วันนี้เมย์ูจะมาบอกเทคนิคการใส่บาตรให้ได้บุญสูงสุด ทะลุเพดานบุญ (ใส่บาตรครั้งเดียวได้บุญมากกว่าคนทั่วไปล้านเท่า)

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย กะละมัง, 25 เมษายน 2009.

  1. กะละมัง

    กะละมัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +150
    วันนี้เมย์ูจะมาบอกเทคนิค "การใส่บาตร" ให้ได้บุญสูงสุด ทะลุเพดานบุญ (ใส่บาตรครั้งเดียวได้บุญมากกว่าคนทั่วไปล้านเท่า)
    (จากประสบการณ์จริง และค่อยๆเรียนรู้ทีละนิด จากหนังสือเรื่อง "เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน" ของพี่ "ดังตฤณ" จนหนูเข้าใจแล้วว่า บุญ คืออะไรค่ะ)


    ก่อนอื่นเรามาเข้าใจความหมายของคำว่าบุญกันก่อนนะคะ บุญแปลว่า การขัดเกลากิเลสให้เบาบาง การขจัดความตระหนี่ให้ออกไปจากจิตให้มากที่สุด ยิ่งกิเลสเบาบางยิ่งได้บุญมาก
    แต่คนในยุคปัจจุบัน ทำบุญไม่เป็น ไม่เข้าใจคำว่าบุญว่าหมายถึงอะไรกันแน่ คนส่วนมากทำบุญเพื่อปรารถนาสวรรค์ ปรารถนาความร่ำรวย ฯลฯ ซึ่งเป็นความผิดพลาดอย่างมาก


    แทนที่จะได้บุญเต็ม 100% แต่การตั้งความปรารถนาอย่างนั้นเป็น โลภะ อาจจะเหลือตัวบุญจริงๆเพียง 10% เท่านั้น ที่เหลืออีก 90% เป็น โลภะ (น่าเสียดายจังค่ะ) เพราะทำบุญเพื่อขอโน่นขอนี่ (คล้ายๆการลงทุนเพื่อแสวงหากำไร แล้วมันขัดเกลากิเลสตรงไหน)

    พี่เชื่อมั้ยคะว่าคน 100 คน ทำบุญใส่บาตรด้วยวัตถุทานอย่างเดียวกัน ทำกับพระองค์เดียวกัน แต่ใน 100 คนนั้น จะได้บุญไม่เท่ากัน เพราะว่า "จิต" คิดไม่เหมือนกัน
    คนที่คิดใส่บาตรเพื่อสงเคราะห์สงฆ์ เพื่ออุปถัมภ์สงฆ์ เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้สืบต่อไป โดยทำด้วยจิตใจที่เปี่ยมด้วย ปิติ ไม่อธิฐานขอโน่นขอนี่ คนๆนี้ได้บุญมากค่ะ
    แต่คนที่เหลือ ใส่บาตรเพียงแต่ว่า สักแต่ใส่ๆไปเท่านั้น ไม่เข้าใจว่า บุญ คืออะไร ปิติ คืออะไร เป็นเพียง กิริยา ที่สักแต่ว่าใส่ๆไปเท่านั้น แถมยัง อธิฐานขอให้ถูก รางวัลที่ 1 อีก ทั้งที่ค่ากับข้าวที่ใส่ไป ราคาแค่ 20 บาท แบบนี้ไม่ใช่บุญค่ะ เป็นการลงทุนชนิดหนึ่ง ซึ่งหวังผลตอบแทน จิตเป็น โลภะ (หรือเป็นเปรตตั้งแต่ตอนเป็นมนุษย์แล้ว) คนๆนี้จะได้บุญน้อยมากๆ คงไม่เกิน 10% เพราะจิตเกือบทั้งหมดเป็น โลภะ มันไม่ใช่การขัดเกลากิเลสอะไรเลยค่ะ


    ต่อไปเรามาศึกษาเนื้อนาบุญกันค่ะ (คือผู้ที่รับทานจากเรานี่เอง)
    การทำบุญใส่บาตรให้ได้บุญมากนั้น เนื้อนาบุญสำคัญมากๆ ถ้าเนื้อนาบุญมีศีลบริสุทธิ์ เราจะได้บุญมาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับจิตของเราด้วยว่าในขณะที่ใส่บาตร จิตเป็น โลภะ หรือไม่ด้วย
    ถ้าเนื้อนาบุญศีลบกพร่อง หรือ ไม่มีศีล ทานครั้งนั้นจะมีอนิสงค์น้อยมากๆค่ะ


    แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า เนื้อนาบุญ มีศีลหรือไม่ ตอบว่า ไม่มีทางรู้ แต่มีเทคนิคซิกแซ็ค ให้ได้บุญสูงสุดได้ค่ะ ใจเย็นๆ ค่อยๆอ่านไปค่ะ
    พระสัมมาสัมพุธเจ้าตรัสว่า การให้ทานกับ หมู่สงฆ์ หรือ คณะสงฆ์ ตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไป (เรียกว่า สังฆทาน นั่นเอง) วัตถุทานนั้นจะมี อนิสงค์ สูงที่สุด
    แน่นอนว่าถ้าจิตคิดจะให้ทานกับ หมู่สงฆ์ หรือ คณะสงฆ์ ย่อมได้บุญมากกว่าให้ทานกับ สงฆ์ รูปเดียว ย่อมได้บุญมากกว่าการจำเพาะเจาะจงว่า ต้องให้กับพระรูปนั้นรูปนี้ ใช่มั้ยคะ


    บุญที่แท้จริง เกิดขึ้นที่จิตเรานี่เอง จิตเรานี่แหละที่เป็นตัวสร้าง และ สั่งสมบุญไว้ใน "ชวนจิต" (หรือจิตใต้สำนึก) เพียงเราคิดให้เป็นบุญ มันก็เป็นบุญ แต่ถ้าเราคิดไม่เป็นบุญ การให้ทานครั้งนั้น ก็จะเป็นเพียง "กิริยา" สักแต่ว่าให้เท่านั้น ซึ่งจะได้บุญน้อยมากๆ ไม่เต็ม 100% นะคะ

    จะทำอย่างไรใส่บาตรครั้งเดียวให้ได้บุญสูงสุด ต้องฝึกจิตให้คิดให้ฉลาด แรกๆจะรู้สึกฝืนๆ แต่พอทำนานๆจิตจะคุ้นเคยกับการคิดลักษณะนี้
    ทำอย่างไรคิดให้ฉลาด ในขณะที่เรากำลังจะใส่บาตร ให้เราสร้างจินตนาการว่า เรากำลังจะใส่บาตรให้กับ หมู่สงฆ์ หรือ คณะสงฆ์ โดยมี พระพุทธเจ้าเป็นประธาน และสงฆ์ที่กำลังรับทานจากเรา เป็นเพียงตัวแทน หมู่สงฆ์ หรือ คณะสงฆ์ เพื่อนำทานของเราไปให้ หมู่สงฆ์ หรือ คณะสงฆ์ และพระพุทธเจ้า อีกที คือต้องฝึกคิดบ่อยๆ ต้องคิดว่าเป็นเรื่องจริง เรากำลังทำเช่นนั้นจริง และการใส่บาตรในครั้งนี้ เราทำเพื่อ จรรโลงพระพุทธศาสนาให้สืบต่อไปถึง 5,000 ปี ทำเพื่อสงเคราะห์ ทำเพื่ออุปถัมภ์หมู่สงฆ์ เพื่อให้ท่านรักษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเผยแพร่แก่ สาถุชน สืบต่อไป เพื่อให้สัตว์โลกพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง และที่สำคัญ ห้ามอธิฐานขอโน่นขอนี่เด็ดขาด เพราะการอธิฐานขอนั้นเป็น โลภะ มันจะไปบั่นทอนกำลังของ บุญ ให้ลดลง อย่างน่าเสียดาย (แต่ถ้าขอเพื่อการดับขันต์เข้า นิพพาน) อันนี้ดีงามค่้ะ อนุโมทนาด้วยค่ะ


    เมื่อใส่บาตรเสร็จแล้ว ให้นึกถึงภาพ และอารมณ์ในขณะที่กำลังใส่บาตรเมื่อกี้นี้ โดยคิดซ้ำๆหลายๆครั้ง เมื่อคิด 1 ครั้ง ได้บุญเทียบเท่ากับการใส่เพิ่มอีก 1 ครั้ง ถ้าคิด 100 ครั้ง เหมือนใส่บาตรเพิ่มอีก 100 ครั้ง หนูบอกแล้วไงว่าบุญเกิดขึ้นที่จิตคิดเท่านั้นเอง ใส่บาตรแบบคิดฉลาดได้บุญมากอยู่แล้ว แล้วยังกลับมาคิดซ้ำๆอีก คิดดูละกันว่าจะได้บุญขนาดไหน อย่างน้อยก็ดีกว่าเอาเวลาไปคิอเรื่อง "โลภะ โทสะ โมหะ" เพราะแม้แต่คิด "โลภะ โทสะ โมหะ" ถ้าในขณะจุติจิต มี "โลภะ โทสะ โมหะ" เป็น "อาสัณกรรม" ก็ไป ปฏิสนธิใน นรก หรือ อบายภูมิได้ค่ะ แม้จะแค่คิดก็ตาม เพราะ บุญ-บาป อยู่ที่จิตคิดนี่เอง คิดให้ฉลาดก็เป็นบุญ คิดแบบโง่เขลา ก็เป็นบาป

    เวลาหนูกะละมัง ใส่บาตร จะคิดแบบนี้ทุกครั้ง และอยากให้ชาวพุทธทุกคนได้บุญกันมากๆ เพราะการเกิดมาพบ พระพุทธศาสนา เป็นเรื่องยากมาก
    ไหนก็เกิดมาแล้วก็ควรจะสั่งสมบุญ ตุนไว้เป็นเสบียงเดินทางไปภพหน้า กันให้มากๆนะคะ


    คนที่ชอบพูดว่า ทำบุญแล้วทำไมบุญไม่ช่วย ลองตั้งใจอ่านค่ะ แล้วจะเข้าใจ
    http://palungjit.org/threads/คนที่ช...ไม่ช่วย-ลองตั้งใจอ่านค่ะ-แล้วจะเข้าใจ.143989/

    .
    .
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2009
  2. อย่าลืมฉัน

    อย่าลืมฉัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +2,807
    โมทนาสาธุ ครับ คุณกะละมัง
    ไอ้เราก็เคยคิดแบบนี้เหมือนกันแต่ไม่บ่อย
    คือกลัวว่าเราคิดเป็นสังฆทานแต่ถวายพระท่านแค่รูปเดียวแล้วถ้าพระท่านฉันอาหารหรือใช้เองรูปเดียวท่านจะบาป ไม่รู้คิดถูกคิดผิดยังไง
    ใครรู้ก็ช่วยบอกด้วยครับ


    ปล. คุณกะละมัง มีประสบการณ์อะไรเกี่ยวกับการทำบุญใส่บาตรช่วยเล่าอีกน่ะครับ เช่น รวยขึ้น โชคดีขึ้น เพราะตอนนี้ก็พยายามใส่บาตรให้ได้ทุกวัน ๆ ล่ะ 1 รูป แต่ยัง ??? จิตมันไม่ดีด้วยแหละ

    ขอบคุณมากครับ;aa46
     
  3. มุทิตา2525

    มุทิตา2525 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +80
    ขอบคุณค่ะ เจ้าของกระทู้ เป็นความรู้ที่ดีมากๆเลยค่ะ
     
  4. riki_en

    riki_en สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2009
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +22
    ทั้งน่ารัก ทั้งใจดีอย่างนี้

    เอาไปเต็ม100เลย
     
  5. riki_en

    riki_en สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2009
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +22
    ทั้งน่ารัก ทั้งใจดีอย่างนี้

    เอาไปเต็ม100เลย
     
  6. กะละมัง

    กะละมัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +150
    มีประสบการณ์ค่ะ

    ประสบการณ์แปลก หนูไปร่วมสร้างกุฏิถวายวัด ผลบุญนั้นรีบติดตามมาให้ผลกับหนูภายใน 2 ปี (หรือเป็นความบังเอิญกันแน่)

    http://palungjit.org/threads/ประสบก...รีบติดตามมาให้ผลกับหนูภายใน-2-ปี-หรือ.184286/
     
  7. minidog

    minidog Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2009
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +91
    "เมื่อคิด 1 ครั้ง ได้บุญเทียบเท่ากับการใส่เพิ่มอีก 1 ครั้ง ถ้าคิด 100 ครั้ง เหมือนใส่บาตรเพิ่มอีก 100 ครั้ง"

    เป็นความคิดที่ดี
     
  8. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โมทนาครับ

    อย่าทำบุญเพราะหวังอานิสงค์ เนื่องจากกิเลสอาจเข้าแทรก

    แต่จงทำดี เพื่อความดี และเป็นการขจัดกิเลสของตนครับ
     
  9. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ด้วยความเคารพครับ คุณคมน์ ... แต่ผมคิดว่า


    "ทำบุญต้องหวังได้ที่บุญ หวังได้ แต่อย่าไปอยากได้บุญ

    อยากได้จะไม่ได้ ถึงเวลาเมื่อไรก็ได้เอง"



    .
     
  10. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    คุนกะละมังผมมีปัญหาจะถามคุนครับ คือ เหตุการณ์เหล่านี้คุนเห็นอะไร

    1. พ่อลูกยืนอยู่กลาง ตลาด เห็นนักเลงเลือดร้อนคนหนึ่งโดนหนุ่มหน้าจืดเหยียบเท้าโดยบังเอิญ นักเลงตะคอกด่าอย่างฉุนเฉียวพร้อมทำหน้าเอาเรื่อง หนุ่มหน้าจืดยกมือไหว้ขอโทษแล้วหลีกไปอย่างสงบ
    2.
    พ่อ ลูกนั่งดูข่าวอยู่ด้วยกัน เห็นข่าวโจรปล้นธนาคารได้อย่างลอยนวล และถูกบันทึกไว้เป็นการโจรกรรมครั้งใหญ่ที่แยบยลยิ่ง แม้ตำรวจยังสารภาพว่าตะลึงทึ่งอึ้งงันกันไปหมด
    3.
    พ่อ ลูกได้ยินเพื่อนบ้านเล่าให้ ฟังว่าแม่ค้าหมูปิ้งในซอยเดียวกันถูกล็อตเตอรี่หลายสิบล้านบาทหลังจากลง ทุนอย่างสูญเปล่ามาครึ่งค่อนชีวิตอันอัตคัดขัดสน
    4.
    พ่อลูกชวนกันยืนจ้องแมวตัวหนึ่งที่นอนปิดตาไม่รู้ไม่ชี้กับอะไรทั้งสิ้น
    5.
    พ่อ ลูกตื่นขึ้นกลางดึกเพราะได้ยินเสียงเอะอะล้งเล้งจากบ้านตรงข้าม ทั้งคำด่าทอ ทั้งคำขับไล่ไสส่ง ตลอดจนการขว้างปาข้าวของกระแทกพื้นโครมคราม
    6.
    พ่อลูกเดินผ่านหน้าห้างใหญ่ เห็นนักเรียนช่างกลถูกตำรวจจับกุมหลังยกพวกตีกัน
    7.
    พ่อลูกเข้าไปในวัดใหญ่แห่งหนึ่ง เต็มไปด้วยผู้คนก้มลงกราบกรานพระประธานมากมาย
    8.
    พ่อลูกไปเที่ยวทะเล นั่งมองฟ้ากว้างจากชายหาด ไม่มีอะไรมากไปกว่าเวลาว่างกลางทิวทัศน์เปิดโล่งตลอด
    9.
    พ่อลูกเดินผ่านกระจกเงาบานใหญ่ พ่อชะงักเท้าและชวนลูกให้หยุดมองเงาในกระจก
     
  11. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โมทนาครับ ผมก็เห็นด้วยกับเฮียปอครับ แต่ที่โพสต์แบบนั้น เพราะจะมีบางคนหวังที่อานิสงค์มากเกินไป เช่น ตักบาตรต้องทำกับพระดี เพราะอานิสงค์สูง หรือ ต้องเป็นสังฆทานเท่านั้น ทำให้หลายคนลืมที่จะบำรุงในส่วนอื่น

    ชีวิตเรามีองค์ประกอบหลายด้านครับ ตักบาตรกับพระได้อานิสงค์สูงกว่าเณร แต่ถ้าทุกคนตักบาตรกับพระ แล้วเณรจะฉันอะไร หรือ คนทำบุญกับพระดี แล้วพระทั่วไปเป็นอย่างไร

    ถ้าสรุปง่ายๆ คือ ก่อนทำบุญอย่าหวังอานิสงค์มากนัก แต่ให้ทำเพราะคือการทำความดี ส่วนหลังทำบุญเราก็อธิษฐานครับ ซึ่งก็เป็น 1 ในบารมี 10 ครับ ซึ่งก็จะตรงตามที่เฮียปอกล่าว คือ อย่าไปอยากได้บุญ ส่วนการทำความดี ได้บุญอยู่แล้วครับ ส่วนจะได้รับผลบุญเมื่อไหร่ ขึ้นกับวาระบุญครับ บางคนได้เร็ว บางคนได้ช้า

    ผมขอยกข้อมูลอ้างอิงถึงเหตุผลที่เพิ่มเติมให้ จขกท.เพื่อให้การตักบาตรได้บุญสูงสุดนะครับ

    พระเทพวิสุทธิกวี
    (พิจิตร ฐิตวณฺโณ)


    บุญกิริยาวัตถุ ๑๐

    ในการศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรมในพระพุทธศาสนานั้น ผู้ศึกษาจำเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจในเรื่องการทำบุญประเภทต่าง ๆ ว่า มีอะไรบ้าง และการทำบุญประเภทนั้น ๆ ทำอย่างไรจึงจะถูกต้องและได้ผลมาก เพราะการทำบุญเป็นกรรมดีหรือกุศลกรรม ที่ทุกคนควรบำเพ็ญ

    ฉะนั้น ในตอนนี้ จะพูดถึง บุญกิริยาวัตถุ คือ หลักแห่งการบำเพ็ญบุญ ในพระพุทธศาสนา เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจกฎแห่งกรรมชัดเจนยิ่งขึ้น

    ลักษณะของบุญ

    บุญ คือ อะไร? บุญคือสภาพที่ทำจิตใจให้สะอาดให้ผ่องใส ฉะนั้น ลักษณะของบุญในความหมายแรกนี้ จึงหมายถึงสภาพของจิตหรือคุณภาพของจิตที่ผ่องใส

    อีกอย่างหนึ่ง บุญ หมายถึง ความสุข ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย คำว่า บุญนี้ เป็นชื่อของความสุข" ฉะนั้น ลักษณะของบุญในความหมายที่สองนี้ จึงหมายถึงความสุขความเจริญ

    อีกอย่างหนึ่ง บุญ หมายถึง การทำความดี ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "พึงสั่งสมบุญ ทั้งหลาย อันจะนำความสุขมาให้" ฉะนั้น ลักษณะของบุญในความหมายที่ ๓ นี้ หมายถึงการทำดี เช่น การให้ทาน การรักษาศีล เป็นต้น

    ดังนั้น บุญจึงมีลักษณะ ๓ ประการ คือ

    ๑. เมื่อว่าถึงเหตุของบุญ บุญ ได้แก่ การทำความดี
    ๒. เมื่อว่าถึงผลของบุญ บุญ ได้แก่ ความสุขความเจริญ
    ๒. เมื่อว่าถึงสภาพของจิต บุญ ได้แก่ จิตใจที่ผ่องใสสะอาด


    แม้ลักษณะของบาปก็มีนัยตรงกันข้ามกับลักษณะของบุญ การเข้าใจเรื่องบุญจะต้องเข้าใจลักษณะของบุญทั้ง ๓ ประการนี้ ถ้าเข้าใจเพียงลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ชื่อว่ายังเข้าใจบุญไม่ตลอด เช่น บางคนเข้าใจบุญเพียงแต่เหตุของบุญ เช่นว่า คนนี้ทำบุญด้วยการให้ทาน ส่วนคนโน้นทำบุญด้วยการรักษาศีล เป็นต้น นี้เข้าใจเพียงแต่เหตุของบุญเท่านั้น

    บางคนเข้าใจบุญเพียงแต่ผลของบุญ เช่นว่า "คนนั้นมีความสุข เพราะเขามีบุญ" นี้เข้าใจเพียงผลของบุญเท่านั้น

    บางคนเข้าใจบุญเพียงแต่สภาพของจิตที่ผ่องใส เช่นว่า "คนนั้นจิตใจของเขาสะอาด มีเมตตากรุณา เพราะเขาเป็นคนใจบุญ" นี้เข้าใจเพียงสภาพจิตที่สะอาดผ่องใสเท่านั้น

    เพราะฉะนั้น การทำความเข้าใจเรื่องบุญในพระพุทธศาสนา เราจะต้องเข้าใจถึงลักษณะของบุญทั้ง ๓ ประการดังกล่าวแล้ว จึงจะชื่อว่าเข้าใจบุญได้ทั้งหมดและถูกต้อง

    บุญกิริยาวัตถุ

    บุญกิริยาวัตถุ แปลว่า หลักแห่งการบำเพ็ญบุญ หรือที่ตั้งแห่งการทำบุญ บุญกิริยาวัตถุ โดยย่อมี ๓ อย่าง คือ

    ๑. ทานมัย บุญเกิดจากการให้ทาน
    ๒. สีลมัย บุญเกิดจากการรักษาศีล
    ๓. ภาวนามัย บุญเกิดจากการเจริญภาวนา


    หมายความว่า วิธีหรือหลักแห่งการทำบุญในพระพุทธศาสนา เมื่อพูดโดยย่อแล้วก็มีเพียง ๓ อย่าง คือ ทาน ศีล และภาวนา

    แต่ถ้าขยายความให้กว้างออกไป บุญกิริยาวัตถุมี ๑๐ ประการ คือ

    ๑. ทานมัย บุญเกิดจากการให้ทาน
    ๒. สีลมัย บุญเกิดจากการรักษาศีล
    ๓. ภาวนามัย บุญเกิดจากการเจริญภาวนา
    ๔. อปจายนมัย บุญเกิดจากการอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่
    ๕. เวยยาวัจจมัย บุญเกิดจากการขวนขวายในกิจที่ชอบ
    ๖. ปัติทานมัย บุญเกิดจากการให้ส่วนบุญ
    ๗. ปัตตานุโมทนามัย บุญเกิดจากการอนุโมทนาส่วนบุญ
    ๘. ธัมมัสสวนมัย บุญเกิดจากการฟังธรรม
    ๙. ธัมมเทสนามัย บุญเกิดจากการแสดงธรรม
    ๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ การทำความเห็นให้ตรง

    การทำบุญในพระพุทธศาสนา มี ๑๐ อย่างนี้เท่านั้น ไม่ได้มากไปกว่านี้ ถ้านอกไปจากนี้ก็ไม่ใช่บุญในพระพุทธศาสนา

    บุญกิริยาวัตถุ ๓ ปรากฏในพระไตรปิฎก แต่บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ปรากฏในคัมภีร์รุ่นหลัง ๆ คือ อรรถกถาทีฆนิกาย และอภิธัมมัตถสังคหะ การที่ท่านขยายบุญกิริยาวัตถุออกเป็น ๑๐ ก็เพื่อให้เข้าใจหลักการทำบุญในพระพุทธศาสนาชัดเจนยิ่งขึ้น

    บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ย่อลงในบุญกิริยาวัตถุ ๓ ดังนี้

    บุญกิริยาวัตถุข้อ ๔ และข้อ ๕ คือ อปจายนมัย และเวยยาวัจจมัย จัดเข้าในศีล เพราะเข้าในลักษณะของความเรียบร้อย

    บุญกิริยาวัตถุข้อ ๖ และข้อ ๗ คือ ปัตติทานมัย และปัตตานุโมทนามัย จัดเข้าในทาน เพราะเข้าลักษณะการให้

    บุญกิริยาวัตถุข้อที่ ๘ และข้อ ๙ คือ ธัมมัสสวนมัย และธัมมเทสนามัย จัดเข้าในภาวนา เพราะเข้าในลักษณะของการอบรมจิต

    ส่วนทิฏฐุชุกัมม์ จัดเป็นภาวนา เพราะเป็นลักษณะของปัญญา เป็นสัมมาทิฐิ อันตรงกันข้ามกับมิจฉาทิฏฐิ แต่บางอาจารย์จัดให้ทิฏฐุชุกัมม์เป็นได้ทั้งทาน ศีล และภาวนา เพราะการที่คนจะให้ทาน รักษาศีล หรือเจริญภาวนาได้ก็ต่อเมื่อความเห็นชอบตรง มิฉะนั้นแล้วเขาจะไม่ทำบุญไม่ว่าอย่างไหน

    คำว่า "มัย" ที่ต่อท้ายบุญกิริยาวัตถุทุกข้อนั้น มาจากคำบาลีว่า "มะยะ" แปลว่า "สำเร็จหรือเกิด" เช่น ทานมัย บุญสำเร็จจากการให้ทาน หรือบุญเกิดจากการให้ทาน

    ขยายความบุญกิริยาวัตถุ ๑๐

    ในการทำบุญตามหลักพระพุทธศาสนานั้น บางคนก็ทำถูก เพราะเข้าใจในการทำบุญและทำด้วยความมั่นใจเพราะเห็นว่าเป็นบุญ เป็นกุศล เป็นความดี หรือเป็นกรรมดี จึงทำ แม้จะสิ้นเปลือง เหน็ดเหนื่อยลำบาก และใช้เวลานานเพียงไร ก็ยินดีทำ เพราะเห็นชัดว่าการทำบุญนี้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนและผู้อื่นเป็นอันมาก

    แต่บางคนไม่เข้าใจเรื่องบุญ หรือหลักการทำบุญ หรือเข้าใจเพียงบางส่วน เพราะไม่ได้ศึกษาให้เข้าใจ เมื่อผู้อื่นบอกให้ทราบหรือบอกให้ทำอย่างใดก็ทำอย่างนั้น หรือเห็นเขาทำก็ทำบ้าง แต่ไม่เข้าใจในเรื่องของบุญ หรือเข้าใจเพียงบางส่วน อาจจะผิดหรือถูกก็ไม่รู้แน่

    บางคนก็ทำด้วยความงมงายและถูกหลอกลวง เพราะไม่รู้หลักการทำบุญที่ถูกต้อง พุทธศาสนิกชน ส่วนใหญ่จะเข้าใจเรื่องการให้ทานมากกว่าการทำบุญอย่างอื่น แต่ก็มีอยู่ไม่น้อยที่ถูกหลอกลวง หรือให้ทานอย่างผิดหลักและได้ผลน้อย

    ฉะนั้น จึงควรศึกษาให้เข้าใจถูกต้อง ในเรื่องการทำบุญในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะหลักการทำบุญ ๑๐ อย่าง ที่เรียกว่าบุญกิริยาวัตถุ เพราะถ้าเข้าใจหลักการทำบุญ ๑๐ อย่างนี้แล้วก็จะได้ทำบุญหรือสร้างความดีอย่างถูกต้อง ไม่งมงาย และได้ผลมาก ไม่เสียทีที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์นับถือพระพุทธศาสนา
    ที่มา : http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/010076.htm
     
  12. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ขออนุญาตอธิบายเพิ่ม เพื่อป้องกันการสับสนครับ

    เวลาทำบุญเราอธิษฐานได้ครับ แต่ต้องอธิษฐานทางธรรม เหมือนที่น้องกะละมังพิมพ์ไว้ (ตัวหนา) ส่วนการอธิษฐานขอ "ทางโลก" นั้น จะทำให้ใจหมองครับ เพราะใจเราเกิดกิเลส หรือ โลภในบุญครับ

    อย่างไรก็ดี ข้อความที่ "ขีดเส้นใต้นั้นกำกวมนิดนึงครับ" เพราะการอธิษฐานเป็น 1 ใน บารมี 10 ประการ ซึ่งมีความสำคัญมากครับ ดังนั้นมั่นใจว่า อธิษฐานได้ และอยากให้ทุกคนลองศึกษาการอธิษฐานที่ถูกต้องดูนะครับ

    ผมยกตัวอย่างสั้นๆ คือ ก่อนทำบุญเราต้องวางกำลังใจเสมือนเราอยู่ในพระนิพพาน คือ ทรงอารมณ์แห่งความดีไว้ เพราะในพระนิพพานไม่มีความอยาก (การอยากได้บุญก็เป็น 1 ในความอยาก) ส่วนขณะที่เราทำบุญเราก็ต้องทรงอารมณ์ไว้อย่างที่น้องกะละมังบอก คือ เราทำบุญเพื่อขัดเกลากิเลสในใจตนเอง คือ เราไม่ได้หวังจากคนอื่น แต่เราเป็นผู้ให้ ซึ่งก็จะทำให้เราทรงอารมณ์ของพรหมวิหาร 4 ไว้ได้

    หลังจากทำบุญ เราค่อยมาอธิษฐานตอนนี้ก็ยังไม่สายครับ คือ เรื่องการวางอารมณ์ในการทำบุญเพื่อให้ได้อานิสงค์สูงสุดนั้น คงไม่สามารถอธิบายการวางอารมณ์ของแต่ละคนได้ เพราะเป็นเรื่องเฉพาะตน

    ก็ขอเพิ่มเติมเพียงเท่านี้ครับ

    โมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2009
  13. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    เห็นด้วยและขอโมทนาสาธุกับธรรมทานส่วนใหญ่ที่น้องมังให้มาครับ แต่ขอเพิ่มเติมว่า เราสามารถและควรอธิษฐานขอผลบุญให้ช่วยเราครับ เพราะอธิษฐานบารมีเป็นหนึ่งในบารมีสามสิบทัศน์ที่ช่วยให้พระโพธิสัตว์บรรลุพระโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สังเกตได้ว่าเราจะเห็นเรื่องราวการบำเพ็ญความดีของพระโพธิสัตว์ในหลายชาติ มักจะต่อท้ายด้วยการตั้งความปรารถนาหรืออธิษฐานขอผลของพระโพธิสัตว์อยู่เสมอๆ แสดงว่าทำความดีแล้วขอผลได้ไม่ผิด และควรทำด้วย เพราะเป็นตัวอย่างที่สมเด็จพระบรมครูทำไว้เป็นแบบอย่างให้เราดำเนินรอยตาม

    แต่สิ่งที่ไม่ควรทำคือการคิดถึงผลทางโลกที่ตนเองอยากได้ในจังหวะตั้งเจตนาทำบุญต่างหาก คือเจตนาขณะตัดสินใจทำบุญต้องบริสุทธิ์ ไม่ได้ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ตอบแทนใดๆ(ในทางโลก) ทั้งหมด เราทำเพื่อชำระจิตใจให้สะอาดจาก รัก โลภ โกรธ หลง ก็ดี เพื่อสงเคราะห์ให้ผู้รับมีความสุขก็ดี เพื่อบำรุงสืบอายุพระศาสนาก็ดี ตั้งเจตนาอย่างนี้จึงบารมีเต็ม จึงเป็นบุญมาก เพราะเป็นเจตนาแบบ "จาคะ" คือไม่ได้ทำเพื่อตัวกู ของกู

    เมื่อตัดสินใจทำบุญด้วยเจตนาอันเป็นจาคะแล้ว บุญก็เกิดขึ้นมหาศาลโดยธรรมชาติ ทีนี้เรื่องการอธิษฐานขอผลต่างๆให้ตนเอง ย่อมเป็นจังหวะที่เหมาะสมทำได้ ผลที่ควรขอก็คือขอให้ผลเป็นเป็นปัจจัยให้ตนเองพ้นทุกข์อย่างถาวร มีพระนิพพานเป็นที่ไปในชาติปัจจุบัน แบบนี้ย่อมสามารถกระทำได้และควรกระทำ

    ในบทอุทิศส่วนกุศลของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านก็สอนว่าทุกครั้งหลังจากที่เราทำบุญทำความดี ก็ควรใช้บทอุทิศกุศลนี้ไว้เสมอๆ โดยตอนท้ายของบทนี้ มีท่อนที่เป็นการอธิษฐานขอผลอย่างชัดเจนว่า "ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้บำเพ็ญมาแล้ว ณ โอกาสนี้ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เถิด"

    ดังนี้เป็นการให้เหตุผลว่า การอธิษฐานขอผลหลังทำบุญให้ตัวเราเอง อันเป็นไปเพื่อการพ้นโลก พ้นทุกข์ หรือการไม่กลับมาเกิด (พระนิพพาน) สามารถทำได้และควรทำเพื่อการบรรลุธรรมที่ไม่เนิ่นช้าครับ


    คำอุทิศส่วนกุศล

    โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ)<O:p</O:p



    <O:p</O:p
    อิทัง ปุญญะผะลังผลบุญใด ที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ข้าพเจ้าทั้งหลายขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวร ทั้งหลายที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่วันนี้ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน


    และข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากลพิภพและพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ขอจงเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศลของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด

    และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดีมิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด <O:p></O:p>
    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้บำเพ็ญมาแล้ว ณ โอกาสนี้ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เถิด...<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2009
  14. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2009
  15. ลมหายใจสุดท้าย

    ลมหายใจสุดท้าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    419
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,137
    เห็นด้วยอย่างยิ่ง ครับ สาธุ บทความนี้คัดลอกมาอีกทีครับ

    ถาม : แล้วอย่างหนูทำบุญทุกวันหยอดเงินบาทหนึ่ง หยอดเงินหน้าหิ้งพระค่ะ แล้วหนูยังไม่ได้เอามาถวายถือเป็นการทำบุญหรือเปล่าคะ ?

    ตอบ : เป็นแล้ว เพราะว่าเราตั้งใจอยู่แล้วว่าเงินส่วนนี้จะทำบุญ ถ้าหากว่าเราตายตอนนั้นผลบุญอันนั้นเราได้เลย แต่พระขาดทุน เพราะยังไม่ได้รับสตางค์ (หัวเราะ) อันนี้ไม่ต้องกังวล อันนี้เป็นบุญอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าของเรานี่ เจตนามันเป็นบุญอยู่แล้ว พอเราได้ทำไปผลบุญนั้นก็เป็นอันสำเร็จแล้ว มันก็เหลืออยู่เพียงว่ามีวาระมีโอกาสก็เอาเงินนั้นมาถวายพระ เพราะฉะนั้นห้ามตายก่อน ตายก่อนพระขาดทุน

    อธิษฐานบารมีนี่สำคัญนะ เป็นบารมีที่สำคัญมาก คนที่ไม่ถึงระดับปรมัตถบารมีใช้อธิษฐานไม่เป็นด้วยซ้ำไป บางคนก็เข้าใจผิดว่า อธิษฐานบารมี อย่างเช่นว่า ทำบุญแล้วขอให้เป็นนั่นขอให้เป็นนี่ ขอให้ได้นั่นขอให้ได้นี่ปรากฏว่าเป็นการโลภเขาไปคิดอย่างนั้น อันนั้นไม่ใช่ อธิษฐานบารมีเป็นการเจาะจงว่าผลบุญที่เราทำจะให้มันเกิดอะไร จะให้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ สำหรับตัวเราเป็นการเจาะจงเวลา ถ้าหากว่าเราต้องการของอย่างหนึ่งตอนนี้ ถ้าเราไม่ตั้งใจไว่กอนมันมาอีกโน่นปี ๒ ปี ข้างหน้า ซึ่งไม่มีประโยชน์กับเราแล้ว

    อธิษฐานบารมีเป็นการยิงปืนเล็งเป้าเพื่อให้ถูกต้องเป้าหมาย ถ้าหากยิงเหวี่ยงแหส่งเดชไปมันอาจจะไม่ถูกเป้าหมายเลยก็ได้ สิ่งที่เราทำไม่ว่าจะดีหรือชั่วเขาส่งผลอยู่แล้ว

    อธิษฐานบารมีนี่เป็นการจำกัดว่าจะให้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ เกิดผลอย่างไร มันไม่ได้โลภอะไรเลย เพียงแต่กำหนดให้มันแน่นอนลงไปเท่านั้น เรื่องของอธิษฐานบารมีนี่ถ้าหากว่าเราสร้างสาเหตุได้เพียงพอ ผลมันก็จะเกิด ทีนี้ถ้าหากว่าเหตุมันยังไม่พอผลมันก็ยังไม่เกิดหรอก

    อย่างเช่นว่าน้ำขวดนี้ ยกตัวอย่างน้ำนี่ง่ายดี ถ้าหากว่าโยมสร้างเหตุเพียงพอก็คือ น้ำมันจะเต็มขวดแล้ว โยมตั้งใจอธิษฐานขอน้ำขวดหนึ่งโยมได้แน่นอน แต่ถ้าหากว่าน้ำมันแค่นี้ แล้วโยมตั้งใจขอน้ำขวดหนึ่งโยมได้แน่นอน แต่ถ้าหากว่าน้ำมันแค่นี้ แล้วโยมตั้งใจขอน้ำเต็มขวด เขาก็ให้เราไม่ได้เพราะว่ายังไม่เต็ม
    เพราะฉะนั้นเราต้องทำเหตุให้เพียงพอ ผลถึงจะได้ เรื่องของธรรมะเป็นเรื่องตรงไปตรงมา

    ที่หลวงพ่อโตวัดระฆัง ท่านบอกว่า ถ้าเจ้าไม่สร้างเอาไว้แล้ว เที่ยวไปขอร้องขอต่อคนอื่นเมื่อไหร่เจ้าจะได้ เพราะฉะนั้นก็เลยจำเป็นอยู่ตรงนี้ว่า เราต้องทำให้เพียงพอ ถึงเวลาอธิษฐานว่าเราต้องการอย่างไรมันถึงจะเป็นอย่างนั้น




    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    เว็บ กระโถนข้างธรรมาสน์<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2009
  16. TUK2800

    TUK2800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,766
    ค่าพลัง:
    +1,161
    อนุโมทนาสาธุ<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
    พุทโธ ธัมโม สังโฆ
    ทานศีลเนกขัมมะปัญญาวิริยะขันติสัจจะอธิษฐานเมตตาอุเบกขา
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  17. weirchai

    weirchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    381
    ค่าพลัง:
    +1,411
    เจ้าของกระทู้น่ารักและยังมาบอกเคล็ดการทำบุญอีกนะเนี้ย..
    งั้นขออนุโมทนาในบุญกุศลที่พวกท่านทั้งหลายได้ทำไปแล้วด้วยนะครับ
    ...อนุโมทนา สาธุ...
     
  18. สิตามน

    สิตามน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +369
    ชอบกระทู้พี่เมย์ค่ะ
     
  19. ต้นน้ำธรรม

    ต้นน้ำธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    681
    ค่าพลัง:
    +437
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุกับทุกๆคำตอบ กับทุกๆคำอธิบาย ขอบคุณครับ
     
  20. Chay 4

    Chay 4 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    291
    ค่าพลัง:
    +94
    อนุโมธนา สาธุ เป็นเทคนิคที่ดีมากๆครับ

    ขอบคุณเป็นอย่างสูงครับผม
     

แชร์หน้านี้

Loading...