วิเคราะห์กระทู้เตือนภัยพิบัติรอบ2เดือนนี้

อยากให้ทุกคนร่วมแสดงความคิดเห็นต่างๆนานา ทัศนคติ และเหตุผลที่จะเชื่อถือคำเตือนภัย และความเป็นไปได้ต่างๆที่จะเกิดเหตุภัยพิบัติในช่วงพ.ค.มิ.ย.

เพื่อเป็นการให้เราได้ใช้สติปัญญาไตร่ตรอง ลดความหลงเชื่อ ..โดยที่ไม่มีการคิดอะไรเลย ทำได้แค่ต้องเชื่อเพียงเท่านั้นครับ

โดยส่วนรวมถือเป็นการคิดวิเคราะห์เพื่อจะได้ดูว่า เหตุและผลต่างๆ ที่พอจะหาได้นอกเหนือจากการเชื่ออย่างเดียวนั้น ..จะเป็นปัจจัยที่จะทำให้เราตัดสินใจได้รอบคอบมากขึ้นหรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกันภัย ความหวาดระแวงวิตกกังวลที่เกิดขึ้นจากคำเตือนภัยที่ช่วงนี้จะถี่สักหน่อย หรือว่าเหตุและผลต่างๆ จะใช้ไม่ได้เลยจากเหตุภัยพิบัติ

สำหรับท่านที่เข้ามาเตือนภัย ถ้าท่านมั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองเห็น มีลางสังหรณ์รับรู้อะไรก็แล้วแต่มีความเป็นไปได้สูงและมีเจตนาดี ก็เตือนไปไม่มีปัญหาอะไร..^ ^

หากแต่ว่าอย่าเตือน!!โดยความหลงผิดไปเรื่อยๆ ควรยอมรับความเป็นจริงแต่เนิ่นๆว่าหากสิ่งที่เห็นที่ได้รับรู้นั้นไม่ใช่ความเป็นจริงก็ควรหยุดเตือนไป

และขออย่าได้โกรธ อย่าได้น้อยใจ ที่มีคนมาเสนอความเห็น ในทางที่อาจจะสวนทางกับท่านบ้าง หรือลดความน่าเชื่อถือในสิ่งที่ท่านคิดว่ามันจะเป็นจริง100เปอร์เซ็นต์

จุดประสงค์หนึ่งของกระทู้นี่ก็เพื่อที่จะเปลี่ยนให้คนที่ทำได้แค่เชื่อเพียงอย่างเดียว ได้คิดมากขึ้น จะได้ไม่ ตื่นเต้น ตื่นกลัวจนเกินไป และจะได้ไม่ต้องปล่อยเวลาไปเฉยๆกับการรอคอยในคำเตือนต่างๆ ..เพราะที่ผ่านมาทำได้แค่เชื่อเท่านั้น และยังไปบอกต่อคนอื่นๆให้ตื่นกลัวไปอีกหลายๆทอดด้วยครับ

สุดท้ายในการวิเคราะห์ความคิดเห็นต่างๆ จะทำให้รู้ว่าเราจำเป็นต้องเชื่ออย่างเดียวหรือไม่ ...หรือเหตุผลต่างๆ จะเป็นประโยชน์แก่เรา และช่วยให้เราสามารถข้ามพ้น คำเตือนที่น่าเชื่อถือน้อยลงไป เพื่อลดการวิตกกังวลกับคำเตือนของหลายๆท่านที่ต่อเนื่องกันไปได้บ้าง ลดความทุกข์ในช่วงเวลาที่เราควรปล่อยวางคำเตือนภัยลงไปบ้าง และไม่ปล่อยจิตใจให้คิดเพียงแต่ว่าภัยพิบัติจะเกิดตามที่ได้บอกเพียงอย่างเดียวครับ

อีกสักนิดหนึ่ง จริงๆภัยพิบัติเกิดขึ้นอยู่แล้ว จะเห็นว่าที่ผ่านมาน้ำท่วมภาคใต้ 2ครั้งนั้นก็คือ ภัยพิบัติ พายุพัดทำลายบ้านเรือนทางภาคเหนือช่วงสัปดาห์นี่ก็คือภัยพิบัติ จะว่าไปแล้วมันก็เกิดขึ้นอยู่แล้ว ..แต่ที่น่าวิตกกังวล จากการเตือนภัยเดือน2เดือนนี้ที่เห็นนั้นก็เพราะว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงกว่าปรกติที่เกิดขึ้นมาก

ผมขอเริ่มวิเคราะห์ทั่วๆไปเป็นการเกริ่นเริ่มต้นตรงจุดนี้ก่อน ...

ที่ว่าเกิดภัยพิบัตินั้นจริงๆก็เกิดอยู่แล้วก็ถือว่าร้ายแรงทีเดียวที่ผ่านมาทางภาคใต้
แต่ทำไมถึงเกิดล่ะ ฝนตกหนักเฉยๆหลายวัน ทั้งที่อากาศบ้านเราช่วงนั้นกลับไม่ได้ร้อนมาก ยังมีหนาวๆเย็นๆอยู่เลย แล้วฝนมาจากไหน???

ตรงนี้ผมคิดว่าเป็นผลมาจากแผ่นดินไหวทางญี่ปุ่นใต้ท้องทะเล และเกิดสึนามิขึ้น การเกิดแผ่นดินไหวใต้น้ำ ย่อมทำให้น้ำจำนวนมากๆระเหยขึ้นมารวมถึงผลของสึนามิที่ซัดเข้าชายฝั่ง ก็ทำให้น้ำจำนวนมากระเหยไปพร้อมกับแรงปะทะฝั่ง

ดังนั้นย่อมเกิดไอน้ำ ความชื้น จำนวนมากกว่าปรกติเกิดขึ้น ..ทำให้อากาศแปรปรวนไปกว่าเดิม มีความชื้นในอากาศมากขึ้น มวลเมฆหมอกก็เกิดขึ้นได้มากกว่าปรกติ .. ตรงนี้เป็นผลให้ภาคใต้เกิดน้ำท่วมได้ แต่อย่างไรก็ดีฝนทำไมต้องไปหนักภาคใต้ล่ะ อันนี้คงเป็นกรรมของคนภาคใต้เองแล้วล่ะ ที่บังเอิญมวลเมฆหมอกความชื้นไปอยู่ที่จุดนั้นมากๆนั้นเอง

.................................................

หลังจากเกริ่นเรื่องไปแล้วผมขอเริ่มวิเคราะห์เรื่องคำเตือนช่วงต่อไปนี้ถึงปลายมิ.ย. และผมขอนำคำเตือนภัยของหลายๆกระทู้ที่ผมสนใจมาวิเคราะห์ใช้เหตุใช้ผลเท่าที่จะคิดได้ครับ (เป็นการใช้เหตุผลส่วนบุคคลไปด้วยบางที ความรู้ในแต่ละด้านผมเองก็ด้อย ใครมีเหตุผลความรู้เพิ่มเติมนำมาเสริมได้เลย )

-การเตือนภัยจากมนุษย์ต่างดาวในช่วง2เดือนก็คือพ.ค.มิ.ย.
ได้อ่านได้ดูได้ฟังแล้วรู้สึกงงหลายๆอย่าง อย่างแรกผมยังไม่รู้เลยว่า ตกลงมนุษย์ต่างดาวมีกลายเนื้อเหมือนคนหรือเปล่า หรือมีกลายละเอียดแบบเทพ หรือเป็นยังไง เพราะจากการที่นำรูปถ่ายมนุษย์ต่างดาวมาฟังคำบรรยายายในห้องประชุมอะไรสักอย่างเป็นภาพที่ไม่ชัด ถ่ายมาได้ยังไงไม่ทราบ ที่งงก็คือคนทั่วไปมองไม่เห็น ..แสดงว่ามนุษย์ต่างดาวคล้ายๆผี เทวดาก็ไม่ทราบ หรือว่ามีวิทยาการที่ทำให้คนมองไม่เห็นก็ไม่รู้

ภาพถ่ายจานบินที่บอกก็ไม่ชัดเจน น่าแปลกมากทั้งๆที่ชีวิตติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวประจำได้เป็นดร.ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้แต่ทำไมนำภาพแต่ล่ะภาพมาเสนอไม่ชัดเจนเลย.. ผมว่าบางคนบางท่านยังนำเสนอภาพที่ชัดเจนมากกว่านี้มาให้ดูได้เลยครับ

และก็พึ่งรู้ว่าตกลงแล้วมนุษย์ต่างดาวที่เข้ามา มีทั้งมาจากดาวศุกร์ ดาวอังคาร รวมถึงอาจจะมาจากดาวอื่นอีกๆ...

แต่ที่งไปอีกที่บอกว่ามนุษย์ต่างดาวสามารถไปอนาคตไปอดีตได้ ความสามารถแบบนี้เทวดาบ้านเราทำไม่ได้นะเนีย ..ทึ้งๆๆ ยิ่งกว่าเทวดาอีก ในใจตั้งแต่เด็กคิดว่าเทวดายอดที่สุดแล้ว ..หรือว่าเราเข้าใจผิดเองว่าเทวดาทำไม่ได้เพราะบังเอิญมีละครทางช่อง5ที่เทวดาก็พาพระเอกข้ามเวลามาอนาคตได้
----ใครถามเทวดาได้ช่วยถามทีว่าเดินทางไปอนาคตได้หรือเปล่า
และถามด้วยว่าเทวดารู้จักมนุษย์ต่างดาวที่มีคนกล่าวถึงหรือเปล่าครับ

ถ้าผมใช้เหตุผลทางด้านนี้ ซึ่งผมไม่มีประสบการณ์เลย ผมคงต้องบอกว่าแทบไม่อยากเชื่อเข้าไปใหญ่.. แต่ท่านเป็นดร. ก็ไม่น่าโกหก หรือถ้าโกหกก็น่าจะมีเหตุผล ตรงนี้คงต้องให้ความน่าเชื่อถือไปบ้างสัก5เปอร์เซ็นต์

ไม่รู้ว่ามนุษย์ต่างดาวโกหกเป็นมั้ย แต่ก็เห็นท่านกล่าวว่ามีฝ่ายที่ไม่ดีด้วย ..ไม่รู้ว่าวัดกันยังไงว่าฝ่ายดี ฝ่ายไม่ดี ถ้าเป็นมนุษย์บนโลกก็จะปนๆกันอยู่ในคนเดียว ถึงเรียกว่าเป็นคนดี ก็ไม่ได้หมายความว่าโกหกไม่เป็น???


คงต้องเอาความน่าเชื่อถือ5เปอร์เซ็นต์ที่ผมมีไปถามดร.เทพพนมก่อนว่า มนุษย์ต่างดาวโกหกท่านบ้างหรือเปล่า...ถึงจะตัดสินใจว่าจะเพิ่มความน่าเชื่อถือได้หรือเปล่า

ถ้าทุกอย่างไม่เกิดตามที่ท่านบอก ท่านจะบอกหรือเปล่าว่ามนุษย์ต่างดาวช่วยเราเอาไว้ครับ????

ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็พูดตามเหตุผลของคนที่ไมมีความรู้ทางด้านนี้มากนัก หากสิ่งที่สื่อออกไปมีอะไรล่วงเกิน ก็ขอให้ท่านโปรดอภัย อโหสิกรรมแก่ตัวของข้าพเจ้า ณ ทีนี้ด้วยครับ

 

ผมเห็นด้วยนะครับ

แต่อยากให้คุณดาวบุ๋น5 ช่วยวิเคราะห์ให้ด้วยว่า เหตุการณ์ไหนจะไม่เกิด เพราะอะไร
คนที่ระวังตัวกันอยู่จะได้ลดความเครียดลงไปบ้าง ไม่ต้องระวังทุกช๊อต...ขออนุโมทนาครับ

 

ขอแนะนำกระทู้น่าอ่าน

เข้าไปที่ วิทยาศาสตร์ทางจิต-ลึกลับ ในกระทู้ นิมิต.....!!!!!!
ทั้งท่านที่เชื่อในนิมิต และท่านที่มีนิมิต อ่านแล้ว
พิจารณาตัวเองได้ระดับนึง ไม่มากก็น้อย
ทั้งฝ่ายทำนาย และฝ่ายเชื่อ
(ลองอ่าดูไม่ทำให้เสียเวลามากหรอก แต่จะได้อะไรมากกว่า)

 

---มาต่อจากข้างบน เรื่องมนุษย์ต่างดาวมาเตือนภัยนั้น จะเห็นว่าได้ประกาศออกมาหลังจากที่มีการเตือนภัยของท่านอื่นอยู่แล้ว และระยะเวลาก็ได้ทับกันอยู่

ดังนั้นอาจจะจำเป็นต้องไปอาศัยอ้างอิงคำเตือนภัยของท่านอื่นด้วยเพื่อหาเหตุผล ช่วงเวลาที่แน่ชัด และความน่าจะเป็นของการเกิดเหตุของท่านอื่นๆ เพราะคำเตือนภัยของมนุษย์ต่างดาวกำหนดช่วงเวลานั้นกว้างที่สุดใน2เดือนนี้ รวมถึงการบอกกล่าวภัยพิบัติที่ได้รับการเตือนจากมนุษย์ต่างดาวขอองท่านดร.เทพพนมค่อนข้างกว้างไปด้วย ไม่ได้บอกว่าเกิดที่ไหนเป็นพิเศษ คงได้แต่เตรียมตัวทั่วๆไป จะหนีไปไหน วันไหนก็ไม่ทราบ เพราะไม่รู้ว่าเกิดตรงไหนวันไหนนั้นเอง ก็จึงขอกล่าวถึงการเตือนภัยที่มีการกำหนดระยะเวลาค่อนข้างชัดเจนขึ้นต่อไปครับ

-การเตือนภัยของพระกรรมฐานที่จังหวัดชุมพร
หลังจากได้อ่านคำเตือนของพระคุณเจ้าแล้ว ท่านมีความมั่นใจในสิ่งที่ได้รับรู้ได้เห็นมาอย่างเต็มร้อย และมีการอ้างอิงนิดนึงว่าเพื่อนๆของพระคุณเจ้าก็ได้เห็นเช่นนั้นเหมือนกัน..เนื่องจากหลายๆท่านในบอร์ดและคนไทยในประเทศก็นับถือพุทธศาสนาและส่วนมากก็เชื่อในการปฎิบัติกรรมฐานหรือเรื่องอภิญญา

การที่พระคุณเจ้ามากล่าวนั้นย่อมมีความน่าเชื่อถือพร้อมบังเกิดความศรัทธาอยู่ในตัวเอง ทำให้หลายๆท่านก็คิดว่าสมควรที่จะเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย และผมเองเมื่ออ่านแล้วก็ในใจก็เกิดความเชื่อถือท่านขึ้นมาในทันที

แต่มาถึงตอนนี้หากว่าเราใช้ความคิด เหตุผลจากที่เคยเกิดขึ้นในชีวิต หรือประสบการณ์ต่างๆ จะเห็นว่าสิ่งที่พระคุณเจ้าบอกกล่าวถึง นั้นมีทิศทางที่จะเกินกับความเป็นจริงมากเกินไป

จุดที่น่าจะเป็นการหักล้างด้วยเหตุด้วยผลก็คือ พระคุณเจ้าได้กล่าวไว้ว่าจะเกิดสึนามิ3ครั้ง ครั้งแรกก็แรง ครั้งที่2ไม่เป็นอะไร ครั้งที่3รุนแรงที่สุด

ในความเป็นจริงที่ได้รู้เกียวกับสึนามิไม่น่าจะเกิดขึ้นง่ายๆ แต่นี่จะเกิด3ครั้งในช่วงเวลา1เดือน ถือว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อขัดกับเหตุกับผลที่น่าจะเป็นไปได้จากสถิติ แล้วความเป็นไปของธรรมชาติ ที่จะมีการเกิดสึนามิในจุดที่ใกล้เคียงกัน3ครั้ง ถึงแม้ว่าครั้งที่2จะไม่รุนแรงก็ตาม

การเกิดสึนามินั้นเกิดจากแผ่นดินไหวใต้น้ำที่สะสมพลังงานเป็นระยะเวลานานพอสมควร แล้วระเบิดออกมาทำให้เกิดเป็นคลื่นยักษ์พัดเข้าหาชายฝั่ง

ในสถิติโลกเท่าที่รู้ก็ไม่มีเกิดสึนามิรุนแรงเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทางญี่ปุ่นได้เกิดไปแล้วน่าจะมีความห่างกันเป็นอีกหลายปีเสียด้วยซ้ำไป

ถามว่าโอกาสเกิดซ้ำกันอย่างที่พระคุณเจ้ากล่าวมีมั้ย คิดว่าถ้าเกิดแบบนั้นเปอร์เซ็นต์น้อยมาก ถ้าพระเจ้าไม่ลงโทษจริงๆ ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ค่อนข้างเหนือกว่าเหตุผลที่สะสมมาครับ...

แต่เราจะบอกว่าพระคุณเจ้าโกหกเราหรือเปล่า ..คงไม่อาจจะคิดเช่นนั้นได้ สิ่งที่เห็นก็คือสิ่งที่ได้ล่วงรู้ แต่จะถูกหรือไม่ ถูกทั้งหมดหรือเปล่า ก็ไม่สามารถมีอะไรยืนยันนอกจากให้ถึงเวลาเท่านั้น

หากแต่ว่าเมื่อเอาเหตุและผลไปอ้างอิงสิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้น ไม่น่าจะเกิดรุนแรงขนาดนั้นได้ อาจจะมีสึนามิแค่ครั้งเดียว หรือไม่เกิดสึนามิเลย หรือแค่มีน้ำท่วมหนักกเหมือนที่ผ่านๆมาก็ถือว่าหนักหนาอยู่ สำหรับพี่น้องชาวใต้ของเราแล้วครับ

หลังจากที่ยกเอาเหตุเอาผลทุกอย่าง เท่าที่จะวิเคราะห์ในเรื่องนี้ได้ คงบอกไม่ได้ว่าจะเกิดตามที่ท่านบอกหรือไม่ ..แต่คงบอกได้ว่าหน้าฝนถ้าจะมีภัยก็คือเรื่องน้ำท่วมสถิติเหตุผลเป็นไปได้มากกว่าเกิดสึนามิ
-ถ้าเกิดสึนามินั้นยากมาก เพราะพึ่งเกิดไม่นาน
-สีนามิถ้าเกิด ก็ไม่น่าจะร้ายแรงเหมือนที่ได้บอกมา

ดังนั้นความน่าเชื่อถือสิ่งที่พระคุณเจ้าได้บอกมานั้นทางเหตุและผลถือว่าเป็นไปได้ยากทีเดียว ..ถ้าเป็นจริงก็ไม่น่าจะสามารถเกิดได้ทั้งหมดอย่างที่ได้ล่วงรู้
ภัยจะไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นครับ

หากมีอะไรที่ข้าพเจ้าได้กล่าวล่วงเกิน ด้วยความไม่รู้ในเนื้อหาที่ได้ข้าพเจ้าได้บอกไป ก็ขออภัย ขออโหสิกรรมไว้ ณที่นี้ด้วยครับ

--ขออ้างอิงสึนามิที่รุนแรงสองครั้งล่าสุดนั้นเกิดที่ปี47ที่มีผลกับประเทศไทย และที่ผ่านมาเดือนมี.ค.54ที่เกิดที่ญี่ปุ่น เกิดห่างกัน7ปีครับ--

 

-ขอบพระคุณที่สนใจครับ
แต่จริงๆอยากให้ทุกๆท่านหาเหตุผลมาช่วยกันคิดด้วย ดีกว่าปล่อยเวลาไปกับการรอคอยวันเวลาตามคำทำนายจากท่านที่มาเตือนกันอย่างเดียวครับ

 

สำหรับฝนที่ตกมาก ในภาคใต้จนท่วม หลังจากเกิด สึนามินั้น ถ้าจำกันได้ ประเทศไทย อยู่ในช่วงที่มีอากาศหนาวเย็นมากๆ ซึ่งปกติ ถ้าภาคกลางแถวๆ กทม รู้สึกว่า เย็น ภาคใต้ฝนจะตกเป็นธรรมดา เพราะเป็นแนวปะทะกันของความชื้นและมวลอากาศเย็น บริเวณภาคใต้พอดี แนวปะทะที่ทำให้เกิดฝนนี้ จะเลื่อนขึ้นลง จากภาคใต้ไปภาคเหนือเป็นปกติ ขึ้นกับกำลังลม และแนวปะทะ อยู่ที่ใด้ อย่างช่วงนี้ ลมหนาวจากจีนมาไม่แรงมาก แนวปะทะจะอยู่ทางตอนบนของภาคคับ

ส่วนที่เมื่อเดือน มีนาคม มีอากาศเย็น และเป็นเหตุให้ภาคใต้น้ำท่วมนั้น มีความเป็นไปได้ว่า สาเหตุหลักอาจจะมาจากสึนามิ เนื่องจากไปเปลี่ยนทิศทางของกระแสน้ำเย็นในประเทศญี่ปุ่น เลยทำให้อุณหภูมิ เปลี่ยนไปหมด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของทิศทางกระแสน้ำร้อน น้ำเย็นนี้ จะส่งผลกระทบอย่างมากกับฤดูกาล ในแถบนี้คับ และยังไม่สามารถสรุปแน่ชัดว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ เป็นระยะสั้น คือสามารถกลับไปเหมือนเดิมได้ หรือ จะเปลี่ยนทิศทางไปเลย ซึ่งต้องดูหลายๆปี ต่อจากนี้คับ

 

-ได้ไปอ่านมาแล้ว ขอบคุณครับ
คิดว่าคนที่จะมาเตือนเพราะเห็นนิมิตอะไรน่าจะได้อ่านมากกว่าครับ

 

-ยินดีที่มาร่วมแสดงความคิดเห็นกันครับ

 

---ต่อมาสำหรับกระทู้ที่มีคำเตือนภัยพิบัติเร็วๆนี้

การเตือนภัยพิบัติที่จะมาถึงในวันที่22พ.ค.ของผู้มาใหม่

ผมได้อ่านคำเตือนครั้งแรกนั้นค่อนข้างนิ่ง เป็นคนที่ออกมากล่าวเตือนภัยที่ราบเรียบดูไม่มีความเคลือบแครงแอบแฝง ไม่ได้อ้างตนว่าเป็นผู้วิเศษ ไม่ได้บอกว่าเป็นคนที่มีอภิญญา บอกตรงๆเลยว่าตัวเองเป็นผู้ปฎิบัติธรรมที่แสนจะธรรมดา แต่ได้ไปเห็นภาพภัยพิบัติจากตาเนื้อเลย

โดยส่วนตัวผมชอบคำเตือนภัยที่ตรงๆ ง่ายๆ บอกมาว่าวันไหนชัดเจน และมีแถมเหตุการณ์ก่อนหน้ามาให้ไม่ตรึงเครียดกับภัยพิบัติโดยตรงด้วย

เอาล่ะขอเข้าเนื้อหาการเตือนภัยพิบัติของคุณผู้มาใหม่กันบ้าง ค่อนข้างบอกมาได้ละเอียดกว่ากระทู้อื่น บอกด้วยว่าเกิดประมาณจังหวัดไหน ขอบเขตภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสานตอนบน พร้อมรูปประกอบ

และต่อมาก็มีการมาเพิ่มเติมเนื้อหา ว่าเกิดที่กทม.ด้วย บางพื้นที่โดยเฉพาะสีลม ราชประสงค์ และริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ต่อมาบอกว่าก่อนเกิดเหตุวันอังคาร จะมีพระดังทางภาคอีสานท่านล่ะสังขาร ซึ่งก็ไม่ได้บอกว่าท่านใดตรงๆ อาจจะเกรงว่าจะเป็นการแช่ง การปรามาสต่อพระอริยสงฆ์องค์หนึ่งก็เป็นการเลี่ยงตอบ ป้องกันความผิดพลาดของตัวเองไปในตัวเองที่เหมาะสมเลยทีเดียว ...ถือว่ามีสติในการเสนอความคำเตือนภัยที่ดูลุ่มลึกทีเดียวครับ


มามองความน่าจะเป็นเหตุผลกันบ้าง การที่จะเกิดแผ่นดินไหวตามที่ได้บอกมา ช่วงหลังๆนี้เกิดได้ แต่ถ้าเกิดหนักแบบนั้นก็คงต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าการเกิดแผ่นดินไหวจะได้รับผลกระทบจากประเทศอื่นก็ตาม ก็คลุมไปกว่า10จังหวัด สิ่งที่เกิดนั้นจึงถือว่าร้ายแรงมาก

ถ้ามองตามเหตุผลที่ได้กล่าวเตือนภัยว่าเห็นนั้น จากสถิติโอกาสก็มีพอสมควรจากการอ้างอิงภัยแผ่นดินไหวที่พึ่งเกิดเมื่อไม่นานมานี่ที่ไทยและต่างประเทศ.. โอกาสก็ไม่ได้มากคิดว่าสัก20-30เปอร์เซ็นต์ แต่นั้นหมายความว่าเกิดไม่ได้หนักแค่กระจายๆพอสมควร ไม่ได้มีคนล้มตายเยอะแยะ ...ถ้าเกิดหนักนี่ความน่าเชื่อถือจะลดไปถึง5-10เปอร์เซนต์ได้ เพราะสถิติเก่ามันยากที่จะเกิดแบบที่เห็น และที่เกิดในต่างประเทศที่เกิดก็ถือว่าไม่ได้หนักหนาอะไรเกินไป

ตรงส่วนนี้ผมขอคิดเข้าข้างตัวเองว่าประเทศไทยเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆคอยปกป้องมาช้านาน และเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใครแล้วจะเกิดภัยที่ร้ายแรงกว่าต่างประเทศได้อย่างไรกันครับ

ยิ่งการเกิดแผ่นดินไหวที่ได้บอกไว้ มีแนวโน้มจะส่งผลมาถึงกทม.ด้วยถึงขั้นแผ่นดินทรุด แม่น้ำท่วมกระจาย แสดงว่าการสั่นสะเทือนไม่น่าจะน้อยกว่า5ลิตเตอร์ หากว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็หมายความว่ามีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวอยู่ในประเทศไทยเลย...เพราะถ้าเกิดจากประเทศใกล้เคียงแสดงว่าต้องมีการสั่นไหวแรงมาก ไม่ต่ำกว่า7ลิตเตอร์ ถึงจะมีผลกับกทม. เพราะว่าห่างกันไม่น้อยเลยครับ

เหตุการณ์ที่บอกมาโอกาส การเกิดดูจะน้อยลงเรื่อยๆ หากเทียบกับสถิติความน่าจะเป็นจากอดีต และจริงๆแล้วการเกิดเหตุภัยพิบัติทั่วไปที่เคยเป็นมา เมื่อเกิดแล้วจริงๆจะลดความรุนแรงลง และจะไม่เกิดขึ้นต่อเนื่องในระยะเวลาใกล้ๆกัน

ถ้าจะมีก็คือผลอาฟเตอร์ช๊อคบ้าง ก็ไม่นานก็จะสงบไปเหมือนเดิม ทิศทางการเกิดซ้ำแล้วแรงขึ้นไม่ค่อยมี ถ้าหากว่าเกิดหนักแล้วครับ

คิดว่าตอนนี้ส่วนหนึ่งต้องดูช่วงวันอังคารที่17พ.ค.อีกครั้งหนึ่ง เพราะได้มีการเพิ่มเนื้อหาก่อนเกิดเหตุจะมีพระชื่อดังทางภาคอีสานมรณะภาพวันอังคาร

หากว่าเป็นจริง ความน่าจะเป็นให้เชื่อถือก็มีเพิ่มขึ้น แต่ผมไม่คิดว่าจะเพิ่มขนาด100เปอร์เซ็นต์ ยังคงคิดว่าเกิดอยู่50เปอร์เซ็นต์ เพราะเหตุการณ์ที่บอกรุนแรงเกินไปที่จะเกิดขึ้นตามนั้นทั้งหมดอยู่ดี

หากว่าไม่เกิดความน่าเชื่อก็ลดไปเหลือ1-5เปอร์เซ็นต์ หรือไม่ต้องเชื่อเลยก็ได้ครับ

สุดท้ายนี้ หากว่าข้าพเจ้าได้กล่าวล่วงเกิน ในสิ่งที่ไม่รู้ต่างๆก็ตาม ก็ขอให้อภัย และอโหสิกรรมต่อตัวข้าพเจ้าด้วยครับ ({)

 

พูดถึงการเตือนภัย เรื่องนี้แยกแยะได้ยากมาก
สำหรับผู้รับข่าวจะพิจารณา จุดไหน อย่างไร
เพราะเป็นสิ่งที่ มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้

อันนี้ต้องกลับไปที่ผู้เตือนว่าท่าน พิจารณานิมิต
ของท่านดีแล้วหรือ ว่ามิใช่นิมิตลวง หรือนิมิต
ปรุงแต่งจากจิตของท่าน หรือท่านติดอยู่เพียงใน
นิมิตลวงขั้นนั้น เพราะสิ่งที่ท่านเห็นน่ะ เห็นจริง
แต่อาจมิใช่เรื่องจริง

เพราะคนรับข่าว ไม่สามารถทราบได้ว่า
สมาธิญาณของท่าน อยู่ในระดับไหน

 

การให้ความเชื่อถือสำหรับคำเตือนต่างๆ
ทั้งผู้เตือน และ ผู้ฟัง ต่างก็คงเผื่อใจไว้พอๆกัน ต่างก็ต้องรับผิดชอบทั้งคำเตือน
และความเชื่อของตัวพอๆ กัน หากวิเคราะห์ใจตัวเองว่า
*ไม่เชื่อเพราะอะไร ก็พอจะตอบได้ว่า รู้สึกไม่เชื่อถือในตัวผู้เตือนเป็นอันดับแรก ต่อมาก็รู้สึกว่าสิ่งที่เขาเตือนมันอ่อนด้อยเกินไปที่เราจะเห็นคล้อยตาม (สำหรับเรา)
*เชื่อเพราะอะไร กว่าจะเดินทางมาสู่ความเชื่อตรงนั้น คงไม่ใช่แค่พิจารณาจากสิ่งที่ใครพูดก็เชื่อ แต่เพราะแต่ละคนได้มีหลายสิ่งหลายอย่างสะสมมา มีบางอย่างอยู่ในใจมาก่อน มีประสบการณ์ที่สะท้อนความคิด จิต อารมณ์ มาก่อน ก่อนที่จะมาถึงความเชื่อตรงนั้น
ที่กล่าวมานี้ วิเคราะห์แต่เฉพาะตัวเองว่าทำไมจึงเชื่อและทำไมไม่เชื่อ

แต่หากจะวิเคราะห์ข้อมูล ว่าข้อมูลใดควรเชื่อ ไม่ควรเชื่อ บุคคลใดควรเชื่อ ข้อมูลใดมีความเป็นไปได้สูง สิ่งใดเป็นการหลงผิดของบุคคล ก็ต้องถามว่าเอาสิ่งใดมาเป็นสิ่ง
วิเคราะห์ ถ้าเอาความเห็นส่วนบุคคลมาวิเคราะห์ ..... มีตัวอย่างหลายกระทู้ ที่แสดงให้เห็นว่า เสียเวลามากกว่าได้ประโยชน์ สิ่งที่จะเอามาวิเคราะห์ได้เป็นหลักมากกว่าอย่างอื่น
(ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะถูกเสมอไป) ก็คือความรู้ รู้จริงเพราะมีการศึกษา รู้มามากเพราะติดตามอ่านมามาก รู้บ้างรู้สะเปสะปะแล้วมาหาหลักเอาเอง
หากคิดว่าเวลามีน้อย สถานะการณ์ของพื้นแผ่นโลกนี้ไม่แน่นอนแล้ว ก็ต้องรีบข้ามอะไรที่เปล่าประโยชน์ออกไป หากมีข้อมูลที่คุณไม่เชื่อถือ ก็ข้ามผ่านไปโดยเร็ว ถ้ามีเมตตาจิตคิดอยากเตือนใครที่เราคิดว่าเขาหลงผิด ก็คงต้องใช้เมตตาในอุเบกขาสำหรับการเตือน
อาจจะมีคนเชื่อเรา หากเขาไม่เชื่อก็เป็นสิทธิของเขา เรายังไม่เชื่อเขาเลย

หากจะวิเคราะห์ข้อมูลใดๆ ก็ไม่พ้นต้องวิเคราะห์วิจารณ์บุคคลไปด้วย ไม่ว่าเขาจะเป็น ผู้มีลางสังหรณ์ นิมิตฝัน ทรงณาณ นักการศึกษา นักวิชาการ พระสงฆ์องค์เจ้า ท่านอาจจะไม่เข้ามาตอบโต้เราในที่นี้ มีแต่เรากันเอง คุยกันเอง วิเคราะห์กันเอง สุดท้ายก็ไม่มีคำตอบแน่ชัดเหมือนกัน เพราะมันก็เป็นการวิเคราห์คาดเดาในฝ่ายของเรา ถ้ามารวมๆกันหลายๆ กระแส ก็คงรวมกระแสปฏิฆะ-ปรามาสได้เยอะเหมือนกัน ปล่อยจิตปล่อยใจหมกมุ่นไปกับหาเหตุหาผลที่ไม่มีวันรู้คำตอบ นอกจากจะเสียเวลาเร่งความเพียร ยังบั่นทอนคุณธรรมที่สั่งสมไว้ได้อีก

 

-ผมว่าการทำแบบนี้มีประโยชน์ ผมไม่เห็นมีกระทู้ไหนวิเคราะห์ว่าอันไหนจะเกิดหรือไม่เกิดเลย ส่วนมาก โดยมากก็ให้เชื่อเพียงอย่างเดียวและรอคอยติดตาม

ก็อยากให้เห็นเหตุผล ความเป็นไปได้ด้วย และก็ไม่ใช่ว่าจะใช้แต่ความเห็นส่วนตัว เพราะผมรอคนอื่นมาใส่ความเห็นเข้าไปด้วย

จุดประสงค์ให้อย่าเชื่อ ..จนหลงผิด และไม่คิดอะไรเลยเราจะได้มีจิตนึกคิด หาเหตุผลบ้าง เป็นการฝึกสมองไปในตัว.. ไม่ใช่แต่มัวแต่หวาดกลัว กังวลเกินไป เพราะก็มีเวลาที่จะต้องคอยติดตามคำทำนาย ก็ได้แต่กลัวอยู่อย่างนั้นว่าจะเป็นจริงหรือเปล่า

จะได้ช่วยกระจายการเสี่ยงที่แต่ละคนจะต้องเชื่อเพียงอย่างเดียว ผมคิดว่าส่วนมากคนที่เข้ามาก็มีใจเชื่ออยู่แล้วว่าต้องเกิด

ซึ่งๆจริงมันก็เกิดแล้ว แต่จะหนักแค่ไหนเท่านั้น ..ส่วนคนที่มาเตือนบอกนั้นเป็นสิ่งที่ค่อนข้างเหลือเชื่อในหลักการที่จะเป็นไปได้จริงๆ เราก็ว่าไปตามนั้น

คนที่อ่านก็ต้องแยกแยะอีกที ไม่ได้บอกว่าต้องคล้อยตาม ผมไม่สนับสนุนคนที่เชื่อ คล้อยตามและไม่คิดอะไรเลย และเป็นการสะกิดที่จะได้ใช้ปัญญากันด้วยครับ

คนที่เข้ามาส่วนมากก็เหมือนๆกับผม อ่านแล้วก็ค่อนข้างเชื่อ หวาดกลัว ต้องคอยติดตาม แต่ถ้ามาคิดในความเป็นจริงอย่างมีเหตุผล ก็จะทำให้เราลดความวิตกกังวลไป และคนโดยมากจะเลือกที่จะเชื่อ มากกว่าจะคิด ก็ให้ใช้ความคิดกันบ้างเท่านั้นครับ

--ส่วนการวิพากวิจารณ์เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่สมควรเกิดขึ้นคุณคิดว่าเรื่องที่ท่านๆทีมาเตือนเป็นเรื่องเล่นๆหรือครับ ..และสิ่งที่บอกก็ป็นสิ่งที่ก็ไม่สามารถคาดความเป็นจริงได้เช่นกัน จะถูกจะผิดก็ไม่รู้ --ส่วนผมมาเตือนจะถูกผิดก็ไม่รู้ เหมือนกัน แต่ว่าผมผิด

แสดงว่าคุณเห็นว่าคนมาเตือนภัยคือฮีโร่.. จะจริงหรือไม่จริงก็ไม่ควรวิจารณ์ใช่หรือไม่

ส่วนคนที่มาบอกเตือนว่าสิ่งที่เตือนภัยก็ไม่ได้แน่นอน อย่าไปเชื่อเสียทีเดียวให้มองความเป็นจริงมากขึ้น จะได้ไม่หวาดกลัวเกินเหตุ..กลายเป็นคนร้ายเพราะว่าผมทำให้คุณๆท่านๆคิดมากขึ้นเท่านั้นเองหรือครับ

การใช้เจตนาสรุปคนเตือนภัย เจตนาดี ..คนเตือน ในคำเตือนภัยคือเจตนาร้าย???? ทั้งที่ก็เตือนเหมือนกัน:'(

 

เท่าที่อ่านจาำกระทู้ต่างเรื่องการเตือนภัย ไม่ว่าจะจากพระ จากการนั่งสมาธิ นิมิตรเห็น หรือคำทำนายจากหมอดู ไม่เห็นมีสำนักไหนแม่นเลย....ไม่เคยเกิดเหตุ....พอไม่เกิดก็มักอ้างว่า...มีคนคอยช่วยเลื่อนภัยพิบัติให้ หาเหตุผลต่าง ๆ นานา มาอ้าง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้มีบารมี มีอภิญญา ครูบาอาจารย์ ขอกับเบื้องบนเอาไว้ไม่ให้เกิด.......หากเกิดเหตุภัยพิบัติขึ้นมา...ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ก็มักจะเอามาผูกกับคำทำนายต่าง ๆ จนได้ แม้จะเกิดนิดหน่อยก็คิดเอาว่า...ทำนายถูก เช่น บอกน้ำท่วมหนัก...มากชนิดแผ่นดินจะหาย แผ่นดินจะยุบ....แต่เอาเข้าจริงก็ท่วมไม่ถึงขนาดที่บอก.....

 

หะแรกก็ตื่นเต้นดีแต่ตอนนี้หมดอารมณ์ร่วมแล้วเพราะเท่าที่ทายมาก็เพี้ยนทุกรายเสร็จแล้วก็โยนให้เป็นภาระของผู้มากบารมีได้ช่วยยับยั้งภัยภิบัติแต่ถ้าจะวิเคราะห์ตามเหตุปัจจัยเพื่อหาแนวทางที่ถูกที่ควรอย่างที่คุณดาวบุ๋นตั้งหัวข้อไว้ก็ดีไม่น้อยเห็นชอบตามนั้นครับ

 

อ่านมาตั้งนานแล้วเหมือนกันครับ
คิดซะว่า เป็นนาธานซะ ก็ไม่ต้องเครียดครับ

คนโกหก มันได้ใจ ทายผิดก็มีคนบ้าไปให้กำลังใจกันอยู่ได้ ไร้สาระจริง ๆ

ญาณใครแน่ เจ๋ง ๆ โทรมาหาผมหน่อยนะ จะเอากล้องไปถ่าย ถามกันแบบตรง ๆ แล้วเอามาเปิดให้ชี้ชัดกันไปเลย และหวังว่าญาณหรือยานท่าน คงหาเบอร์ผมได้นะ

 

คนมีญาณจะไม่บอก คนที่บอกจะไม่มีญาณ :'(

 

555 คุณดาวบุ๋น5 กลายเป็นตัวร้ายซะแล้ว

จริงๆผมก็อยากไปตอบกระทู้อื่นๆเหมือนกันนะ แต่เกรงว่ามันจะเดือดเข้าไปใหญ่

ผมแตกประเด็นได้สองอย่างนะ เกี่ยวกับกระทู้ภัยพิบัติ คือการวิเคราะห์แบบวิทยาศาสตร์ และการเข้าฌานเพื่อมองไปดูอนาคตว่ามันจะเกิดอะไรบ้าง

อันแบบแรกน่ะผมเชื่อว่าพิสูจน์ได้ มีคนเข้าใจได้มากกว่าอันที่สองแน่นอน ข้ามไปเลยแล้วกัน

ส่วนแบบที่สอง ผมต้องขอบอกว่า ผมเองก็ยังปฎิบัติไม่เก่งพอที่จะทราบว่า การเข้าฌานที่ถูกต้องเป็นอย่างไร และไม่กล้าลบหลู่ว่าการรู้เห็นอนาคตของแต่ละท่านจะมีความถูกต้องแม่นยำมากน้อยเพียงไร ผมถือว่าเป็นสิ่งใหม่ และน่าสนใจ น่าติดตาม และการฝึกปฎิบัติก็ไม่ได้มีการเสียหายอะไร ซ้ำยังทำให้มีสมาธิเพื่มขึ้นอีกด้วย อนึ่ง ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งซึ่งเมื่ออ่านกระทู้ภัยพิบัติแล้วมีความรู้สึกอยากนั่งสมาธิมากขึ้น สวดมนต์ผมทำเป็นประจำอยู่แล้ว

การเตือนภัย เท่าที่ไล่อ่านกระทู้มา อ่านบ้างข้ามบ้าง สรุปได้ว่า เจ้าของกระทู้ทุกท่านมีความหวังดี อยากจะให้ทุกท่านที่อ่านได้รับรู้เหมือนที่เจ้าของกระทู้รู้ ซ้ำยังเขียนไว้ด้วยว่า สิ่งที่รู้ได้รับรู้มาจากไหน และความถูกต้องแม่นยำในหลายๆกระทู้ไม่สามารถรับรองได้ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ท่านที่อ่านก็น่าจะได้รับประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย อันนี้ผมเห็นด้วยนะ

แต่... ผมก็อยากจะให้ทุกคนเข้าใจด้วยครับ คนที่เข้ามาอ่านกระทู้ได้ ไม่ใช่เฉพาะคนที่กำลังฝึกปฎิบัติธรรมเหมือนกันหรือเท่ากันทุกคน และคนทั่วไปก็สามารถเข้ามาอ่านได้ เพราะฉะนั้นความสามารถในการรับรู้และเข้าใจและเตรียมใจพร้อมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นก็จะแตกต่างกัน หลายท่านตื่นตระหนก หลายท่านเชื่อไปแล้วว่าคงจะเกิดขึ้นจริง(แน่นอน) บางท่านใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาเปรียบเทียบกับข้อมูลที่ได้จากการหยั่งรู้อนาคต บางคนเปรียบเทียบว่าจริง บางคนเปรียบเทียบว่าไม่น่าจะจริง ฯลฯ แล้วมีบางท่านก็มาเถียงกันว่าใครผิดใครถูก... ช่วยชี้แจงพร้อมหาหลักฐานมายันด้วย... เฮ้อ... กลุ้มหนอ...

ทะเลาะกัน ขัดแย้งกัน เป็นทุกข์เปล่าๆ ทำไมไม่มองส่วนดีที่แต่ละท่านเค้านำมาเขียนไว้ไปประยุกต์ใช้ ไปปฎิบัติตามละครับ สิ่งที่ดีๆมีเยอะไป

- ผมขอขอบคุณเจ้าของกระทู้ทุกๆท่านที่ได้ทำการแจ้งเตือนภัยพิบัติครับ ผมไม่ทราบหรอกว่ามันจะเกิดหรือไม่เกิด สิ่งที่ผมทำได้คือการรับรู้ และพยายามทำทุกวันที่ยังมีอยู่ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองและผู้อื่นให้ได้มากที่สุดครับ ผมไม่สนหรอกว่าผมจะรอดหรือไม่รอด(ถ้าเกิดขึ้นจริง) เพราะในหลายๆกระทู้ก็เขียนไว้แล้วว่า คนดีจะรอด คนไม่ดีก็ไม่รอด ผมไม่รู้หรอกว่าผมอยู่กลุ่มไหน แต่ผมจะทำให้ทุกวันของผมมีความสุขเท่าที่จะทำได้ครับ

-ผมขอขอบคุณกระทู้ของ คุณอริยะบุญ ที่ทำให้ผมอยากที่จะทำการฝึกนั่งสมาธิให้เก่งกว่านี้

-ประโยชน์ของการนั่งสมาธิมีเยอะนะครับ ช่วยฝึกสติ ไม่ให้ใครต่อใครมาชักจูงไปง่ายๆ ทั้งยังช่วยระงับยับยั้งอารมณ์ที่แปรปรวน ช่วยให้เราใจเย็นขึ้น เมื่อใจเย็นกันทุกท่าน การคุยกัน การหาทางออกในการแก้ปัญหาก็จะง่ายขึ้นครับ และอย่างที่หลายๆท่านในนี้เขียนกัน การฝึกสมาธิจะยกระดับความสามารถของเราให้ก้าวพ้นขีดจะกัดของมนุษย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ด้วย น่าสนใจครับ

เมื่อรู้ข้อดีของการนั่งสมาธิอย่างนี้แล้ว ผมขอตัวไปฝึกนั่งสมาธิต่อดีกว่า

ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความกรุณาอ่านจนจบนะครับ

ปล. "ดอกบัว 4 เหล่า"

 

ต้องอย่างนี้สิ

 

โอ้......สวดยวด

 

เรียนท่านดาวบุ๋น5


ก่อนเราจะว่ากล่าว...ท่านผู้ใด...เราควรรู้จักท่านผู้นั้นก่อน...ว่าท่านผู้นั้นท่านมีความดีอะไร

การกล่าววาจา....ตบหัว....แล้วขอขมาลูบหลังนั้น....ไม่บังควร

และ ดร.เทพนมก็ไม่สามารถมาตอบโต้ท่าน....ในนี้ได้ !

ดังนั้น....นี่คือการตั้งกระทู้หลอกด่าคนที่ไม่สามารถตอบโต้ท่านได้.....หรือเปล่า (เป็นแค่คำถาม)

โดย....ตีปลาหน้าไซว่า....อย่าได้โกรธอย่าได้น้อยใจ

การที่เราจะวิเคราะห์.....และหาคนมาช่วยกันนั้น.....เราควรถามเขา....ด้วยความสุภาพว่า.....เหตุใดท่านเหล่านั้นจึงเชื่อ....ท่านใช้เหตุผลอะไร

ขอท่านจงพิจารณา










++++++++++++++++++++++++++++++++


ศ.ดร.นายแพทย์ เทพนม เมืองแมน

เกิดเมื่อ 18 กันยายน 2478
บิดามารดา หลวงพิณพากย์พิทยาเภท (พิณ เมืองแมน) และ คุณหญิงพิณพากย์พิทยาเภท (จำนงค์ เมืองแมน)
ที่อยู่ปัจจุบัน 69/1 ซ.วิภาวดีรังสิต 8 ดินแดง กทม. 10400
โทร. (622) 276-2354 , 01- 488-1444
สภาพการสมรส สมรสกับนางสาวชยะพร สุนทรพิพิธ บุตรีของพระยาสุนทรพิพิธ และ ม.ร.ว.พิไล สุนทรพิพิธ
บุตรและธิดา มีบุตร 2 คน คือ
1.) น.พ.สุพิชยะ เมืองแมน B.A.(hon.),M.D.
2.) น.ส.พิมพร เมืองแมน อ.บ.,M.A.
ตำแหน่งปัจจุบัน 1.) ผู้อำนวยการโครงการแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยรังสิตและมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด
2.) ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงทพมหานคร (ดร.พิจิตร รัตตกุล)
ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค
ประวัติการศึกษา พ.ศ. 2479 มัธยมศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล
พ.ศ. 2501 B.A. (Chem.-Zoo) จาก Grinnell College,USA.
พ.ศ. 2505 แพทย์ศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต (M.D.) จาก Jefferson Medical College,
USA.
พ.ศ. 2508 M.P.H. ด้านการบริหารงานสาธารณสุข HARVARD University,USA.
พ.ศ. 2511 สาธารณสุขศาสตร์ ดุษฎีบัณฑิต (DR.P.H.) จาก HARVARD University,USA.
พ.ศ. ได้รับประกาศนียบัตรด้าน การวางแผนพัฒนาสาธารณสุขระดับชาติ จาก United Nation Asian Developmental Institute
พ.ศ. 2528 จบวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 27
ประวัติการรับราชการ 1.) บรรจุเป็นอาจารย์ที่คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เนื่องจากเป็นนักเรียนทุน ก.พ. พ.ศ.2511
2.) ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง "หัวหน้าภาคบริหารงานสาธารณสุข" คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
3.) ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง "คณบดี คณะสาธารณสุขศาสตร์" มหาวิทยาลัยมหิดล ติดต่อกัน 4 สมัย (พ.ศ.2519-2535)
4.) ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง "คณบดี คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล" (พ.ศ.2535-2538 ซึ่งพอดีเกษียณอายุราชการ)


ประวัติความเป็นมาของ ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ที่เกี่ยวข้องกับยูเอฟโอ และผู้ขับขี่ยานบิน


เมื่ออายุ 10 กว่าขวบ ขณะที่อยู่กรุงเทพฯ พบปรากฎการณ์ ประหลาดกับตัวเอง ที่มีแสงส่องจากเมฆลงมาที่ตัวหลายครั้ง มีครั้งหนึ่งถึงกับเป็นลมล้มลง มีรอยแดงที่หน้าอกเป็นวงกลม แสงมักส่องลงมาจากเมฆ และคิดว่ามีสิ่งเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลังม่านเมฆนั้น

พ.ศ.2497 (อายุ19) เห็น ยูเอฟโอ 2 ลำ (รูปร่างกลม มีโคนสีเงิน มีหน้าต่างรอบ) ขณะไปตั้งแคมป์กับเพื่อนชาวอเมริกัน ที่รัฐเวอร์มอนต์ สหรัฐอเมริกา ในตอนเช้าราว 10 : 00 น. มีคนเห็นทั้งหมดมากกว่า 1,000 คน เป็นระยะเวลานานถึง 2 ชั่วโมง เมื่อเครื่องบินขับไล่ 2 ลำของสหรัฐขึ้นสกัด ยูเอฟโอ 2 ลำ ก็พุ่งตรงขึ้นในแนวตั้งอย่างรวดเร็วและหายไปในพริบตา ในท้องฟ้าที่ไม่มีเมฆเลยทำให้สนใจเรื่องยูเอฟโอมาตั้งแต่นั้นเป็นอย่างมาก ว่ามันคืออะไรกันแน่ จึงได้สมัครเป็นสมาชิกของสมาคมยูเอฟโอ และ ติดตามเรื่องนี้ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนการทำสมาธิ ก็ได้ปฎิบัติมาราว 20 ปี เศษ

พ.ศ. 2535 เริ่มทำสมาธิอย่างจริงจัง เพื่อติดต่อกับผู้ขับขี่ยูเอฟโอจากคำแนะนำของ ดร. อาจอง ชุมสาย แต่ติดต่อไม่ได้ ยานบินไม่มาปรากฎให้เห็นหลังทำสมาธิ

พ.ศ. 2537 เริ่มรู้สึกว่าติดต่อได้กับผู้ขับขี่ยูเอฟโอ ถ่ายภาพยูเอฟโอได้ที่ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำแคว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เมื่อ 5 มิถุนายน 2537 เวลาประมาณ 10 โมงเช้า มีความรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวก่อนที่ยูเอฟโอจะมา และความรู้สึกนี้จะเกิดทุกครั้งก่อนยูเอฟโอจะมา หรือเมื่อเขามาคอยอยู่แล้ว


พ.ศ. 2538 ต้นเดือนมกราคม ได้ไปหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาว ที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสมุทรปราการ คนขายบอกว่าไม่มี ยังไม่ได้ขนมาจากร้านเก่า แต่มีผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่ง ที่กำลังยืนจ้องอยู่และเข้ามาบอกว่า เธอได้รับคำสั่งให้พาไปซื้อหนังสือ ยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาว รออยู่ตั้งนานแล้วไม่เห็นสนใจ ผู้หญิงคนนี้แต่งตัวทันสมัย ผมยาวเลยไหล่ นุ่งกางเกงบูยีนส์ ยืนยันว่า มีหนังสือพวกนี้แน่ในร้านนี้ และพาไปดูที่หลังร้าน ระหว่างเดินไปเธอถามว่า เชื่อไหมว่ามนุษย์ต่างดาว ที่หน้าตาเหมือนพวกคุณ เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ตั้งนานแล้ว? ก็ตอบไปว่าไม่ทราบ เธอยิ้มแล้วถามว่า ไม่ทราบจริง ๆ หรือแกล้งไม่ทราบ...เมื่อเข้าไปใกล้ชั้นหนังสือหลังร้าน เธอก็ชี้ให้ดูหนังสือจำนวนมาก ที่ ตั้งอยู่บนชั้นหนังสือ มีทั้งภาษาไทยและอังกฤษ และบอกว่า นี่ไงหนังสือที่คนขายบอกว่าไม่มี คุณเลือกซื้อเอาตามใจชอบ หมดหน้าที่ของฉันแล้ว...กล่าวจบก็เดินจากไป ผู้หญิงคนนี้ถือถุงช้อปปิ้งไว้ทั้งสองมือ ที่น่าประหลาดก็คือ ทำไมเธอจึงบอกว่าถูกสั่งให้มาพาไปชั้นหนังสือยูเอฟโอ และพาไปหาหนังสือได้ถูกต้อง

ต่อมาราวอีก 1 สัปดาห์ ผู้เขียนไปรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อน ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ใน กทม. ก็พบผู้หญิงคนนี้อีก เธอจ้องเขม็งยิ้มและโบกมือให้ แต่ไม่ได้พูดกัน ทำให้สงสัยว่า เธอติดตามดูเราหรือเปล่า แต่หลังจากนั้นก็ไม่พบอีกเลย

มีพระที่เก่งทางการทำสมาธิ และสามารถติดต่อกับผู้ขับขี่ยานบินได้เช่นกัน บอกว่า...ผู้หญิงที่เล่าให้ฟังนี้ ไม่ใช่มนุษย์นะ อย่าไปคบหาสมาคมด้วย.

พ.ศ. 2539 ผู้เขียนเป็นประธานจัดการประชุมมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตครั้งที่ 1 ที่มหาวิทยาลัยเกษตรฯ ระหว่างวันที่ 15 - 16 มิถุนายน 2539 และจัดให้มี นิทรรศการ ภาพยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาว เป็นครั้งแรกในประเทศไทย มีประชาชนเข้าชมงานนี้ทั้งหมดหมื่นคนเศษ เกิดปรากฏการณ์พิเศษ 2 อย่างที่ทำให้คิดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับยูเอฟโอ คือ

1. หลังจากนิทรรศการยูเอฟโอผ่านไปไม่ถึง 1 สัปดาห์ สุนัขดัลเมเชียน เพศเมียตัวใหญ่ที่บ้านเกิดตายอย่างลึกลับ ทั้งที่มีสุขภาพดี คือ การนอนตายอยู่ในสระบัวที่น้ำลึกไม่ถึงคืบ สัตวแพทย์ไม่รู้ว่าเป็นอะไรตาย ตามตัวไม่มีบาดแผลอย่างใดทั้งสิ้น และไม่ได้จมน้ำตายอย่างแน่นอน

ภาพถ่าย วัวที่ถูกชำแหละโดยเครื่องมือที่ไม่สามารถอธิบายได้

2. อีกสัปดาห์ต่อมา หลังจากสุนัชตายอย่างลึกลับแล้ว มีโทรศัพท์เข้ามาราวตี 2 เสียงประหลาดพูดเป็นเสียงผู้ชาย เมื่อรับสายและนึกด่าในใจ ว่าใครหนอช่างไม่มีมารยาทโทร.เข้ามาดึกดื่น ก็ได้ยินเสียงพูดรัวเป็นภาษาแขก และพูดต่อมาเป็นภาษาไทยว่า...เราคือมนุษย์ต่างดาวจริง ๆ ขณะนี้ยานบินของเรากำลังลอยอยู่เหนือบ้านท่าน เรารู้นะว่าท่านกำลังด่าเรา แต่เวลาหลังเที่ยงคืน เป็นเวลาที่การติดต่อทางจิตทำได้ดีที่สุด

เราทราบว่าท่านสนใจยานบินของพวกเรามาก พวกเราได้ไปดูนิทรรศการที่ท่านได้จัดแล้ว ขอบใจที่ช่วยเผยแพร่ว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง พวกเราอยากขอเชิญท่านไปพบในวันพฤหัสฯ หน้า ที่เกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่แก่งกระจาน ชาวบ้านเรียกกันว่า "เกาะโสมพันปี" เราและยานบินจะลงมาพบกับท่าน เวลา 1 ทุ่มตรง ขอให้ไปคนเดียว...ผู้เขียนขณะนั้นนึกในใจว่า สงสัยคนบ้าโทร.มามากกว่า

ในวันรุ่งขึ้นมีลูกศิษย์ที่สนใจด้านยูเอฟโอมาหา และเล่าให้ฟังว่าเขาและครอบครัวเพิ่งเห็นยูเอฟโอที่ลาดพร้าว เมื่อไม่นานก่อนหน้านั้น เวลาประมาณ 3 ทุ่ม พอเล่าให้ฟังถึงเรื่องการติดต่อ เขาก็กระตือรือร้นมาก ขอไปพบแทน ผู้เขียนก็ไม่ได้นึกถึงอันตรายอันอาจเกิดขึ้นได้ หากเข้าไปใกล้ยูเอฟโอ ก็บอกเขาว่า... "อาจารย์ไม่ว่างไปไม่ได้ ถ้าเธออยากไปก็ไปได้ แต่เอาเพื่อนไปด้วย และระวังตัว" เพราะถ้ามันมาจริง ๆ ก็คงยงุ่เหมือนกัน ลูกศิษย์คนนี้อยู่มหาวิทยาลัยปี 4 เรียนดี สุขภาพดี เขาไปกับเพื่อนอีก 3 คน ต่อมาอีก 3 วัน เพื่อนของเขาติดต่อมาบอกว่า ลูกศิษย์คนดังกล่าวตายเสียแล้วอย่างลึกลับ คืนแรกพวกเขาไปด้วยกัน 4 คน รอแต่หัวค่ำจนเช้าบนเกาะที่ชาวบ้านบอกว่า เห็นจานบินขึ้นลงบ่อย ๆ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อมาในวันรุ่งขึ้น ลูกศิษย์เขาบอกว่า เราไปกันหลายคนเขาคงไม่มา ขออยู่อีกคืน ขอไปอยู่คนเดียว เพราะเกาะเตียนโล่ง ไม่มีต้นไม้ใหญ่อยู่เลย ตอนเย็น เพื่อนก็เอาเรือหางยาวไปส่งไว้ และจะมารับกลับตอนเช้า เขาก็เตรียมกล้องถ่ายวีดีโอ กล้องถ่ายรูป เครื่องวัดเสียงไว้ครบ ตอนเช้าเพื่อนมารับ ก็พบนอนตายอยู่บนตลิ่ง น้ำตื้น เช่นเดียวกับสุนัข ดัลเมเชียน ตำรวจได้มาชันสูตรศพ ไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายหรือถูกงูกัด ไม่รู้สาเหตุของการตาย ของผู้ชายอายุราว 20 กว่า สุขภาพดีเยี่ยม ทั้งยังเป็นนักกีฬาอีกด้วย ตำรวจลงในบันทึกประจำวันว่า สาเหตุการตายคือหัวใจวาย

เหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นใกล้เคียงกัน ทำให้ต้องสงสัยว่า มันอาจเกี่ยวข้องกับยูเอฟโอก็ได้ เขาอาจไม่ต้องการให้เราเปิดเผยมากในเรื่องยูเอฟโอ และมนุษย์ต่างดาว ผู้เขียนรู้สึกเสียใจอย่างมากที่ลูกศิษย์คนนี้ต้องตายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่อาจเกี่ยวข้องกับยูเอฟโอด้วย

พ.ศ. 2540 ในแต่ละปีี ผู้เขียนได้รับเชิญไปประชุม หรือบรรยายในต่างประเทศด้วยหัวข้อ การสาธารณสุข หรือสิ่งแวดล้อมปีละ 7 - 8 ครั้งทั่วโลก สังเกตว่าตั้งแต่ พ.ศ. 2539 - 2540 เป็นต้นมา ขณะอยู่ในเครื่องบิน หากทำสมาธินึกถึงผู้ขับขี่ ยูเอฟโอ ภายใน 5 -10 นาที ยูเอฟโอจะปรากฎให้เห็น 1-8 ลำ แต่มักบินอยู่ในระยะไกลกว่าเครื่องบินโดยสาร และบินสูงกว่า 40,000 ฟุต เห็นกันหลายครั้ง ถ่ายภาพนิ่งและภาพวีดีโอได้หลายครั้ง รู้สึกว่าพอทำจิตให้นิ่ง นึกถึงเขาและบอกในใจว่าหากท่านอยู่ใกล้ ๆ ขอให้นำยานมาปรากฎให้เห็น...ยานบินก็ปรากฎทุกครั้ง ฝรั่งที่นั่งข้าง ๆ ก็เห็นเช่นกัน มีทั้งยานรูปร่างกลมและยาว

และในปีนี้เองที่การติดต่อทางจิตเป้นไปอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น กล่าวคือ เมื่อการติดต่อทางจิตจะมาถึง จะรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว เริ่มต้นจากลำคอ ท้ายทอย แผ่ซ่านไปยังศรีษะและใบหน้า และลงมาที่แขนทั้ง 2 ข้าง ลำตัวและ ขาทั้ง 2 ข้าง ตามลำดับ หลังจากได้รับความรู้สึกนี้แล้ว อาจมีบางอย่างปรากฎขึ้น คือ

1. หากตั้งคำถาม ก็จะทราบคำตอบทันทีชัดเจน ฝรั่งเรียกว่า"intution" คือรู้คำตอบทันที และอธิบายไม่ได้ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

2. บางครั้งได้ยินเสียงพูดในศรีษะ แต่ไม่ได้ยินทางหู การได้ยินอีกลักษณะคือ ทางโทรศัพท์ เช่น เคยได้ยินคราวแรก ดังได้เล่าให้ฟังมาแล้ว คือ เขาจะพูดภาษาแขกรัวเร็ว เรียกชื่อเราว่า "พีระติ"และถ้าไม่ขอให้เขาพูดเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ เขาก็จะพูดเป็นภาษาเขาตลอดไป

ในเดือนพฤศจิกายน 2540 ผู้ติดต่อมาเป็นเสียงผู้หญิง ถามว่า..."พีระติ เจ้าลืมเผ่าพันธุ์ของเจ้าหมดแล้วหรือ ลืมดาวอังคารแล้วหรือ แต่เจ้าก็ลงมาอยู่ในโลกนี้ 5 พันกว่าปีแล้ว ยังไม่อยากกลับบ้านของเราอีกหรือ..." สิ่งที่เล่าให้ฟังนี้ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ นอกจากบางครั้งอัดเสียงได้ทางโทรศัพท์ แต่ถ้าไม่ขออนุญาตก่อนก็อัดเสียงไม่ติด จะได้ยินแต่เสียงผู้เขียนพูดอยู่คนเดียว ผู้ขับขี่ยูเอฟโอ ที่ติดต่อมาเป้นคนแรก เป็นผู้หญิงนี้บอกว่า ชื่อ "พาราซิทัล" เขาบอกให้เรียกเขาว่า "มนุษย์ดาวอังคารก็แล้วกัน" เขาบอกว่า เขาได้รับมอบหมายให้มาช่วยโลกนี้ เมื่อเกิดภัยพิบัติ และตำแหน่งของเขาในดาวอังคารเป็น รองพระเจ้าแผ่นดิน เขาอธิบายสั้น ๆ ถึงเหตุผลที่มาติดต่อ...เพราะสายพันธุ์ เดียวกันจึงติดต่อด้วย และบอกว่าผู้เขียนเป็น เพื่อนสนิทของเขา เมื่ออยู่ดาวอังคารด้วยกัน เขาบอกว่ามนุษย์ต่างดาว มีทั้งกลุ่มที่ดี และกลุ่มไม่ดี แต่กลุ่มเขาเป็นกลุ่มดี หวังช่วยเหลือมนุษย์ทุกอย่างที่ทำได้ ไม่ได้มายึดครองโลกนี้เลย เขาได้เคยพาผู้เขียนขึ้นไปดูบนยานบินใหญ่ของเขา 2 ครั้ง และพาไปดูที่ดาวอังคาร 1 ครั้ง ไปทางจิต เห็นบ้านเป็นแก้วผลึก ยอดแหลม ๆ ทุกหลังอยู่ใต้ดิน ลึกลงไปหลายกิโลเมตร เขาชี้ให้ดูบ้านหลังหนึ่งที่ปิดตายอยู่ เขาบอกว่า นี่คือบ้านของท่าน ปิดตายมานานแล้ว เพราะเจ้าของบ้าน ภรรยาและลูกอีก 2 คน ได้ลงมาปฏิบัติภารกิจในโลกมนุษย์นานแล้ว ไม่มีใครอยู่เลย

เขาอธิบายถึงการมาด้วยยานหรือจุติมาเกิดเป็นมนุษย์ เป็นการเวียนว่ายตายเกิดข้ามดาว ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ส่วนมากการเวียนว่ายตายเกิด จะเกิดเฉพาะในแต่ละดาวเท่านั้น ไม่ไปเกิดข้ามดาว สิ่งที่เล่ามานี้ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จะพิสูจน์ได้ แต่ในอนาคตอาจมีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ที่พิสูจน์เรื่องที่ได้รับการบอกเล่านี้ได้

ท่านพาราซิทัล เป็นผู้นำยานบินมาปรากฏมากที่สุด คำว่า "พาราซิทัล" เพิ่งทราบจากเพื่อนชาวอินเดีย ที่เชี่ยวชาญ ทางภาษาอินดีสโบราณบอกว่า แปลสั้น ๆ ว่า "เหนือมนุษย์" แต่ท่านพาราซิทัล ท่านก็บอกว่า ท่านไม่ใช่เทวดา พรหมหรือผี แต่เป็นมนุษย์ต่างดาว ซึ่งเป็นมนุษย์ชนิดหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในชั้นใต้ดินของดาวอังคาร มีความเจริญทางวิทยาศาสตร์และศีลธรรม จริยธรรมสูงกว่ามนุษย์มาก มีอายุยืนหลายพันปี สามารถพิชิตโรคทุกชนิดได้หมดแล้ว

จานบินได้มาปรากฏให้ลูกชายผู้เขียนเห็นในเดือนมกราคม 2542 เมื่อเขากลับมาเยี่ยมบ้านจากสหรัฐอเมริกา ส่วนก่อนหน้านั้นในปี 2540 จานบินได้ไปปรากฏที่เมือง ฟิลาเดลเฟีย ที่ซึ่งลูกชายของผู้เขียนเรียนอยู่ จานบินนี้ถ่ายภาพได้ใกล้ ๆ ที่พักของเขา คือ Independence Hall ที่แสดง Liberty Bell ของสหรัฐ ท่าน "พาราซิทัล" บอกว่า จะช่วยดูแลให้ ไม่ต้องวิตก เขาอ้างว่า เขาบินด้วยวิธีเจาะมิติ ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ปรากฏที่เมืองฟิลาเดลเฟียได้แล้ว บินจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯ ใช้เวลามนุษย์ 1 นาที แต่ถ้าเป็นเครื่องบินโดยสารธรรมดาใช้เวลา 55 นาที

เมื่อ 15 มกราคม พ.ศ. 2541 ผู้อ้างว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวอีกคน ได้โทร.เข้ามาหาผู้เขียน ณ ที่ทำงาน ราว 9 โมงเช้า พร้อมกับบอกกับเลขาฯ ว่าเขาเป็นมนุษย์ต่างดาว ต้องการพูดกับหมอเทพนม ซึ่งเลขาฯ เล่าว่าพูดเป็นภาษาแขกก่อน แล้วจึงพูดเป็นภาษาไทย เลขาฯคิดว่าคงเป็นคนสติไม่ดีโทร.เข้ามา จึงวางหู แต่ก็โทร.เข้ามาอีก พูดเช่นเดียวกันและบอกว่า คุณคงคิดว่าผมบ้า แต่ผมจะบอกว่าคุณชื่ออะไร คุณมีลูก 2 คน ชื่ออย่างนั้น ๆ ปรากฏว่าถูกต้องหมด เลขาฯ จึงยอมให้พูดกับผู้เขียน พอผู้เขียนรับสาย เขาก็พูดภาษาแขกด้วยทันทีอีก จนต้องบอกว่าผมฟังไม่รู้เรื่อง ขอให้พูดภาษาไทยหรืออังกฤษดีกว่า เขาจึงพูดภาษาไทย เสียงแปล่ง ๆ ช้า ๆ เป็นเสียงผู้ชาย เขาบอกว่า

พวกนาซ่า ตั้งชื่อเขาว่า "เอ็ดดี้" เขาเคยถูกพวกนาซ่าจับไปขังอยู่นาน และบอกว่า เขามาจากสุดขอบจักรวาล ห่างออกไป 50 ล้านปีแสง จานบินของเขามาตกที่ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ในปี ค.ศ. 1958 ตกริมภูเขา เขาเคยมาประเทศนี้ราว 800 ปีมาแล้ว ในสมัยสุโขทัย ท่าน "เอ็ดดี้" เป็นอีกท่านหนึ่ง ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับจานบิน และมนุษย์ต่างดาวมาก ท่านบอกว่า ที่มาติดต่อด้วย เพราะสายพันธุ์เดียวกัน และแนะนำให้รู้จักกับ เจ้าอาวาสวัดสันโป่ง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน บอกว่าติดต่อกันอยู่เสมอ ให้เบอร์โทรศัพท์ด้วย ผู้เขียนจึงได้รู้จักกับพระองค์นี้ เพราะผู้ขับขี่ยูเอฟโอแนะนำ ได้ไปค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อพิสูจน์ความจริงพบว่า

1. ในหนังสือไตรภูมิพระร่วง สมัยพระญาลิไท มีการพรรณนา ถึงจักรแก้วที่มายังเมืองนั้น และเอ็ดดี้ยืนยันภายหลังอีกว่า ถูกต้อง นั่นคือเมืองที่เขามาจริง

2. องค์การนาซ่า ได้เผยแพร่ภาพที่ถ่ายได้ ด้วยกล้องดูดาวจาก HUBBLE SPACE STATION ที่สุดขอบจักรวาลด้านหนึ่งนอกโลก เป็นรูปคล้ายตึกหลายชั้น ลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งเอ็ดดี้ ก็ยืนยันว่า นั่นแหล่ะบ้านของเขา ใช้เวลาบินด้วยแสงราว 9 ชั่วโมงเวลามนุษย์จึงถึง เขาบอกว่ามีลูก 1 คน ตัวเขาภรรยาและลูก ไม่มีอวัยวะเพศ แต่แบ่งเป็นชายหญิง เมื่ออยากมีลูกกัน ชายหญิงก็ยืนจ้องหน้ากัน เอามือ 2 ข้างแตะกัน ลูกก็จะเกิดทันที ลอยลงมาในแคปซูลและต้องเอาไปเลี้ยงให้ตัวโต

3. จากหนังสือ Top Secret เขียนโดย Timothy Good ได้กล่าวถึงจานบินลำหนึ่งว่ามาตก ที่ใกล้ภูเขา ในอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 1958 ซึ่งทางกงศุลอเมริกัน ได้ส่งคนพร้อมตำรวจไทย ไปค้นหายูเอฟโอที่ตก แต่ไม่พบ และได้เขียนจดหมายลับ รายงานทำเนียบขาว มีหลักฐานแน่ชัด

4.มีเพื่อนของผู้เขียน อยากเห็นมนุษย์ต่างดาวมาก จึงบอกให้ไปหาพระทีลำพูน พอแจ้งความประสงค์ให้พระทราบพร้อมกับนามบัตรของผู้เขียน พระท่านก็บอกว่า คืนนี้ให้ไปนอนในโบสถ์ ห้ามส่งเสียงดัง ราว 2 ยามกว่า จะได้เห็นอะไรดี ๆ เพื่อนของผู้เขียนเล่าว่า เข้าไปนอนในโบสถ์ใหญ่ที่อำเภอลี้คนเดียว ในโบสถ์พระท่านให้เปิดไฟไว้บางดวง เพื่อไม่ให้กลัว และแล้วราว 2 ยามกว่า เพื่อนผู้เขียนบอกว่า เห็นพระเดินเข้ามาในโบสถ์กับมนุษย์คนหนึ่ง ตัวสูงกว่าพระราว 1 คืบ แต่งชุดแนบเนื้อสีฟ้า ใส่บูตดำยาวถึงหัวเข่า มีแขนขาเป็นมนุษย์ แต่มือรู้สึกยาวผิดปกติ คือถึงเข่า มีนิ้วยาว 3 นิ้ว มนุษย์ตนนี้เดินเข้ามาอย่างเงียบมาก และมาหยุดก้มดูเพื่อนของผู้เขียนด้วย ทำให้เขาเห็นว่า มนุษย์ผู้นี้หน้าเป็นสี่เหลี่ยม ตาใหญ่ จมูกและปากเล็ก หน้าและมือใสเหมือนแก้ว เพื่อนผู้เขียนบอกว่ารู้สึกตกใจกลัวมาก ตัวสั่นไปหมด แต่แล้วมนุษย์ประหลาดก็เดินตามพระไปหลังโบสถ์ พอรุ่งขึ้นได้พบกับพระคุณเจ้า ท่านก็ถามว่า...เห็นของจริงแล้วชอบไหม คืนนี้คุยกับเขาไหมล่ะ เพื่อนผู้เขียนรีบกราบลาบอกท่านว่า ลูกได้เห็นครั้งหนึ่งก็เป็นบุญตา แต่ถ้าต้องคุยด้วยไม่เอาแล้วครับ พระท่านก็ยิ้ม ๆ ไม่พูดว่ากระไร

สิ่งมีชีวิตสองรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับยูเอฟโอ นี้เป็นผู้ที่ติดต่อกับผู้เขียนตลอดมา ทั้ง 2 ท่าน กล่าวเหมือนกันว่า ต้องการมาเตือนมนุษย์เกี่ยวกับ ภัยพิบัติใหญ่ ที่จะเกิดขึ้นทั่วโลกรายละเอียดเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว 2 คนนี้มากมายที่จะเล่าสู่กันฟังได้ แต่จะเป็นความจริงแค่ไหนผู้เขียนไม่ทราบ ต้องรอให้อนาคตเป็นตัวพิสูจน์ความถูกต้องและความจริง...



ปล. ข้อมูลที่กลุ่มเขากะลาทำไว้ดีมาก (รูปการทำสมาธิ และสามารถถ่ายรูป UFO ไว้ได้ต่อหน้าพยานจำนวนมาก) ท่านสามารถไปดูที่กระทู้นี้

http://ufokaokala.com/index.php?topic=309.0





++++++++++++++++++++++++++++++++++++



กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ได้สนทนาร่วมกับ ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ในการทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างดาว ในระบบการประสานงานเพื่อการเตือนภัย ซึ่งมนุษย์ต่างดาวมาเตือนเรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งจะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ และจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ






หลังจากนั้นก็เข้าสู่การบันทึกรายการ V.I.P. ซึ่งพิธีกรก็คือ คุณญาณี จงวิสุทธิ์ และคุณพอล ภัทรพล
การสัมภาษณ์ถึงเรื่องการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว และเหตุที่มนุษย์ต่างดาวเดินทางมาโลกมนุษย์ และการเตือนเรื่องของภัยพิบัติทางธรรมชาติจากมนุษย์ต่างดาว

และได้เรียนเชิญ ดร.เทพนม เมืองแมน ผู้เชี่ยวชาญด้าน ufo ในประเทศไทย มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ufo ในประเทศไทย และการเตือนเรื่องภัยพิบัติจากมนุษย์ต่างดาว จากดาวอังคาร ที่ท่านติดต่อสื่อสารด้วย

บันทึกรายการเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2547 ผ่านไปเพียง 10 วัน เกิดคลื่นยักษ์ สึนามิ ถล่มภาคใต้ (26 ธันวาคม 2547) มีผู้เสียชีวิตกว่า 5,000 คน ในประเทศไทย และกว่า 230,000 คน ในเหตุการณ์ครั้งนี้

เทปรายการอัดไปเกือบ 3 ชั่วโมง และข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติหลายตอนได้ถูกตัดออก เนื่องจากเกิดเหตุการณ์เกี่ยวกับสึนามิ

เทปรายการนี้จึงต้องเลื่อนการออกอากาศออกไป เพราะอยู่ในช่วงไว้อาลัยต่อการสูญเสียในเหตุการณ์ครั้งนี้
และรายการวีไอพี ได้ออกอากาศทางช่อง 9 ในวันที่ 17 มกราคม 2548 เวลา 20.30 นาฬิกา.








<object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/cnX_enoZONI&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/cnX_enoZONI&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

<object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/yGkHxfbNyQ8&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/yGkHxfbNyQ8&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

<object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/rQuJdqMuKFY&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/rQuJdqMuKFY&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

<object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/Gj2Lv9TRUsM&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/Gj2Lv9TRUsM&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

<object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/eynm-TiaixI&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/eynm-TiaixI&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

<object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/cn1R_t1dsA4&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/cn1R_t1dsA4&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

<object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/2nZVDyPVeTM&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/2nZVDyPVeTM&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>