วงเวียนกรรมของสัตว์โลก

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย leesansuk, 28 ธันวาคม 2011.

  1. leesansuk

    leesansuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +332
    [FONT=&quot]บทสรรเสริญ[/FONT]


    [FONT=&quot] เริ่มแรกถูกตีหัว เพื่อปลุกให้ตื่นจากความหลงใหล[/FONT]

    [FONT=&quot]ยิ้มแย้มถือดอกไม้ เป็นปริศนา พระแสงของธรรม[/FONT]

    [FONT=&quot] ชีวิตคือละคร แสดงได้เหมือนอย่างจริงจัง[/FONT]

    [FONT=&quot]สรรพสิ่งอยู่ที่จิต ดั่งท่องนรกแลสวรรค์[/FONT]




    [FONT=&quot]สรรพสัตว์ ถือกำเนิดจากจิตเดิมแหล่งเดียวกัน ชาติก่อนๆ
    ก่อกรรมทำเข็ญต่างๆ จึงเกิดเป็นสัตว์ต่างๆกัน[/FONT]


    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] ฮาฮ้า[/FONT]! [FONT=&quot]หนังสือ เที่ยวเมืองนรกเมืองสวรรค์ ก็ได้ทำเสร็จแล้ว อาตามาและนายหยางเซิงได้ทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่ฟ้าดินได้มอบหมายให้เสร็จลง เราศิษย์อาจารย์ก็ได้สนองคุณสวรรค์ ช่วยเพิ่มพูนอาหารทิพย์แก่มวลมนุษย์ เปิดม่านทองของสวรรค์และเปิดประตูลึกลับของนรก บัดนี้ก็เฝ้าดูการบำเพ็ญเพียรของมนุษย์เถอะ ทั้งนรกและสวรรค์อยู่ต่อหน้าท่านแล้ว พวกท่านเชิญเลือกเดินเอาเถอะ อาตมานั้นเป็นเช่นดั่งจิตแม่ แผ่เมตตาการุณย์ จนหมดใจ หวังให้สรรพสัตว์ จงบรรลุถึงปัญญา ซึ่งจะพบได้ในหนังสือทั้ง 2 เล่มนี้ ดำรงตนเป็นคนที่มีศีลธรรมจรรยา คิดๆ แล้วอาตมาพูดมากเหลือเกิน ไม่ได้รับผลตอบแทนเลย นอกจากลมเย็นๆเท่านั้น วันนี้อาตมาได้มาถึง “สำนักเซินเต๋อถัง” สวรรค์มีบัญชาใหม่ ให้อาตมานำนายหยางเซิงออกเที่ยวสำรวจวิญญาณของสัตว์โลกเพื่อแต่งหนังสือชื่อ ว่า “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” ฟังดูก็เหมือนสดใหม่ เพราะของสดๆ จากทะเล จากป่าเขา ของพิเศษอย่างนี้ พวกเราก็อยากคิดจะกิน “ของสดๆ” เพราะถูกกับปากของท่านมาก กระทำอย่างนี้ก็ไม่พ้นที่จะต้องทะเลาะต่อกรกับสัตว์เดียรัจฉาน พวกท่านรู้แต่รสหอมหวานของมัน รู้ความสดของเนื้อ แต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยเงียบฟังการเรียกร้องจากใจมันและจากวิญญาณของมัน ดังนั้นพวกท่านรู้แต่กินเนื้อที่มีเลือดสดๆ รู้ไหมแต่ไม่สามารถกินวิญญาณสดๆ ของมัน[/FONT]
    [FONT=&quot] วันนี้อาตมาพานายหยางเซิงไปดูวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ต่างๆ เพื่อให้ท่านได้ล่วงรู้ วิญญาณสัตว์มีสภาพอย่างไร จะได้ทำใจลึกซึ้งยิ่งขึ้น วันนี้ไม่เพียงแต่รู้ถึงความเร้นลับของโลกวิญญาณ ยังเป็นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ สรรพสัตว์ย่อมมีทั้งวิญญาณและชีวิต วันนี้ไม่อาจปฏิเสธได้เลย นายหยางเซิง ท่านมีความคิดรู้สึกอย่างไร[/FONT]?
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ห้า ปีผ่านไปนี้ ด้วยบุญบารมีท่านอาจารย์ทำให้ผมมีความรู้ซึ้งถึงโลกวิญญาณ สามารถทำหนังสือเที่ยวเมืองนรกและสวรรค์ 2 เล่มเสร็จสิ้นตามบัญชาของสวรรค์ ถึงแม้จะผจญภัย ถึงความยากลำบากนานาชนิด เมื่อหนังสือได้ออกสู่ชาวโลก ผมก็ได้ลืมความลำบากไปหมดสิ้น จากวันนี้ไป ก็ขอท่านอาจารย์แผ่เมตตาช่วยเหลือ วันนี้ในใจรู้สึกยินดีที่ได้รับบัญชาจากสวรรค์อีก เพื่ออุทิศส่วนบุญ จัดทำหนังสือเพื่อโปรดสรรพสัตว์ ในสถานการณ์วันแปลกใหม่นี้ ยิ่งมีเวลาเต็มที่ พอที่จะให้สำนึกและช่วยเหลือตนเอง ขอบคุณสวรรค์ที่กรุณา ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ช่วยเหลือศิษย์ขอเพียงชีวิตนี้ให้สร้างมหากุศล เพื่อสักวันหนึ่งจะให้บรรลุธรรมะมรรคผลได้ จะได้ไม่ทำให้ท่านอาจารย์และเพื่อนร่วมบำเพ็ญเพียรผิดหวัง[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]ขุน เขาขวางหน้า ลำธารเหือดแห้งเสมือนเบื้องหน้าเป็นทางตันแล้ว หนทางมนุษย์ช่างขรุขระ จึงเหมาะสำหรับการฝึกปรือพบอุปสรรคให้ยิ้มสู้ พบทางราบรื่นก็อย่าหลงดีใจ พายเรือทวนกระแสน้ำ สามารถฝึกคนให้ก้าวหน้า ล่องเรือตามน้ำพรวดเดียวก็ไกลพันลี้ ลอยคออยู่ในทะเลทุกข์หารู้ไม่ อริยมรรคเป็นแบบอย่างของทางธรรมะอันยิ่งใหญ่ ทั้งหนักแน่นและยาวไกล น้ำย่อมไหลลงสู่ต่ำ มนุษย์ควรไต่เต้าให้สูงขึ้น อันนี้เป็นกฎที่ถูกต้องของธรรมชาติ ไม่ใช่จะมีพื้นฐานพิเศษ จะได้ปลูกบัวในกองเพลิงพายเรือทวนน้ำหรือ [/FONT]!
    [FONT=&quot] แสงจรัสแห่งอริยะผลกำลังเจิดจ้าอยู่ในนภา อาจารย์อยู่ข้างกายเจ้า ด้วยสมาธิอันแรงกล้า เพื่อสังคม เพื่อมนุษย์ชาติ ขออุทิศผลงานอันสำคํญ เชิดชูคุณธรรม แผ่เมตตาการุณย์ สิ่งเหล่านี้เป็นความต้องการเร่งด่วนของสังคม เรามาร่วมแรงร่วมใจ ทางธรรมอันจรัสแสง กำลังรออยู่เบื้องหน้า อย่าให้ประชาผิดหวัง จงเดินอยู่บนอริยะมรรค รักษาความศรัทธาเอาไว้เถอะ[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot] ขอบคุณ อาจารย์ที่แนะนำ ศิษย์ปฏิบัติตามด้วยชีวิต ไม่ทราบว่าจะใช้วิธีแบบไหน ไปพบปะกับวิญญาณสัตว์เดียรัจฉาน[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]เรา ไม่เพียงแต่พบปะสัตว์เดียรัจฉานธรรมดาเท่านั้น สัตว์ที่กำเนิดจาก รก ไข่ที่ชื้นแฉะ และที่แปลงได้ก็รวมอยู่ในหนังสือวงเวียนกรรมของสัตว์โลก แม้มันจะมีร่างต่างๆกัน แต่ก็มีวิญญาณ (กระแสไฟ) เดียวกัน เสมือนสามารถให้กำเนิดเครื่องใช้ต่างๆ ในพื้นพิภพนี้ แม้มีสัตว์มากมาย แต่วิญญาณเดิมมาจากแหล่งเดียวกัน ถ้าจะสืบหาต้นตอ ก็ต้องให้สรรพสิ่งรวมตัวเป็นสิ่งเดียวกันเสียก่อน จึงจะติดตามไปถึงรากเดิมได้ นั่นก็คือจากรากเดิมอันเดียวนี้ เสมือนจิตเดิม (ต้นกำเนิดเดิม) และจากการผ่านขั้นตอนต่างๆกัน เพื่อความอยู่รอดของชีวิต เลยหนีห่างจากคุณธรรม ทุกวันก็มีแต่ความอยากได้ เกิดความโลภต่างๆ สมาธิก็ลดถอยลง จึงทำให้มนุษยืเริ่มเสาะแสวงหา ค้นคว้า หาพลังงานเป็นสิ่งทดแทน อาตมากำลังเตือนพวกเขา ถ้าไม่รู้สึกระงับเสียบ้าง ไม่หมั่นบำเพ็ญเพียรทางศีลธรรมถูกความโลภเข้าครอบงำ ไม่ชำระจิตใจ จนเกิดโรคประสาท ทำให้เพิ่มตัวละครมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เพื่อช่วยเหลือความอ่อนแอของประสาทและฟื้นฟูสุขภาพจิตให้สมบูรณ์ ศาสนจักรเป็นหนทางหนึ่งที่จะฟื้นฟูจิตวิญญาณได้ สัตว์ต่างๆ ที่สูญสิ้นในรูปลักษณ์ของมนุษย์ ก็ยังมีวิญญาณที่เหมือนมนุษย์ ก็ยังมีชีวิตอยู่เป็นเพื่อนของมนุษย์ ก็ยังมีวิญญาณที่เหมือนมนุษย์ ก็ยังมีชีวิตอยู่เป็นเพื่อนของมนุษย์ เช่น สุนัข มีความซื่อสัตย์ แพะมีความกตัญญู วัวที่มีบุญคุณและไก่ที่รักษาความเที่ยงตรงเป็นต้น ซึ่งล้วนมีคุณต่อมวลมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง อันนี้เป็นการยืนยันว่าแม้มีร่างต่างกัน แต่พวกมันก็มีวิญญาณเหมือนกันมีเลือดเนื้อ พวกเขาถ้ามีมนุษยธรรมและมีชีวิตเพิ่มขึ้น ทำการวิจัยค้นคว้าอย่างจริงจัง อันนี้ไม่ถือว่า “งมงาย” เพียงแต่ถ้าท่านยอมรับว่าสัตว์ก็มีวิญญาณดังนี้หนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” ก็มีค่าควรแก่ศึกษายิ่ง[/FONT]
    [FONT=&quot] พระพุทธเจ้า เทวดาทั้งหลาย เป็นผู้รู้ก่อนใครถึงโลกวิญญาณนี้ จะค้นคว้าโลกวิญญาณของสัตว์ มันง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ เปรียบเหมือนนักวิทยาศาสตร์ใช้กล้องขยายส่องดูจุลชีพ ที่อาศัยตาคน ไม่เห็นถึงเนื้อใน เพียงแต่เห็นได้เนื้อภายนอกเท่านั้น รูปลักษณ์ของวิญญาณสัตว์ ต้องอาศัยสมาธิจิตหรืออภิญญาของอรหันต์เท่านั้นจึงจะเห็นได้ หนังสือเล่มนี้อาจเรียกว่า “สังเกตการณ์ทางวิญญาณ ของสัตว์” อันนี้เป็นบทพิสูจน์ที่ล้ำหน้าทางศาสนาในโลกวิทยาศาสตร์ที่เจริญรุ่งเรือง ได้มีการสืบเสาะหาชีวิตอีกโลกหนึ่ง มีการพัฒนามาจนถึงมีดาวเทียม จรวด แต่ทางศาสนาเรานั้น มีตาทิพย์ที่จะสืบเสาะความเป็นอยู่ของวิญญาณได้ เพื่อมิให้ต้องตกลงสู่การเป็นสัตว์โลก ในทางกลับกัน ยังเป็นการส่งเสริมให้จิตวิญญาณของมนุษย์เลื่อนฐานะสูงขึ้นสู่เทวภูมิและ พุทธภูมิเป็นที่สุดปฏิรูปสังคมให้ทุกๆ คนได้ถือบำเพ็ญดวงจิตของโพธิสัตว์ ใจเมตตาการุณย์ ทุกๆคนต่างปฏิบัติต่อกันด้วยความสุข ไม่ล่าเนื้อที่อ่อนแอเป็นเหยื่ออันโอชะ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็จะบรรลุถึงคำกล่าวของท่าน “ขงจื้อ” ที่ว่า “โลกเนรมิตที่เหมือนกันหมด” ผู้มีเมตตาก็จะน่าสงสาร ผู้มีใจบุญก็จะบริจาคสู่ผู้ยากไร้ กรุณาเอื้อเฟื้อต่อมนุษย์ทั้งหมดนี้ เหมือนดั่ง “ทั้งสัตว์และฉันเสมอภาคเหมือนกัน[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ท่านอาจารย์กล่าวได้ดีมาก สูตรที่บริสุทธิ์บรรจุแต่ถ้อยคำอัศจรรย์ สรรพสัตว์ได้ฟังแล้วจะได้ประโยชน์เหลือหลาย[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]ปัจจุบัน การปฏิบัติของมนุษย์บางคนต่ำทรามนัก จนมีคำด่าคนว่า “คนร่างสัตว์” ด้อยกว่าสุนัขอาชาไนย ที่ซื่อสัตย์อารีย์ บัดนี้สวรรค์เมตตาทรงโปรดสัจธรรมลงมาสู่โลกอีกครั้ง เปลี่ยนร่างสัตว์กลับสู่ร่างคนดังเดิม ดังนั้นจึงได้มีคำสั่งให้จัดทำหนังสือเล่มนี้เพื่อ หนึ่ง ให้คนมีความกลัวต่อบาป จะได้สำนึกกลับใจได้ สอง ให้วิญญาณบรรลุสัจธรรม เพื่อให้สำเร็จตามคำบัญชาในการโปรดสัตว์ทั้งสามโลก[/FONT]
    [FONT=&quot] หวังว่าท่านทั้งหลาย จะเข้าใจคำพูดของอาตมา ผู้ที่กำลังทำบาปอยู่ให้ละเสีย จะได้ไม่เพาะนิสัยให้ติดเป็นสันดานที่ไม่ดี จะได้ไม่ต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน ที่น่าสงสารนัก[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิน [/FONT]: [FONT=&quot]ใจ อริยชน กับสรรพสัตว์ เมื่อรวมกันเป็นหนึ่งแล้ว จะไม่มีการข่มเหงรังแกกกันเหมือนดั่ง พุทธพจน์ กล่าวถึงเมตตากรุณา ขงจื้อ กล่าวถึง ความซื่อสัตย์ เต๋า กล่าวถึงความบริสุทธิ์ พระเยซู กล่าวถึง ความรัก พระมะหะมัด กล่าวถึง ความใสสะอาด ศาสนาทั้งหลายล้วนแต่ทรงกล่าวถึง เมตตากรุณา รักและสงสารรักษาความสะอาดบริสุทธิ์ของจิต ไม่ให้แปดเปื้อน หมั่นเผยธรรมะและความเมตตา พวกเราได้รับผลอย่างแน่นอน[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]ศิษย์ เจ้าพูดถูก สมัยก่อนมีพระราชาองค์หนึ่งชื่อ “เซียงอ๋อง” มีใจโอบอ้อมอารี ออกเยี่ยมเยียนช่วยเหลือปรับปรุงพัฒนาและบรรเทาทุกข์ แก่ประชาชนอยู่เสมอ มีอยู่วันหนึ่งท้องฟ้าแจ่มใส อากาศดีเลิศ ฝูงนกทั้งหลายต่างร้องวิหคร่าเริง เมื่อเซียงอ๋องมาถึงท้องที่หนึ่ง และเห็นกลุ่มนายพรานกำลังจัดแจงเครื่องดักสัตว์ มีตาข่ายเป็นต้น พวกที่กำลังกางตาข่าย ก็ร้องด้วยใจลำพองว่า “พวกที่มาจากฟ้า พวกที่มาทางบก พวกที่มาจากทิศทั้งสี่ ขอให้เข้ามาอยู่ในตาข่ายของข้า อย่าได้เล็ดลอดได้แม้แต่ตัวเดียว” เซียงอ๋อง ฟังแล้วรู้สึกทนไม่ไหว ก็เดินไปรื้อตาข่ายออก 3 ด้าน เหลือไว้เพียงด้านเดียว พร้อมกล่าวว่า “พวกที่คิดจะไปทางซ้ายก็ไปทางซ้าย พวกที่คิดจะไปทางขวาก็ไปทางขวา พวกที่จะขึ้นข้างบน ก็ให้ขึ้นข้างบน พวกที่คิดจะลงมา ก็ให้ลงมา เมื่อไม่อยากมีชีวิตอยู่ ก็ให้เข้าไปในตาข่าย พวกนายพรานพอได้ยินแล้ว รู้สึกซึ้งน้ำใจและอายความเมตตาของเซียงอ๋องมาก บทกล่าวที่ร้อตาข่ายสามด้านนี้ถูกเล่าต่อๆ กันมาจนถึงทุกวันนี้[/FONT]
    [FONT=&quot] ผู้คนทุกวันนี้ มีบางคนจิตอกุศล ชอบฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต ควรสำนึก พิจารณาคำพูดของเซียงอ๋อง ซึ่งเต็มไปด้วยเมตตาธรรมบ้าง มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ อยู่ชั้นแนวหน้าของสัตว์ทั้งหลาย ควรจะมีหน้าที่ในการอนุรักษ์สัตว์ ควรเป็นคนที่ใจบุญ เมตตาสงสารชีวิตสัตว์ ฉะนี้แล้ว จิตอาตมาก็พลอยสบายใจได้หน่อยหนึ่ง[/FONT]
    [FONT=&quot] คราวนี้จะพานายหยางเซิง ไปเยี่ยมเยือนสัตว์เดรัจฉานเปิดเผยความเป็นอยู่ของมัน เพื่อให้ชาวโลกคอยแผ่เมตตา และทำแต่ความดี ประพฤติแต่กุศลกรรม ซึ่งทางศาสนาพุทธกล่าวถึง “กฏแห่งกรรม” เป็นการยืนยันว่า คำกล่าวเช่นนี้เป็นความจริง หวังว่าชาวโลกจงอย่าคิดว่าเป็นเรื่องหลงงมงาย [/FONT]!

    [FONT=&quot] --------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    [/FONT]
    [FONT=&quot]ชอบมั่วกามเคล้าโลกีย์ เกิดเป็นกวางอยู่ในป่าดงไพรใช้กรรมอย่างโดดเดี่ยว[/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]วิทยาการก้าวหน้า เภสัชวิทยารุ่งเรือง บรรดานักวิชาการต่างมุ่งหน้าผลิตยาวิเศษ เพื่อชลอความแก่ และกลับเป็นหนุ่มสาวหรือมีอายุวัฒนะ มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เกิดขึ้น อาทิเช่น มีการฉีดยาดึงหนังให้เต่งตึง เพื่อให้ร่างกายดูอ่อนวัยสดสวยอยู่เสมอ แต่การมีวิธีต่ออายุหรือแต่งโฉมใหม่ ก็เพียงชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น มีใครจะมีชีวิตอยู่ยาวถึงร้อยปีนั้นนับคนได้เลย[/FONT]
    [FONT=&quot] ในป่าดงดิบ ต้นไม้สูงเสียดฟ้า พวกมันไม่เห็นมีใครคอยรดน้ำใส่ปุ๋ย หรือคอยตกแต่งมัน พวกมันยังโดนฝนพายุพัดกระหน่ำแต่ก็ยังอยู่ได้โดยไม่ล้ม มีชีวิตถึงพันๆปี อันนี้เพราะมันยืนอยู่บนพื้นฐานของมันเอง ยึดมั่นอยู่กับที่ ไม่เคยขยับแม้แต่ก้าวเดียว เกิดที่นี่ก็ตายที่นี่ เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ ซึ่งไม่เหมือนคนที่มีการชิงดีชิงเด่น ไม่มีความใคร่มัวเมากามารมณ์ ดังนั้นจึงมีอายุนานถึงพันๆปี ซึ่งอาจเรียกว่าไม้เทพชาวโลกลืมกันหมด มัวพูดถึงแต่ความสวยงาม เสื้อผ้าก็ต้องใหม่เอี่ยม หน้าตาก็ต้องรักษาบำรุง ยาอายุวัฒนะมีขนานใหม่ๆ อยู่เสมอ แล้วทำได้ไม่มีปัญหารักษาชีวิตให้อยู่ถึง 200 ปี สักคนอาตมาว่ามนุษย์นั้นตรากตรำเกินไป ไม่เหลียวแลสุขภาพ วันนี้อาตมาจะพานายหยางเซิงพบกับปัญหาอันนี้[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ออกเดินทาง[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]ที่นี่คือป่าอารีซานละ (ป่าอารีซานอยู่ในประเทศไต้หวัน) วันนี้เราจะมาหากวาง[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ในป่าลึกไม่พบแม้แต่กลิ่นไอมนุษย์ แต่ข้างหน้ามีกวางนอนอยู่ 4 ตัว เราจะใช้วิธีอย่างไรถามมันได้[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]อาตมาจะเสกสักหน่อย มันจะได้ระลึกชาติได้, โอมเพี้ยง [/FONT]! [FONT=&quot]เจ้ากวางน้อย พวกแกนอนอยู่ทำไม นายพรานมาแล้ว ยังไม่รีบหนีไป ฮาฮ้า [/FONT]! [FONT=&quot]หยาง เซิง ดูมันซิ พออาตมาพูดเท่านั้น พวกมันก็ตื่นเตรียมตัววิ่งหนี แต่ว่าฟ้ามืดสลัวๆ อย่างนี้ จะหนีไปไหนอาตมาจะแผ่รัศมีพุทธแสง พอมันเห็นแสงสว่างจะมาหา[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]กวางป่าได้ยินอาจารย์พูด รู้สึกมันเข้าใจ[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]อิทธิฤทธิ์ พุทธพจน์ที่อาตมาพูดนั้น ไม่ต่างไปกับคน แต่ธรรมจิตย่อมเข้าสู่จิตของสรรพสัตว์ได้ พวกมันฟังแล้วย่อมเข้าใจ พุทธพจน์ล้วนเป็นจริง เทวดาทั้งปวงก็ใช้จิตพุทธนี้พูดจา สรรพสัตว์ ซึ่งพวกมันฟังแล้วเข้าใจ[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]อัศจรรย์ จนพูดไม่ถูก สรรพสัตว์กายต่างกัน แต่พุทธจิตเสมอภาคกัน แม้แต่สัตว์เดียรัจฉานก็สามารถรู้ถึงใจคนสอนได้ ในทางกลับกัน คนไม่น้อยทีเดียว กลับเป็นไม่รู้เรื่อง ว่าพระท่านพูดอะไร[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]เธอพูดถูก เธอไปถามพวกมันได้แล้ว[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]เชิญอาจารย์เสกเป่าให้พุทธแสงพวกมัน เพื่อง่ายต่อการสอบถาม[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]เมื่อกี้ เสกนิดหน่อย ตอนนี้จะเสกให้มากขึ้น เมื่อวิญญาณจะได้เข้าใจ กวางป่าจึงมองมืออาตมา พุทธกรเบิกพุทธจิต พุทธกรเบิกประตูพุทธ พุทธกรโปรดสรรพสัตว์ พุทธกรปัดเป่าความชั่วร้าย พุทธกรแก่สัมผัสพุทธกรอาตมา สรรพสัตว์ย่อมมรรคผลได้[/FONT]
    [FONT=&quot] กวางป่ามีค่าควรแก่ป่าเขา นิสัยบริสุทธิ์เกิดในเขาเขียว ฟ้าดินประดุจบ้าน รักสงบสงวนตัว ร่างกายดุจทองคำ วิ่งเร็วเหมือนมันพริ้ว ดั่งเทวดา สัตว์เทวดา ๆ จงเข้าใจสำนึกจิตเดิม[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]อาจารย์เอาพัดปัดที่หัวกวางตัวหนึ่งทันใดนั้น ก็มีแสงสีเขียวพุ่งออกมาจากหัวกวาง ไม่ทราบว่าเป็นอะไรหรือ[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]กวาง ป่าเกิดมา อยู่กับเขาเขียวน้ำใสวิ่งเล่นไปมาอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ได้รับแสงเงินแสงทองของตะวันจันทรา ดำรงชีวิตอย่างสงบ ตอนนี้ถูกอาตมาปัดเป่า วิญญาณตื่นขึ้นก็เลยมีรัศมีแสงพุ่งสู่ท้องฟ้า[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]มิน่าเล่า กวางป่าก็มีธรรมะลึกล้ำเหมือนกัน[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot] นายหยางเซิง ไปพูดกับกวางป่าได้แล้ว[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ครับผม[/FONT]! [FONT=&quot]ขอถามพี่กวางหน่อย คุณอาศัยอยู่ในป่าลึก รู้สึกอย่างไรบ้าง[/FONT]?
    [FONT=&quot]กวางป่า [/FONT]: [FONT=&quot]พวกท่านเป็นใคร ทำไมมาตีหัวข้าเล่า[/FONT]? [FONT=&quot]ข้ายืนอยู่นิ่งๆ แทบไม่ไหว มีความรู้สึกจะบินลอยไปในอากาศอย่างนั้น[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ผม เป็นคนที่มาจากสำนักเซินเต๋อถัง ณ.เมืองไถจง ท่านนี้เป็นอาจารย์ อรหันต์จี้กง เราอาจารย์ศิษย์ ได้รับคำบัญชาจากสวรรค์ให้มาทำหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” วันนี้มาเยี่ยมเยือนพวกท่าน ขออย่าได้กลัวเกรง[/FONT]
    [FONT=&quot] กวางป่า [/FONT]: [FONT=&quot]ที่แท้ก็เป็นท่านอาจารย์จี้กง ท่านได้เสกเป่าเบิกวิญญาณ พวกเราขอถวายคารวะด้วยความขอบคุณยิ่ง[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]ไม่ต้องมีมารยาทหรอก ช่วยตอบคำถาม นายหยางเซิงเถอะ[/FONT]
    [FONT=&quot] กวางป่า [/FONT]: [FONT=&quot]ครับ ผม ท่านหยางถามว่า อยู่ที่นี่มีรสชาติเป็นอย่างไร ผมจะพูดให้ฟัง ตั้งแต่เกิดจากท้องแม่ ก็มีตะวันจันทราขุนเขาลำน้ำเป็นเพื่อน กินหญ้าสด ดื่มน้ำลำธาร ตากลมเย็น บ้านของเราก็คือต้นไม้ชายเขา ผ่านชีวิตกับธรรมชาติ เนื่องจากมีนักล่าสัตว์ ทำแร้วดักสัตว์และมีปืนผาหน้าไม้ พวกเราต้องอพยพหลายครั้ง ถอยลึกเข้าไปในป่าเขา ในใจก็ยังหวาดผวาไม่หายอิจฉาความอิสระเสรีของคน อยู่อย่างสงบสุข แต่สิ่งที่น่ากลัวของมนุษย์ก็คือ ชอบรังแกสัตว์ที่อ่อนแอเช่นเรา คุณหยาง ท่านช่วยบอกพวกท่านว่า อย่าได้มาตามล้างตามล่าพวกเราเลย พวกท่านดีใจที่ได้ล่าสัตว์ไป แต่พวกเราก็สูญเสียเพื่อนไปเช่นกัน อย่างนี้ไม่น่าสงสารหรอกหรือ[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ผม รู้สึกสงสารพวกคุณเหมือนกันจะใช้ความพยายาม แต่ก็โปรดระมัดระวังตนเองเป็นสำคัญ ไม่ทราบว่าชาติก่อนพวกท่านทำอะไรชาตินี้จึงเกิดมาเป็นกวาง[/FONT]
    [FONT=&quot] กวางป่า [/FONT]: [FONT=&quot]พวก เราไม่มีมือ มีเพียงเขาคู่เดียว ปกป้องตนเองรู้สึกไม่ค่อยสะดวก เพราะว่าชาติก่อนประพฤติผิดศีลธรรม มักมากในกามา หาเงินมาโดยมิชอบ รีดไถชาวบ้าน ชาตินี้เลยเกิดมาเป็นกวาง[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]จะพูดให้ละเอียดกว่านี้สักหน่อยได้ไหม เพื่อเตือนสติชาวบ้าน เป็นการสร้างกุศลไปด้วย[/FONT]
    [FONT=&quot] กวางป่า [/FONT]: [FONT=&quot]พูดแล้วขายหน้ายิ่งนัก[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]อย่ามัวรีรอ ตอนนี้แกก็มีขา หน้าก็มีขน จะเอาหน้าอะไรไปขาย พูดให้ชาวบ้านฟังเป็นการสร้างกุศล เพื่อชาติหน้าจะได้ไปเกิดเป็นคน[/FONT]
    [FONT=&quot] กวางป่า [/FONT]: [FONT=&quot]ครับ ผม ผมชาติที่แล้วเกิดเป็นชายชอบเซ็กส์มั่วกามตลอดชีวิต หลอกลวงหญิงชาวบ้านไม่รู้กี่คน เท่าที่จำได้ก็ข่มขืนหญิงชาวบ้าน 3 ราย แม่หม้าย 2 ราย และภรรยาชาวบ้านอีก 3 ราย แล้วผู้หญิงไม่ดีอีกไม่รู้เท่าไร ทั้งหลอกลวงตัว ทั้งไถเงิน ทั้งวันเอาแต่กินเหล้าเมายา เงินที่ละเลงไปนั้น ล้วนเป็นเงินของผู้หญิงทั้งนั้น ทำแบบนี้ตลอดชีวิต พอแก่ตัวลงก็เป็นโรคไตอักเสบ ในที่สุดก็ตายลง พอตายยมบาลก็ลงโทษ 20 ปี และให้เกิดเป็นกวาง เพื่อชดใช้หนี้กรรม[/FONT]
    [FONT=&quot] ผมหวังว่าชาวบ้านจะไม่เลียนแบบผม มักมากในเซ็กส์หลอกลวงเงินทองไร้ศีลธรรม ชาตินี้เลยต้องเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉานไม่ได้กินอาหารอร่อย กินแต่หญ้าเขียวเป็นอาหารเจไปเลย แม้จะมีอารมณ์เซ็กส์อยู่บ้าง แต่ก็เมื่อไม่ถึงหน้า ก็สมสู่ไม่ได้ ดังนั้นพลังงานก็ขึ้นไปข้างบน ไปสะสมอยู่ที่เขาทั้งสองข้าง นานเข้าก็แข็งตัว กลายเป็นเขาแหลมคม ในใจพูดไม่ออกว่าทุกข์แค่ไหน [/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]ชาติ ก่อนแกมักมากในเซ็กส์ ชาตินี้ไม่สามารถจะกระทำได้ พลังงานจึงสะสมอยูที่เขาทั้งสองข้าง ชาวบ้านก็ตัดเขามาเป็นยาบำรุง และเอ็นกวาง (ตัวเดียวอันเดียว) ชาวบ้านก็ชอบตัดมาเป็นยาบำรุงเช่นกัน ชาติก่อนรากเง้า (อวัยวะ) ชอบเซ็กส์ เขาเวร-เขากรรม ยังโชคดีที่อยู่ในป่าลึก ไม่ได้อยู่ย่านจอแจ เป็นกวางป่าอาศัยอยู่ในป่าเขาได้แต่กินหญ้าและน้ำ ถูกห้ามจากอาหารสดๆ ใหม่ๆ พยายามบำเพ็ญเพียรไปเถิด อย่าได้ย่างเข้าสู่ถนนกามารมณ์อีกเลย[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]บาปกรรมของกวางตัวนี้หนักมาก ชาตินี้เลยเกิดอยู่ในป่าลึก เพื่อเหมาะสำหรับการบำเพ็ญเพียรก็ยังนับว่าโชคดี กวางเอ๋ย[/FONT]! [FONT=&quot]เธอ ไม่ต้องโทษใคร เพราะตนเองก่อกรรมทำเข็ญ เธอได้เล่าเรื่องทำบาปชาติก่อน สามารถเตือนสติชาวโลก วันหน้าสิ้นอายุขัยก็จะได้เกิดเป็นคนใหม่[/FONT]
    [FONT=&quot] กวางป่า [/FONT]: [FONT=&quot]ขอบคุณ คุณหยางผู้ทรงศีล ที่ชี้แนะผมถ้าผมเกิดเป็นคนได้อีก ต้องประพฤติตนให้ดีแน่นอน มิกล้าที่จะเดินเส้นทางเก่าอีก[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง[/FONT]: [FONT=&quot]รู้สึกตัวและสำนึกกลับใจก็ดีแล้ว เมื่อได้เกิดใหม่เป็นคน อาตมาก็จะไปโปรด นายหยางเซิงเธอถามกวางตัวอื่นดูซิ[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ครับผม นี่เจ้ากวาง เมื่อกี้เจ้าก็ได้ยินข้ากับเขาสนทนากัน ในใจรู้สึกเป็นอย่างไร[/FONT]?
    [FONT=&quot] กวางป่า [/FONT]: [FONT=&quot]ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณท่านอรหันต์ที่เสกเป่าพวกเรา เมื่อได้ฟังการสนทนา ก็รู้สึกละอายใจมากแล้ว[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง[/FONT]: [FONT=&quot]เป็นคนไม่กลัวกระทำ แต่กลัวไม่สำนึกผิดเมื่อรู้ผิดแล้ว ก็ควรกลับตัวทำดี จงเล่าอดีตชาติที่แล้วให้ฟังหน่อย[/FONT]
    [FONT=&quot] กวางป่า [/FONT]: [FONT=&quot]ได้ ครับ ผมจะเล่าเรื่องอดีตชาติให้ฟังจะได้ไม่เอาเยี่ยงอย่างผม และจะได้ไม่ต้องเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน ชาติก่อนผมเกิดมา มีรูปร่างสง่างามมาก เห็นภรรยาของข้างบ้านมีหน้าตางดงามเซ็กซี่มาก จึงทำให้ผมเกิดใจชั่วขึ้น ค่อยๆ ตี สนิทนางในที่สุดก็สนิทสนมรักใคร่กัน ไฟโลกีย์ร้อนแรง พิศสวาทคุกรุ่น เลยอยากให้มีความสัมพันธุ์ตลอดกาล จึงได้วางแผนวางยาสามีนาง ทำให้สามีนางไร้สมรรถภาพ นางเลยยกเรื่องนี้ร้องเรียนต่อศาลขอหย่าขาดจากเขา ภายหลังได้แต่งงานกับผมและเรามีความสุขที่อยู่ด้วยกัน [/FONT]
    [FONT=&quot] ต่อมาไม่นาน สามีเก่าของนาง รู้ต้นสายปลายเหตุ และมีความโกรธแค้นเหลือหลาย แต่ก็ทำอะไรผมไม่ได้เขาทั้งวันเอาแต่ดื่มเหล้าเมายา-สติฟั่นเฟือน วันหนึ่งเมามากถูกรถชนตาย วิญญาณพยาบาทของเขาก็ไปฟ้องยมบาลว่าถูกผมล่อลวงภรรยาและใส่ยาพิษให้เขากิน ต้องการล้างแค้น ยมทูตเลยอนุญาติให้มาแก้แค้นดังนั้น วันหนึ่งผมกับภรรยาขับรถมาถึงสถานที่ๆ สามีคนก่อนถูกรถชนตาย ฉับพลันสติเลื่อนลอย ถูกรถชนล้มลงรถข้างหลังเบรคไม่ทัน ก็เลยทับผมตาย วิญญาณผมถูกยมทูตขาว-ดำ จับไป และถูกยมบาลลงโทษอย่างหนัก พอพ้นโทษ ก็มาเกิดเป็นกวางป่านี่แหละ ส่วนภรรยาเกิดเป็นแม่ไก่ แยกไปคนละทาง วันนี้โชคดีที่ท่านอรหันต์จี้กงมาโปรด ทำให้มีโอกาสพ้นกรรม เรื่องราวที่ผมเล่ามานี้ ขอท่านทั้งหลายอย่าหัวเราะเยาะ ขอท่านทั้งหลายอย่าแสดงบทเจ้าสำราญ (เจ้าชู้) เลย จะได้ไม่ต้องเกิดมาเป็นสัตว์เดียรัจฉานเหมือนผม[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]กฏแห่งกรรมนั้น น่ากลัวมาก [/FONT]! [FONT=&quot]อาจารย์ครับ กวางอีกตัวทำไมที่หัวมีลำแสงสว่างจ้า[/FONT]?
    [FONT=&quot]พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]เธอถามเขาก็จะรู้เรื่องเอง[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ขอถามพี่กวางตัวนี้ ทำไมจึงมีแสงประกายสว่างอย่างนี้[/FONT]
    [FONT=&quot] กวางป่า [/FONT]: [FONT=&quot]ฉันเป็นกวางตัวเมีย ไม่ใช่กวางตัวผู้ คุณเรียกฉันแบบนี้ ฉันอายแย่ซิ [/FONT]!
    [FONT=&quot]นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]พี่สาว ไม่ต้องเกรงใจ ผมรู้สึกพี่สาวบำเพ็ญเคร่งครัดไม่เหมือนตัวอื่น ช่วยบอกหน่อยว่าแสงบนหัวนั้น เกิดขึ้นเพราะอะไร[/FONT]?
    [FONT=&quot] กวางป่า [/FONT]: [FONT=&quot]ได้ ซิ ชาติก่อนฉันบวชเป็นชี ในพุทธศาสนา ต่อมาภายหลังเกิดใจรวนเร หนีไปหาคาวโลกีย์พอตายลง เลยเกิดเป็นกวางอยู่ในป่าลึก บำเพ็ญเพียรเพื่อลดกรรมเวรเก่า ชาติก่อนฉันหลงผิดชั่ววูบ แต่จิตพุทธยังอยู่ และคิดจะชดใช้กรรมเวรเก่า เลยตั้งหน้าตั้งตาบำเพ็ญเพียร รักจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ พอรุ่งอรุณก็ขึ้นไปบนยอดเขาอารีซานรับแสงตะวัน พอตกกลางคืนรับแสงจันทรา หวังพึ่งพลังรัศมีของแสงตะวันจันทราเพื่อเพิ่มพูนสมาธิ เสริมสร้างส่วนที่ขาดตกบกพร่อง กินแต่หญ้าสดและน้ำลำธาร ซึ่งอาหารเจ เพื่อลดบาปกรรมชาติก่อนที่ทำไว้ จากการหมั่นบำเพ็ญเพียร ทำให้มีพลัง พอท่านอรหันต์เสกเป่าเท่านั้น ประตูพุทธก็เปิดกว้าง สมาธิที่แก่กล้า สะสมมานาน ก็เลยเปล่งรัศมีพวยพุ่งดุจแสงตะวันจันทรา[/FONT]
    [FONT=&quot] ขอให้ชาวโลก หมั่นต้องแสงตะวันจันทราเพื่อหล่อเลี้ยงพลังบริสุทธิ์ สะสมพลังฟ้าดิน ทำให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง และการบำเพ็ญเพียรก็ดีด้วย[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]กวางป่าก็บำเพ็ญเพียรได้ เป็นสิ่งที่คิดไม่ถึงจริงๆ[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]กลอนว่า [/FONT]:-
    [FONT=&quot]กลางขุนเขา กวางป่า ฝึกธรรมะ[/FONT]
    [FONT=&quot]หมั่นมานะ สะสม พุทธธรรม[/FONT]
    [FONT=&quot]สุริยัน จันทรา พลังฤทธิ์[/FONT]
    [FONT=&quot]ผลสุทธิ์ เปลี่ยนเพศเมีย เป็นเพศผู้[/FONT]

    [FONT=&quot] สาธุ[/FONT]! [FONT=&quot] สัตว์เดรัจฉานสามารถบำเพ็ญธรรม ไม่ช้าก็แปรเปลี่ยนเป็นผลสุทธิ เห็นกวางแล้วย้อนคิดถึงคน ขอประชาจงสำนึกบาปกลับใจเลิกบาปจะเห็นฝั่ง อย่าหลงไหลในทะเลทุกข์ ไม่สะดุ้งเตือนทางวงเวียนนั้นไม่มีที่สุด เมื่อไรโลกจะพบสัจธรรม หมั่นบำเพ็ญเพียร แล้วจะพ้นกรรมเวร[/FONT]
    [FONT=&quot] วันนี้พอแล้ว กลับสำนักกันเถอะ[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ครับผม[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]ถึงแล้ว วิญญาณจงกลับเข้าร่าง[/FONT]
    -----------------------------------------------------------------------------------------------


    <!--[if gte mso 9]><xml> <o:OfficeDocumentSettings> <o:AllowPNG/> </o:OfficeDocumentSettings> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:TrackMoves/> <w:TrackFormatting/> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:DoNotPromoteQF/> <w:LidThemeOther>EN-US</w:LidThemeOther> <w:LidThemeAsian>ZH-CN</w:LidThemeAsian> <w:LidThemeComplexScript>TH</w:LidThemeComplexScript> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> <w:SplitPgBreakAndParaMark/> <w:EnableOpenTypeKerning/> <w:DontFlipMirrorIndents/> <w:OverrideTableStyleHps/> <w:UseFELayout/> </w:Compatibility> <m:mathPr> <m:mathFont m:val="Cambria Math"/> <m:brkBin m:val="before"/> <m:brkBinSub m:val="--"/> <m:smallFrac m:val="off"/> <m:dispDef/> <m:lMargin m:val="0"/> <m:rMargin m:val="0"/> <m:defJc m:val="centerGroup"/> <m:wrapIndent m:val="1440"/> <m:intLim m:val="subSup"/> <m:naryLim m:val="undOvr"/> </m:mathPr></w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" DefUnhideWhenUsed="true" DefSemiHidden="true" DefQFormat="false" DefPriority="99" LatentStyleCount="267"> <w:LsdException Locked="false" Priority="0" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Normal"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="heading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="35" QFormat="true" Name="caption"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="10" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" Name="Default Paragraph Font"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="11" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtitle"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="22" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Strong"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="20" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="59" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Table Grid"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Placeholder Text"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="No Spacing"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Revision"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="34" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="List Paragraph"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="29" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="30" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="19" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="21" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="31" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="32" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="33" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Book Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="37" Name="Bibliography"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" QFormat="true" Name="TOC Heading"/> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-priority:99; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin-top:0cm; mso-para-margin-right:0cm; mso-para-margin-bottom:10.0pt; mso-para-margin-left:0cm; line-height:115%; mso-pagination:widow-orphan; font-size:11.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Calibri","sans-serif"; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-ascii-theme-font:minor-latin; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-hansi-theme-font:minor-latin; mso-bidi-font-family:"Cordia New"; mso-bidi-theme-font:minor-bidi;} </style> <![endif]-->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2011
  2. leesansuk

    leesansuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +332
    [FONT=&quot]หลอกทรัพย์ ล้มหนี้หนีทางไกล เกิดเป็นวัวควายใช้กรรมหนัก[/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]:-[FONT=&quot]คน ที่ค้าขายก็อยากมีกำไร แต่เงินที่ได้ต้องมีศีลธรรม อย่าให้ขัดต่อทำนองคลองธรรม การค้าเป็นเครื่องเลี้ยงชีพ ไม่เพียงแต่เพื่อปากท้องของตนฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึงถึงความเป็นอยู่ของผู้อื่น การซื้อขายยิ่งต้องยุติธรรม ไม่คดโกงจำนวนที่ตกลงซื้อขายเงินที่ได้รับ ถึงนับว่าเป็นเงินที่ขาวสะอาด ถ้าท่านถูกเพื่อนยืมเงินไป แต่เพื่อนไม่ใช้คืน หนีหนี้ เชื่อแน่ว่าท่านต้องด่าเขาเป็นการใหญ่แต่ทว่า[/FONT]? [FONT=&quot]ท่าน กำลังหลอกลวงชาวบ้านอยู่ ลองคิดดูว่าฝ่ายตรงข้ามใจเขาจะรู้สึกอย่างไร คนเราชอบตามใจตนเอง มีความโลภจึงทำให้ความดีสูญหาย ก็เลยกลายเป็นคนชั่ว คนเราอย่าไปกล่าวโทษว่าผู้อื่นดุร้าย จงลงโทษตัวเองว่าหย่อนยาน ยอมให้ตัวเองถลำจมลง ดังนั้นอาตมาอยากจะฟื้นฟูจิตใจผู้คนให้กลับเป็นคนใจบริสุทธิ์และหวังเป็น อย่างยิ่งว่า พวกเราจะไม่เอาดวงใจที่ใสสะอาดดวงนี้กลับฝังเสียละ[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง อาจารย์พูดถูก จิตใจตกต่ำ ถูกกลบฝังลงดิน ยากที่จะฟื้นฟู อันนี้สาเหตุเกิดจากอะไรหรือ[/FONT]?
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot] อันนี้เป็นคนใจทราม ไม่รู้เหมือนกันว่า มีชีวิตอยู่ได้อย่างไร อาตมามาถึงโลกมนุษย์ พอเดินผ่านใกล้ตัวบางคน มีกลิ่นเหม็นสาปที่รุนแรงโชยเข้าจมูก พอตั้งสติได้ พิจารณาดูแล้วมันไม่ใช่กลิ่นขี้หรือเยี่ยว แต่เป็นเพราะคนๆ นั้น จิตใจเปลี่ยนแปลงไป ความชั่วทำให้เกิดกลิ่นบูดเน่า ทำให้อาตมาต้องกลั้นใจส่ายหัว ถึงแม้กลิ่นขี้เยี่ยวจะเหม็น ยังเอาทำปุ๋ยได้[/FONT]
    [FONT=&quot]แต่ ใจทรามเหม็นเน่า ทำลายตนเองและทำลายผู้อื่น ประพฤติบาปไม่หยุดหย่อน มันน่ากลัวนัก วันนี้อาตมาได้นำ “ใจบริสุทธิ์” ที่มีตราถูกต้องมาห่อหนึ่งให้กับชาวโลกที่มี ใจชั่ว ใจคด ใจเหี้ยม ใจเจ็บ ใจพยาบาทและใจทุกข์ มาเปลี่ยนไปได้ โดยไม่ต้องเสียอัฐ และไม่ต้องเกรงใจ รับรองว่าใจดีๆ บริสุทธิ์ดวงนี้ จะทำให้สุขภาพแข็งแรง อายุมั่นขวัญยืน ไม่มีโรคภัย[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]อาจารย์ว่า วันนี้เอาใจดีๆ มาห่อหนึ่งทำไม ผมจึงไม่เห็นล่ะ [/FONT]?
    [FONT=&quot]พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]โบราณ กล่าวว่า “คาถาดีไม่ได้เขียนไว้ที่กระดาษ ใจดีก็ไม่ได้อยู่ที่เนื้อกายภายนอก” ฉะนั้นชาวโลกจึงไม่เห็นใจบริสุทธิ์ของตนเอง เธอจงดูที่พัดของอาตมา แล้วเธอก็จะเข้าใจ[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]เห็นกลางพัดมีรูปหัวใจกลมๆ อยู่รูปหนึ่งนอกนั้นก็ไม่เห็นอะไรเลย[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]เธอตั้งสติดูให้ดีๆ อาตมาจะใช้นิ้วชี้ไปที่รูปหัวใจ ดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]อ้อ เห็นครับ เห็นว่า กลางพัดนี้เริ่มมีแสง จรัสส่องออกมา ยิ่งส่องยิ่งแรงกล้าจนมองแล้วแสบตา อ้อๆ รู้แล้ว อาจารย์หมายความว่า ใจของคนเดิมทีนั้นจรัสแสงอยู่ แต่ถูกฝุ่นไอกิเลสคลุมบังจนมองไม่เห็น ตอนนี้ถูกอาจารย์จี้กงล้างฝุ่นไอกิเลสให้หมดไป ดวงใจบริสุทธิ์จึงมีโอกาสเริ่มจรัสแสง ไม่เช่นนั้น ใจบริสุทธิ์ ถูก โลภ โกรธ หลงบดบัง เหมือนเมฆบดบังดวงจันทร์ ทำให้ท้องฟ้าและพื้นดินมืดมัว[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]อัศจรรย์ไหมล่ะ [/FONT]? [FONT=&quot]อาตมาเขียน [/FONT]o [FONT=&quot]วง กลม หมายถึงใจบริสุทธิ์ของคน “จิตเดิม” ซึ่งเดิมทีสถิตอยู่ แดนสุขาวดี เสมือนไข่มุกที่บริสุทธิ์ประกายแสงระยิบระยับ แต่พอตกลงสู่แดนโลกมนุษย์ จิตใจถูกสัมผัสด้วยกิเลส – ตัณหาต่างๆนานา เลยทำให้แสงบริสุทธิ์ถูกบดบัง เดินสู่ขุมนรก ทะเลทุกข์ที่มืดมัว[/FONT]
    [FONT=&quot] วันนี้อาตมาจะใช้พุทธอิทธิฤทธิ์ เสกเป่าคนที่มีใจบริสุทธิ์ ให้มีชีวิตชีวากลับสู่ดวงลักษณะที่แท้จริงของมัน[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]โอ้อัศจรรยืจริงๆ แสงจรัสที่พัด สว่างดั่งแสงอาทิตย์ ทำให้ทั่วบริเวณสว่างไสว ความมืดหายไปหมด[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]จิต เดิมเห็นชัดเจน ประดุจเมืองสวรรค์ด้านหน้ามีลำแสงใหญ่ เห็นทุกอย่างได้ชัดเจน จากนี้ไปจะได้ไม่หลงไหล ทางที่เรียบราบสว่างไสวรออยู่ข้างหน้า สามารถตามหา “จิตเดิม” ที่หายไปกลับคืนมาประดุจอยู่ในที่มืดแล้วได้ตะเกียงสว่าง อาตมาจะโบกพัดไปมา ลมเย็นพัดมา ยิ่งทำให้เกิดเปลวแสงระยิบระยับ[/FONT]! [FONT=&quot]หยางเซิงเตรียมตัวออกเดินทางกันเถอะ[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์ออกเดินทางได้[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]ถึงแล้ว[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]วันนี้มาถึงบ้านชาวนา ไม่ทราบว่าเป็นที่ไหน [/FONT]?
    [FONT=&quot]พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]ที่นี่คือชนบทไถตัง เป็นบ้านของที่เป็น [/FONT] [FONT=&quot]“วัว”[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]มาถึงคอกวัว ภายในมีวัวนอนอยู่ตัวหนึ่ง ดูเหมือนมีเสียงครวญคราง แสดงถึงความอ่อนเพลีย รู้สึกว่ามันยังไม่รู้ว่าเรามาถึงตัวมันแล้ว[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]ตอนกลาง วันมันทำงานหนัก ร่างกายอ่อนเพลีย ดังนั้นจึงนอนครางดังๆ ไม่รู้ว่าเรามาอาตมาจะปลุกมัน เป่าเสกมัน “เจ้าวัวเอ๋ย” แกตรากตรำทำงานจนเหนื่อย ไม่ได้รับค่าตอบแทนเลย ไม่รู้ว่าชาติก่อนไปทำบาปอะไรมา ชาตินี้จึงต้องขายชีวิตชดใช้กรรม ตื่นเถิด[/FONT]! [FONT=&quot]อย่านอนอยู่เลย”[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]อาจารย์ใช้คาถาเรียก เอาพัดตีที่หัวเจ้าวัว ตื่นจากฝัน ลืมตาขึ้นมอง น้ำตาไหลรินมองมาทางเรา[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]วัว เอ๋ย อาตมาคือ จี้กง ได้รับเทวโองการให้พานายหยางเซิงมาเที่ยวสามโลกเริ่มจากเมืองนรกเมืองสวรรค์ และโลกมนุษย์ตอนนี้จะสอบถามแก เพื่อแต่งหนังสือเรื่อง “วนเวียนกรรมของสัตว์โลก” ต้องการรู้เรื่องการเกิดเป็นวัวของแก เป็นเพราะเหตุใด[/FONT]? [FONT=&quot]จงเปิดเผยให้ชาวบ้านได้รู้ เป็นการสร้างกุศล เพื่อชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเกิดเป็นวัวรับกรรมหนัก[/FONT]
    [FONT=&quot] วัว [/FONT]: [FONT=&quot]ขอ โทษที่ไร้มารยาท ที่แท้เป็นอรหันต์จี้กงกับท่านหยางเซิงผู้ทรงศีล ข้าตื่นจากฝัน ไม่ทราบว่าเป็นอะไร พอท่านอรหันต์เสกเป่า ก็เข้าใจภาษาคนได้ เกิดความเศร้าขึ้น เพราะตอนกลางวันต้องลากรถไถนา เหนื่อยจนจะตาย ทุกข์ระทมจนพูดไม่ออก ได้แต่เพิ่มความเร็ว เพื่อวิ่งให้พ้นหนทางโคลนตม คิดถึงชาติก่อน ไม่น่าจะทำบาปเลย[/FONT]
    [FONT=&quot] ชาติก่อนข้าเป็นคนขายผักในตลาด อยากจะกำไรมากๆ เลยขายโกงตาชั่ง แม่บ้านสมัยนี้ ค่อนข้างมีเงินไม่เหมือนสมัยก่อนเพราะฉะนั้นทุกๆ วันจะได้กำไรผักไม่ต่ำกว่า 20 ชั่ง ต่อมาการค้ายิ่งลำบากเลยเช่าแผงขายเนื้อวัว เพราะเนื้อวัวราคาแพง และขนถ่ายก็สบาย ไม่ต้องตื่นเช้าๆ ไปซื้อผักแล้วยังต้องมาตัดผักอีกซึ่งลำบากกว่า เพื่อให้ได้กำไรงามๆ ใช้น้ำฉีดเข้าไปในเนื้อวัว เพื่อให้มีน้ำหนักมากขึ้น แค่นี้ยังไม่พอยังโกงตาชั่งอีกด้วย เมื่อมีกำไรมากๆ แต่ก็หนีไม่พ้น เหล้ายาปลาปิ้งและการพนัน ดังนั้นทุกวันหลังเที่ยงไม่เมาไม่กลับบ้าน คบแต่คนขี้เหล้าขี้พนันเป็นเพื่อน ความเลวสะสมมากขึ้น เพราะฉะนั้นเงินทองก็ไม่พอใช้ ก็เริ่มตั้งแชร์ขึ้น ชวนพวกขายเนื้อสัตว์ด้วยกันเป็นลูกแชร์ ครั้งแล้วครั้งเล่า เงินทองก็ไม่พอใช้ เกิดใจชั่วละโมบ เลยย้ายไปไกลๆ พวกร่วมอาชีพถูกผมล้มแชร์เป็นจำนวนมาก ใจพวกเขาไม่ยอม ติดตามตัวผมไปทั่วทุกแห่งมีอยู่วันหนึ่ง เจ้าหนี้มาพบที่สถานีรถไฟ จะหลบก็ไม่ทัน เลยถูกลากไปชกต่อย ผมก็คุกเข่าขอร้อง เพราะไม่มีเงินใช้หนี้เลย ขอโปรดอภัย พวกเขาเห็นผมขอร้องเลยหยุดตี สั่งให้ไปใช้หนี้ภายใน 1 อาทิตย์ ผมก็รับปากว่าได้ พอผมกลับถึงบ้านรีบเก็บข้าวของอพยพไปอยู่ที่อื่น พร้อมลูกเมียได้อยู่บ้านนอก ทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการขายแรงงาน นิสัยขี้พนันและติดเหล้าก็กำเริบอีก หลงระเริงอยู่ในวงการพนัน งานการไม่ทำ ในที่สุดเงินก็หมดอีก ตกตอนกลางคืนก็เที่ยวไปลักเล็กขโมยน้อย เป็ด ไก่ เงินทองของชาวนา ลักขโมยทุกอย่างเท่าที่จะลักได้ โชคดีที่ไม่ถูกจับได้ เนื่องจากการกินนอนไม่ปกติ ไม่นานก็เป็นโรคปอดอักเสบอาเจียนเป็นเลือด รักษาไม่หายสักที ผู้คนที่อยู่ใกล้ก็เริ่มหนีห่าง ร่างกายอ่อนแอลง ประกอบ-การงานไม่ได้ ในที่สุดก็ตายลงเมื่ออายุ 52 ปี พอตายลงก็ถูกยมทูตดำ-ขาวจับ ไปลงนรก ยมบาลโกรธจัดดุด่าว่าตลอดชีวิต ไม่เคยทำความดี มีบาปหนักมาก ถูกลงโทษในนรกทุกขุม หลังจากพ้นโทษแล้วก็กลับเกิดเป็นวัว ต้องทำไร่ ไถนาและลากเกวียนทุกวันตรากตรำทำงานอย่างหนัก และถูกโบยตีด้วยจมูกถูกร้อยด้วยเชือก ถูกลากไปจูงมา ไม่ได้รับอิสระ พอตกเย็นกลับถึงคอกที่แคบๆ นอนกับขี้เยี่ยวที่มีกลิ่นเหม็นไปทั่ว แต่ก็ไม่มีหนทางใดๆ ก็ต้องนอนไปเพราะกลางวันเหนื่อยมาก ถูกลมฝนสาดใส่ชดใช้กรรมเวร ทุกวันก็กินแต่หญ้าและน้ำยังชีพ เหนื่อยยาก แสนเข็ญ ท่านอรหันต์และท่านหยางเซิงโปรดช่วยด้วย ผมไม่อยากเป็นวัวเป็นควายอีกแล้ว[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]แก อย่าเศร้าสลดใจ สร้างบาปมาอย่างไร ก็ก้มหน้ารับกรรมไปอย่างนั้น ขยันขันแข็งอดทนรับงานต่อไป หมดกรรมเมื่อไร สุขสบายก็จะตามมาถ้าหากหลบหลีกความจริง ก็เหมือนแกหลบหนี้สินเมื่อชาติก่อน ชาติต่อไปก็ยังต้องชดใช้กรรมอีก [/FONT]
    [FONT=&quot] แกได้เล่าความจริงเช่นนี้ ช่วยเตือนสติชาวโลกเป็นการสร้างกุศลอย่างหนึ่ง อาตมาจะช่วยเหลือแกให้แกเกิดเป็นคนอีกครั้งในชาติหน้า ไม่ต้องเกิดเป็นวัวควายอีก[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]เห็น แล้วน่าสงสาร ต้องทรมานแสนเข็ญ อาจารย์เมตตาได้เสกให้มันเกิดเป็นคนในชาติหน้า และอย่าได้เดินตามรอยเก่าอีก มิฉะนั้นจะเวียนมาเกิดเป็นสัตว์อีกไม่รู้จักจบสิ้น[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]กฏแห่ง กรรมนั้น น่ากลัวมาก โบราณว่า “ปลุกถั่วก็ได้ถั่ว ปลูกอะไรก็ได้อะไร” ซึ่งเป็นหลักความจริงที่พิสูจน์ได้ อาตมาถือโอกาสนี้ จะเล่าเรื่องฆ้อนปลา ไม้กับไม้ตีฆ้อนให้วัว และชาวโลกฟัง เพื่อเป็นอุทาหรณ์อีกอย่าง[/FONT]
    [FONT=&quot] นานมาแล้ว มีชาวนาซื่อสัตย์อยู่คนหนึ่ง ชื่อ “เจ้าป่า” อาศัยอยู่ในหมู่บ้านหน้าวัดกวงเม้ง เข้าไปฟังพระเทศน์พระธรรมอยู่เสมอมีอยู่วันหนึ่งตอนใกล้ค่ำ เขาไปที่นาเพื่อปล่อยน้ำเข้านา เขาเห็นงูตัวหนึ่ง กำลังจะกินกบตัวหนึ่ง เจ้ากบร้องเรียกให้ช่วยชีวิต เจ้าเป่าเห็นดังนั้น ก็เอาจอบตีลงไป เจ้างูปล่อยเจ้ากบ งูก็ไม่ตาย กบก็ไม่ตาย ต่อมาอีกเจ็ดวัน ในตอนกลางคืนที่เตียงนอนมีเสียงอบๆ ทำให้เจ้าเป่าตื่นขึ้น เขารู้สึกแปลกใจมาก ทำไมเจ้ากบจึงขึ้นมาอยู่บนเตียงได้ เขาก็ไม่สนใจนอนต่อไป เจ้ากบก็ไม่ยอมหยุดร้อง รบกวนการหลับนอนของเจ้าป่า จนกระทั่งเจ้าเป่าเกิดโมโห ลุกขึ้นจุดตะเกียงมองหาเจ้ากบ พอตะเกียงสว่าง เจ้าเป่าถึงกับตกใจ เห็นงูตัวที่เขาตีเพื่อช่วยชีวิตเจ้ากบ มาโผล่หัวเข้ามาตามรูทะลุของฝา เชิดหัวแลบลิ้นไม่หยุด เป็นเพราะรูฝานั้นเล็กมาก เจ้างูเข้ามาไม่ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าเป่าคงถูกงูกัดตายไปนานแล้ว เจ้างูร้ายต้องการจะแก้แค้น เป็นเพราะเจ้ากบร้องตะเบ็งลั่น เจ้าเป่าเลยเอาไม้ตีงูจนตาย[/FONT]
    [FONT=&quot] ต่อมาหนึ่งปี เจ้าเป่าเลี้ยงสุนัขไว้ตัวหนึ่งเติบโตขึ้นมาฉลาดมาก มันฟังคนพูดรู้เรื่อง เฝ้าบ้าน เฝ้าแพะ วัว เป็นต้น มันสร้างความพอใจให้กับเจ้าของมาก ทุกวันจะไปที่นากับนายมันไปบนภูเขาบ้าง ไปวัดฟังพระธรรมบ้าง มีอยู่วันหนึ่ง เจ้าเป่าก็พามันไปที่วัดไหว้พระ พระที่วัดเห็นมันเข้าเลยพูดว่า “สาธุ[/FONT]! [FONT=&quot] คู่แค้นคู่อาฆาต ทำเป็นซื่อสัตย์ บุญน้อยบาปหนัก เจ้าเป่าเอ๋ย เจ้าให้หมาตัวนี้แก่ข้าเสียที เพราะชาติก่อนมันคืองูที่ถูกเจ้าตีตาย มันมาคิดบัญชีแค้นกับเจ้า” เจ้าเป่าฟังแล้วเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อดสงสัยไม่ได้ เจ้าหมาแสนรู้ตัวนี้ จะเป็นศัตรูของเขาได้อย่างไร [/FONT]? [FONT=&quot] หลวงปู่พูดว่า “เจ้าเป่าเอ๋ย อาตมาก็ไม่บังคับเธอ แต่เธอควรเชื่อฟังคำพูดของข้า อาตมาเป็นพระ หลวงปู่ไม่โกหกคนหรอก เธอกลับบ้านแล้วจดจำไว้ วันที่ 5 เดือน 5 ตอนเที่ยงวัน เธอทำหุ่นหญ้าตัวหนึ่ง แล้วเอาเสื้อผ้าเธอใส่วางมันไว้บนเตียงนอนของเธอ แล้วเจ้าก็ต้องหลบซ่อนให้ดี อย่าให้เจ้าหมาตัวนี้ได้เห็นเจ้าเด็ดขาด” เจ้าเป่ากลับบ้านแล้วเมื่อถึงเวลาก็จัดแจงตามหลวงปู่สั่ง แล้วซ่อนตนเองไว้หลังเตียง ไม่ค่อยเชื่อนักแต่ก็คอยเฝ้ามองดู ไม่ทราบว่าหลวงปู่จะเล่นกลอะไร พอนาฬิกาตี 12 ที เที่ยงวันพอดี ทันใดนั้นเสียงเห่าดัง โห้ง[/FONT]! [FONT=&quot]โห้ง[/FONT]! [FONT=&quot]เสียงดังโครมใส่ที่ประตู แต่ประตูยังปิดอยู่ เพล้ง[/FONT]! [FONT=&quot]เสียง เจ้าหมากระโจนเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้บานหน้าต่างหัก มันกระโดดเข้ามา มีดวงตาแดงกร่ำเบิกกว้าง ลิ้นมีเลือดสีแดงติดอยู่ แลบออกมาเสียยาว มันเที่ยวดมกลิ่น เหมือนจะกินคน ทันใดนั้นมันกระโดดขึ้นไปบนเตียง ทั้งตะครุบทั้งกัดเจ้าหุ่นฟางตัวนั้นกระจุยกระจาย เจ้าหมาดุร้ายจึงค่อยๆ สงบลง เหมือนกับมันได้แก้แค้นสมใจแล้วแต่เจ้าเป่าที่ซ่อนอยู่หลังเตียง รู้สึกโกรธขึ้นมาเลยเอาไม้ตะพดตีเจ้าหมาตาย[/FONT]
    [FONT=&quot] ปีต่อมาในฤดูใบไม้ร่วง วันหนึ่งเจ้าเป่ากำลังจะขึ้นเขาไปตัดไม้ ขณะเดินผ่านวัดกวงเม้งหลวงปู่ก็พอดียืนอยู่หน้าวัด กำลังดูดวงอาทิตย์ขึ้นหันมาเห็นเจ้าป่า ก็เรียกเจ้าเป่าให้หยุด แล้วพูดว่า “เจ้าเป่าเอ๋ย” วันนี้สีหน้าเจ้าไม่ดีแลยต้องระวังตัวเองให้ดี ถ้ามีใครเรียกชื่อเจ้า เจ้าห้ามขานรับเด็ดขาด ต้องจำไว้ให้ดี” เจ้าเป่าเคยได้รับบทเรียนของหลวงปู่มาแล้ว ก็เชื่อฟังดังเทวดา พร้อมกล่าวขอบคุณหลวงปู่ เวลาผ่านไปสามชั่วโมง เจ้าเป่าวิ่งหนีอย่างหน้าตาแตกตื่น ทั้งตัวสั่นไปหมด แขนขาเย็นเฉียบ วิ่งมาคุกเข่า พร้อมกอดเข่าหลวงปู่เสียแน่น หลวงปู่พูดว่า “เจ้าป่า อย่ากลัวๆ พักผ่อนสักครู่ เธอไปเจออะไรมาหรือ[/FONT]? [FONT=&quot]“ ถามพลางก็เช็ดเหงื่อที่ใบหน้า พร้อมทั้งนวดที่อก ใบหน้าเต็มไปด้วยเมตตาอ่อนโยนของหลวงปู่ค่อยๆ ถามเจ้าป่า เจ้าเป่าก็เล่าความเป็นมาที่ทำให้เขาตกใจ เล่าเสียยืดยาวครึ่งค่อนวัน “หลวงปู่ครับ ผมเห็นผู้หญิงสวยแต่เป็นงู ตอนผมจากหลวงปู่ไป ผมก็เดินไปคนเดียวอากาศตอนเช้าสดชื่นดี ทำให้เกิดบรรยากาศใหม่ๆ นกน้อยก็เริ่มร้องเพลง บินไปรอบๆ เจ้าลิงน้อยก็ได้แต่เจี้ยวจ้าวไปทั่ว ผมกำลังหลวไหลอยู่กับธรรมชาติที่งดงามยิ่ง เกิดความรักภูเขาที่สวยสด จนกระทั่งลืมคำพูดของอาจารย์กำลังหลงเพลินๆ อยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องเรียกชื่อผม เสียงนั้นอ่อนหวานละมุนละมัยจนเคลิ้ม เหมือนเสียงคนรักอันฉอเลาะ ทำให้ผมสุดจะหักห้ามใจได้ ตอบรับเพียงนั้นแล้วมองไปตามเสียงตาก็ประสบพักตร์หญิงที่สุดสวยหาใดเปรียบมิ ได้ในโลกนี้ ผมหลงมองอยู่นาน ใจสงสัยจะเป็นนางฟ้าลงมาสู่ดิน ขณะนั้นผมก็เห็นตัวของหล่อน เป็นงูใหญ่ตัวหนึ่ง” หลวงปู่ขัดจังหวะพูดขึ้น “อาเป่า เจ้าทำไมไม่ฟังคำพูดของข้า” ถึงตอนนี้หลวงปู่ก็ไม่มีความสามารถเธอกลับไปตระเตรียมเรื่องต่อไปได้แล้ว” อาเป่าพูดว่า “หลวงปู่ต้องช่วยผมมิฉะนั้นผมจะยอมตายที่หน้าแท่นพระนี่ละ” พูดไปก็คุกเข่าโขกศีรษะไปไม่ยอมหยุด หลวงปู่พูดว่า “เอาเถอะๆ หลวงปู่จะช่วยสุดความสามารถ ลองดูก็แล้วกัน คืนนี้เจ้านั่งอยู่บนแท่นบูชาแล้วเอาแจกันใหญ่ครอบไว้ ดูซิว่าจะสามารถพ้นเคราะห์กรรมนี้ได้ไหม[/FONT]? [FONT=&quot]พอ วันรุ่งขึ้น หลวงปู่ก็ไปยังหน้าแท่นบูชาเห็นนางพญางูตัวใหญ่ตัวหนึ่งขดล้อมแจกันอยู่ไว้ แน่นไม่ยอมปล่อย แต่งูนั้นตายแล้ว หลวงปู่เลยเอาแจกันย้ายออกมาดู เห็นเจ้าเป่าถูกพิษของนางพญางูอบจนตาย ตัวดำไปหมด พิษของนางพญางูนี้ช่างร้ายแรง[/FONT]
    [FONT=&quot] หลวงปู่ได้เอาศพของเจ้าเป่าและนางพญางูไปฝังไว้ที่เดียวกัน หวังให้เขาทั้งสอบเลิกลาจองเวรกัน และคืนดีกัน ใครจะรู้ว่าเวรนั้นผูกง่าย แต่จะเลิกจองเวรนั้นยาก บนกองกระดูกของเจ้าเป่ามีต้นไม้ขึ้นต้นหนึ่ง และบนกองกระดูกของนางพญางู ก็มีต้นเถาวัลย์ที่เถาวัลย์ก็พันรอบๆต้นไม้ เรื่องเดิมมาถึงขนาดนี้แล้ว ยังไม่ยอมเลิกจองเวรกัน[/FONT]
    [FONT=&quot] หลวงปู่อยากให้คนรุ่นหลัง ได้รู้ความร้ายกาจของกรรมเวรย่อมตอบสนองกรรมนั้นๆ ไม่ลดละ ตามกฏแห่งกรรม และเพื่อให้ชาวโลกได้สร้างแต่กรรมดี ลดก่อกรรมชั่ว เลยเอาต้นไม้ของเจ้าเป่ามาแกะเป็นรูปปลา (ไม้ฆ้องปลา) ส่วนต้นเถาวัลย์ของนางพญางูนั้นมาแกะเป็นรูปฆ้อง (ไม้ตีฆ้อง) เพื่อให้เสียงระฆังคงดังต่อไป เสียงตอบสนอง ดังกังวาลอยู่หน้าแท่นบูชา เป็นการเตือนสติชาวโลก[/FONT]
    [FONT=&quot] ชาวโลกฟังแล้ว คงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เล่าลือของชาวบ้านเท่านั้น แต่ภายในนั้นบรรจุด้วยเนื้อหาธรรมะ ให้ระลึกเสมอว่าสัตว์ก็มีวิญญาณเหมือนกัน[/FONT]
    [FONT=&quot] หยางเซิงขึ้นปทุมทิพย์ เตรียมกลับสำนัก[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ฟังอาจารย์เล่าแล้ว รู้สึกมีรสชาติของธรรมะแต่ก็น่าสยดสยอง “กรรมสนองกรรมนั้นร้ายแรงมาก” ชาวโลกควรเตือนสติให้ดี[/FONT]
    [FONT=&quot] ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์ครับ[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]ถึงสำนักแล้ว วิญญาณกลับเข้าร่าง[/FONT]
    [FONT=&quot]------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------[/FONT]

    [FONT=&quot]เอาแต่กินงานไม่ทำเกิดเป็นหมู หลอกลวงคนไม่รู้ เนื้อหนังต้องให้เขากิน[/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]:-[FONT=&quot] สัตว์เดรัจฉานมีชีวิตอยู่ในเล้าในกรง แม้จะมีคนเลี้ยงอย่างสุขสบาย แต่ก็กินอาหารที่ไม่ถูกปากของพวกมัน และพวกมันมีปากก็พูดไม่ได้ มีแต่ฝืนกลืนกินเข้าไป อาหารของสัตว์ส่วนใหญ่กินแต่เศษอาหารของคนที่เขาเททิ้ง เชื่อแน่ว่าพวกมันก็ไม่ชอบเหมือนกัน ดังนั้น เมื่อเกิดมาเป็นคนแล้ว ควรประพฤติให้ดีๆ ทำงานอย่างมีศีลธรรม เพื่อสังคมและประเทศชาติ งานบุญกุศลอย่าได้ละเว้นกระทำ ชาวโลกอยากกินอะไรก็แสวงหามากินได้แต่สัตว์นั้นหมดสิทธิ์ที่ทำได้[/FONT]
    [FONT=&quot] หยางเซิงขึ้นปทุมทิพย์ เตรียมตัวออกเยี่ยมสัตว์เดียรัจฉานกันเถอะ หนังสือเรายังได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งเลย[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]วันนี้เราจะไปที่ไหนดี [/FONT]?
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]ตามอาตมาก็แล้วกัน ... ถึงที่หมายแล้วลงมาได้[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ที่นี่เป็นที่เลี้ยงหมูนี่ [/FONT]!
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]ที่นี่เป็นฟาร์ม เลี้ยงหมูของชาวชนบท วันนี้เราเข้าไปถามบรรดาสหายหมู เธอคิดว่าเป็นอย่างไร[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ดีครับ[/FONT]! [FONT=&quot]แต่ว่าพวกมันกำลังพักผ่อนอยู่ มีบางตัวก็กำลังวิ่งเล่นอยู่ เรามาถึงที่นี่รู้สึกพวกมันยังไม่รู้ตัว[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]เดี๋ยว อาตมาจะเสกคาถา พวกหมูโง่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดูนะ 1 2 3 ...9 10 หมู 10 ตัว พวกแกเป็นโรคเฉื่อยชา รู้แต่กินอิ่มแล้วนอน นอนอิ่มแล้วกิน แล้วก็รอๆ รอจนกว่าเติบโตแล้วก็ไปโรงฆ่าสัตว์ ดำรงชีวิตอยู่อย่างเมาเหล้า แล้วก็ตายอย่างฝัน ไม่มีการรู้ตัวดูอรหันต์อย่างอาตมา จะเสกมันตื่น เปิดขุมปัญญา รู้แจ้งเกิด-ตาย รู้แจ้งความเป็นมาเพื่อหลุดพ้นจากการวงเวียนทุกข์กรรม[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]อาจารย์ใช้พัดตีหัวมันทีละตัว พวกมันสะดุ้งเหมือนถูกไฟฟ้าช๊อก ดูเหมือนกำลังหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีต คงพูดกับพวกมันรู้เรื่องแล้วนะ [/FONT]?
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]พวกมันค่อยๆ ตื่นรู้ตัว ใช้ภาษาคนพูดกับมันได้แล้ว เธอเริ่มสอบถามได้[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]นี่พี่หมู เมื่อตะกี้รู้สึกอย่างไร[/FONT]
    [FONT=&quot] หมู ก[/FONT]: [FONT=&quot]ฉัน กำลังนอน ทันใดนั้นก็ตกใจตื่น ที่จริงใจคอไม่ค่อยจะพอใจ แต่ก็พูดไม่ออก พอถูกอาจารย์ผู้นี้ตีหัวหนึ่งที รู้สึกเจ็บเข้าถึงขั้วหัวใจ ค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นแล้ว เห็นภาพอดีตของตัวเองเหมือนได้กินน้ำ “ระลึกชาติน่าแปลกใจมาก”[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ท่านเป็นอาจารย์ผม อรหันต์จี้กงแกอย่าไร้มารยาท[/FONT]
    [FONT=&quot] หมู ก [/FONT]: [FONT=&quot]มิ กล้า มิกล้า ที่แท้คือ พระอรหันต์จี้กงเสด็จโปรด จึงรู้สึกตกใจกลัวอย่างประหลาด รีบคุกเข่าลงคารวะพระอรหันต์จี้กง แล้วคุณผู้อายุน้อยเป็นใคร ทำไมมากับอาจารย์ ดึกดื่นอย่างนี้[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]เขา เป็นลูกศิษย์อาตมาเอง เราศิษย์อาจารย์ได้รับเทวโองการจากสวรรค์ ให้มาทำหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” ต้องการทราบความที่เกิดกับสัตว์เดียรัจฉาน เพื่อเตือนสติชาวโลก จากนั้นพวกสัตว์จะได้รับการช่วยเหลือไปเกิดเป็นคนอีกครั้งหนึ่ง วันนี้จะมาสัมภาษณ์พวกเธอรีบเล่าความจริงของอดีตชาติ จะได้เป็นสาระบอกเตือนชาวโลก[/FONT]
    [FONT=&quot] หมู ก [/FONT]: [FONT=&quot]เมื่อ สักครู่ไม่ทราบว่า ท่านทั้งสองเป็นใคร ไร้มารยาทกรุณาให้อภัยด้วยเถอะ เมื่อชาติก่อน บ้านฉันอยู่ไทเป (เป็นเมืองหลวง ของประเทศไต้หวัน) เปิดร้านขายจิวเวลรี่ เพชรทองต่างๆ การค้าแบบนี้ อยากรวยเร็วต้องใจอำมหิตลงทุนน้อยแต่กำไรมาก ในการค้ากับคนที่มามาซื้อที่ไม่ประสีประสา ก็ใช้กลอุบาย เอาพลอยปลอมบอกว่าเป็นพลอยจริง คนดูไม่เป็นก็ไม่รู้ ก็คิดว่าราคาสูงต้องเป็นของแท้ ยิ่งพวกนักท่องเที่ยวก็ถูกต้มตุ๋นไปมาก นานๆเข้าเรื่องเริ่มแดงขึ้นมา พวกเขาก็เอามาต่อว่า ฉันก็ไม่ยอมรับว่าเป็นของฉัน นานๆไปคงแย่ ฉันเลยขายร้าน แล้วย้ายไปอยู่ไถนาน (เมืองสำคัญ อยู่ทางใต้ของประเทศไต้หวัน) ได้เปิดกิจการอย่างเดียวกัน กำไรเข้ามามาก โบราณกล่าวว่า “อิ่มอุ่นกามารมณ์พล่าน” พอมีเงิรมาก ก็เที่ยวเสเพลดื่มเหล้าเที่ยวทั่วสถานที่เริงรมย์ มีลูกชายอยู่คนหนึ่งก็ใช้ไม่ได้ คบแต่อันธพาล ขี้เหล้าเมายาอบายมุขทุกอย่างไม่ละเว้น ฉันตักเตือนเท่าไรก็ไม่ได้ผล ต่อมายิ่งเลวขึ้นใหญ่ อกตัญญู งานการไม่ยอมทำ ยื่นมือขอแต่เงิน ถ้าหากไม่ได้ดั่งใจก็จะด่ากราด ฉันโกรธจนอยากจะกระอักเลือดตาย อยากจะตีมัน ก็กลัวว่าเขาจะ เกิดอารมณ์ชั่ววูบ กลายเป็นเกิดเรื่องลูกฆ่าพ่อก็เลยปล่อยตามใจมัน สุดท้ายก็พาเพื่อนอันธพาล เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้าน ทำให้บ้านไม่มีความสงบ ฉันพยายามอธิบายให้มันกลับพูดว่า เงินทองเป็นของมันทั้งหมด ถ้าหากพูดมาก มันก็จะขับไล่ฉันออกจากบ้าน เดิมทีฉันก็มีโรคหัวใจ ยิ่งเจอลูกอกตัญญูใจคอยิ่งไม่สบาย เลยเลิกประกอบกิจการงานอาศัยเหล้าเป็นเพื่อน กาลเวลาผ่านไปครึ่งปีโรคเบาหวานก็หนักขึ้น โรคหัวใจกำเริบ ซ้ำยังมีโรคตับแข็งอีก เพียรรักษาไปทั่ว แต่ก็ไม่ทุเลา ในที่สุดก็ตายลง พอตายลง ก็ถูกยมทูตขาวดำ จับตัวลงไปเมืองนรกถูกสอบความผิด หาเงินโดยทางมิชอบ เลยมีลูกอกตัญญูช่วยผลาญเงิน เป็นการใช้หนี้กรรมทันตาเห็น ภายหลังเกิดเป็นหมู เพื่อใช้หนี้เงินทองที่โกงมา หมดหนี้เมื่อไรจะเกิดเป็นคนอีกครั้ง[/FONT]
    [FONT=&quot] หวังว่าเมื่อชาวโลก รู้ดังนี้แล้ว จะไม่ประพฤติในทางมิชอบละจิตโลภ ทำงานอย่างสุจริต มิฉะนั้นแล้วเงินทองก็ไม่สามารถสร้างความสุขได้ แถมยังเป็นการสะสมบาปให้แก่ลูกหลาน ตายลงไปก็ยังเกิดเป็นหมู ให้แยกร่างเป็นอาหาร ฉันเองเกิดเป็นหมูสองครั้ง แล้วยังต้องเกิดอีกครั้ง จึงจะหมดหนี้กรรม ขอท่านอรหันต์จี้กงโปรดเมตตาให้ผมได้หลุดพ้นจากทุกข์กรรมโดยเร็วเถิด[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]เธอถูกฉันเสกคาถา เปิดเผยความจริงสารภาพบาป และได้สำนึกตัวเพื่อเตือนสติชาวโลก เมื่อตายลงจะได้เกิดเป็นคนอีกครั้ง[/FONT]
    [FONT=&quot] หมู ก[/FONT]: [FONT=&quot]ขอบพระคุณ [/FONT]! [FONT=&quot]ท่านอรหันต์ที่เมตตาช่วยลดทุกข์กรรม[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]หยางเซิง เธอสอบถามหมูตัวอื่นต่อไปเถอะ[/FONT]!
    [FONT=&quot]หยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ขอถามพี่หมู ทำไมเกิดเป็นหมูเล่า [/FONT]?
    [FONT=&quot]หมู ข[/FONT] : [FONT=&quot]ฉัน ชาติก่อน พอจบโรงเรียนขึ้นมัธยมต้นแล้ว ไม่คิดจะหางานทำ เอาแต่กินลูกเดียว วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่น คบเพื่อนที่ไม่ดี ทุกวันเอาแต่ขโมยเงิน เล่นการพนัน เสพดื่มอย่างฟุ่มเฟือย เมื่อ 5 ปีก่อน พอเมาเหล้าได้ขับมอเตอร์ไซค์ ไปชนกับเสาไฟฟ้าตาย รู้สึกสำนึกผิดต่อบิดา มารดา พอฉันตายลงก็ถูกจับไปลงนรกผีตายโหงรับกรรมอยู่นาน พอหมดกรรมก็มาเกิดเป็นหมูได้ 2 เดือนแล้ว รู้สึกชีวิตได้รับการทรมาน ทุกข์แสนสาหัสมาก[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]เพราะเธอชอบกิน การงานไม่ทำ เกิดเป็นหมูไม่เหมาะสมหรือไง[/FONT]? [FONT=&quot]ทำไมไม่รู้สึกดีละ [/FONT]?
    [FONT=&quot]หมู ข [/FONT]: [FONT=&quot]ท่าน อรหันต์ อาจจะยังไม่รู้ ตอนเป็นคนนั้นกินแต่ของสดๆ จากทะเลจากป่า อาหารประณีต ดีเลิศ ยังมีเพลงดีๆมีนารีเป็นเพื่อน อยู่โรงแรมล้วนห้องสูท ตอนนี้ 3 มื้อ มีแต่อาหาร ที่เขาทิ้งจากโรงงาน อาหารบูดเน่า รสชาติอย่าให้พูดเลย ถ้าไม่กินก็ต้องหิว พวกเพื่อนๆ ก็แย่งกันกิน จำใจฝืนกลืนลงไป พอนานๆเข้าก็เกิดความเคยชิน นอนอยู่กับพื้น ขี้เยี่ยวก็กองอยู่บนที่นอน เริ่มแรกก็ไม่ค่อยสบาย ตอนนี้ก็เริ่มเคยชิน แต่ในใจก็รู้สึกอยู่เสมอว่า สถานที่สกปรกอยู่นั้นเอง[/FONT]
    [FONT=&quot] หวังว่าชาวโลกจะหลีกเลี่ยงความชั่ว จะได้ไม่ต้องมาเกิดเยี่ยงฉันแบบนี้[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ได้ ฟังเธอเล่าความทุกข์ทั้งหมดรู้สึกน่าสงสารนัก แต่ทว่าปัจจุบันนี้ ชีวิตหมูรู้สึกว่าน่าสงสารนัก แต่ทว่าปัจจุบันนี้ ชีวิตหมูก็สุขสบายขึ้นแยะ คอกหมูก็ถูกสุขลักษณะ การกินก็มีการค้นคว้า ไม่ต้องทุกข์ร้อนเรื่องการกินอยู่ และไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ยังได้อาบน้ำเย็นๆ อย่างเช่นอากาศร้อนๆ แบบนี้ก็น่าจะมีความสุขแล้ว[/FONT]
    [FONT=&quot] หมู ข[/FONT]: [FONT=&quot]ท่าน หยาง ท่านไม่รู้ ไม่นานพวกเราก็เติบโต หมูอาภัพอายุสั้น ถูกส่งไปยังโรงฆ่าสัตว์ เนื้อหมูถูกเขาแบ่งไปกัน คิดขึ้นมาแล้วน่ากลัวมาก ตัวชาไปหมด เป็นคนนั้นดีกว่า ไม่ต้องถูกเขาสาวไส้ แหวะท้องแยกเนื้อหนังไปกัน[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ฟังแล้วอยากอาเจียนจัง[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]เธอ ได้รับโทษจากขุมนรกไม่นานก็เกิดเป็นหมู ถูกเขาแหวะใจ สาวไส้ ก็เหมือนได้รับโทษทั้งเป็น ดังนั้นหวังว่าชาวโลกอย่าเห็นแก่ได้ โดยไม่เป็นธรรม ให้พวกมันใช้กรรมหมด ก็จะเกิดเป็นคน ตอนนี้ก็ได้รับการเสกเป่าแล้ว ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคนก็อย่าเอาแต่กินงานไม่ทำ ก่อกรรมทำชั่วอีกละ[/FONT]! [FONT=&quot]หยาง เซิงรีบกลับ ไปตลาดเนื้อสดเมืองไถจงกัน (ไถจง เป็นเมืองใหญ่ภาคกลาง ของประเทศไต้หวัน) ที่นี่มีเครื่องฆ่าสัตว์อัตโนมัติไปสอบถามพวกหมู ที่กำลังจะถูกฆ่ากันเถอะ[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ครับผม ผมขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญอาจารย์เดินทางได้ครับ[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]มาถึงตลาดเนื้อสดแล้ว[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]อาคารหลังคาทรงกลม เป็นอาคารกว้างใหญ่[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]เราเข้าไปดูๆ ว่า พวกหมูที่จะถูกฆ่าอยู่ไหน ถามมันดู [/FONT]!
    [FONT=&quot]นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ดีครับ[/FONT]! [FONT=&quot] ในนั้นเต็มไปด้วยหมูที่รอการฆ่าบนหัวของมัน มีลำแสงที่ไม่มีระเบียบ พุ่งระเกะระกะไปหมด ไม่ทราบว่าเพราะอะไร[/FONT]?
    [FONT=&quot]พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]พวก มันถูกจับมาจาก คอกหมู ส่วนใหญ่ก็รู้ตัวว่าถึงคราวตายแล้ว จิตใจก็แตกตื่นกลัว หมดหนทางที่ขอความช่วยเหลืออการตกใจนี้ ทำให้วิญญาณพล่านไปหมดเกิดมีแสงพุ่งระเกะระกะ อาตมาจะเสกเป่ามัน เธอจะได้สอบถามพวกมัน[/FONT]!
    [FONT=&quot]นายหยางเซิง[/FONT]: [FONT=&quot]ขอถามพี่หมูตัวนี้หน่อย เธอมาถึงโรงฆ่าสัตว์นี้ รู้สึกอย่างไรบ้าง [/FONT]?
    [FONT=&quot]หมู ก[/FONT]: [FONT=&quot]พรุ่งนี้ก็จะถูกฆ่าแล้ว ในใจกลัวมาก ขอให้ท่านช่วยหน่อยเถอะ [/FONT]!
    [FONT=&quot]พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]ไม่ต้องกลัวหรอก มาอย่างไร ก็สงบใจอย่างนั้น อุทิศเลือดเนื้อเป็นอาหารแก่ชาวโลก เป็นการชดใช้หนี้กรรม[/FONT]
    [FONT=&quot] หมู ข[/FONT]: [FONT=&quot]ไหว้ละ[/FONT]! [FONT=&quot]ไหว้ละ[/FONT]! [FONT=&quot]ขอให้ช่วยชีวิตด้วย[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]“คน ที่จวนจะตาย คำพูดก็อ่อนลง นกจวนตายเสียงร้องก็เศร้าๆ หมูกำลังจะขาดใจ เสียงร้องก็น่าสงสาร” ใครเรียกเธอชาติก่อนไม่มีเมตตา หลอกหลวงคนดี ฆ่าคนไม่เลือก ชาตินี้รับกรรมต้องจำยอมสละร่างเป็นอาหาร อาตมาก็ได้เสกเป่าให้แล้ว พรุ่งนี้ก็หมดเวรหมดกรรม เปลี่ยนรูปเปลี่ยนร่าง ควรจะหน้าชื่นรับกรรมต้องจำยอมสละร่างเป็นอาหาร อาตมาก็ได้เสกเป่าให้แล้ว พรุ่งนี้ก็หมดเวรหมดกรรม เปลี่ยนรูปเปลี่ยนร่าง ควรจะหน้าชื่นรับกรรมเถอะ ถึงแม้อาตมาจะทนไม่ได้ที่จะได้เห็น แต่ก็ช่วยเหลือไม่ได้ เวรกรรมก่อเองก็ต้องรับเอง ใครก็ไม่สามารถช่วยได้[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง[/FONT]: [FONT=&quot]เห็นพวกมันน่าสงสารมาก รู้สึกทนไม่ค่อยได้ ไม่ทราบว่าเนื้อถูกผู้คนเขาแบ่งกิน ไม่รู้ว่าคนกินมีผลอะไรบ้าง[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]มี คำพังเพยว่า ตัวหนังสือจีนที่เขียนว่า “เนื้อ” ประกอบด้วยอักษร “คน” 2ตัว บนประตูมีคนหนึ่ง ใต้ประตูมีคนหนึ่ง มองดูแล้วก็เหมือน “คนกินคน”[/FONT]
    [FONT=&quot] ถ้าหากผู้ใดนิยมกินเนื้อ อาตมาจะบอกให้ฟัง คนที่กินมากเกินไป ก็มีแต่โทษมากกว่าประโยชน์ ถ้าหากไม่เชื่อก็ให้ไปถามนายแพทย์ดู ยิ่งคนอายุมากความต้านทานลดลง กินเนื้อมากไปร่างกายก็มีโรคมากขึ้น เช่น คลอเรสเตอรอล (ไขมัน) ในเลือดมาก ซึ่งทำให้เกิดความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ มีไขมันไปเกาะมากขึ้น ทำให้เกิดโรคอื่นๆ อีกมาก คนที่ฉลาด บริโภคน้อยลงหน่อย-จะดีกว่า[/FONT]
    [FONT=&quot] ตอนนี้อาตมาจะเล่าเรื่องสัตว์ 6 ประเภท ให้ฟัง[/FONT]
    [FONT=&quot] ประเภทที่ 1 วัว ควาย ในสมัยโบราณ วิทยาการไม่ก้าวหน้า สวรรค์เมตตาให้วัว ควายเป็นสัตว์ช่วยทำไร่ไถนา เป็นเพื่อนที่มีคุณที่สุดของมนุษย์ นอกจากนี้ยังให้น้ำนมเลี้ยงดูบุตรพอแก่ลงคนก็เนรคุณ ด้วยการจับไปฆ่ากินเนื้อไม่น่าสงสารหรือ[/FONT]?
    [FONT=&quot] ประเภทที่ 2 ม้า ม้าเกิดมาเพื่อการเดินทางของมนุษย์ บรรทุกของ มิใช่ไว้ในสวนสัตว์ให้คนดูเล่น แต่ปัจจุบันวิทยาการก้าวหน้าทำให้ม้าหมดหน้าที่ไป[/FONT]
    [FONT=&quot] ประเภทที่ 3 แพะ แพะช่วยถางหญ้าให้กับชาวบ้านชาวนาเพื่อเห็นหนทางที่ชัดเจน ว่ามีอันตรายหรือไม่ มิใช่เป็นเครื่องสังเวยในการแต่งงานหาลูกสะใภ้ หรือเป็นยาบำรุงของคน[/FONT]
    [FONT=&quot] ประเภทที่ 4 สุนัข ทำหน้าที่เฝ้าดูแลบ้าน เป็นบ่าวที่ซื่อสัตย์ที่สุดของคน มันจะไม่ทิ้งนายของมันไป ไม่ว่านายมันจะจนรวยแต่คนซิ กลับไม่เห็นใจมัน กลับเอามันไปทำ “เนื้อหอม” เอ้อ น่าสงสาร เนื้อหมานั้นหอมจริงหรือเปล่า[/FONT]? [FONT=&quot]ถ้าหากเอาเนื้อเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของเธอ มากินแล้วบอกว่าหอมละก็ คงจะไม่ใช่จิตคนแล้วกระมัง[/FONT]?
    [FONT=&quot]ประเภทที่ 5 ไก่ ได้รับหน้าที่อันสำคัญ คือขันในตอนเช้าตรู่ ไม่ว่าฝนตก ฟ้าร้อง หรือเจ็บไข้ได้ป่วยอะไร มันก็ยังคงทำหน้าที่ไม่รู้จบของมัน บำเพ็ญประโยชน์ในคนมามากแล้วแต่คนก็เลี้ยงอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เพื่อประโยชน์ในทางกอบโกย อย่างนี้จะให้เรียกว่ามีเมตตาหรอกหรือ [/FONT]?
    [FONT=&quot] ประเภทที่ 6 หมู คนเราไม่ควรเทข้าวหรืออาหารที่เหลือทิ้ง เพื่อรักบุญ แล้วจะให้ทำอย่างไรเล่า[/FONT]? [FONT=&quot]สวรรค์ เลยให้หมูรับหน้าที่กินของเหลือเดน เพื่อคนจะได้ไม่บาป ในการทิ้งขว้างอาหารที่เหลือแต่คนคิดว่า หมูเป็นสัตว์ที่คนเลี้ยงไม่มีคุณค่า ควรตอบสนองในการกินเนื้อมันเป็นอาหาร ด้วยเหตุนี้ก็ยิ่งกันใหญ่ แต่ไม่รู้ว่า มันไม่ได้รับประโยชน์มากนัก[/FONT]
    [FONT=&quot] ที่เล่ามาทั้งหมด เป็นหน้าที่และความเป็นมาของสัตว์ เพื่ออยากให้ชาวโลก ได้ไตร่ตรองดูให้ดีๆ หยางเซิงกลับสำนักเถอะ[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ครับผม นั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์กลับสำนักได้[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]ถึงสำนัก เซินเต๋อถังแล้ว ลงมาเถิด วิญญาณกลับเข้าร่างเดิม[/FONT]
    ----------------------------------------------------------------------------------------------



    [FONT=&quot]เยี่ยมยมบาลชมหอหมุนเวียน ดูวิญญาณบาปเลือกทางเกิด[/FONT]

    [FONT=&quot]พระอรหันต์จี้กง เสด็จประทับทรง วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2526 ความว่า[/FONT]
    [FONT=&quot] การจัดหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” ใกล้จบลงแล้ว หวังว่าสัตว์เดียรัจฉานใกล้สิ้นสุดเสียงร่ำไห้ บรรดาสัตว์ทั้งหลาย จะกลับไปเกิดเป็นคนอีกครั้งหนึ่ง ไม่ต้องคอยผวาคมมีดหั่นสับปลิดชีวิต ตอนนี้จะเล่านิทานเปรียบเทียบถึงความทุกข์ร้อนของสัตว์ให้ฟัง[/FONT]
    [FONT=&quot] สมัยก่อนมีบุรุษหนึ่ง ถือศีลภาวนาอยู่ในป่าลึกจำศีลทำสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ สรรพสัตว์เช่น อีกา นกเขา หมู กวาง เป็นต้น ต่างก็เคารพนับถือเขาเป็นอย่างมาก ทุกๆ วันจะหาอาหารมาให้เขากินเป็นประจำ[/FONT]
    [FONT=&quot] ในตอนค่ำวันหนึ่ง เหล่าสัตว์ก็มาชุมนุมกันอยู่ใกล้ผู้ถือศีลแล้วสนทนากันขึ้น แล้วก็ตั้งคำถามว่า ในโลกนี้มีเรื่องอะไรที่ทุกข์ที่สุด[/FONT]? [FONT=&quot]อีกา เป็นตัวแรกที่แสดงความคิดเห็นพูดว่า สิ่งที่ทุกข์ที่สุดในโลกคิดว่าเป็น ความอดอยาก ถ้าอดอยากตาจะพร่า ปีกจะหมดแรง ประสาทก็จะมึน มิช้าก็ไม่พ้นตาข่ายดักสัตว์ของคน ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ดังนั้นจึงคิดว่าความทุกข์ทรมานของเราก็คือ “ ความอดอยาก” [/FONT]
    [FONT=&quot] นกเขาก็พูดต่อไปว่า ถึงแม้ความอดอยากจะเป็นเรื่องทุกข์ทรมานมากก็ตาม แต่การเกิดมีอารมณ์เพศสัมพันธ์ ความใคร่ตัณหาราคะ มันเป็นเรื่องทุกข์ร้อนมากกว่าความอดอยากซะอีก พอเกิดขึ้นแล้ว ก็ยากที่จะหาเหตุใดๆ มายับยั้งได้ ทำให้สติสัมปชัญญะขาดหายไป แยกถูกผิดไม่ออก ในที่สุดก็ตกสู่ภาวะอันตราย ทำให้สูญเสียคุณค่าของชีวิตไป อันความใคร่นี้ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ยากที่จะอดกลั้นได้ ซึ่งข้าคิดว่าเป็นความทุกข์ที่สุด[/FONT]
    [FONT=&quot] ถัดไปเจ้างูก็พูดว่า สิ่งที่ทุกข์ทรมานที่สุด คือการโกรธเคืองของเผ่าพันธุ์เรา เมื่อใดก็ตาม ถ้าไฟโกรธได้ถูกจุดติดขึ้นในจิตใจแล้วละก็ พี่น้องก็จะไม่กลมเกลียวสมานกัน จนทำให้เกิดการกัดสู้กันในที่สุดก็ตายกันทั้งหมด ด้วยเหตุนี้พวกเรามีความโกรธเคืองเกินไปดังนั้น เขี้ยวของเราจึงมีพิษร้ายฝังอยู่ เลยทำให้ผู้คนเกรงกลัว แต่พวกเราก็ยังต้องการฆ่าพวกเราอีก นี้ไม่ใช่ความทุกข์ทรมานที่สุดหรอกหรือ[/FONT]?
    [FONT=&quot] สุดท้ายเจ้ากวางก็พูดว่า ความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานที่สุดของพวกข้าก็คือ “ความตกใจกลัวเมื่อพบพวกหมาป่า เสือ ต่าง กลัวที่จะถูกพวกมันกิน พวกเราก็ได้แต่กระโจนหนี แล้วยังมีพวกพรานป่าอีก ชอบใช้เราเป็นเป้ากระสุน ทำให้ต้องพรากแม่พรากลูก ใช้ชีวิตไม่สงบสุขเลย มันน่าสมเพชยิ่งนัก และก็เป็นความทุกข์ทรมานมากที่สุด[/FONT]
    [FONT=&quot] พวกมันสนทนากันอย่างเผ็ดร้อน แต่ละตัวหลัวจากแสดงความรู้สึกในใจแล้ว บุรุษผู้ถือศีลที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบและช้าว่า [/FONT]:
    [FONT=&quot] เรื่องราวทั้งหมด ข้าได้ฟังหมดแล้ว ปัญหาที่พูดถึงความทุกข์ของแต่ละบุคคล ควรจุรู้ไว้ว่าความทุกข์ของแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับร่างกายที่มีอยู่ กายเนื้อที่มีนี้ เป็นเครื่องก่อให้เกิดทุกข์ อันความทุกข์ในโลกนี้มีมากเหลือหลาย ความทุกข์ที่น่าเกลียดน่าชังที่สุดก็คือร่างกาย ถ้าปราศจากร่างกายแล้ว ความทุกข์ทั้งหลายก็จะหมดไป อย่างเช่น ข้าออกฝึกธรรมะบำเพ็ญเพียร ประสงค์ที่จะตัดความต้องการของกายและใจ จนกว่าจะได้นิพพาน เมื่อถึงแดนตัดความต้องการของกายและใจ จนกว่าจะได้นิพพาน เมื่อถึงแดนปลดปล่อยสู่นิพพานแล้ว ความทุกข์ทั้งมวล ก็จะสูญสิ้นจบลง ถึงตอนนั้น ร่างกายก็จะอยู่ได้อย่างสงบสุขอย่างแท้จริง[/FONT]!
    [FONT=&quot] พวกสัตว์ทั้งหลาย ได้ฟังอย่างสงบแล้ว ต่างก็ผงกหัวรับรู้แสดงออกถึงความเข้าใจ และบรรลุในธรรมะ ทำให้จิตใจสุขสงบ[/FONT]
    [FONT=&quot] วันนี้อาตมาจะพานายหยางเซิงไปเมืองนรกไปเยี่ยมยมบาล จ้วนหลุนหวัง นรกขุมที่สิบ ดูวิธีการตัดสินในคนไปเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน จะได้นำลงในหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” [/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง เตรียมตัวขึ้นดอกปทุมทิพย์[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ผมนั่งบนดอกปทุมทิพย์เรียบร้อยแล้ว ขอเชิญอาจารย์ออกเดินทางได้ครับ[/FONT]!
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]เรามาถึงทางสามแพร่ง ระหว่างโลกมนุษย์กับยมโลก เราหยุดดูข้างหน้าสักหน่อย[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ไม่ ได้มาที่นี่นานแล้ว ที่สามแยกนี้ เมื่อคนมาจากมนุษย์โลก มีทางหนึ่งแยกไปสวรรค์ ผู้คนไปสวรรค์น้อยมาก แต่อยากที่ไปยมโลก มีคนไปกันมาก ไม่ทราบสาเหตุเพราะอะไร[/FONT]?
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]เมือง นรกบรรยากาศค่อนข้างคึกคัก ชาวโลกชอบไปยังสถานที่แออัดและครึกโครม โดยหารู้ไม่ว่าสถานที่เหล่านั้นเป็นที่รับโทษทัณฑ์กันเหมือนฝูงแมลงวันชอบ ของหวาน พอบินไปเกาะบนกระดาษข้าวเหนียวที่เคลือบหวานไว้ ก็ฝังรกรากสำเร็จมรรคผลเลย[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ทำไมอาจารย์จึงพูดว่าฝังรกราก สำเร็จมรรคผลเล่าครับ[/FONT]?
    [FONT=&quot]พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]ก็ เพราะแมลงวันเกาะบนกระดาษเหนียว แล้วก็กลับกลายเป็นคนดี ไม่ต้องบินไปเที่ยวปล่อยเชื้อโรคอีก มิใช่เหมือนการวางอาวุธลง เพื่อสำเร็จอรหันต์หรอกหรือ[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]อาจารย์ช่างเปรียบเทียบได้ดีเหลือเกิน[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]หนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” กำลังจะสำเร็จเป็นรูปร่างขึ้น เหล่าสัตว์ทั้งหลายต่างดีอกดีใจ ใครสามารถสัมผัสเสียงความทุกข์โศก วิงวอนขอชีวิตของสัตว์[/FONT]? [FONT=&quot]ฤทธิ์เดชพุทธะยิ่ง ใหญ่ ต้องการโปรดสัตว์ทั่วทุกแดน ชาวบ้านปากก็บอกว่าจะช่วย แต่ก็น้อยคนนักที่จะทำได้ อาตมารับคำบัญชาจากสวรรค์ ช่วยเปิดประตูสวรรค์ ช่วยโปรดวิญญาณจากขุมนรก ในมนุษย์โลก ก็พยายามตักเตือนผู้มีจิตศรัทธาช่วยพวกสัตว์เดียรัจฉานรื้อเล้ารื้อกรงขัง ปล่อยให้พวกมันได้อยู่ห่างไกลผู้คน ได้กลับไปสู่ธรรมชาติอีกครั้งก็จะทำให้อาตมาสมหวัง ที่ทำสำเร็จลุล่วงไป ถ้าหากชาวโลกไม่ศรัทธาเชื่อถือ แถมยังกล่าวร้ายป้ายสี ถ้าคำพูดเหล่านี้เกิดจากบุคคลสามัญ ก็ยังพอให้อภัยกันได้ หากเกิดจากพุทธศาสนิกชนละก็อาตมาก็ได้แต่พูดว่า “ น่าสงสาร น่าสงสาร” พวกเขาไม่รู้การโปรดสรรพสัตว์นั้น ก็เนื่องจากต่างคนก็ต่างสอน และมักยกย่อง ตนเองยิ่งใหญ่ ทำให้คนค่อยห่างไกลจากธรรมะ แสงธรรมสาดส่องโดยไม่มีที่จะไม่ถึง แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ อาตมาเลือกเอาจิตวิญญาณของเทพกับคนร่วมกัน เข้าประทับทรงเพื่อแต่งคัมภีร์วิเศษเพื่อเป็นกำลังใจส่วนหนึ่ง ในการโปรดสรรพสัตว์ หวังว่าสรรพสัตว์จะบรรลุมรรคผล ละทิ้งรูปขันธ์ที่ขัดแย้ง หยางเซิงเข้าไปยังนรกขุมที่สิบเถอะ ศิษย์อาจารย์ก็จูงมือกัน ชั่วพริบตาก็ผ่านนรกขุมที่เก้า มาถึงนรกขุมที่สิบ วันนี้ตั้งใจชม “หอหมุนเวียน” ยมบาลแห่งหอหมุนเวียน ได้มาคอยต้อนรับเราอยู่แล้ว[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ศิษย์ขอคารวะท่านยมบาลแห่งหอหมุนเวียน “จ้วนหลุนหวัง”[/FONT]
    [FONT=&quot] จ้วนหลุนหวัง [/FONT]: [FONT=&quot]หยาง เซิงมิต้องเกรงใจ ท่านทั้งสองลำบากมากนะ ครั้งก่อนได้รับเทวโองการให้ทำหนังสือ “เที่ยวเมืองนรก” ได้มาเยี่ยมเราที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว เหตุการณ์ส่วนใหญ่ของที่นี่ ได้ถูกเปิดเผยให้แก่ชาวโลก แต่ได้หนังสือไปในแนวทางมนุษยธรรม[/FONT]
    [FONT=&quot] วันนี้จะแนะนำให้ดูการเวียนเกิด เพื่อชาวโลกจะได้ตระหนักตอนนี้ขอเชิญท่านทั้งสองตามข้ามายัง “ หอหมุนเวียน”[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]มองเห็นศาลาดื่ม “น้ำลืมชาติ” อยู่ข้างซ้ายมือ ของหอหมุนเวียน ฝูงชนเข้าแถวกันเป็นระลอกๆ เดินมายังหอหมุนเวียน[/FONT]
    [FONT=&quot] ยมบาล [/FONT]: [FONT=&quot]พวก เขาต่างดื่มน้ำลืมชาติแล้ว แต่ทุกคนยังมีสติอยู่จะเดินเข้าสู่หอหมุนเวียน รอจนกว่าจะมึนงงสลึมสลือ โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ก็กลับชาติไปเกิดใหม่ พวกวิญญาณที่มึนงงเหล่านี้ล้วนไปเกิดเป็น สัตว์เดรัจฉานทั้งสิ้น[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]มิ น่าเล่า หน้าตาพวกเขาแต่ละคนถึงดูเหี้ยมเกรียมนัก ไม่เห็นมีใครที่หน้าตาละมุนละไม บ่งบอกถึงผู้มีบุญเลย มิทราบว่าพวกเขาได้ผ่านการลงโทษจากขุมนรกต่างๆ มาแล้วหรือ[/FONT]
    [FONT=&quot] ยมบาล [/FONT]: [FONT=&quot]เขาเหล่านั้น ผ่านการรับโทษทัณฑ์มาแล้ว ตอนนี้กำลังปล่อยให้พวกเขาออกจากขุมนรก เพื่อไปผุดไปเกิดใหม่[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]พวก เขาได้รับอิสระภาพแล้ว ขอเรียนถามท่านยมบาลตามเหตุผลแล้ว เมื่อผ่านการลงโทษจากขุมนรกแล้วก็น่าจะหมดเคราะห์กรรม ทำไมยังต้องกลับไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานอีก มิเป็นการเหลือทนหรอกหรือ[/FONT]?
    [FONT=&quot]ยมบาล [/FONT]: [FONT=&quot]สวรรค์ มีคุณธรรม การให้พวกเขาได้เกิด ควรจะได้รับความยุติธรรม พวกเขาได้รับโอกาสให้เกิดเป็นคนแล้ว แต่ไม่รู้จักประพฤติตนให้เป็นคนดี มันน่าเสียดายจริงๆ ดังนั้นชาติต่อไปก็ต้องลดขั้นให้ไปเกิดเป็นสัตว์ เพื่อให้เหมาะสมกับความประพฤติบ้าง ให้รู้ว่าการเกิดเป็นสัตว์ มีรสชาติอย่างไร จะได้เป็นการตักเตือนแบบหนึ่ง จนกว่าจะทำดีแล้วค่อยเลื่อนขึ้นใหม่ ซึ่งมีคำกล่าวว่า “สูญเสียอิสระภาพเมื่อไร จึงรู้คุณค่าของมัน” อันนี้เป็นบทเรียนที่ให้ทักษะที่ดี ไม่มีทางเลือกมากกว่านี้แล้ว สวรรค์ยังยอมเหลือเส้นทางไว้ทางหนึ่ง สำหรับผู้ที่ไม่ประพฤติเป็นคนดีอย่างกล่าวโทษสวรรค์ไม่ยุติธรรมเลย[/FONT]! [FONT=&quot]พวก เขาต่างเกิดในที่ต่างกัน พอเกิดใหม่ หน้าตาก็เปลี่ยนไป ก็เหมือนผู้ที่ถูกจำคุกอย่างยาวนานในโลกมนุษย์ พอพ้นจากคุกออกมา กลับไปถึงบ้านเดิม ทั้งคนและสถานที่เปลี่ยนไป ลูกเมียก็แยกย้ายกัน ไม่รู้จะไปค้นหาญาติโยมได้ที่ไหน ดังนั้นในยมโลก เมื่อวิญญาณบาปพ้นโทษแล้ว จึงให้กลับไปเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน เหตุผลก็เช่นเดียวกันกับมนุษย์โลก[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]อ๋อ[/FONT]! [FONT=&quot]ด้วยเหตุนี้เอง คนเหล่านี้จึงมองดูไม่เหมือนคนมีบุญ ไม่ทราบว่า ท่านยมบาลได้จัดช่องทางอะไรไว้ให้[/FONT]?
    [FONT=&quot] ยมบาล[/FONT]: [FONT=&quot]พวกเขาล้วนมีพลังของสัตว์เดียรัจฉาน ดังนั้นเพื่อให้พวกเขาได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมและเขาเหล่านั้นจะได้พอใจ[/FONT]!
    [FONT=&quot]นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]บนเส้นทางหมุนเวียน ดูเหมือนพวกเขาต่างเลือกสรรกันเอง ไม่เห็นมีผีสางที่ไหนจัดแจงให้[/FONT]
    [FONT=&quot] ยมบาล[/FONT]: [FONT=&quot]ถูกต้องแล้ว[/FONT]! [FONT=&quot] อยากเป็นคน เป็นไก่ เป็นวัว เป็นควาย เลือกกันเองอย่างอิสระ สิทธิมนุษย์นั้นยิ่งใหญ่ กงล้อหมุนเวียนบนหอหมุนเวียนในยมโลกนั้น เป็นเหมือนสถานีคมนาคมส่งพวกเขาไปยังสถานที่เขาต้องการไปเท่านั้นตอนนี้เรา มาดูการจัดแจงคนชุดนี้กันเถอะ[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง[/FONT] : [FONT=&quot](ยมบาล นั่งอยู่บนบัลลังก์ ขุนพลหน้าม้าหน้าวัว ยืนเรียงอยู่ทั้งสองข้าง คณะกรรมการทั้งฝ่ายอักษรและฝ่ายพลาธิการต่างเข้าที่) ศิษย์นึกถึงปัญหาข้อหนึ่ง ใคร่เรียนถามท่านยมบาล [/FONT]
    [FONT=&quot] ยมบาล [/FONT]: [FONT=&quot]มีปัญหาอะไร[/FONT] ? [FONT=&quot]เชิญถามได้[/FONT]!
    [FONT=&quot]นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ยมโลก มีขุนพลหน้าม้าหน้าวัว ถึงเป็นการเปลี่ยนแปลงทางหน้าตา แต่ก็ไม่พ้นเป็นสัตว์เดียรัจฉานประเภทหนึ่ง ทำไมยมโลกจึงต้องเอาคนหน้าม้าหน้าวัว มาเป็นยมทูตด้วยล่ะ[/FONT]?
    [FONT=&quot]ยมบาล [/FONT]: [FONT=&quot]อาฮ้า[/FONT]! [FONT=&quot]หยาง เซิงถามได้ดีมาก คนเลวบนโลกมนุษย์ไม่ชอบเป็นคนดี ซึ่งไม่ต่างไปจากวัว-ควาย เพียงมีไว้ลงแส้ให้คนใช้งาน ดังนั้นจึงมีหน้าม้าหน้าวัวในยมโลกเพื่อให้คนเกรงขาม เหมือนใช้ม้าใช้วัวควบคุมพวกม้าพวกวัวด้วยกัน เป็นการจัดแจงอย่างมีกลยุทธ คนหน้าม้าหน้าวัวในยมโลก ก็ยกย่องเป็นขุนพล เหมือนมีตำแหน่ง “พัสดี” ในโลกมนุษย์ที่คอยควบคุมนักโทษ ตอนนี้คอยดูข้าว่าความบนบัลลังก์[/FONT]
    [FONT=&quot] วิญญาณนักโทษฟังคำสั่ง [/FONT]: [FONT=&quot]เนื่อง จากที่นี่มีคนทรงมาจากโลกมนุษย์ ชื่อนายหยางเซิงแห่งสำนักเซินเต๋อถัง เมืองไถจง มาเยี่ยมพร้อมกับอาจารย์อรหันต์จี้กง เพื่อทำหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” เป็นการเตือนสติชาวโลก[/FONT]
    [FONT=&quot] ทั้งหมดก็ได้ผ่านการรับโทษจากขุมต่างๆมาแล้ว มาถึงขุมนี้เพื่อปลดปล่อยให้กลับไปเกิดใหม่ไม่ทราบว่าใครอยากจะไปเกิดที่ไหน กันบ้าง[/FONT]? [FONT=&quot]เนื่องจากวันนี้มีคนในมนุษย์โลกมา อยู่ที่นี่ ข้าก็จะปลดปล่อยอย่างเสรีเป็นพิเศษสักครั้งหนึ่ง ให้พวกเธอเลือกสรรกันเอง เนื่องจากพวกเธอได้ดื่มน้ำลืมชาติมาแล้ว ถึงแม้จะมีสติอยู่แต่ก็จะค่อยๆ ลืมเรื่องที่ผ่านมา อาศัยโอกาสนี้จงเลือกให้สมใจ[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot](พอยมบาลกล่าวจบ บรรดาวิญญาณนักโทษต่างร้องไชโยด้วยความดีใจ ขอบคุณยมบาลเป็นการใหญ่ กล่าวว่า “วันนี้เป็นเลิศฟ้า โอกาสทองเลย[/FONT]! [FONT=&quot]ได้รับทุกข์ทรมานมามากแล้ว ชาติหน้าขอเกิดในบ้านตระกูลร่ำรวย จะได้สุขสบายสักครั้งหนึ่ง”) [/FONT]
    [FONT=&quot] ยมบาล [/FONT]: [FONT=&quot]อาศัยโอกาสนี้ ทุกๆ คนมีสิทธิ์เลือกหนทางของตนเอง ข้าก็จะจัดแจงให้ตามคำขอ ตอนนี้ให้วิญญาณนาย ก. พูดออกมาว่าจะไปไหน บอกมาเร็วๆ[/FONT]
    [FONT=&quot] วิญญาณ ก[/FONT]: [FONT=&quot]ผม อยู่ในยมโลกได้รับทุกข์ทรมานมาก ชาติที่แล้วเที่ยวปล้นจี้ไปทั่ว และชอบข่มขืนลูกสาวชาวบ้าน เป็นคนร่อนเร่ ชาติหน้าขอเกิดเป็นคน เกิดเป็นชายในบ้านตระกูลร่ำรวย จะได้กินดื่มทุกๆวัน กอดหญิงเต้นรำ จะได้สุขสบายสักชาติ[/FONT]
    [FONT=&quot] ยมบาล [/FONT]: [FONT=&quot]สติ ของเจ้านั้นว่าดีอยู่ ยังไม่ละทิ้งนิสัยอันธพาลข้าก็จะจัดแจงตามความปรารถนาของเจ้า ขอให้ฝ่ายอักษรจงบันทึกลงไปทางพลาธิการให้ขุนพลหน้าม้าหน้าวัว นำไปยังหอหมุนเวียนแล้วประทานเสื้อลายดอกให้ชุดหนึ่ง ให้เขาไปเกิดเป็นนกอยู่บนเขา[/FONT]
    [FONT=&quot] หยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ท่านยมบาล ทำไมไม่ให้เขาเกิดตามคำขอล่ะ[/FONT]?
    [FONT=&quot] ยมบาล[/FONT]: [FONT=&quot]หยางเซิงเธอไม่รู้อะไร[/FONT]! [FONT=&quot]ถ้าให้เขาเกิดเป็นคน มิเป็นภัยต่อสังคมหรอกหรือ[/FONT]? [FONT=&quot]ข้า จัดแจงให้เขาเกิดในสิ่งแวดล้อมที่สวยงาม ตามความต้องการของใจเขา อาศัยอยู่ “บนตึกสูง” ก็คือ “ต้นไม้สูง” ใส่เสื้อผ้าหลากสี ก็ปีกนกของเขามีหลายสี เป็นที่นิยมในสังคม ปากก็ได้ร้องจิ๊บๆ น่ารื่นรมย์ กระโดดจากต้นนี้ไปต้นโน้น ประดุจดั่งเต้นรำไงล่ะ ดอกไม้หลากสีดังแสงไฟสีต่างๆ น่าสุขสบายเหลือหลาย เพื่อนนกเพื่อนหญิงเป็นหมู่เหล่า หาไหนปาน[/FONT]! [FONT=&quot]สั่งที่ดื่มไม่หมดน้ำในลำธารดื่มแล้วก็ไม่เมาเหล้า สดชื่นขันหนึ่ง หาได้ยากในมนุษย์โลก” ข้าจัดแจงแบบนี้ เหมาะสมที่สุดแล้ว[/FONT]!
    [FONT=&quot]นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ท่านยมบาล จัดแจงได้ยอดเยี่ยมข้าขอยอม ทั้งกายและใจ[/FONT]
    [FONT=&quot] ยมบาล [/FONT]: [FONT=&quot]วิญญาณ ข. รีบขอมาไวๆ[/FONT]
    [FONT=&quot] วิญญาณ ข[/FONT]: [FONT=&quot]ข้า อยู่ในนรก ได้รับทุกข์มหันต์ ชาติหน้าขอเกิดเป็นคน ขอให้อยู่อย่างสุขสบายไปวันๆ อยากรูปหล่อ ให้มีขนเต็มตัว เวลานอนมีเตียงเย็นๆ อาหารสามมื้อ มีคนใช้สั่งมาให้เพื่อนฝูงเต็มบ้าน ข้าจะได้นอนคุยทั้งวัน เดินหย่อนอารมณ์สบายๆ ไม่ต้องทำงาน ชีวิตผ่านไปวันๆ ข้าก็พอใจแล้ว[/FONT]
    [FONT=&quot] ยมบาล[/FONT]: [FONT=&quot]ดีเหลือเกิน [/FONT]! [FONT=&quot]เมื่อ ชาติก่อน เห็นคนถือศีลกินเจ พูดจาเสียดสี ยังบอกให้คนอย่ากินเจ กินเนื้อมากๆ จะได้ช่วยสัตว์พ้นทุกข์ไวๆ แล้วยังพูดกล่าวหาคนกินเจ นั้นเพราะทำบาปไว้มาก และยังทำลายการกินเจของคนๆ หนึ่งแล้วยังเผาพระธรรมคัมภีร์ทิ้ง ยังล้มหนี้คนมากมาย คำสั่ง[/FONT]! [FONT=&quot]ให้ขุนพลหน้าม้า-วัว ประทานเสื้อดำให้หนึ่งตัว แล้วนำไปยังหอหมุนเวียนให้มันไปเกิดเป็นหมู[/FONT]!
    [FONT=&quot]นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ท่านยมบาล ให้พาไปเกิดเป็นหมูท่านจะอธิบายว่าอย่างไร [/FONT]?
    [FONT=&quot]ยมบาล [/FONT]: [FONT=&quot]เจ้า นี่ร่อนเร่พเนจร อยากรูปหล่อก็ให้มันมีขนสัตว์สีดำเต็มตัว อาหารสามมื้อมีคนส่งให้กิน ไม่ต้องทำงาน ก็ต้องเป็นหมูขี้เกียจ เหมาะสมที่สุดแล้ว เนื้อหมูจะได้ให้คนกิน เพราะเขาสนับสนุน ให้คนกินเนื้อมากๆ อย่ากินเจ นี้เป็นการสนองของกฏแห่งกรรม ซึ่งเป็นสิ่งคิดไม่ถึง[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ท่านยมบาล ตัวสินดีแท้ๆ[/FONT]
    [FONT=&quot] ยมบาล [/FONT]: [FONT=&quot]วิญญาณ ค. เจ้ารีบบอกความจำนงค์[/FONT]
    [FONT=&quot] วิญญาณ ค[/FONT]: [FONT=&quot]ได้ รับโทษหมดจากขุมนรก เห็นขุนพลหน้าม้า-วัว ท่าเกรงขาม รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี ผมคิดอยากเกิดเป็นคน อยากจะได้เป็นตำรวจ จะได้จับผู้ต้องหามาแก้แค้นสักคน[/FONT]
    [FONT=&quot] ยมบาล [/FONT]: [FONT=&quot]ดีมาก [/FONT]! [FONT=&quot]ชาติ ก่อนเจ้าเกิดมาเป็นขโมย ชอบลักเล็กขโมยน้อย แล้วยังฆ่าเจ้าทรัพย์ตาย เจ้ามีใจจะรักษาความสงบ จะได้สร้างกุศลชดเชยที่แล้วมา ต้องการปราบทุกข์บำรุงสุข ข้ากลัวเจ้าจะอวดเบ่ง ทำไม่เหมาะสมกับหน้าที่ ทำผิดวินัยแล้วจะอดอยาก คำสั่ง [/FONT]! [FONT=&quot]ขุนพลหน้าม้า-วัว ประทานเสื้อขนให้ 1 ชุด ให้เขาไปเกิดเป็นแมว[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ท่านยมบาล ให้เขาเกิดเป็นแมวจะอธิบายอย่างไร[/FONT]?
    [FONT=&quot]ยมบาล[/FONT]: [FONT=&quot]อยาก เป็น “ตำรวจ” เกิดเป็นแมวก็เหมาะสมแล้ว พวกลักเล็กขโมยน้อย พวกคนเลว ถูกขนานว่า “หนู” พอเห็นแมวก็รีบซ่อน แมวนั้นอวดเบ่งแค่ไหน แต่ถ้าปฏิบัติหน้าที่ไม่ดี ก็จะอดกินข้าว[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง[/FONT]: [FONT=&quot]ท่านยมบาล ตัดสินได้ยอดเยี่ยม[/FONT]
    [FONT=&quot] ยมบาล [/FONT]: [FONT=&quot]วิญญาณ ง. เจ้าต้องการเป็นอะไร[/FONT]?
    [FONT=&quot] วิญญาณ ง[/FONT]: [FONT=&quot]เนื่องจากชาติก่อน ข้าถูกผู้ชายหลอกลวงหลายครั้ง ชาติหน้าขอแก้แค้น[/FONT]!
    [FONT=&quot] ยมบาล [/FONT]: [FONT=&quot]วิญญาณ ง. เจ้าต้องการเป็นอะไร[/FONT]?
    [FONT=&quot] วิญญาณ ง[/FONT]: [FONT=&quot]เนื่องจากชาติก่อน ข้าถูกผู้ชายหลอกลวงหลายครั้ง ชาติหน้าขอแก้แค้น[/FONT]!
    [FONT=&quot] ยมบาล [/FONT]: [FONT=&quot]ถ้า หากให้เธอตามคำขอ อนาคตน่าเศร้า ข้าสงสารเจ้า เมื่อชาติก่อนพลาดท่าเสียที ตกอยู่ในโลกีย์ ถูกคนหลอกลวงเสียทั้งเงินเสียทั้งตัว ข้าไม่อยากให้เจ้ต้องตกต่ำลงไปอีก[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]เพื่อโปรดสัตว์ทั้งสามโลก เพื่อให้สัตว์เดียรัจฉาน ได้กลับเกิดเป็นคนโดยเร็ว ขอเชิญท่านยมบาล โปรดได้คิดไตร่ตรองเถอะ[/FONT]!
    [FONT=&quot]ยมบาล [/FONT]: [FONT=&quot]ครับ ผม มีคำสั่งให้ขุนพลหน้าม้า-วัวประทาน เสื้อขาวดำ แล้วให้เธอไปเกิดเป็นโคนมที่ประเทศอเมริกาโน้น จะได้ให้นมแก่ทารก เพื่อจะได้หมดเวร[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]โคนมให้เลี้ยงมนุษย์ชาติ ก็มีบุญกุศลมิใช่หรือ[/FONT]?
    [FONT=&quot] ยมบาล[/FONT]: [FONT=&quot]มีแน่[/FONT]! [FONT=&quot]ถ้าจัดแจงตามใจเธอ ก็ควรให้เกิดเป็นสุนัขเพศเมีย แต่ไม่อยากให้เธอตกต่ำลง จึงให้เกิดเป็นโคนม[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ท่านยมบาล แม้จะเฉียบขาด แต่ก็ยังมีความเมตตา น่านับถือยิ่งนัก [/FONT]!
    [FONT=&quot]ยมบาล [/FONT]: [FONT=&quot]เจ้าวิญญาณ จ. รับแจ้งความประสงค์มา[/FONT]
    [FONT=&quot] วิญญาณ จ[/FONT]: [FONT=&quot]ข้า คิดเกิดเป็นคน อาศัยในบ้านคอนกรีตเสริมเหล็กแข็งแรง อาหารสามมื้อมีคนทำให้ ร่างกายล่ำสันแข็งแรง อำนาจเหนือคน คนพบคนก็กลัว จะได้หายแค้นจากการถูกฆ่าเมื่อชาติก่อน[/FONT]
    [FONT=&quot] ยมบาล[/FONT]: [FONT=&quot]ดีมาก[/FONT] ![FONT=&quot] ความมุทะลุยังไม่จางหายไป ยังคิดมีอำนาจคำสั่งถึงขุนพลหน้าม้า-วัว เตรียมเสื้อหนังลายให้หนึ่งตัว แล้วพาไปหอหมุนเวียน ให้มันไปเกิดเป็น “เสือ” [/FONT]!
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]เห็นหน้าตาดุร้ายเหี้ยมเกรียม ให้ไปเป็นเสืออีก มิเป็นการเพิ่มปีกให้หรอกหรือ[/FONT]
    [FONT=&quot] ยมบาล[/FONT]: [FONT=&quot]ไม่หรอก [/FONT]! [FONT=&quot]ถึง แม้เขาดุร้าย สุดท้ายก็ถูกจับขังไว้ในกรงเหล็กที่แข็งแรง ห้องสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก เหมือนถูกขังอยู่ในคุกไว้ให้เด็กชมเล่นในสวนสัตว์[/FONT]
    [FONT=&quot] ขาติก่อนเขาเป็นคนที่ชอบข่มเหงรังแกชาวบ้าน รีดนาทาเร้น สิ่งใดไม่ชั่วไม่ทำ ฆ่าคนเป็นว่าเล่น สุดทาย ก็ถูกคนอื่นฆ่าตาย ตอนนี้กรรมเก่า กำลังตามสนอง รีบให้วิญญาณมันไปยังหอหมุนเวียน[/FONT]
    [FONT=&quot] วิญญาณ ฉ. ผมรับกรรมในขุมนรกมาหมดแล้ว ทุกข์ทรมานจนกล่าวไม่ถูก ชาติก่อนก็ยากจนไม่เคยได้รับความสุข ชาติหน้าผมขอถือศีลกินเจขอร้องเพียงอย่างเดียว ขอให้มีบังกะโลสักหลังหนึ่งสร้างอยู่บนเนินเขา น้ำไหลใสสะอาด ให้ผมได้รับความสุขจากธรรมชาติ แค่นี้ก็พอใจแล้ว[/FONT]
    [FONT=&quot] ยมบาล[/FONT]: [FONT=&quot]ดีมาก[/FONT]! [FONT=&quot]คำสั่ง ขุนพลหน้าม้า-วัว ประทานเสื้อสีเทาให้ แล้วพาไปหอหมุนเวียนไปเกิดเป็น “แพะ”[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง [/FONT]: [FONT=&quot]ทำไมอย่างงั้นล่ะ[/FONT]?
    [FONT=&quot]ยมบาล[/FONT]: [FONT=&quot]วิญญาณ ผู้นี้ ชาติก่อนทุกข์ยากอาศัยในกระต๊อบยังชีพด้วยการเก็บของเหลือทิ้ง มีวันหนึ่งมันไปเจอผู้หญิงปัญญาอ่อนคนหนึ่ง ข่มขืนจนเด็กตั้งท้อง ทำความเลวร้ายให้กับคนอื่น บาปกรรมหนักมาก ดีที่มันสำนึก เลยให้มันไปเกิดเป็นแพะกินหญ้า อาศัยอยูบนภูเขา กระต๊อบหลังคาจาก นั่นก็คือ บังกะโลบนเนินเขา น้ำไหลใสสะอาด ต่อไปก็ถือศีลกินเจไปเรื่อยๆ[/FONT]
    [FONT=&quot] นายหยางเซิง[/FONT]: [FONT=&quot]ขอบคุณ ท่านยมบาลที่ชี้แนะ ทำให้ผมเข้าใจถึงเหตุผลที่แท้จริง ดังคำว่า “สรรพสิ่งเกิดจากใจสร้างขึ้น” ขอกราบลาท่านยมบาล[/FONT]
    [FONT=&quot] กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์กลับสำนักได้[/FONT]
    [FONT=&quot] พระอรหันต์จี้กง [/FONT]: [FONT=&quot]สำนักถึงแล้ว วิญญาณกลับเข้าร่างได้[/FONT]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...