยเฉพาะศรีลังกาจะแรงสุด คนตายประมาณ 3 ล้าน เกาะหายไปทั้งเกาะ

ของไทย ตรงหลักกิโลเมตรที่ 346 บนถนนเพชรเกษม ก็แถวหาดวนกร ก่อนเกิดเรื่อง จะมีปะการังสีน้ำเงิน ถูกคลื่นซัดมาเกยหาดเป็นแนวยาว





อุทยานแห่งชาติหาดวนกร
หมู่ 7 ต.ห้วยยาง อ. ทับสะแก จ. ประจวบคีรีขันธ์ 77130
โทรศัพท์ :0 3261 9030 โทรสาร :0 3264 6290

อุทยานแห่งชาติหาดวนกร มีที่ทำการอยู่ริมทะเล ห่างจากตัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ประมาณ 22 กิโลเมตร ระหว่างกิโลเมตรที่ 345 - 346 ถนนเพชรเกษม แยกจากถนนเพชรเกษม ตามถนนลาดยางเข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร มีทางรถไฟสายใต้ผ่าน

ขนาดพื้นที่ 23750.00 ไร่







รอยเลื่อนแผ่นดินไหว ที่น่าจะเกี่ยวกัน ก็มีแถวๆ นี้นะ

รอยเลื่อนกุยบุรี พาดผ่านอำเภอปราณบุรี และอำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบ-คีรีขันธ์ ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 12 กิโลเมตร

รอยเลื่อนประจวบ-ทับสะแก พาดผ่านอำเภอบางสะพานน้อย อำเภอบางสะพาน อำเภอทับสะแก อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเลยเข้าไปในอ่าวไทยทางด้านตะวันออกของอำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 132 กิโลเมตร

รอยเลื่อนบางสะพาน พาดผ่านอำเภอบางสะพาน อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 56 กิโลเมตร

www.naturalsoft.com/faults.html

 

ขอบคุณ Aqua-ma-rine และทุกท่าน

 

ในคลิป มี 2 จังหวัดที่ อ. ปริญญา บอกว่า อยู่เหนือความคาดหมายใครต่อใคร โดยเฉพาะนักธรณีวิทยา เพราะเกือบจะเป็นศูนย์กลางแผ่นดินไหวในเหตุการณ์นี้ คือ นนทบุรี กับปทุมธานี

แต่จริงๆ แล้ว ทั้ง 2 จุด มันมีรอยเลื่อนแผ่นดินไหวพาดผ่านอยู่นะ

รอยเลื่อนเจ้าพระยา พาดผ่านอำเภอเมือง อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี อำเภอเมือง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี

อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน อำเภอพระนครศรีอยุธยา และอำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 54 กิโลเมตร

 

<TABLE class=border_dot border=0 cellSpacing=8 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD class=bold_black>‘กรุงเทพฯ’ ขนมหวานสำหรับแผ่นดินไหว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD>หลังจากเหตุการณ์คลื่นสึนามิ จากแผ่นดินที่เคยสงบ ดูเหมือนว่าคนไทยเริ่มตื่นตัวกับเรื่องแผ่นดินไหวกันมากขึ้น โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ที่นักวิชาการออกมาเตือนอยู่บ่อยครั้งว่า

แผ่นดินกรุงเทพฯ นั้น ตั้งอยู่บนชั้นดินที่อ่อนนุ่ม เสมือนขนมเจลลี ที่จะได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว มากกว่าพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ

"ผมบอกได้เลยว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านๆ มาในประเทศไทย ที่ว่าหนักๆ ขนาดรับรู้ได้บนตึกสูงนั้น เป็นแผ่นดินไหวขนาดเด็กๆ ของจริงกำลังรอเราอยู่

หากไม่รีบแก้ไขเรื่องโครงสร้างอาคารสูงในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เราจะได้เจอของจริงๆ ในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน"

รศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย วิศวกรสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย AIT ผู้ค้นคว้าเรื่องแผ่นดินไหวในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในทีมออกแบบ วัดแรงสั่นสะเทือนของตึก ให้รับแรงแผ่นดินไหว เผยถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพฯ ในอนาคตข้างหน้า





กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนเจลลีจริงหรือ?

คำที่ว่ากรุงเทพฯ เหมือนตั้งอยู่บนเจลลีนั้น เป็นการเปรียบเทียบที่

เมืองหลวงอันอุดมสมบูรณ์ ตั้งอยู่บนแผ่นดินที่เคยเป็นทะเล และดินตะกอนที่เกิดจากการทับถมของแม่น้ำมาก่อน สภาพดินจึงอ่อนนุ่มเหมือนเจลลี

ซึ่งเป็นที่รู้กันมาช้านาน แม้แต่ในตำราเรียนวิทยาศาสตร์ระดับประถม ยังมีการกล่าวถึงเรื่องแผ่นดินไทยไว้ด้วย

แต่ด้วยสภาพดินเช่นนี้ จึงกลายเป็นเหมือนเจลลี ที่สามารถขยายแรงสั่นสะเทือนจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวให้มากขึ้นไปอีก

เหมือนเช่นเหตุการณ์ ที่เคยเกิดขึ้นกับเมืองเม็กซิโกซิตี ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นดินอ่อน คล้ายกับกรุงเทพฯ

เมื่อปี 2528 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.1 ริกเตอร์ ห่างจากเมืองเม็กซิโกซิตี ประมาณ 350 กิโลเมตร ซึ่งดูห่างมากพอ จนไม่น่าเกิดความเสียหายกับเมืองนี้ แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น

อาคารกว่า 600 หลัง ในเมืองเม็กซิโกซิตี เสียหายอย่างรุนแรง มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1 หมื่นคน เวลานั้น นักวิทยาศาสตร์ต่างพากันสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกับเมืองอันอ่อนไหวแห่งนี้

ไม่นานนัก ด้วยข้อสรุปที่ตรงกัน เราถึงได้ความรู้ใหม่ว่า สภาพดินที่อ่อนของเมือง จะทำให้ความสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว เกิดการขยายความรุนแรงได้ ขึ้นอีก 3-4 เท่าตัว

แต่กระนั้น แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว จะแตกต่างไปจากพื้นที่อื่นๆ คือ ไหวเป็นแนวระนาบ

เหมือนเราโยกก้อนเจลลี ให้โอนไปเอนมาเท่านั้น ไม่มีการสั่นไหวในแนวดิ่งหนึ่งขึ้นๆ ลงๆ คล้ายๆ กับเวลาที่เราชมภาพยนตร์แนวสัตว์ประหลาด กระทืบแผ่นดิน จนต้นไม้ลอยจากพื้น

ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ไหนก็ตาม คนกรุงเทพฯ จะรับรู้ได้จาก อาคารสูงเพียงเท่านั้น เพราะอาคารสูงจะถูกโยกจากแรงสั่นสะเทือนจนรู้สึกได้

ลองนึกภาพปีโป้ที่คว่ำลงกับพื้น ปลายยอดสุดของปีโป้ จะโยกแรงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ฐานจะมีการโยกน้อยกว่าด้านบน และไม่ว่าจะเป็นเจลลีทรงปีโป้ หรือแท่งตรง ผลที่ได้ จะไม่แตกต่างกันมากนัก

รอยเลื่อนทรงพลัง

"สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับกรุงเทพฯ และปริมณฑลก็คือ หากมีแผ่นดินไหวประมาณ 5-6 ริกเตอร์ขึ้นไป เราจะรู้สึกได้จากอาคารสูงเท่านั้น

โครงสร้างที่มีอยู่พูดได้เลยว่า พอรับมือกับการเกิดแผ่นดินไหวในระดับนี้ได้เท่านั้น

แต่ถ้าเป็นแผ่นดินไหวขนาด 7-8 ริกเตอร์ ที่รอยแยกสะแกงในพม่า ที่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 250 กิโลเมตร ละก็ บอกได้เลยว่าไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน

จากการจำลองเหตุการณ์ เราพบว่า แรงสั่นสะเทือนจากจุดศูนย์กลาง จะมีความแรง เมื่ออยู่ใกล้จุดศูนย์กลางของการระเบิด และแรงนี้จะเบาลง ไปตามระยะทาง


แต่เมื่อมาถึงกรุงเทพฯ แรงนี้จะถูกขยายเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ทำให้ระดับของแรงสะเทือน เพิ่มสูงกว่าปกติ การไหวตัวของแผ่นดิน จะโยกเป็นจังหวะคงที่

โครงสร้างของอาคารที่ดี จะต้องไม่โยกตามคลื่นความถี่ ของแผ่นดินไหว อาคารนี้จึงจะอยู่รอดจากแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ ได้


ซึ่งผลการทดลองทั้งหมด แบ่งออกเป็น การออกแบบอาคาร ให้สามารถต้านทานแผ่นดินไหว ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 49 ภายใต้พ.ร.บ.ควบคุม

ที่บังคับใช้เฉพาะอาคารสูงเกินกว่า 15 เมตร ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ปัจจุบัน มีการนำไปใช้เป็นมาตรฐาน การก่อสร้างอาคารน้อยมาก"

รศ.ดร.เป็นหนึ่ง เล่าถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับกรุงเทพฯ และอาคารก่อสร้างต่างๆ ในอนาคต




ทีนี้ ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า อาคารไหนปลอดภัยจากแผ่นดินไหว โดยเฉพาะ คนทำงานออฟฟิศนับล้านชีวิต ที่มักใช้ชีวิตส่วนใหญ่ อยู่บนอาคารสูง

รศ.ดร.เป็นหนึ่ง ให้คำแนะนำในการดูเบื้องต้นว่า สำหรับวิศวกรแล้ว เขาสามารถดูได้ว่าอาคารทรงไหน วัสดุอะไร ที่ใช้ทำโครงสร้าง จะสามารถต้านทานแรงแผ่นดินไหวได้

แต่ประชาชนทั่วไป สามารถรู้ได้ จากประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้น


หากอาคารสูงที่คุณเคยอยู่หรือที่เคยเป็นข่าวได้รับผลกระทบ รู้สึกได้ถึงแผ่นดินไหว นั่นคือ อาคารสูงที่ไม่ปลอดภัย หากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ในอนาคต

รอยเลื่อนสะแกงในพม่านั้น สามารถสร้างแรงแผ่นดินไหวขนาด 8 ริกเตอร์ ซึ่งเป็นรอยเลื่อนที่มีแขนงเข้ามาในไทย


คือ รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ที่อาจมีผลกระทบ ต่อเขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ และกรุงเทพฯ

ในขณะที่รอยเลื่อนอื่นๆ นั้น มีพลังไม่มากพอ ที่จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ในกรุงเทพฯ ได้

และยังพบว่า รอยเลื่อนนี้ ยังคงเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา และรอเวลาระเบิดครั้งใหญ่เท่านั้น


ที่มา www.posttoday.com/lifestyle.php?id=40648

variety.thaiza.com/%E2%80%98%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%AF%E2%80%99-%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7/147057/

</TD></TR></TBODY></TABLE>