วิธีแก้กรรมชั่ว

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 31 มกราคม 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    เมื่อปี ๒๕๒๘ ผู้เขียนไปให้การอบรมกรรมฐานที่จังหวัดราชบุรี วันเปิดการอบรมเป็นวันที่ ๘ เดือนพฤษภาคม ฝนตกหนัก ที่กล่าวกันว่าฝนพันปีจึงจะมีครั้งหนึ่งในกรุงเทพฯ วันนั้นฝนตกหนัก ข้าพเจ้า (ผู้เขียน) ได้เปิดอบรมกรรมฐานรุ่นแรกที่ราชบุรี ในการเข้ารับการฝึกอบรมครั้งนั้น ได้มีสุภาพสตรีคนหนึ่งเข้าอบรมด้วย เขาป่วยมา คงเป็นโรคกรรมในชาติก่อนแน่นอน คือปวดหัวอยู่เป็นประจำ หาทางแก้ไขมานานก็ยังไม่ได้ผล ไปหาหมอที่ไหนก็แก้ไม่ตก ถ้าไปทำกรรมฐานที่ไหนก็ยิ่งปวดเข้าไปอีก เขาบอกว่าไปทำกรรมฐานกลับมายิ่งปวดหัวมาก ขณะนั่งๆ อยู่เหมือนมีเข็มเสียบข้างหน้าบ้างข้างหลังบ้าง ตามเนื้อตามตัวปวดไปหมด แต่อุบาสิกาคนนี้ชอบทำบุญ ชอบมาวัด คิดว่าจะหาทางให้มันหายมันก็ไม่หาย
    วันนั้นเขาคิดว่าข้าพเจ้าไปสอนกรรมฐาน เขาคงพบอาจารย์ที่สามารถแนะนำได้ ก็เข้ามาฝึกด้วย พอเข้ามาฝึกแล้ว วันแรกข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ผู้เข้าฝึกรุ่นนั้นประมาณ ๕๐ คน เพราะสถานที่จำกัดด้วย เขามาวันแรกมึนหัวไปหมดเลยเขาทำไม่ได้กลับไป วันที่สองจึงไม่ได้มา ข้าพเจ้าทราบเข้าก็สั่งไปบอกว่า "มาซี จะแนะนำให้ ไม่ทันพบอาจารย์เลย กลับเสียก่อนแล้ว" เขาก็มาอีก แต่วันที่สองข้าพเจ้าเข้ากรุงเทพฯ เสีย ไม่ทันได้คุยกัน เขามาวันที่สองก้มึนหัวมาอีก กลับไป วันที่สามข้าพเจ้าบอกให้เขามาพบใหม่ เมื่อเขามาแล้วก็เลยได้สนทนากัน วิธีแนะนำอุบาสิกาคนนี้ซึ่งเป็นผู้มีกรรมเก่าแน่นอน โดยใช้หลักปัจจุบันเข้าแก้ นับเป็นเรื่องแปลก ในปัจจุบันนี้เขาหายสบายขึ้นมากแล้ว เขาดีใจมาก จะเล่าให้ฟังว่าใช้วิธีนั้นแก้อย่างไรต่อกรรมเก่าของเขา
    เขาเป็นสุภาพสตรี อายุประมาณ ๓๕ ปี มากับหลานสาวอายุราว ๓๐ ปี เขาบอกว่าเคยไปหาหมอดู ไปหาเจ้าเข้าทรง คนทรงบอกว่าในตัวเขานี้มีองค์ คือเทพแทรกอยู่สององค์ ทำให้ปวดหัวมาก เขาถามข้าพเจ้าว่า "มันจริงหรือเปล่า ท่นอาจารย์ ที่คนทรงบอกว่ามีองค์แทรกอยู่ในร่างกายของดิฉัน ๒ องค์
    ข้าพเจ้าบอกว่า เรื่องนี้เมื่อว่าตามหลักพุทธศาสนาเราแล้ว เราไม่เชื่อ เราไม่เชื่อว่าจะมีองค์อะไรมาแทรก เทวดาอะไรจะมาแทรกในตัวเรา จะมาอยู่ในตัวเราทำไม ปกติว่าใครก็ตามถ้าทำบุญแล้วก็หวังไปเกิดในที่ดี เช่นคนที่ทำบุญไปเกิดเป็นเทวดา เขามีสถานที่สงบสุขของเขาบนสวรรค์ แล้วใครบ้างที่อยากจะมาสิงอยู่ในร่างมนุษย์ เพราะร่างมนุษย์มันเหม็น เพราะฉะนั้น เรื่องเทพเข้ามาสิงในร่างนี้ไม่ใช่หรอก (อาจมีบ้างในบางคน แต่เป็นครั้งคราว ไม่ใช่ประจำ)
    การที่เราเจ็บปวด อย่าได้คิดว่ามีเทวดามาแทรกเรา กรรมของเราเองขอแยกให้ทราบว่า มนุษย์เรานี้มีกรรมอยู่ ๒ ชนิด คือ:-
    (๑) กรรมในอดีต
    (๒) กรรมในปัจจุบัน

    กรรมนั้นมี ๒ อย่าง คือ กรรมดี และกรรมชั่ว กรรมดีนั้นเราไม่ต้องแก้มันเพราะมันดีอยู่แล้ว ในที่นี้จะพูดถึงกรรมชั่วเท่านั้น เพราะมันให้ผลเป็นความทุกข์ความเดือดร้อน
    กรรมในอดีตนั้นเราจะแก้อย่างไร เราจะทำอย่างไร ? ขอพูดถึงกรรมในอดีตก่อน ที่คุณปวดหัวไม่หาย ปวดไปทั่วร่างกายมาถึง ๒๐ ปีกว่านี้ ชาติก่อนคุณต้องทำอะไรสักอย่าง เช่น ตีหัวแมว หรือว่าตีหัวปลา หรือไปเสียบสัตว์อะไรเข้า มันถึงปวดไม่หยุดอย่างนี้
    วิธีแก้ทำอย่างไร ? วิธีแก้กรรมเก่าขอให้ใช้หลักการทางพระพุทธศาสนา ๓ วิธี คือ :-
    (๑) ทำดีเข้าไปเพราะขึ้นชื่อว่าความชั่วแล้วมันเหมือนยาพิษ อันยาพิษนั้นถ้ามันร้ายแรงอยู่ เรากินเข้าไป ตายเลย แต่ถ้ายาพิษนั้นเราใส่น้ำเข้าไปเป็นตุ่มๆ ยาพิษนั้นก็ไม่ร้ายแรง อาจเป็นยาธรรมดาไปเลย กรรมชั่วที่ติดตามเรามาก็เหมือนกัน เราทำความดีไว้มากๆ ในที่สุดพลังมันก็อ่อนลงๆ ก็ทำอะไรเราไม่ได้ เพราะว่าอ่อนลงไป เพราะฉะนั้นให้เราไหว้พระสวดมนต์ รักษาศีลและเจริญภาวนาใส่บุญลงไปเรื่อยๆ ในที่สุดบาปมันจาง ความชั่วนี่มันจางได้ มันจางโดยเราใส่กรรมดีเข้าไป แล้วความทุกข์ความเจ็บปวดมันก็หาย นี้วิธีแก้ข้อที่ ๑
    (๒) พยายามแยกกายกับจิตออกจากกันให้ถือว่าปวดก็ปวดแต่กาย อย่าให้ใจเราปวด ให้ทำตามบทสวดมนต์ที่ว่า "อาตุระกายัสสะ เม สะโต <= > เมื่อเรามีกายอาดูร กระวนกระวายอยู่ด้วยทุกขเวทนา จิตตัง อะนาตุรัง ภะวิสสะติ <=> จิตของเราจะไม่อาดูร กระวนกระวายไปตามกาย" แยกกายกับจิตให้ออก ให้ถือว่าปวดก็ปวดแต่กายอย่าให้ใจเราปวด นี้บางทีทั้งกายทั้งใจปวดไปหมดเลย อย่างนี้เราก็แย่ซี ให้มันปวดแต่กายอย่าให้ใจมันปวด แยกให้ออก นี้ประการที่ ๒
    (๓) ใช้วิปัสสนาเข้าไปให้เห็นว่าทั้งกายและใจไม่ใช่ของเรา ขันธ์ ๕ มันเกิดขึ้น ขันธ์ ๕ มันดับไปต่างหาก ตัวเราที่ไหน มันมีธาตุ ๔ มารวมกันแล้วมันแยกจากไป ไหนของเราล่ะ ? ลองไปถามมือเราดูว่ามือของเราหรือเปล่า ? มือมันไม่ได้ตอบเลย มัน ธาตุ ๔ มารวมตัวกันต่างหาก เราไปตู่เอาเองว่า เป็นของเรา แท้ที่จริงไม่ใช่ของใคร จึงไม่มีใครแก่ ไม่มีใครเจ็บ ไม่มีใครตาย ธาตุ ๔ หรือ ขันธ์ ๕ มันแก่มันเจ็บ มันตาย ต่างหาก เมื่อเราไปยึดมั่นถือมั่นมัน มันก็ยิ่งปวด การยึดมั่นถือมั่นนั้นสร้างความทุกข์ให้เกิดมากขึ้น จงปล่อยวางลงเสียความทุกข์จะได้เบาบางลง
    เพราะฉะนั้น การแก้กรรมเก่านั้นให้แก้ ๓ วิธีนี้
    ทีนี้ แก้ด้วยการแก้ไขข้อบกพร่องผิดพลาดในปัจจุบันการที่คุณปวด คุณเจ็บไม่สบายอย่างนี้ อย่าได้คิดว่าเป็นเรื่องอื่นอย่างเดียว ต้องคิดว่า ในปัจจุบันนี้คุณอาจจะรักษาตัวไม่เป็น รักษาสุขภาพไม่เป็น จึงผอมจึงหน้าซีด อาจจะไม่รู้จักรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ที่นอนอาจสกปรก หรือข้าบ้านมีกลิ่นเหม็น วุ่นวาย ที่อยู่ไม่สะดวก ไม่ถูกสุขลักษณะ นอนดึหเกินไป บางคนไปโทษโน่นโทษนี่ แต่ไม่ได้ดูปัจจุบันนี้ด้วย ว่ากรรมในปัจจุบันนั้นเราสร้างอะไรขึ้น เราเป็นอยู่อย่างไร เราต้องแก้ในปัจจุบันด้วย ที่นอนนี้ต้องสะอาด ที่อยู่อาศัยก็ต้องสะอาด ต้องออกกำลังกาย สิ่งแวดล้อมต่างๆ นี่ต้องให้ถูกสุขลักษณะทั้งหมด ลองแก้ในปัจจุบันนี้ดูซี ไปแก้ในเรื่องอื่นอยู่อย่างเดียวมันไม่หาย ต้องแก้ในปัจจุบันด้วย
    อีกประการหนึ่ง ที่คุณนั่งสมาธิแล้วไม่ค่อยได้ผลแล้วปวดหัวนั้น คุณอาจจะทำไม่ถูกวิธี เพราะมองดูแล้วการที่คุณบอกว่าเวลาคุณนั่งสมาธิมึนหัวไปหมด สำหรับเรื่องนี้อาตมาว่า คึณอาจจะนั่งสมาธิไม่เป็น จึงเกิดการปวดหัวขึ้น การปวดหัวหรือการปวดเมื่อยหรือเคล็ดที่ไหล่ที่คอ อาจเนื่องมาจากเหตุ ๓ ประการ คือ :-
    (๑) เกร็งตัว คุณอาจจะเกร็งตัวก็ได้เวลานั่งสมาธิ เช่นบางคนเกร็งจนคอแข็ง เพราะคุณปวดที่หลังด้วยที่ไหล่ด้วย การปวดหลังปวดไหล่ การปวดหลังปวดไหล่นี้แสดงว่าต้องเกร็งตัวแน่ ถ้าไม่เกร็งตัวก็ไม่ปวดหลังปวดไหล่ อย่าเกร็งตัวขณะนั่งสมาธิ
    (๒) บังคับลม เพราะคุณบอกว่าปวดที่หน้าผาก นี้แสดงว่าคุณอาจจะบังคับลมหายใจก็ได้ คือบางคนบังคับลมเวลาหายใจ จึงมีเสียงดังฟืดฟาดๆ มันก็ไม่สบาย ฉะนั้นอย่าบังคับลมขณะนั่งสมาธิ
    (๓) สะกดตนเองข้อสำคัญอย่างหนึ่งที่เห็นชัดก็คือ คุณสะกดตัวเองโดยไม่รู้ตัว สะกดอย่างไร ? เพราะว่าเมื่อคุณทำสมาธิ บางครั้งคุณบอกว่ามีแสงออกมาหน่อยๆ แสดงว่าเกิดสมาธิขึ้นแล้วโดยคุณไม่รู้ตัว แล้วในขณะเดียวกันคุณเครียดไปด้วย มันเกิดสะกดตัวเองขึ้น การสะกดตัวเองประเภทนี้ ต้องเปลี่ยนจากจุดที่ปลายจมูกมาไว้ที่อก หรือไปที่ท้องเสีย ให้เปลี่ยนมาเสีย อย่าอยู่ที่เดิม แสดงว่าคุณสะกดตัวเองไปด้วย ขอให้ลองไปทำดูใหม่
    พอเขาไปทำตามที่บอกให้ แล้วมารายงานให้ทราบว่า "ท่านอาจารย์คะ ค่อยยังชั่วขึ้นแล้วคือเบาขึ้นแล้ว แต่มันยังแสบ ยังปวด ยังเจ็บอยู่" ข้าพเจ้าก็บอกว่า "เอาใหม่ คอยสังเกตดูเมื่อไปถึงบ้านแล้วมันยังปวดอีกไหม" เพราะว่าหลังจากทำสมาธิแล้วเขาจะปวดหัวหนักทุกที แต่ในครั้งนี้เมื่อเขาไปที่บ้านก็ค่อยดีขึ้น
    แต่พอเขามาเดินจงกรมมันก็คอยจะล้ม มันเดินไม่ไหว มันมึน จึงมารายงานข้าพเจ้าอีก ข้าพเจ้าบอกว่า "เฉพาะของคุณต้องพิเศษ คือเวลาเดินจงกรม ขณะยืนอย่าหลับตา เวลายืนอย่าหลับตา มองให้ไกลๆ เสีย เพราะคุณมักมึน มักสะกดตัวเอง ให้มองไกลๆ อย่ามองใกล้ๆ"
    เมื่อเขาไปทำตามที่แนะนำ มันค่อยดีขึ้นๆ พอวันหลังๆ คือพอวันที่ สาม ความเจ็บปวดก็ค่อยหายไป เขาดีใจมาก ไม่รู้มันหายไปได้อย่างไร
    ทีนี้ ภายหลังเขาพยายามฝึกทำไปเรื่อยๆ ข้าพเจ้าไปฝึกรุ่นใหม่ที่ราชบุรีอีกรุ่น เขาก็เข้ามาสมทบอีก คราวหลังบอกว่า "ท่านอาจารย์ ดิฉันหายจากโรคอย่างนี้แล้ว เรียกว่าเกือบหมดสิ้นแล้ว" เขาดีใจมากที่หายจากโรคอันทรมานนี้ไปได้
    ข้าพเจ้าก็มานั่งคิดดูว่า คนป่วยมาประมาณ ๒๐ ปี ปวดเจ็บมานาน แล้วเทพอะไรจะมาแทรกอยู่ได้ แต่มาแก้ด้วยวิธีดังกล่าวแล้วทำไมมันหายได้ ก็แสดงว่ากรรมเก่ามันดลบันดาลอยู่ ถ้าเราแก้ด้วยวิธีการอันถูกต้อง ด้วยใช้หลักพุทธศาสนาเข้าแก้ก็ได้ผล เดี๋ยวนี้เขาสบายขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ข้าพเจ้าเห็นว่า นี้เป็นวิธีการแก้กรรมทางพุทธศาสนาแบบถูต้อง
    เพราะฉะนั้น ไม่ว่ากรรมอะไรที่มาเผชิญหน้าเรา เราต้องแก้ด้วยการทำความดี ให้ทานบ้าง รักษาศีลบ้าง เจริญภาวนาบ้าง ยิ่งการเจริญภาวนาโรคภัยไข้เจ็บจะลดไว เพราะบุญมันมาก เป็นการแก้กรรมได้อย่างดี บางคนทุกข์มาก ไปเสดาะห์เคราะห์ด้วยวิธีแปลกๆ ก็ไม่หาย แต่ถ้าใช้ลักษณะสมาธิและวิปัสสนานี้เป็นการแก้กรรมที่ได้ผลไวด้วย เราบางคนที่ฝึกจิตจะเห็นชัด เช่น โรคภัยไข้เจ็บลดลงไปทันทีเลย เพราะกรรมนี้เป็นกรรมดีที่สูงมาก การเจริญภาวนานี้เป็นกรรมดีที่สูงมากยิ่งกว่าการให้ทาน กว่าการรักษาศีล ยิ่งขึ้นวิปัสสนาก็ยิ่งสูงกว่าสมาธิเข้าไปอีก
    เพราะฉะนั้น จึงอยากให้ทุกคนสั่งสมกรรมที่เป็นกุศลกรรม แล้วส่วนที่ไม่ดีทั้งหลายจะจางไป ส่วนดีจะเข้ามาแทนที่ แล้วความสุขความเจริญจะเกิดขึ้นแก่เราอย่างแน่นอน เราเชื่อในกฏแห่งกรรม
    [FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]เราเชื่อตามหลักที่พระพุทธเจ้าตรัสไว[/FONT][FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]้ แล้วปฏิบัติตามคำสอนที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ผลดีจะต้องเกิดกับเราแน่นอน[/FONT]

    http://sangdham.8m.com/lawofkarma1.html
     

แชร์หน้านี้

Loading...