วิธีฟื้นจิตใต้สำนึกของสมอง !!!!

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุริยันจันทรา, 26 ตุลาคม 2007.

  1. สุริยันจันทรา

    สุริยันจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    766
    ค่าพลัง:
    +4,588
    [​IMG]



    วิธีฟื้นจิตใต้สำนึกของสมอง !!!!





    ความสามารถในการจำของมนุษย์มีความพิเศษเหนือสัตว์อื่นๆ ความจำ เป็นสิ่งวิเศษที่เราสามารถเรียกคืน ประสบการณ์เก่าๆ กลับมาอีกครั้ง หากไม่มีความจำ เราคงลืมเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต และเราต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่เหมือนเด็กอ่อนที่เพิ่งเกิดทุกวัน คล้าย ๆ กับคนแก่ที่ความจำเลอะเลือนกลับกลายเป็นเหมือนเด็กที่ช่วยตัวเองไม่ได้ เพราะความจดจำได้ เราจึงเรียนรู้ได้ โดยเอาสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตมาวิเคราะห์และปรับปรุง เราสามารถเรียกคืนความจำเก่าๆจากจิตใต้สำนึกเมื่อเราต้องการ และจากความรู้อันนี้ทำให้เรา สามารถทำงานบางอย่างที่เราได้เรียนมาอย่างช่ำชอง หรือหลีกเลี่ยงการกระทำบางอย่างที่ไม่ดีได้

    จิตใต้สำนึกของเราบันทึกเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเราตลอดเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะทุกวันที่เราตื่นนอน เราจำได้ว่าเมื่อคืนเรานอนหลับดีหรือไม่ ความจำเป็นสิ่งไม่ตาย แต่สถิตถาวรภายใต้จิตสำนึก หากเรามีการฝึกฝนที่ดี เราสามารถเรียกความจำเก่าๆ ในชีวิตปัจจุบัน และแม้แต่ในอดีตชาติก่อนๆ กลับมาได้



    ความจำของเราถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน คือความจำชั่วคราว และความจำถาวร ความจำชั่วคราวของเรา จำได้ไกลเพียงแค่ในชีวิตปัจจุบัน ส่วนความจำถาวรบันทึกทุกสิ่งที่เกิดกับจิตวิญญานของเราในทุกภพทุกชาติ บางคนสามารถจำได้แค่เหตุการณ์ในชีวิตนี้ แต่บางคนจำได้ทั้งไกลถึงอดีตชาติ แต่บางคนจำไม่ได้แม้เหตุการณ์ที่เพิ่งจบไปเมื่อไม่กี่วัน คุณภาพของการจำ แตกต่างกันไป แล้วแต่คุณภาพของสมองแต่ละคน การศึกษา การฝึกสมาธิ และการฝึกฝนความจำในแบบต่างๆ สามารถช่วยเพิ่มความสามารถในการจำได้ ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ต้องเป็นคนที่มีความจำที่ดี




    การบริหารร่างกายเพิ่มความจำ

    ท่าการบริหารร่างกายที่เหมาะสม เช่นการฝึกโยคะ การรำมวยจีน การเดินจงกรม สามารถพัฒนาความจำได้ ในปัจจุบันเครื่องจักรเข้าทดแทนทุกส่วนของการใช้แรงงานในชีวิตประจำวัน ทำให้คนเราเกิดความเกียจคร้านในการการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้บางคนคิดค้นหาอุปกรณ์ออกกำลังภายในบ้านขึ้น เพื่อการบริหารร่างกาย แต่เราควรให้มีสติกำกับการเคลื่อนไหวร่างกายนั้นๆ จึงจะได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่เพียงแค่ก้มงอตัวไปมา เพราะการที่มีสติและสมาธิในการเคลื่อนไหวในทุกอริยาบท ทำให้เราสามารถควบคุมและส่งพลังงานไปยังส่วนต่างๆของอวัยวะในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น เช่นเดียวกับการฝึกกังฟูของจีน



    อาหารที่เพิ่มพลังความจำ



    อาหารบางชนิดบำรุงสมอง บางชนิดบำรุงกล้ามเนื้อ บางชนิดบำรุงประสาท และแต่ละชนิดบำรุงแต่ละส่วนของอวัยวะ หากเราต้องการเพิ่มพลังสมอง เราก็ต้องทานอาหารที่บำรุงสมอง โดยเฉพาะโปรตีนเป็นส่วนสำคัญในการบำรุงสมอง เมล็ดอัลมอลด์นำมาบดผสมกับน้ำมะนาว หรือ น้ำส้ม และดื่มก่อนนอนทุกคืนจะช่วยให้ความจำดีขึ้น การดื่มนม และกินเนยแข็ง (Cheese) จึงเพิ่มพลังสมอง

    เมื่อใดคุณมีความกังวล อ่อนล้า ลองดื่มน้ำมะนาวสัก 1-2 แก้ว เอาน้ำเย็นลูบหัว แล้วนำมาแตะกระหม่อม คิ้ว จมูก และหู จะทำให้เส้นประสาทสงบลง และทำให้ความจำดีขึ้นทันที หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง เพราะมันจะไปตกตะกอนเป็นคอเลสเตอร์รอล ตามผนังเส้นเลือดแดง ผู้ถือศีลสมาธิบางท่านที่เคร่งครัดมักจะกินแต่อาหารมังสวิรัติ เพราะเชื่อว่าเนื้อสัตว์ เช่นเนื้อหมูและเนื้อวัว ทำลายสุขภาพ เพราะมีกรดยูริคสูง ทั้งหมูและวัวมีความจำที่ต่ำ เมื่อเรากินเนื้อของสัตว์เหล่านี้มันจะนำไปสร้างร่างกายและจิตของเราตามลักษณะของสัตว์เหล่านี้ด้วย


    การฝึกบริหารความจำ



    ความจำที่ดีเกิดขึ้นได้จากการฝึกฝน คนที่มีร่างกายที่ไม่แข็งแรงก็สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ ชีวิตเราไม่ว่าด้านใดๆก็สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ถ้าเรามีความพยายาม แม้ความผิดปรกติของร่างกายทางกรรมพันธุ์ก็มีการพิสูจน์กันแล้วว่าสามารถแก้ได้ด้วยการฝึกสมาธิ

    คนส่วนมากไม่รู้จักการฝึกสมาธิ ทำให้ความสามารถของสมองที่แฝงเร้นอยู่ ไม่ถูกนำมาใช้ และหากเราขาดการพัฒนาทางจิตหรือฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ นานเข้าก็นำไปสู่ความเสียหายทางสมองและจิตได้ เพราะสมองเหมือนเช่นส่วนอื่นของร่างกาย ต้องการออกกำลัง บริหารอยู่เสมอ เพื่อคงให้อยู่ในสภาพที่ดี



    การพัฒนาความจำไม่เพียงแต่เราต้องกินอาหารที่บำรุงสุขภาพแล้ว เรายังต้องฝึกจิต พยายามใช้ความจำ ฝึกการจำ เช่นมองภาพใดภาพหนึ่ง อาจเป็นภาพพุทธรูป หรือแม้แต่จะเป็นภาพวิวธรรมดาก็ได้ แล้วลองหลับตานึกภาพนั้นในใจ พยายามนึกถึงเพลงหรือบทสวดมนต์ แล้วร้องในใจ หรือสวดในใจเพื่อพัฒนาความจำ สิ่งที่ทำด้วยอารมณ์ ก็สามารถพัฒนาจิตใจ เพราะทุกคนจำเหตุการณ์ในชีวิตตอนที่ดีใจที่สุด และเสียใจที่สุดได้เสมอ เนื่องจากความรู้สึกตั้งอยู่ในส่วนลึกของความจำ ฉะนั้น การแต่งโคลงกลอน หรือแม้แต่การฝึกบวกเลข ลบเลขในใจ ก็เป็นวิธีที่ดีสำหรับพัฒนาความจำ และส่งเสริมสมาธิ



    [​IMG]


    การฝึกสมาธิเสริมสร้างความจำ



    การเพิ่มพลังความจำ เราต้องทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจมั่น คนส่วนมากทำทุกอย่างแบบไร้สติ การกระทำและความคิดจึงมีช่องว่างที่ไม่เชื่อมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นเหตุให้คนส่วนมากจำอะไรได้ไม่ได้ดี เราควรทำกิจการงานทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ทำงานก็ทำด้วยความตั้งใจ เรียนก็ฟังครูสอนด้วยความตั้งใจ จะเล่นกีฬาก็เล่นด้วยความตั้งใจ เมื่อฝึกสมาธิก็ไม่ทิ้งคำบริกรรม

    สมาธิคือการตั้งใจมั่น มั่นในการกิน เดิน นอน นั่ง คด คู้ เหยียด ทุกอริยาบท ความจำได้หมายรู้มีไว้ให้เราระลึกถึงความดีที่เราเคยก่อ ที่เราเคยสร้าง การฟื้นความจำที่เราเคยเกลียดใคร โกรธใคร อาฆาตใคร เป็นการใช้ความจำในทางที่ไม่ถูกต้อง และยังก่อให้เกิดโทษ ตรงกันข้ามเราควรฟื้นความจำ ในแต่สิ่งที่ดี แต่บางครั้งการจำเหตุการณ์ที่ทำให้เราเกิดทุกข์ ที่เราเคยทำผิดพลาดไป แล้วนำประสบการณ์นั้นมาปรับปรุงแก้ไข ย่อมเป็นการใช้ความจำในทางที่ถูกต้อง

    แต่อย่าจมปรักอยู่ความความผิดหวังในอดีต ซึ่งทำให้เราไม่ก้าวหน้า ไม่ควรฟื้นความจำที่ไม่ดีเหล่านั้นจะดีทีสุด หากนึกขึ้นได้เราเพียงแต่หยุดคิดถึงมัน จงฝึกคิดแต่สิ่งที่ดี และคุณความดีที่เราทำ เพราะความจำสุดท้ายก่อนสิ้นใจ เป็นพลังงานสุดท้ายที่ขับเคลื่อนเราไปสู่ภพใหม่ และการระลึกได้ในความดีที่เราทำในขณะนั้นเท่านั้น จึงจะนำเราไปสู่สุขคติภูมิ .....








    ที่มา
    http://www.geocities.com/samadhinet/memfood.htm
     
  2. โปเต้ผู้ใฝ่ธรรม

    โปเต้ผู้ใฝ่ธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +573
    การรำพุมเซของเทควันโด คาต้าของคาราเต้ก็เป็นการช่วยเรื่องความจำ
    สมองของมนุษย์ยิ่งคิดยิ่งอ่านยิ่งจำและผ่อนคลายเมื่อมีโอกาสจะทำให้มีความจำดี
     
  3. Aquila

    Aquila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2007
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +124
    ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะคะ
     
  4. Placebo

    Placebo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +91
    มาว่ากันด้วยเรื่องของ จิตใต้สำนึก (Subconscious) กัน

    ศาสตร์เกี่ยวกับจิตใต้สำนึกเป็นศาสตร์ที่ลึกซึ้งมากครับ
    แม้ในทางวิชาการ ก็ยังไม่มีความรู้ลึกซึ้งมากนัก สำหรับจิตใต้สำนึก

    มาพูดกันแบบวิชาการก่อนเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง

    ข้อความด้านล่างต่อจากนี้ผมจะพยายามเขียนให้เข้าใจได้ง่ายๆ
    สำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานแล้วกันนะครับ

    ทางจิตเวชศาสตร์ (เน้นจิตเวชศาสตร์นะครับอย่าสับสนกับสาขาอื่นๆ)

    เราเชื่อว่าจิตใต้สำนึกเป็นส่วนที่อยู่ลึกสุดใจของเรา มีข้อมูลต่างๆ
    เก็บเอาไว้มากมายเช่น

    ส่วนที่เราอาจจะจำไม่ได้เลยในภาวะปกติ เช่น
    ตอนวันเกิดครบรอบ 4 ขวบ เทียนเล่มไหนบนเค๊กวันเกิดดับก่อน
    เป็นเล่มแรก

    หรือการสั่งให้อะดรีนาลิน หลั่งออกมาในภาวะปกติที่คุณไม่ได้ตกใจ
    ทำให้คุณสามารถยกเครื่องซักผ้า วิ่งขึ้นลงบันใดบ้านคนเดียวได้โดย
    ไม่ต้องมีใครช่วยยก

    แต่มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

    ปกติแล้วสามารถบังคับให้นำข้อมูลหรือทำงานออกมาได้โดยวิธีหลัก 2 วิธี

    1.การสะกดจิตนั้น ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหรือจิตแพทย์ที่เชี่ยวชาญ
    ในด้านการสะกดจิตนั้น สามารถทำให้คุณเลิกกลัวงูได้ หรือทำให้
    คุณสามารถเห็นหน้าที่คุณลืมไปแล้วอย่างเพื่อนในวัยเด็กของคุณ

    หรือทำให้คุณนึกออกว่าของที่คุณซ่อนไว้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซ่อน
    จนตัวคุณเองลืมไปแล้วอยู่ที่ไหน โดยการเข้าควบคุมจิตใต้สำนึก
    ของตัวคุณ ซึ่งการสะกดจิตนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ได้สำเร็จ 100%
    บางครั้งอาจไม่สำเร็จซึ่งก็ต้องเริ่มกันใหม่ภายหลัง


    2.การฝึกฝน ในกลุ่มจิตแพทย์เรา โดยมากเชื่อว่าการฝึกควบคุมจิตใต้สำนึก
    นั้นทำได้ แต่มันยากมาก และส่วนมาก(รวมผมด้วย) เชื่ออีกว่า คนจีนที่
    ฝึกกำลังภายในนั้นก็คือการฝึกร่างกายรวมกับการฝึกควบคุมจิตใต้สำนึก
    ทำให้สามารถสั่งให้ต่อมหมวกไต หลั่งอะดรีนาลินออกมาได้ตามใจนึก
    ทำให้มีความแข็งแรงมากกว่าปกติ และเมื่อรวมกับการที่จิตใจของเขา
    ได้รับการฝึกฝนในเรื่องความมีสมาธิมาอย่างดี ทำให้ในการต่อสู้กันนั้น
    จึงไม่ยากที่จะล้มฝรั่งรัสเซียตัวใหญ่ๆ ได้ไม่ยากเย็น

    หรืออีกกลุ่มอย่างบุคคลอัจฉริยะ เราเชื่อว่าเขามีความสามารถในการ
    เข้าถึงจิตใจในส่วนจิตใต้สำนึกได้มากกว่าปกติ ทำให้สามารถนำเอา
    ข้อมูลที่เคยได้เรียนหรืออ่านมา ออกมาใช้ได้เกือบทั้งหมด ทำให้เขา
    ต่างจากคนทั่วไปอย่างเรา ที่เรียนบางเรื่องมาพอทิ้งไว้นานมากๆ ก็ลืม
    แล้ว เพราะเราเชื่อว่าข้อมูลตลอดชีวิตถูกเก็บไว้ในนั้น ดังนั้นบางคนที่
    สามารถเข้าถึงจิตใต้สำนึกได้ แม้เพียงน้อยนิดก็จะมีความเหนือกว่าคน
    ปกติอย่างเราแล้ว



    ด้วยเหตุนี้ในหลายประเทศจึงมีการเปิดการสอนเกี่ยวกับการฝึกฝน
    จิตใต้สำนึกขึ้นมากมาย

    ซึ่งหลักการฝึกโดยรวมแล้วก็ไม่พ้น 3 ข้อหลักคือ

    1.ร่างกายสมบูรณ์ ผ่อนคลาย
    2.จิตใจสมบูรณ์ ผ่อนคลาย
    3.สมาธิ ไม่ได้ความแค่นั่งสมาธิ แต่รวมถึงการทำทุกอย่าง

    ส่วนแต่ละท่านหรือแต่ละตำราจะมีวิธีฝึกปลีกย่อยออกมาเช่นไรนั้น
    "ผมไม่รู้" และคงต้องหาที่ศึกษากันเอาเองครับ เพราะตัวผมเองนั้น
    ไม่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก
     

แชร์หน้านี้

Loading...