วัดกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย รัก+ยม, 18 มีนาคม 2007.

  1. รัก+ยม

    รัก+ยม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    861
    ค่าพลัง:
    +3,122
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]

    เทศนาเรื่อง วัดกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น
    โดยท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน
    วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
    ------------------------------------------------------


    1. วัดภูวัวเราไม่ได้ไปนานแล้วนะ แต่อาหารประจำนั้นเรียกว่าประจำ จวนสิ้นเดือนทุกๆ เดือนเลย เพราะพระมีไม่ต่ำกว่า ๓๐ สามสิบกว่า หรือ ๒๘-๒๙-๓๐ กว่า ๔๐ นี้เป็นประจำ ตอนค่ำท่านเอาเทปมาเปิดฟัง เทปที่ไหนก็มีแต่ที่นี่ จะเรียกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ไม่ผิด ที่นี่เลย พอตกค่ำเริ่มมืด อย่างทุกวันนี้ก็เรียกว่าทุ่มพอดี เพราะทุ่มหนึ่งก็มืดพอดีกัน ท่านจะมารวมที่กุฏิ กุฏิมันเป็นสองชั้น ข้างล่างมันเป็นทำเล ข้างบนไม่ค่อยมีใครขึ้นไปแหละ หัวหน้าท่านจะเปิดฟัง แล้วพระที่มาอยู่นั่นทั้งหมด ต่างองค์ต่างมานั่งภาวนา เทปเปิดขึ้นเหมือนเทศน์ นั่งภาวนาฟัง อย่างน้อยเรียกว่าวันละหนึ่งกัณฑ์ เป็นอย่างน้อย หรือไปเปิดพิเศษอันนั้นก็แล้วแต่ แต่ที่เป็นพื้นฐานก็คือวันละหนึ่งกัณฑ์ๆ เราอยากจะพูดว่าร้อยทั้งร้อยออกไปจากวัดทั้งนั้นๆ ภาคปฏิบัติจิตตภาวนาล้วนๆ เลย มีแต่แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วๆ ตลอดเลย

    พอฟังจบแล้ว องค์ไหนอยากจะไปก็ไปตามอัธยาศัย ผู้ยังไม่อยากไปก็นั่งภาวนาต่อเลยก็ได้ หรือจะเปิดเทปฟังเป็นกรณีพิเศษก็ได้ นี้เป็นประจำ ที่เราเข้าเกี่ยวข้องนี้มันสิบกว่าปีแล้วนะ แต่ก่อนก็ได้ยินได้ฟังมาเฉยๆ ว่า ท่านอุทัยท่านอุตส่าห์พยายามอยู่ที่นั่นประจำมา สององค์หรือสามองค์เป็นอย่างมาก เพราะที่โคจรบิณฑบาตไม่มี ลำบาก แต่ที่ภาวนาร้อยทั้งร้อย สะดวกไปหมดเลย

    สถานที่นี่แต่ก่อนท่านอาจารย์ฝั้นท่านผ่านมาพักที่นั่น อยู่ไม่ได้ก็เพราะเหตุนี้เอง ต่อไปท่านอุทัยเลยไปพักที่นั่น ทางต้องบุกด้วยเท้าไป ไปด้วยเท้า ไม่มีรถมีรา ไปอย่างสมบุกสมบัน นั่นเหมาะกับผู้เสาะแสวงหาธรรม ต้องเป็นผู้สมบุกสมบันทั้งนั้น พวกเสาะแสวงหาธรรมจะเอาความสะดวกเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ได้ ขัดกับธรรม ธรรมนี้เรียกว่าบุก บุกคืออุปสรรคต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องความมักง่าย ความสะดวกสบายของกิเลสอยากให้เดินทางนั้น เห็นว่าไม่สะดวกสบายไม่ไป กิเลสกลืนแล้ว นั่น

    พอได้โอกาสเราก็เลยไปเยี่ยม เพราะได้ยินข่าวมานานแล้วว่า สถานที่นี่สงัดมากเป็นที่หนึ่งเลย พอได้โอกาสเราก็ไปเลย ตอนนั้นรถพอไปได้นะ มันเป็นหน้าแล้ง ดูเหมือนเดือนเมษา ละมั้งเราไป ตอนหน้าแล้งไป รถก็บุกเข้าไปอย่างนั้นละ พอลงรถแล้วเราไปเลยที่นี่ ไปเที่ยวหมดเลย เพราะแต่ก่อนแข็งแรง ไปไหนสะดวกสบาย ไปตระเวนดูหมด ดูมีแต่ความเงียบสงัดตลอด เป็นที่พักเป็นแห่งๆ เป็นดงๆ แล้วที่โล่งแจ้ง หินดานก็มีทั่วไป อยากนั่งภาวนากลางแจ้งก็ได้ กลางวี่กลางวันก็อยู่ในป่า สงบสงัดตลอด น้ำท่าไม่อด อดแต่อาหารเท่านั้นเอง

    ไปดูจนหมดจริงๆ เที่ยวดูหมดอย่างละเอียดลออ เหมาะสมทั้งหมดเลย พอมาก็ประกาศในเวลานั้นเลยว่า ตั้งแต่นี้ต่อไปท่านอุทัยจะพักที่นี่ เวลานี้ก็มีพระจำนวนที่เห็นนี้แหละ ครั้นต่อไปนี้ท่านต้องการจะรับพระรับเณรมากน้อยเพียงไร ให้ท่านรับได้ตามสบาย ผมจะรับเลี้ยง บอกงั้นเลย เอา ถ้าพระตั้งใจภาวนาแล้วมาเลย บอกงั้น ผมเปิดทางให้ทั้งหมด จะรับเลี้ยงทั้งหมด ถ้ารับเลี้ยงสู้ไม่ไหวผมจะบอก บอกงั้นเลย ตั้งแต่บัดนั้นมา พอมาถึงวัดแล้วก็จัดอาหารส่งไปเลยเรื่อย สิบกว่าปีแล้วนะ ทีนี้พระก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว เพราะสถานที่นั่นเหมาะสมมาก แต่พระเข้าไปอยู่ไม่ได้เท่านั้นเอง

    ทีนี้พอได้รับความสะดวกท่านก็ตั้งจุดหมาย ๓๐ ไว้เป็นจุดกลาง ลดบ้างขึ้นบ้างประมาณ ๔๐ บ้าง ลดลงมา ๓๐-๒๘-๒๙ อยู่งี้ตลอด บางทีถึง ๕๐ ก็มี แต่นั้นเป็นบางกาลเวลา ท่านไปชั่วระยะ ที่เป็นพื้นฐานก็ ๓๐ กว่านี่มาก ลดมีน้อยมากเทียว ตั้งแต่บัดนั้นมาอาหารจัดให้เพียงพอ ใส่รถๆ เต็มเอี๊ยดๆ ไปเลย ทุกวันนี้ก็ประจำอยู่มานานเหมือนกัน เรียกว่า ๔ คันรถเลย หกล้อก็มี สี่ล้อบองขึ้นเต็มรถๆ เลยตลอดจนกระทั่งทุกวันนี้ ไปแล้วยังถามไถ่อีกด้วยว่ามีพระจำนวนมากน้อยเพียงไร หากว่าบกพร่องจะเอามาเพิ่มอีก อย่างนั้นตลอด

    วัดนั้นจึงเป็นวัดที่สะดวกสำหรับบำเพ็ญธรรมล้วนๆ ใครไม่ให้เข้าไปยุ่งนะ เราเป็นคนขู่เองเลย ท่านอุทัยท่านไม่มีอำนาจแหละ ใครจะไปอยู่ไปอะไรท่านก็ไม่ว่าอะไร เราไปเองสั่งเสียหมดเลย บอกสถานที่นี่ไม่ให้ใครเข้ามายุ่ง บอกตรงๆ เราจะสงวนพระไว้สำหรับทำประโยชน์ให้โลก ประชาชนมีจำนวนมากเท่าไรสู้พระไม่ได้ ที่ทำประโยชน์ให้โลก จึงไม่ให้ใครเข้าไปอยู่ที่นั่นนะ ให้มีแต่พระ แล้วพวกเขามาทำอาหาร บ้านเขามี ๓-๔ หลังคาเรือน เขามาทำอาหารสำหรับพระเป็นประจำๆ ตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้ คืออาหารไม่ให้อด สถานที่นั่นจึงเป็นสถานที่บำเพ็ญสะดวกสบาย ไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งเลย ให้มีแต่พระล้วนๆ เลย เราเป็นผู้คอยดูแลตลอด ฟังเสียงอยู่ตลอด ไปก็ไปดู ไปดูแล้วสั่งเสียหมดเลย สั่งเสียอย่างเด็ดขาดๆ เลย ให้ท่านอุทัยปฏิบัติตามนี้

    เทศน์ ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๖



    2. ที่ถ้ำภูวัว ที่เราส่งของไปให้วัดภูวัว ๑๐ กว่าปีแล้วนะ ทีนี้เวลาทราบที่เขาจำรายละเอียดได้มัน ๒๒ ปี ไม่ใช่เล่น ปีพ.ศ.เท่านั้น ๆ ว่างั้น เราก็ยอมรับเลย โห ว่า ๒๑-๒๒ ปีแล้ว เมื่อวานนี้ก็ให้เขาไปวัดถ้ำภูวัว ดูว่าพระมี ๔๔ หรือไง เณร ๒ องค์ พระ ๔๒ หรือ ๔๓ น้า

    เท่าไรก็ไม่เป็นปัญหา เราพูดครอบไว้หมดแล้ว ว่าพระที่ตั้งใจปฏิบัติเพื่ออรรถเพื่อธรรมจริง ๆ เอามาเท่าไรมา ผมจะรับเลี้ยง เราว่างี้เลย นี่เราก็ถามไปอย่างงั้นละ แต่ท่านคงจะตั้งจุด ๓๐ เป็นจุดกลาง มากกว่านั้นบ้าง ลดลงบ้าง แต่ส่วนมากมีแต่ขึ้น ลดลงมีน้อยมาก ท่านคงตั้งจุด ๓๐ องค์เป็นจุดกลาง จะขึ้นบ้างลงบ้างก็อยู่ในย่านนี้ เมื่อวานนี้เขาเอาของไป มาทราบว่าที่ไปส่งของภูวัวนี้เราว่า ๑๐ กว่าปี ถ้าว่า ๑๘-๑๙ ปี ก็ยังอยู่ในเขตอยู่นะ นี่มัน ๒๑-๒๒ ปี เรียกว่าผิดอันนี้ ๒๑-๒๒ ปีแล้ว พระท่านตั้งใจมาปฏิบัติ เราพอใจ เราส่งเสริมพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

    เพราะฉะนั้นจึงว่าถ้าตั้งใจปฏิบัติเพื่ออรรถเพื่อธรรมจริง ๆ เอ้า เอามาเท่าไรให้มา เราบอกอย่างงั้นเลยนะ เราจะรับเลี้ยง ตรงกันข้ามกันอีกก็คือว่า ถ้าพระโกโรโกโสอย่าให้มาอยู่ที่นี่นะ ให้ไล่ลงภูเขาให้หมด มันหนักภูเขาเราว่า เอาเด็ดด้วยกันทั้งสอง ตั้งแต่นั้นมาพระก็มากมาเรื่อย ๆ เพราะเราไปดูเองหมด ทำเลไปดูหมดแล้ว เหมาะ เหมาะสมทุกอย่าง กลางวันกลางคืนมันเป็นความรื่นเริงในใจ สำหรับผู้มุ่งต่อธรรมนะ ไปอยู่สถานที่เช่นนั้นมันรื่นเริง ๆ ภายในใจ นี่เราก็ได้ยินมานานกว่านั้นแล้ว ว่าที่นั่นสงบสงัดดี มีท่านอุทัยอยู่ที่นั่น สององค์ สามองค์ อยู่มากกว่านั้นไม่ได้ ไม่มีที่โคจรบิณฑบาต ว่างั้น เราก็ฟัง ว่าที่นั่นสงัดมาก ท่านอาจารย์ฝั้นเคยไปพักชั่วระยะเดียว เพราะไม่มีทำเลบิณฑบาต ท่านอุทัยเลยไปอยู่ที่นั่น ท่านอยู่นั้นมานานกว่าที่เราจะไปช่วยสนับสนุน

    ไปทีแรกก็ตั้งหน้าจะไปดูวัดนี้แหละ เพราะได้ยินมานานว่าเป็นที่สงบสงัดดีมาก เราเลยไป พอลงรถแล้ว ตั้งแต่ก่อนอายุมันยังหนุ่มน้อยนี่ ลงรถแล้วปั๊บนี่เข้าเลย บนภูเขาลูกนั้นเที่ยวตระเวนดูหมดเลย โห ไปที่ไหนเหมาะสม ทำเลที่โล่งแจ้งก็มี ที่เป็นป่าชุ่มเย็นก็มี เลือกเอาได้ว่างั้นเถอะ กลางคืนนี้อยากออกมาเดินจงกรมอยู่หินลาดหินดานก็ได้ กลางวันอยู่ใต้ร่มไม้ก็ได้ มีอยู่ทั่วไป เราไปหาดูแล้ว โอ๋ย ชอบใจ พอกลับมาถึงก็สั่งท่านอุทัย ตั้งแต่บัดนั้นมาจนบัดนี้ พระท่านจะต้องการมาพักภาวนา พระที่มุ่งอรรถมุ่งธรรมจริง ๆ ตั้งใจอยากจะภาวนาแล้วมาอยู่กับท่าน ให้รับท่านนะ เอ้า มาเท่าไรมาเราจะรับเลี้ยง บอกตรงๆ เลย แต่พระโกโรโกโสอย่าให้มา ให้ไล่ลงภูเขาให้หมด เสียศักดิ์ศรีภูเขา หนักภูเขา ว่างี้เลย เด็ดทั้งสองนั่นแหละ พระตั้งใจปฏิบัติดี เอา มา อย่างที่ว่า ๔๐ หรือเท่าไร ก็เราเปิดครอบไว้แล้วนี่นะ เอ้า มาเท่าไรมา มาเท่าไรเราพอใจที่จะเลี้ยง แล้วเรายังได้บอกไว้แล้วด้วยว่า ถ้าเลี้ยงไม่มีกำลังพอแล้วผมจะบอก บอกงั้นนะ เอามาเท่าไรให้มา ถ้าไม่สามารถจะเลี้ยงได้แล้วผมจะบอก เรียกว่ายอม พูดง่าย ๆ ว่างั้นเถอะ

    อยู่ในเกณฑ์ส่วนมากจะ ๓๐ กว่า หรือ ๔๐ อยู่ในย่านนี้ ปีนี้ดูว่า ๔๐ ในพรรษา ในพรรษามักจะอยู่ในย่าน ๔๐ ปีนี้ก็ดู ๔๓-๔๔ เท่าไรอยู่เถอะเราพอใจ ท่านมาอยู่ในที่อย่างนั้นเราพอใจกับท่าน ให้ท่านบำเพ็ญสมณธรรม

    [เทศน์ ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๔๖]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา : เทศนาเรื่อง วัดกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น โดยท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน
     

แชร์หน้านี้

Loading...