วิธีแก้ปีชง

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย จินตภัทร, 17 ธันวาคม 2012.

  1. จินตภัทร

    จินตภัทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2012
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +396
    2556ปีชง อีกแล้ว ทำไงดี เงินก็ไม่ค่อยมี ปีชง 2556เทศกาลโกยเงินของบรรดาโหรทั้งหลาย หาเงินบนความกลัว มาแก้ปีชง 2556 อย่างมีสติกันดีกว่า
    ปีชง ทุกปีบรรดาโหรทั้งหลาย ต่างออกมาบอกว่าปีนี้ปีชง ต้องไปเข้าพิธีเพื่อสะเดาะเคราะห์ พอเราเสียเงินไปเพื่อแลกกับความสบายใจ แต่หมอได้เงินไป ต่างคนต่างอิ่ม คือเราอิ่มใจ ที่ได้ทำพิธีสะเดาะห์เคราะห์ไปแล้ว ส่วนหมอก็อิ่มท้องเพราะไ้ด้เงินไปเต็มกระเป๋าบางคนที่ไม่เชื่อก็พูดเล่นๆ ว่า”ดีซิ ชงเอง ดื่มเองอร่อยไปเลย” และต้ืองขอบอกไว้นะที่นี้เลยว่า เรื่องปีชงเป็นเรื่องของโหราศาสตร์จีน แต่โหรไทยก็เนียนไปกับเขาด้วย เพราะมันคนละสำนักกันครับ แล้วปีนี้ถ้าเราเกิดเป็นปีชง จะทำไงดี เงินก็ไม่ค่อยจะพอใช้ จะไปเข้าพิธีก็ต้องใช้เงินมากมาย ไม่ทำก็ไม่สบายใจ แต่จำไว้นะครับว่าพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า”ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ” ถ้าเป็นแบบบ้านๆ ที่พูดกันก็คือ “เราจะเป็นอย่างที่เราคิด” ในวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มองมันในแง่ดี คือคิดบวกครับ เช่น ปีชงซิดี กูจะได้ถือโอกาสทำบุญเยอะๆ ทำมันทั้งปีเลย ตามหลักศาสนาพุทธแล้ว ไม่ได้สอนให้ไปอ้อนวอนใคร เหมือนการทานอาหาร ใครทานใครก็อิ่ม ไม่มีใครทานแทนกันได้ หลวงพ่อชา สุทัศโท กล่าวไว้ว่า“เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือกฎแห่งกรรม ยังมีวิปัสสนากรรมฐาน” ดวงดาวมีผลแค่ 20 % ส่วนการกระทำในปัจจุบัน(กรรมที่เราทำในปัจจุบัน)มีผล 80 % เราในฐานะสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเชื่อใครหมอดู หรือว่าพระพุทธเจ้า เราต้องออกแบบชีวิตเราเอง ไม่ใช่ดวงดาว หรือเทวดาที่ไหน เทวดาที่หมดบุญก็ต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ หรือไม่ก็ลงนรกตัวอย่างเช่น เทพอุณหิสวิชัย และผมจะยกตัวอย่างเรื่องในพระไตรปิฎกมาให้อ่านครับ ในสมัยพุทธกาลนั้น ครั้งหนึ่ง พระสารีบุตรได้บอกกับศิษย์ของท่าน ซึ่งขณะนั้นบวชเป็นสามเณรอยู่ ว่าสามเณรนั้นจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน 7 วัน ก็จะต้องตาย (ซึ่งตรงนี้จะบอกว่าดวงกำลังจะถึงที่ตายก็คงได้นะครับ)สามเณรนั้นจึงได้ลาพระสารีบุตรเพื่อกลับไปตายที่บ้านเกิด จะได้บอกลาญาติด้วย ในระหว่างทางที่จะไปที่บ้านเกิดนั้น สามเณรได้เจอปลาที่กำลังกระเสือกกระสน จะเอาชีวิตให้รอดในแอ่งน้ำที่กำลังแห้งขอด สามเณรเห็นแล้วเกิดความสงสาร จึงจับปลานั้นไปปล่อยในที่ที่มีน้ำมาก ปลานั้นจึงรอดตาย สามเณรก็ได้เดินทางต่อไปจนถึงบ้าน แล้วรอความตายอยู่ที่บ้านนั้น ผ่านไปหลายวันก็ยังไม่ตายสักที ก็เลยเดินทางกลับไปหาพระสารีบุตร แล้วได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่าสามเณรรอดตายเพราะบุญที่ได้ช่วยชีวิตปลานั้นเอาไว้ ธรรมดาแล้วคำทำนายที่จะไม่ผิดพลาดเลยนั้น ก็คงมีเฉพาะคำทำนายของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ส่วนคำทำนายของคนอื่นก็ย่อมมีโอกาสผิดพลาดได้ เช่นคำทำนายของพระสารีบุตรนั้น ท่านว่าตามกรรมเก่าที่กำลังจะส่งผล แต่ท่านไม่ทราบว่าสามเณรจะทำกรรมใหม่ (คือการช่วยชีวิตปลา) ซึ่งมีผลรุนแรงกว่ากรรมเก่าอันนั้น กรรมเก่าที่จะทำให้ตายนั้นก็เลยส่งผลยังไม่ได้ คำทำนายก็เลยผิดพลาดไปเพราะกรรมใหม่นั้น กรรมเก่านั้นก็เลยต้องรอส่งผลในโอกาสต่อๆ ไปจากตัวอย่างนี้ก็คงชัดเจนนะครับ ว่าดวง หรือชะตาชีวิตนั้นฝืนได้หรือไม่ได้

    ชีวิตก็เหมือนกับเรือ กรรมเก่าก็เหมือนกับกระแสน้ำ กรรมใหม่เหมือนการพายเรือ
    > ถ้าไม่ออกแรงเลย เรือก็ย่อมจะไปตามกระแสน้ำ (ไปตามกรรมเก่า)
    > แต่ถ้าออกแรงมากพอ เรือก็ย่อมจะลอยทวนน้ำไปได้ (ชีวิตเป็นไปตามกรรมใหม่)
    > แต่ถ้าออกแรงกลางๆ เรือก็ย่อมจะไปตามน้ำบ้าง ทวนน้ำบ้าง แต่ก็ไม่เหมือนกับ 2 กรณีแรก (ชีวิตเป็นไปตามกรรมเก่าบ้าง กรรมใหม่บ้าง)

    คนที่ดวงตก หรือปีชง ถ้าเป็นภูมิอากาศ ก็เปรียบเสมือนกำลังจะมีพายุเข้า เมื่อเรารู้ก็ต้องมีสติเตรียมร่ม เตรียมเสื้อกันฝน หาที่หลบฝน เป็นต้น แล้วดวงตกทำไงละเราก็ต้องเตรียมตัวโดยการทำกรรมดีถี่ๆ เพื่อที่จะได้ไปทอนกรรมไม่ดี ขอย้ำนะครับว่ากรรมดีล้างกรรมชั่วไม่ได้ หรือตัดกรรมไม่ได้ อย่างเรื่่องพุทธประว้ัติที่ผมยกมา“ครั้งหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแวดล้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ประทับนั่งริมสระอโนดาต ทรงเล่าบุพกรรมในอดีตให้ภิกษุสงฆ์ฟังว่า การที่พระองค์ทรงหิวน้ำ แต่ก็ไม่ได้ดื่มน้ำตามความปรารถนา ก็เนื่องจากในอดีตที่พระองค์เสวยพระชาติเป็นเด็กเลี้ยงโค ห้ามโคไม่ให้ดื่มน้ำขุ่น ได้ไล่โคไปดื่มน้ำที่อื่น กรรมเพียงเล็กๆ แค่นั้น ยังตามส่งผลให้พระองค์ไม่ได้ดื่มน้ำตามความปรารถนา พระองค์ทรงรับสั่งให้พระอานนท์ไปตักน้ำมาให้ดื่ม แต่พระอานนท์เห็นว่า กองเกวียน ๕๐๐ เล่ม พึ่งผ่านลำธารสายนั้นไป ทำให้น้ำในลำธารขุ่น ท่านจึงไม่ไปตักน้ำ จนพระผู้มีพระภาคเจ้าต้องรับสั่งถึง ๓ ครั้ง พระอานนท์จึงยอมไป เมื่อไปถึงลำธาร ด้วยพุทธานุภาพอันไม่มีประมาณ ทำให้น้ำในลำธารกลับใสสะอาดในพริบตา พระอานนท์ก็บังเกิดความอัศจรรย์ใจ แล้วตักน้ำมาถวายพระองค์ได้ดื่มแก้กระหาย” อ่านแล้วเป็นไงครับ ขนาดองค์สมเด็จพระจอมไตรยังหนีกรรมไม่พ้น แล้วเราละเป็นใครที่จะหนีกรรมได้ มีทางเดียวคือ ทำกรรมดีถี่ๆ ไม่ใช่ทำมากๆ ครับ บุญเขาไม่ได้วัดกันที่จำนวนเงิน แต่วัดจำนวนครั้งครับ อ่านเพิ่มเติม“อิ่มบุญจัง แต่ตังค์อยู่ครบ“ เปรียบเสมือนน้ำสีดำ(กรรมไม่ดี)ที่อยู่ในแก้วน้ำ เมื่อเราเติมน้ำสะอาด(กรรมดี)บ่อยๆ น้ำในแก้วนั้นก็จะค่อยๆ เปลี่ยนจากสีดำ เป็นสีเทา และก็เป็นสีขาวในที่สุด เราตัดกรรมไม่ได้แต่เราหนีกรรมได้ ถ้าทำกรรมดีบ่อยๆ จนผลบุญส่งผล กรรมชั่วก็ส่งผลไม่ได้ เปรียบเสมือนเราหมั่นเติมน้ำมันรถอยู่เสมอ หมาไล่เนื้อก็วิ่งตามเราไม่ทัน แต่เมื่อไรเราหยุดเติมน้ำมัน(ทำกรรมดี) รถหยุดหมาก็วิ่งไล่ฟัดเราได้ ฉันใดก็ฉ้ันนั้นครับ

    วิธีแก้ปีชง
    1. หมั่นทำบุญใส่บาตรทุกวัน ถ้าทำไม่ได้ก็ใส่ในกระปุก หน้าหิ้งพระที่บ้าน โดยกล่าวว่า”เราขอถวายสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน หล่อพระ ชำระหนี้สงฆ์ และอื่นๆ เมื่อมีเวลาก็นำปัจจัยไปทำบุญทีวัด เท่ากับว่าเราได้ทำบุญทุกวัน จำนวนเงินแล้วแต่สะดวก อย่าให้ตัวเองเดือดร้อนเป็นใช้ได้
    2.สวดมนต์ บทสวดมนต์ที่แนะนำ ได้แก่ คาถาอุณหิสวิชัย,พระอาการวัตตาสูตร ,โพชฌังคปริตร,คาถาบูชาดวงชะตา เป็นต้น “สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน”ลพ.จรัญฯ วัดอัมพวัน กล่าวไว้
    3.รักษาศีล สมาทานศีลทันที เมื่อศีลขาด คือเท่ากับเราได้รักษาศีลตลอด “ขาดศีลก็ยังดีกว่าไม่มีศีลจะให้ขาด” (หลวงปู่แผ้ว ปวโร) ที่สำคัญเวลานอนให้สมาทานศีลทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นศีล 5 หรือศีล 8 ตามที่เห็นสมควร และถ้าเป็นไปได้เปิดเทศน์พระอาจารย์ที่เราเคารพฟังไปจนกว่าเราจะหลับระหว่างนั้นเท่ากับเราอยู่ในฌาน ลพ.ฤาษี(ลิงดำ)ท่านบอกไว้ใน”เสียงธรรมก่อนนิทรา” ถ้าตายตอนนั้นก็เป็นพรหมละครับ เพราะอยู่ในฌาน ก็ลองคิดดูง่ายๆ ถ้าเรานอน 6 ชั่วโมง ก็เท่ากับเรารักษาศีล และอยู่ในฌานเท่าจำนวนที่เรานอน เพราะเวลาเรานอนหลับ เราคงไม่ไปผิดศีลแน่นอนครับ ลพ.ฤาษี(ลิงดำ) เทศน์สอนไว้
    4.จับลมบ่อยๆคือถ้าว่างเมื่อไร ก็หมั่นภาวนา จับลมหายใจทุกครั้งที่มีสติระลึกได้ดั่งคำสอนของลพ.ฤาษี(ลิงดำ)ที่เคยเทศน์สอนไว้ว่า (พระพุทธเจ้าตรัสกับพระสารีบุตรว่า”สารีปุตตะ ดูก่อน สารีบุตร บุคคลใดมีจิตว่างจากกิเลส วันหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่ง เราขอกล่าวว่าบุคคลนั้นเป็นผู้มีจิตไม่ว่างจากฌาณ”เห็นไหม ก็มัวเอาแต่เรื่องนั่งที่เขาว่า อีตอนนอนนั่นแหละ นอนสบาย หัวถึงหมอนปั๊บนึกถึง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต นึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ และภาวนา “พุทโธ” หายใจเข้านึกว่า “พุท” หายใจออกนึกว่า “โธ” หายใจ ๒ ฟื้ดหลับไปเลยใช้ได้อย่าลืมนะตอนที่ภาวนาหลับเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีนะ ว่าถ้าจิตไม่ถึงฌานนี่มันจะไม่หลับ “ถ้าจิตถึงฌานปั๊บมันตัดหลับทันที ทีนี้ว่าถ้าภาวนาหรือว่านะโมอยู่ ถ้ามันหลับเวลานั้นมันจิตถึงฌาน ขณะที่หลับอยู่กี่ชั่วโมงเขาถือว่าทรงฌานนั้นอยู่ระหว่างหลับ” ถ้าตายระหว่างนั้นจะไปตามกำลังของฌานทันที เห็นไหม ถ้าให้ดีเวลาตื่นนอนเอาอีกนิด ไม่ต้องลุกถ้าไม่ปวดอุจจาระ ปัสสาวะ พอตื่นปั๊บเอาอีกหน่อย จับลมหายใจ หายใจเข้านึกว่า “พุท” หายใจออกนึกว่า “โธ” ๒ – ๓ ครั้งก็พอแล้ว จิตไม่นึกถึงใคร แค่นี้ใช้ได้ทุกวัน ขอยืนยันว่าลงนรกไม่ได้) คำภาวนาจะเป็นอะไรก็ได้ตามที่เราถนัด ถ้าไม่รู้จะใช้อะไร ง่ายๆ ก็”หายใจเข้า พุท หายใจออก โท” ทำไมหรือ อย่างเรื่อง“มัฏฐกุณฑลี เทพบุตร” ไม่เคยนับถือพระพุทธเจ้าเลย แต่ก่อนตายนึกถึงพระพุทธเจ้า เพียงแค่ต้องการให้มารักษาอาการป่วย ตายไป ไปเกิดเป็นเทพบุตร และถ้าเป็นไปได้ สมาทานศีล สวดมนต์ และนั่งสมาธิ ก่อนนอนได้ทุกวันยิ่งดีครับอะไรที่เป็นบุญ ต้องเล่นมันทุกเม็ด อย่าให้กรรมชั่วมันเข้ามาแทรกได้
    5.อนุโมทนาบุญ แล้วปัจจัยน้อยทำไงละ ก็เล่นแบบนางฟ้าขี้เหนียวซิครับ ปัตตานุโมทนามัย ตัวอย่างเช่น ดูทีวี, ฟังข่าว, อ่านหนังสือ, เห็นป้ายประกาศงานบุญต่างๆ, เห็นคนอื่นทำความดีต่างๆ เราโมทนาบุญเลยครับ เช่น เวลาไปทำบุญที่วัด เห็นคนมากมายเขาทำบุญกัน เราก็นึกโมทนาบุญกับทุกท่าน คิดง่ายๆ สมมุติว่าบุญเป็นเงิน เราโมทนาบุญกับทุกท่าน เราได้จากเขาคนละ 1 บาท จำนวน 100 คน ก็ได้ 100 บาทแล้วครับ นี่ผมเปรียบเทียบให้ดูนะครับ
    เป็นไงครับ อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว ผมคิดว่าคงไม่ยากเกินไปที่ทุกท่านจะปฏิบัตินะครับ แรกๆ มัีนอาจจะฝืนใจ แต่ถ้าเราทำบ่อยๆ ก็ชินไปเองจนเป็นธรรมชาติ แล้วคุณก็จะได้ไม่ต้องไปเสียเงินเสียทอง ให้กับบรรดาโหรทั้งหลาย เพราะทุกคน ต้องเกิด ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ต้องพบเจอสิ่งที่ไม่พอใจ เป็นปกติอยู่แล้ว ไม่มีใครหนีพ้น คนรวยก็ทุกข์แบบคนรวย คนจนก็ทุกข์แบบคนจน พระเจ้าแผ่นดินก็ทุกข์แบบพระเจ้าแผ่นดินซึ่งอาจจะทุกข์มากกว่าเราซะด้วยซ้ำ แล้วโหรทั้งหลายไม่ทุกข์เหรอ ก็ทุกข์เหมือนกัน ถ้าโหรยังแก้ทุกข์ให้ตัวเองไม่ได้แล้วจะไปแก้ทุกข์ให้ชาวบ้าน มันยังไงอยู่นา พระพุทธเจ้าท่านทรงค้นพบวิธีพ้นทุกข์(อริยสัจ 4) จากนั้นท่านจึงได้สั่งสอนคน และทรงบอกพวกเขาเหล่านั้นว่า “ตถาคต เป็นเพียงผู้บอกทาง ไม่สามารถช่วยให้คนอื่นพ้นทุกข์ได้”เปรียบเสมือนอาจารย์ใบ้หวยทั้งหลาย ถ้ารู้ว่าหวยออกเลขอะไร แทงเองไม่ดีกว่าเหรอ ไปบอกให้ชาวบ้านเขารวยทำไม บัญญัติไตรยางค์ง่ายๆ มีสติและลองคิดตามที่ผมบอกว่าจริงไม๊ ผมไม่ได้บอกให้คุณเชื่อผม แต่ลองคิดดูด้วยสติปัญญาของตัวเองว่าจริงไม๊(ใช้หลักกาลามสูตร) ถ้าคิดว่าจริงก็นำไปปฏิบัติ หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าปีชงปีนี้ ให้ถือว่าเป็นปีดีที่เราจะไ้ด้สะสมบุญ สร้างบารมี ให้มากขึ้นกว่าปีอื่นๆ เพื่อจะได้พ้นทุกข์ซะที หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าคงเป็นประโยชน์กับท่านไม่มาก ก็น้อย …จบแล้ว
     
  2. sriharaj_wit

    sriharaj_wit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +919
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ เป็นการเตือนและให้สติกับเราชาวพุทธทั้งหลายได้เป็นอย่างดี
    สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม ขอเพียงใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาท
     
  3. mahamettayai

    mahamettayai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +10,673
    ถ้าถือตามคติแบบจีน ปีหน้า 56 ชงอย่างจังเลย !!!
    หุหุหุ ตั้งแต่บัดนี้ต้องคอยเตือนสติตัวเองบ่อยๆ แล้วว่าให้พึงสำรวมในกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
    และให้หมั่นทำทาน รักษาศีล โดยเฉพาะเจริญภาวนาให้มากขึ้น รวมทั้งตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
    แต่ถ้าอะไรมันจะเกิดมันก้อต้องเกิด ^-^
     

แชร์หน้านี้

Loading...