วิธีฝึกกสิณ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย กัณฑกะ, 17 พฤษภาคม 2012.

  1. กัณฑกะ

    กัณฑกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +1,427
    วิธีฝึกกสิณ

    คำสมาทานกสิณ
    ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วเปล่งวาจาว่า “อุกาสะ อุกาสะ ณ โอกาสบัดนี้ ข้าพเจ้าขอสมาทานเอา ซึ่งพระกรรมฐาน ขอบริกรรมนิมิต อุคคหนิมิต ปฏิภาคนิมิตจงบังเกิดขึ้นในขันธสันดานของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะตั้งสติกำหนดไว้ที่ดวงกสิณ แล้วบริกรรมสามหนและเจ็ดหน ร้อยหนและพันหนด้วยความไม่ประมาท ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”

    วิธีฝึกกสิณดิน ให้เอาดินมาทำดวงกสิณ เอาดินสีอาทิตย์แรกอุทัยโดยไม่มีหินกรวดเจือปนทำดวงกสิณให้เรียบ ตั้งดวงกสิณให้ห่าง ๔ ศอกคืบ ไม่ให้ดูสีของดิน แต่ให้สำเหนียกว่า “นี้ดินๆๆ” นั่งหลับตาระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เพื่อยังศรัทธา วิริยะ ความเพียรให้เกิดขึ้น พรรณนาถึงโทษของกามคุณให้สลด ให้ระลึกว่า แม้พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ก็ประพฤติมาอย่างนี้ แล้วค่อยลืมตาไม่กว้างไม่แคบ ลืมพอดีสำเหนียกว่า “ดิน นี้ดิน” แล้วบริกรรมว่า “ดินๆๆ” ประมาณ ๓-๕ นาที แล้วหลับตาประมาณ ๑๐-๒๐ นาที ถ้าไม่เห็นก็ลืมตา เพ่งใหม่ประมาณ ๓-๕ นาทีอีก แล้วก็หลับตาลง บริกรรมไป ๑๐-๒๐ นาทีอีก ทำในลักษณะนี้ร่ำไปจนกว่าอุคคหนิมิตเกิด ถ้าเห็นแล้วก็บริกรรมว่า “ปฐวีๆๆ” หรือจะบริกรรมว่า “ดินๆๆ” ร่ำไป แล้วก็ขยายขึ้นนิดหนึ่งก่อน ย่อลงแล้วค่อยขยายให้ใหญ่ยิ่งขึ้นไป อย่าด่วนไปขยายใหญ่เลยทีเดียว การขยายใหญ่เล็กนั้น ด้วยอำนาจสมาธิ ถ้าสมาธิดี ก็ขยายให้กว้างได้ตามกำลังของสมาธิ ถ้าทำได้แล้วไม่ต้องถือเอาดวงกสิณไปอีก ฝึกให้ชำนาญก่อน จึงค่อยไปฝึกดวงอื่น เมื่อทำได้หมดทุกดวงแล้ว ค่อยฝึกอภิญญา

    การฝึกอภิญญาอยู่ที่บารมี การเพ่งอาโลโกกสิณนี้ได้ ประโยชน์กว่า หลังจากฝึกจนได้อุคคหนิมิต คล่องในวสีแล้ว ก็ให้อธิษฐานว่า “สาธุๆๆ ขอให้ปาทกฌาน จงบังเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้า ๑๐ นาที” ปาทกฌานคือฌานอันเป็นบาทให้เกิดอภิญญาจิต ให้บริกรรมว่า “อาโลโกๆๆ” อย่างนี้ร่ำไป จนแสงสว่างมาปรากฏแล้วก็คลายออกมา อธิษฐานใหม่ว่า “ขอให้อภิญญา ทิพยจักษุ จงเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้า ๒ ชั่วโมง” สมาธิต้องให้อยู่ในปฐมฌาน ขณะนั้นเราต้องเพ่งดูวัตถุหรือสิ่งที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเราก่อน แล้วจึงขยายออกไป ให้กว้างกว่านั้นขึ้นไปเรื่อยๆ ก่อนจะขยายไปแต่ละครั้ง ต้องทำให้ชำนาญเสียก่อน จนต้องการจะมองเห็นสิ่งใดก็สามารถจะมองเห็นได้ เช่น เปรต อสุรกาย นรก ภูตผีปีศาจ ผีปอบ อมนุษย์ และของตามธรรมดาที่มองไม่เห็น เช่น บึ้งขี่หัว เป็นต้น ก็สามารถที่จะเห็นได้ ถ้าอธิษฐานแล้ว มองไม่เห็น ก็อธิษฐานเข้าปาทกฌานอีก แล้วก็ถอยออกมาอธิษฐานว่า “ขอให้อภิญญา ทิพยจักษุจงเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าอีก” ถ้ายังทำไม่ได้ก็ให้อธิษฐานเข้าออกในลักษณะเช่นนี้เรื่อยไป แต่ถ้าทำได้แล้ว ก็หมดความสงสัยในเรื่อง ของเทวดา เปรต นรก เป็นต้น เมื่อทำได้แล้ว จะดูได้ใกล้หรือไกลก็ด้วยอำนาจของสมาธิ เหมือนไฟฉายส่องไปได้เท่าไรก็สามารถมองเห็นได้เท่านั้น ถ้าสมาธิดีก็สามารถมองเห็นได้ไกลและชัดเจนขึ้น ปฐมฌาน ทุติยฌานใช้ได้ แต่ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ การที่ทิพยจักษุจะเกิดหรือไม่นั้น ถ้าเราอธิษฐานแล้ว มันเป็นไปเป็นเอง ถ้าบารมีของเรามี การเพ่งอาโลโกใช้ไฟฉายก็ได้

    ถ้าอยากได้ทรัพย์ในดินสินในน้ำ ให้เข้าสมาธิไปเท่าที่จะเข้าได้ แล้วถอยออกมาอยู่ปฐมฌานอีก เมื่อพบเจ้าของทรัพย์แล้ว เราจะพูดอะไรก็ให้นึกเอา เรานึกเขาก็รู้ ถ้าต้องการทรัพย์ก็ให้เทศน์โปรดเอา แต่อย่าเสียสัจจะที่ให้ไว้ต่อเขาเป็นอันขาดถ้าฟังเสียงเขาไม่รู้ ก็เข้าสมาธิไปใหม่ แล้วอธิษฐานว่า “ขอให้ข้าพเจ้า จงเข้าใจความหมายของเสียงนั้นเถิด” จะสามารถได้ยินเสียงขยายออกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดกำลังของมัน (สมาธิ

    ศูนย์เผยแผ่ธรรมะออนไลน์กัณฑกะ
    www.facebook.com/ศูนย์เผยแผ่ธรรมะออนไลน์กัณฑกะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...