ขุนแผนยอดขุนพล ลพ สวาทวัดโป่งจันทร์ล๊อคเก็ตและขุนแผนรุ่นแรกลพ.สม โพธิ์ทอง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่คงวัดแค อ.ชุม ไชยคีรี เจ้าพิธี
    พิธีเสก หลวงปู่คงวัดแค ๒๕๑๕
    พิธีสร้างครั้งนี้ได้สร้างพระบูชารูปเหมือนของท่าน และสร้างเป็นรูปกริ่งเนื้อนวโลหะผสมทองคำ ผสมเหล็กไหล และพระพิมพ์ทรงซุ้มกอ เนื้อว่านยา 500 กว่าชนิด ที่อาจารย์พระครูพิพัฒน์สิริธร และอาจารย์ชุม ไชยคีรี ได้สะสมทำพิธีมาแล้วเป็นเวลานานกว่า 40 ปี ผสมกับผงก้นกรุของหลวงปู่คง แจกจ่ายให้แก่ทหาร ตำรวจ และจะนำพระพิมพ์ดังกล่าวส่วนหนึ่งขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อมีไว้พระราชทานแก่ทหาร ตำรวจ ประชาชน ตามพระราชอัธยาศัยในโอกาสอันควรอีกต่อไป
    โดยเจตนาของพระอาจารย์เจ้าผู้ทรงคุณในภาคใต้ 9 องค์ ซึ่งมีอาจารย์พระครูพิพัฒน์สิริธร(หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน) เป็นประธาน ร่วมกับพระอาจารย์มีชื่อเป็นมงคลนามในภาคกลาง อาทิเช่น หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เป็นประธาน โดยมอบให้อ.ชุม ไชยคีรี กับคณะศิษย์เป็นผู้ดำเนินงานพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดชำนิหัตถการ (สามง่าม) ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 รวมเวลา 3 วัน 3 คืน รวมกับพิธีสร้างพระสีวลี และ รูปท่านท้าวมหาพรหม
    คุณวิเศษตามเลขยันต์ ว่านยา ตลอดถึงพระคาถาที่พระอาจารย์เจ้าได้ปลุกเสกอธิษฐานบรรจุไว้ในองค์พระแบบต่างๆนั้นดีทุกทางเฉพาะสำหรับผู้มีความเชื่อ เคารพ และเข้าถึง เช่น คงกระพัน กันปืน กันวัตถุระเบิด แคล้วคลาด รวมทั้งมีอำนาจชนะศัตรู กันอุบัติเหตุ และขอพระส่งเสริมให้มีอานุภาพอันเกรียงไกรยิ่งขึ้น
    ขอขอบคุณ ท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มารูปภาพอย่างสูงครับ
    ให้ บูชาองค์ละ 350 จัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240801_200148.jpg IMG_20240801_200209.jpg

    องค์ที่๑(ปิดรายการ)

    IMG_20240801_200232.jpg IMG_20240801_200253.jpg

    องค์ที่๒

    IMG_20240801_200325.jpg IMG_20240801_200347.jpg

    องค์ที่ ๓(ปิดรายการ)

    IMG_20240801_200405.jpg IMG_20240801_200424.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2024
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง

    1722592762039.jpg 1722592760038.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1722606055822.jpg
    เหรียญฉลองสมณศักดิ์หลวงพ่อเล็กวัดหนองดินแดงพิมพ์หน้าหนุ่มรุ่นประสบการณ์ปี๒๕๑๖
    พระเกจิอาจารย์ที่ถูกลืมเลือน
    .......ท่านเป็นพระเกจิ รุ่นเดียวกับ หลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร ,#หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม ,#และหลวงพ่อหลิว วัดไร่แตงทอง ท่านเป็นพระบ้านนอก ที่เก่งจริง วัตถุมงคลของท่าน ศักดิ์สิทธิ์ และมีอภินิหาร ป้องกันอันตราย ได้อย่างแท้จริง..ท่านมีวิชาอาคมแก่กล้าไม่เป็นสองรองเกจิองค์ใดเลยครับ..เมื่อครั้งปี๒๕๑๒ ท่านติดหนึ่งในพระเกจิอาจารย์เมืองนครปฐม ที่ได้เข้าร่วมปลุกเสกพระในงานสำคัญมาแล้วในงานพุทธาภิเษกใหญ่วัดไร่ขิงท่านอาวุโสน้อยสุดแต่ได้เข้าร่วมกับพระเกจิใหญ่เช่น หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อน้อย หลวงพ่อเต๋และทุกงานในช่วงปี๓๐จะมีรายชื่อท่านติดเกือบทุกงานสาธยายมาเยอะแล้วแฟนเพจจดหมายเหตุพระเกจิคงยากรู้กันแล้วใช่ไหมครับท่านมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไรกัน...ผมขอบอกและขอนำเสนอประวัติหลวงพ่อเลยแล้วกันครับท่านมีนามว่า.
    #พระครูสาถุกิจวิมล หรือ #หลวงพ่อเล็ก_ชิโต ) วัดหนองดินแดง จ.นครปฐม
    #ประวัติพอสังเขป
    พระครูสาถุกิจวิมล หรือ #หลวงพ่อเล็ก (เล็ก ชิโต ) วัดหนองดินแดง เดิมชื่อ นายเล็ก กิจเดช บิดาชื่อ นายร้อย กิจเดช มารดาชื่อ รอด กิจเดช
    .......หลวงพ่อเล็กท่านเกิดปีมะเเม วันอังคารที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ ๒๔๖๐ ตรงกับเดือน ๑๐แรม๗ค่ำที่บ้านหนองดินแดง อำเภอเมือง จ.นครปฐม อาชีพทำนา อุปนิสัยไม่ชอบอยู่นิ่งเฉย ช่วยบิดามารดาทำงานขยันศึกษาเล่าเรียน อยู่ในโอวาสของบิดามารดา ครู อาจารย์ เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบิดามารดา
    ..........ได้จัดการบรรพชาอุปสมบท วันที่๒๐ เมษายน พ.ศ ๒๔๘๒ ที่วัดหนองดินแดง โดยมีพระธรรมวโรดม เจ้าคณะมณฑลนครชัยศรีเป็นพระอปชฌาย์ พระอธิการใช้ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองดินแดงเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการฉอย วัดโพรงมะเดื่อ อดีตเจ้าคณะอำเภอเมืองนครปฐม เป็นอณุสาวนาจารย์ ในด้านการศึกษาวิปัสนาธุระและพุทธาคมท่านได้ศึกษากับครูบาจารย์คณาจารย์ยุคนั้น อาทิ
    #ท่านเจ้าคุณโชติ วัดพระปฐมเจดีย์
    #หลวงพ่อพร้อม วัดพระงาม
    #หลวงปู่สุข วัดห้วยจระเข้ (ศิษย์เอกหลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ )
    #หลวงปู่จันทร์ วัดบ้านยาง
    #หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    #หลวงปุ่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว
    #หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา
    #หลวงพ่อฉอย วัดโพรงเดื่อ เป็นต้น.
    พระครูสาถุกิจวิมล (เล็ก ชิโต ) เป็นพระมหาเถระผู้ใหญ่ผู้ทรงคุณวิทยาคมดังเห็นได้จากงานพุทธาพิเษกตามวัดต่างๆ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อีกทั้งหลวงพ่อเล็กยังมีความรู้ทางการแพทย์แผนโบราณ รักษาโรคใช้กระแสจิตเป็นสมาธิ พ่นน้ำมัน ปรากฎว่าโรคต่างๆ ก็หายน่าอัศจรรย์ หลวงพ่อยินดีอนเคราะห์สาธุชนด้วยการุณาเมตตาจิต ไม่เลือกชั้นวรรณะ เป็นที่เลื่อมใสและศัทธาแก่ชาวบ้านและเหล่าศิษยานุศิษย์....
    .........ครั้งหนึ่งเคยมีหนังสือพระหรือรายการไปหาท่านท่านไม่อนุญาติเพราะท่านเป็นพระเกจิแบบโบราณคือดุเสียงดังฟังชัดฉันหมากไม่เคยใส่รองเท้าท่านก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆด้วยตัวท่านเองและพระเณรชาวบ้านไม่เคยจ้างช่างท่านสร้างโรงเรียนสร้างวิทยาลัยสารพัดช่างโดยไม่เคยเรี่ยไรแต่ทุกคนช่วยกันสร้างสะพานสร้างปะปาท่านทำเพื่อส่วนรวมวัตถุมงคลท่านสร้างเพื่อตอบแทนน้ำใจชาวบ้านที่เสียสละกำลังเงินกำลังแรงผู้ที่ได้รับไปจึงเกิดอิทธิบารมีแคล้วคลาดปลอดภัยมีโชคลาภ
    ........พระเครื่องของท่านที่ได้รับการปลุกเสก จะมีพุทธคุณทางด้านเมตตามหานิยม และแคล้วคลาด เป็นหลัก และมีประสบการณ์ มาแล้วนับไม่ถ้วนกับผู้ที่บูชาพระเครื่องของท่าน ซึ่งจัดได้ว่า พระเครื่องของหลวงพ่อเล็กนั้น เป็นของดีราคาถูกอีกสำนักหนึ่ง ซึ่งมีพุทธคุณ ไม่แพ้หรือเป็นรองกับสำนักอื่นๆ เมื่อเทียบกับพระเกจิรุ่นเดียวกับหลวงพ่อเล็ก
    ......ยิ่งพระปิดตา หลวงพ่อเล็ก นั้นสุดยอดประสพการณ์ครับทุกวันนี้เริ่มหายาก เพราะมีคนเคยถูกยิงแบบจ่อ ๆ แล้วไม่เป็นอะไร นายตำรวจท่านหนึ่ง ยังเคยให้ผมหาพระปิดตา ของหลวงพ่อเล็ก เอาไว้ติดตัวเวลาปฏิบัติหน้าที่ เพราะเลื่อมใสในพุทธคุณของท่านใดเจอก็รีบ ๆ เก็บไว้บ้างนะครับ..แอดมินแนะนำครับ
    .....หลวงพ่อเล็กท่านมรณะภาพในวันที่๑๓สิงหาคม๒๕๓๖
    ...............
    ประสบการของหลวงพ่อ
    ที่หลวงพ่อได้ไปอธิฐานจิต
    ที่วัดดวงแข ทางวัดเล่าเองเลย
    ไม่มี เมก
    #หลวงพ่อเล็กวัดหนองดินแดง
    หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข
    สวัสดีครับวันศุกร์ที่ 7/3/2563
    หลวงพ่อเล็ก วัดหนองดินแดง
    พระเถระที่มีอาคมขลังสุดสุดนครปฐม
    เรื่องเหนียวนี่ผมก็ขอยกให้อีกรูป1.
    ลป... ไอ้ตี๋ลพ.เล็กนี่ท่านเก่งมากนะ
    เห็นท่านเงียบๆสมถะไม่พูดมากเรียบ
    ง่าย ท่านแฝงไปด้วยเมตตาบารมีนัก
    พอลพ.เล็กนั่งปรกเสร็จ ลป.เข้าไป
    นั่งคุยกับลพ.เล็ก ผมเดินเข้าไปทีหลัง
    ได้ยินท่านคุยกัน และเสียงหัวเราะของท่านทั้งสอง
    ลป... แสงจากมือหลวงพ่อเหมือนแสง
    จากพระอาทิตย์สาดส่องลงมา
    ลพ.เล็ก... ท่านพระครูเวียรก็เหมือน
    น้ำฝนที่พรมลงมา
    .... แล้วท่านทั้งสองก็ยิ้มหัวเราะกัน
    ลป.เดินจูงมือลพ.เล็กไปขึ้นรถกลับ
    ลพ.เล็ก.. พูดกับผมว่าเอ็งนี่เก่งดีจังทำ
    งานได้ดีมากเลย ลพ.เล็กหยิบลูกอม
    ส่งให้ผม 1ลูก เอ็งเก็บให้ดีนะไม่มีแล้ว
    และหยิบตะกรุดให้เฮียฮั้ว1ดอก
    ⭕️เฮียฮั้วได้ตะกรุดจากลพ.เล็ก1ดอก
    ใส่กระเป๋าเสื้อไว้ สร้อยคอที่แขวนพระ
    หลวงปู่ใส่อยู่ในบาตรเอาเข้าพิธีด้วย
    ในตัวเฮียฮั้วเลยมีตะกรุดลพ.เล็ก
    อยู่ดอกเดียว แกเอามะพร้าวอ่อนมาสับ
    ผมเห็นแกเอาอีโต้สับไปที่ลูกมะพร้าว
    เสียงดังตึก โดนเข้าที่นิ้วมือซ้ายจังจัง
    แกร้องลั่นทิ้งอีโต้เอามือขวามากุมนิ้วมือ
    ซ้ายไว้ ไม่มีเลือดนิ้วไม่ขาดฟันไม่เข้า
    นิ้วมือแกสั่นระริกเลย บวมแดงเห็นชัด
    ผม... เห็นกับตาเสียวแทนเลยหละ
    ผมให้เฮียฮั้วไปหาลป. ให้ลป.เป่าให้
    ลป.เอาเทียนถูที่นิ้วมือแกแล้วว่าคาถา
    เป่าให้ สักพักนิ้วที่บวมแดงก็ค่อยๆหาย
    ลป...หัวเราะเป็นไงเห็นฤทธิ์ลพ.เล็กยัง
    เฮียฮั้ว...รุ่งขึ้นขับรถไปกราบลพ.เล็ก
    ที่วัดหนองดินแดง
    ลพ.เล็กมาเสกพระ
    ปี2533 พระพุทธชินราช
    ปี2534 รูปเหมือนลป.เหรียญพรหม
    ยังมีเรื่องราวอีกหลายๆลป.+ลพ.
    ผมต้องหาพยานก่อนถึงจะเขียนได้
    1.จากคำบอกเล่าของหลวงปู่
    2.คนขับรถที่พาลป.และผมไปในพิธี
    วัดต่างๆตามตจว. ที่วัดเขานิมนต์ไป
    3.คนที่อยู่เห็นในเหตุการณ์
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240802_212737.jpg IMG_20240802_212805.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2024
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1722774717800.jpg
    เหรียญหลวงปู่ทองมาถาวโรออก วัดบ้านอ้อยช้างปี๒๕๓๐
    อาจารย์ของหลวงพ่อศิลา หลวงปู่ทองมา ถาวโร
    ข้อมูลประวัติ หลวงปู่ทองมา วัดสว่างท่าสี ร้อยเอด็ เจ้าตำรับตะกรุดปรอท-น้ำมนต์ขลัง
    หลวงปู่ทองมา วัดสว่างฯ จังหวัดร้อยเอ็ด ก็มี "พระเด็ด" ไม่แพ้จังหวัดไหน ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่องหรือพระเกจิอาจารย์ รับประกันได้ในความเก่ง เช่น "หลวงปู่ทองมา ถาโร" อดีตเจ้าอาวาสวัดสว่างท่าสี ต.ท่าม่วง อ.เสลภูมิ ซึ่งได้รับสมญานามว่า "หลวงพ่อหมอยาเทวดา"
    ครั้งยังมีชีวิตท่านดังมากในเรื่อง "น้ำมนต์" มีความศักดิ์สิทธิ์ชนิด ที่ว่า เสกล้างหน้าเป็นสิริมงคล เสกน้ำมนต์แก้เสนียดจัญไรภัยพิบัตินานาทั้งปวง แก้ถูกกระทำย่ำยี ปราบผีสางนางไม้ ช่วยให้คลอดบุตรง่าย ฯลฯ และที่ขึ้นชื่อลือชาคือ การรักษาคนบ้าวิกลจริตหายเป็นปลิดทิ้ง
    กิตติศัพท์ของหลวงปู่ทองมาดังสะท้านฟ้าภาคอีสาน เป็นผู้ที่แตกฉานในคันถธุระและวิปัสสนาธุระ จนเชื่อว่าท่านบรรลุธรรมชั้นสูง สามารถบังคับอำนาจทางจิตได้อย่างฉับพลัน เป็นพระนักสร้างสรรค์พัฒนาทั้งพระศาสนาและผู้คนจนเกิดกระแสศรัทธาเลื่อมใสในวงกว้าง ศิษย์ที่เป็นบรรพชิตรูปหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงก็คือ หลวงพ่อล้อม สีลสังวโร วัดป่าเมตตาธรรม
    ท่านเกิดเมื่อวันพุธที่ 8 ส.ค. 2443 ณ บ้านท่าสี อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด บุตรของนายแกนท้าว และนางหา นามสกุลภูมิวัล เป็นลูกคนที่สอง ในจำนวนพี่น้อง 8 คน (ชาย 4 หญิง 4) เมื่ออายุ 15 ปี ได้บวชเณรที่วัดบ้านงิ้วโพธิ์ มีพระอาจารย์คำ เป็นอุปัชฌาย์ แล้วย้ายมาอยู่วัดป่าน้อย ในเมืองอุบลราชธานี
    อายุ 20 ปีได้กลับมาอุปสมบทที่วัดท่าม่วง เมื่อปีพ.ศ.2460 มี พระอาจารย์สีลา เป็นอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สุบิน และพระอาจารย์ไค เป็นพระคู่สวด จากนั้นย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดเมืองกลาง (จำปาสัก) เมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาว เพื่อศึกษาอักษรขอม และวิทยาคมต่างๆ กับท่านอาจารย์มหาทา ซึ่งกำลังมีชื่อเสียงในด้านเมตตามหานิยม วิชาอาคมต่างๆ
    อยู่วัดเมืองกลาง 5 พรรษาก็กราบลาอาจารย์ออกธุดงค์ไปเพียงรูปเดียว โดยจาริกไปตามป่าดงพงไพรและถ้ำผา ซึ่งยังเต็มไปด้วยศัตรูหมู่สัตว์ร้ายนานาชนิด อยู่ที่ละหนึ่งเดือนบ้าง สองเดือนบ้าง จะไปเฉพาะสถานที่สำคัญซึ่งล้วนแต่มีความศักดิ์สิทธิ์
    ตลอดเวลาที่ท่านคลุกคลีอยู่กับป่าเขาลำเนาไพรนานหลาย 10 ปี ท่านมีวิริยะ อุตสาหะ ฝึกฝนจิตอย่างเอาจริงเอาจังและเคร่งครัด ยากจะ มีพระภิกษุในยุคนี้ทำได้เหมือน ทั้งแบบโยคะและสมถวิปัสสนา ฉันเอกา (มื้อเดียว) เป็นประจำ นิยมฉันผลไม้เหมือนกับฤๅษีชีไพร จนมีตบะ แก่กล้า บรรลุผลสำเร็จทางจิตใจตามที่ท่านได้ตั้งใจและมุ่งหวังแต่แรก
    นอกจากนี้ ในขณะเที่ยวจาริกธุดงค์ ได้ใช้เวลาศึกษาสมุนไพรและวิจัยวิจารณ์รากไม้นานาพันธุ์อย่างละเอียดละออตามแบบแผนโบราณจนมีความเชี่ยวชาญสามารถพิเศษ นำมาทดลองรักษาคนป่วยไข้ได้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง โดยวาระสุดท้ายของชีวิตละสังขารลงเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2534 สิริอายุ 91 ปี พรรษา 71
    วัตถุมงคลหลวงปู่ทองมาส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องรางของขลัง โดยเฉพาะตะกรุดท่านสร้างไว้หลายรุ่นทั้งยุคต้น ยุคกลาง และยุคปลาย มีราคาเช่าหาแตกต่างกันไปตามความหายาก ส่วนใหญ่ท่านสร้างแจก และคนที่ได้รับแจกไปก็ได้รับประสบการณ์หลากหลาย เช่น ตะกรุดโทน ดีทางอยู่ยงคงกระพัน ป้องกันอุบัติเหตุ เคยมีคนนำไปใช้ในสงครามเวียดนาม ปรากฏว่ารอดตายจากกระสุนปืนและสะเก็ดระเบิดอย่างปาฏิหาริย์ "ตะกรุดร้อยแปด" ดีทางแคล้วคลาด มหาอุด หยุดศัตรูหมู่มาร กันผีสางนางไม้ สีผึ้งมหาเสน่ห์นิยม ดีทางด้านติดต่อการงานและค้าขาย
    "ตะกรุดปรอท" สร้างแจกทหารไปสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งคุณพิเศษของปรอท เป็นธาตุกายสิทธิ์และแปลกกว่าธาตุอื่นๆ คนโบราณนับถือจริงๆ กล่าวว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ป้องกันได้นานาประการคือ กันงูหรือตะขาบกัด ป้องกันภูตผีปีศาจทั้งหลาย และถ้าผีสิงให้เอาสายปรอทสวมคอ ผ้ายันต์สิบทิศ หรือผ้ายันต์สงคราม สร้างน้อย เน้นพุทธคุณคงกระพันแคล้วคลาด ปลุกเสกในช่วงธุดงค์ โดยจะแจก ให้เฉพาะผู้ที่มีความจำเป็นต่อชาติบ้านเมืองเท่านั้น เช่น ทหาร ตำรวจ ราคาเช่าหาเคยขึ้นไปถึงหลักแสน
    นอกจากนี้ ยังมีพระกริ่งศรีเทพ และเหรียญรุ่นแรก ด้านหลังมี 2 พิมพ์คือ พิมพ์เจดีย์กับพิมพ์ยันต์ห้า ซึ่งมีมูลค่าการเช่าหาในวงการพระเครื่องแพงขึ้นทุกขณะ กล่าวกันว่า วัตถุมงคลทุกชนิดที่ท่านสร้าง เชื่อว่าดีจริง เพราะท่านจะรับรองด้วยคำพูดที่ว่า เมื่อสร้างแล้วก็ต้องทำให้ดีจริงๆ มิใช่หลอกลวงเขา
    #ขอบพระคุณข้อมูล
    ขอขอบคุณเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงปู่ทองมาถาวโรออก วัดบ้านอ้อยช้างปี๒๕๓๐ จ. นครราชสีมา ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240804_185024.jpg IMG_20240804_185103.jpg
     
  5. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,920
    ค่าพลัง:
    +6,837
    ขอจองครับ
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    110875-1655929261-b0174035c6ec9d9944ff6a4d7a929aa9.jpg
    รายการมวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้สร้างพระผงนางพญาอาภัคโคท่านได้สร้าง ระหว่างปี ๒๕๒๖ ถึง ๒๕๒๙ โดยผงมวลสารที่นำมาจัดสร้าง ประกอบด้วย
    1. ผงวิเศษพระธาตุพนม วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร จังหวัดนครพนม
    2. ผงวิเศษวัดพลับ สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) พระอาจารย์พุฒ วัดใหม่พิเรนทร์ ได้จากหลานชาย พระสังวรานุวงศ์เถร (หลวงปู่ชุ่ม) วัดราชสิทธาราม ได้นำมาถวายหลวงปู่อ่อง ยโสธร เมื่อปี 2508 พระสังวราชุ่ม คืออาจารย์ที่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่านับถือ หากจะบอกไป สมเด็จพระสังฆราชสุก คือ พระอาจารย์ สมเด็จโต นั่นเอง
    3. ผงวิเศษดอนเจดีย์ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระนพรัตน์ วัดป่าแก้ว (ขรัวตาคง) อาจารย์ ม.ร.ว. สิทธิประภัทร เกษมสันต์ ได้นำมาถวายหลวงปู่อ่อง ยโสธร ที่วัดอัมพวา กรุงเทพฯ เมื่อปี 2492
    4. ผงวิเศษและชิ้นส่วนพระผงสมเด็จวัดระฆังฯ หลวงปู่อ่อง ยโสธร เก็บรักษาไว้ตั้งแต่จำพรรษาอยู่วัดพระยาทำ กรุงเทพฯ
    5. ผงวิเศษ 5 อย่าง คือ ผงอิทธิเจ ผงปัทถมัง ผงมหาราช ผงพุทธคุณ และผงตรีนิสิงเห หลวงปู่อ่อง ยโสธร ได้มาจากหลวงปู่คง พุทธสร วัดถนนหักใหญ่ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา
    6. ผงยาวิเศษพระฤาษีพันปี หลวงพ่อศรีทัต วิปัสสโน วัดหนองสามหมื่น อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ได้ถวายหลวงปู่อ่อง ยโสธร จำนวนหนึ่ง และไปนำมาจากถ้ำบนเขาบังเหย จังหวัดลพบุรี เมื่อปี 2506
    7. ผงวิเศษหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ จังหวัดประทุมธานี ท่านพระครูสารทราพัฒนกิจ (หลวงพ่อละมูล) วัดเสด็จ ได้มอบให้เมื่อปี 2509
    8. แร่เหล็กมันปูเกาะล้าน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พระภิกษุ (ไม่ทราบนาม) ซึ่งเป็นน้องชาย จ.อ.สวัสดิ์ ทองเสริม ได้มอบให้เมื่อครั้งเดินทางไปราชการที่สถานีทหารเรือสัตหีบ เมื่อเดือน มีนาคม 2505
    9. ผงวิเศษและชิ้นส่วนพระกรุ วัดอัมพวา กรุงเทพฯ หลวงปู่อ่อง ยโสธร เก็บรักษาไว้จำนวนมากขณะจำพรรษาอยู่ที่วัดอัมพวา
    10. ผงวิเศษ หลวงปู่อ่อง ยโสธร ซึ่งท่านผสมเป็นแท่งจากผงชอล์คของบุคคลต่างๆ ที่ได้มาให้ท่านตรวจดวงชะตา โดยเลือกเฉพาะบุคคลที่มีเกษตรมหาอุจ มหาจักร และราชาโชค ทำเป็นผงวิเศษ 5 ประการ เป็นเคล็ดที่น้อยคนจะได้ไว้
    11. ผงเกสรดอกไม้รอบโลกจากประเทศต่างๆ นาวาอากาศตรีหญิงเผ่าทอง เมนะรุจิ (ยศขณะนั้น) นำมาถวายหลวงปู่อ่อง ยโสธร เมื่อปี 2508
    12. ผงสังเวชนียสถานสี่แห่งในชมพูทวีป คือ ผงดินที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา ที่ปรินิพพาน และใบศรีมหาโพธิ์ที่ตรัสรู้ ซึ่งหลวงปู่อ่อง ยโสธร เก็บรักษาไว้และได้นำมาจากประเทศอินเดียอีกในปี 2523
    13. ผงวิเศษบึงพระยาสุเรนทร์ ผงใบลานเผา พระผงบึงพระยาสุเรนทร์ชำรุด 30 กว่าองค์ ท่านพระครูสุตาธิการี หรือหลวงปู่ทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร มอบให้
    14. ผงตะใบพระกริ่ง พระบูชาจากวัดต่างๆ คุณอุดม รัมมะวาสน์ และคุณสงัด ปัจฉิมสุภาคม มอบให้
    15. เปลือกต้นศรีมหาโพธิ์พุทธคยา หลวงปู่สิม พุทธธาโร ให้คุณธนา ศรีพันธ์ุ นำมามิบให้
    16. ผงวิเศษ ท่านพระครูญาณวิลาส (หลวงพ่อแดง) วัดเขาบันไดอิฐ จังหวัดเพชรบุรี พ.ต.ต.ประสงค์ เจิมพร นำมามอบให้เมื่อเดือนสิงหาคม 2526
    17. ผงกบิลว่าน 108 และเกสรดอกไม้ 108 หลวงปู่อ่อง ยโสธร ได้เก็บรวบรวมไว้
    18. ผงวิเศษ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ หรือ พระมงคลเทพมุนี วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ศิษย์ฆราวาสของท่านได้นำมาถวายหลวงปู่อ่อง ยโสธร 3 ก้อน
    19. ผงวิเศษ พระอาจารย์เมี๊ยก ฉันทวุฑโฒ วัดสัมมาธัญญาวาส กรุงเทพฯ มอบให้
    20. ผงมวลสารอื่นๆ อีกจำนวนมาก ที่ท่านพุทธศาสนิกชน ผู้ใจบุญทั้งหลายนำมามอบให้
    21. ผงวิเศษพระธาตุพนม วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร จังหวัดนครพนม ดร.พระมหาสม สุมโน นำมามอบให้เพิ่มเติม ดังนี้
    21.1 ผงอิฐพระธาตุพนมองค์เดิม
    21.2 ผงเกสรดอกไม้ 108 ซึ่งได้จากฐานพระบุเงิน,บุทอง จากกรุพระธาตุพนมเมื่อปี 2518
    21.3 ผงผอบสำริดหลังเดิม ซึ่งเป็นที่บรรจุพระอุรังคธาตุ
    21.4 ผงพระยอดพระธาตุองค์เดิมช่วงกลาง
    21.5 ผงพระยอดพระธาตุองค์เดิมช่วงบนด้านนอก
    21.6 ผงยอดพระธาตุช่วงบนสุดด้านใน ซึ่งเข้าใจว่าเป็น "ขี้เหล็กไหล"
    21.7 ผงเหล็กเปียก ซึ่งหล่อหุ้มยิดพระธาตุองค์เดิม
    ที่สำคัญคือ พระชุดนี้ทุกองค์โรยผงเหล็กเปียกที่หุ้มยอดพระธาตุพนม ที่เชื่อว่า ญาคูขี้หอมปรุงแร่ชนิดนี้ไว้
    ด้านหลังองค์พระปั๊ม "อาภัคโค"
    นามขององค์หลวงปู่ไว้ด้วย ... “
    พิธีมหาพุทธาภิเษก พระนางพญาอาภัคโค
    วัดภูเขาแก้ว อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี
    วันที่ 9 เมษายน 2529 ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5
    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร ประทานพิธี
    1.เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
    2.พระอรรถกิจโกศล วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
    3.พระภาวนาพิศาลเถร(พุธ) วัดป่าสาละวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา
    4.พระญาณสิทธาจารย์ วัดพิทักษ์ปุณณาราม อ.กลางดง จ.นครราชสีมา
    5.พระสุนทรธรรมภาณ วัดศรีธรรมมาราม อ.เมือง จ.ยโสธร
    6.พระชินวงศาจารย์ วัดกระดิ่งทอง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
    7.พระครูวิริยาภรณ์(เริ่ม ปรโม) วัดจุกกะเฌอ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
    8.พระครูธรรมสารสุมนต์(คูณ) วัดหนองแวง อ.เมือง จ.ขอนแก่น
    9.พระครูอุดมธรรมรักษ์(ยอด) วัดศรีบุญเรือง อ.เมือง จ.มุกดาหาร
    10.พระครูเขมคุณโสภ(จันทร์) วัดศิริวรรณบรรพต อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา
    11.พระครูประโชตินวการ วัดใหม่กลอ อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา
    12.พระครูนิมิตรสิทธิการ(เป้า) วัดถ้ำพรสวรรค์ อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์
    13.พระครูปทุมสารคุณ(อินทร์) วัดบ้านบัว อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา
    14.พระครูปิยเขมคุณ(โป้ะ) วัดบ้านปิง อ.ขุขันธุ์ จ.ศรีสะเกษ
    15.พระครูวิสุทธิธรรมธาดา(สมพงษ์) วัดภูด่านแต้ อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร
    16.พระศิริปุญญาทร(วิชัย) วัดตูม อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา
    17.พระครูวินิตวัฒนคุณ(พั่ว) วัดศิริมงคล อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี
    18.พระครูสรนาทวิเศษ วัดกษัตราธิราช อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา
    19.พระครูปลัดก่อเกียรติ อินทวีโร วัดกษัตราธิราช อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา
    20.พระครูใบฎีกาเที่ยง ปภงกโร วัดเขากระโดง
    อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
    21.พระครูปลัดสาย วัดตะเคียนราม อ.ขุขันธุ์ จ.ศรีสะเกษ
    22.พระอาจารย์กิ ชมมุตตโม วัดสนามชัย อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
    23.พระอาจารย์สิงห์ทอง วัดสุนทราราม อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร
    24.พระปลัดสกนธ์ กมโล ภูหล่น อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี
    25.พระอาจารย์วิชัย วัดราชประชาสรรค์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี
    26.พระครูพิบูลธรรมญาณ(โชติ) วัดภูเขาแก้ว อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
    มีพระสงฆ์สมณะศักดิ์เจริญพระพุทธมนต์ดังนี้
    1.พระเทพสุเมธี วัดศรีอุบลรัตนาราม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
    2.พระโพธิญาณมุนี วัดเลียบ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
    3.พระสุนทร ธรรมภาณ วัดศรีธรรมาราม อ.เมือง จ.ยโสธร
    4.พระครูวิจิตรธรรมภาณี วัดสุปัฎนาราม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
    5.พระครูศีลคุณภรณ์ วัดแสนสำราญ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
    6.พระครูชิโนวาทสาธร วัดไชยมงคล อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
    7.พระครูพุทธิสาร สุนทร วัดเมืองเดช อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี
    8.พระครูพิพัฒน์สังวร วัดศรีนวล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
    9.พระครูประจักษ์อุบลคุณ วัดใต้ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
    10.พระครูอมรวิสุทธิ์ วัดบูรพา อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240804_182630.jpg IMG_20240804_182658.jpg IMG_20240804_182546.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    gll06.jpg

    เหรียญเสมารุ่นพิเศษครูบาขันแก้ววัดสันพระเจ้าแดง
    ประวัติ ครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง ลำพูน
    หลวงปู่ครูบาขันแก้ว อุตตโม หรือ �ท่านพระครูอุดมขันติธรรม� �อดีตเจ้าอาวาสวัดป่ายาง(สันพระเจ้าแดง)� ตำบลห้วยยาบ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๔๔๒ ตรงกับวันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒ (เดือนยี่เหนือ) ปีกุล ณ ตำบลห้วยยาบ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน
    หลวงปู่มีชื่อเดิมว่า �ขันแก้ว� นามสกุล �อิกำเหนิด� โยมบิดาชื่อ �นายอินตา อิกำเหนิด� โยมมารดาชื่อ �นางสม อิกำเหนิด� หลวงปู่มีรูปร่างสันทัด ผิวสีเนื้อดำแดง เป็นบุตรชายคนโตของน้องสาว ๓ คนและน้องชาย ๑ คน..
    โยมปู่ของหลวงปู่ชื่อว่า �ปินตา อิกำเหนิด� โยมย่าชื่อ �ปรก� ได้อพยพครอบครัวมาจากตำบลเวียงยอง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน มาตั้งหลักแหล่งทำมาหากินคือทำนาที่ตำบลห้วยไซ แล้วจึงได้ย้ายลงมาอยู่ที่ตำบลห้วยยาบ
    ในครั้งนั้นโยมปู่ของท่านได้อพยพมาพร้อมกับพี่น้องรวม ๖ ครอบครัวและได้มาตั้งรกรากใกล้กับ �วัดสันพระเจ้าแดง� ซึ่งเป็นวัดร้างโดยโยมปู่ของท่านได้เป็นหัวหน้าบูรณะซ่อมแซมก่อสร้างจนกลายเป็นวัดขึ้นมา
    หลวงปู่ครูบาขันแก้ว อุปสมบทเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๔๖๓ ณ พันธสีมา �วัดต้นปืน� อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน โดยมี �พระอธิการแก้ว (หลวงปู่ครูบาอินทจักโก)� วัดป่าลาน เป็นพระอุปัชฌาย์ �พระบุญเป็ง ปัญญาวโร� วัดบ้านธิหลวง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ �พระพุฒ ปันทวงศ์� วัดห้วยไซ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงปู่ได้รับฉายาว่า �อุตตโม� ครับ
    เล่ากันว่าหลวงปู่ท่านเป็นพระที่มีอุปนิสัยไม่ชอบอยู่นิ่งเฉย ถ้าท่านทำงานหนักไม่ได้ ท่านก็จะทำงานเบาๆ เช่นเขียนยันต์ ทำตะกรุด แม้แต่งานกวาดลานวัดท่านก็จะทำเองในทุกเวลาเช้า
    จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีนักแสวงบุญที่ชื่อ �คุณหมอสมสุข คงอุไร� แห่ง �คณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก� เป็นผู้ที่เดินทางมาเปิดขุมทรัพย์แห่งธรรมอันนั้น จาก�บันทึกเรื่องการพบหลวงปู่ขันแก้ว อุตตโม ของคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก� ได้เขียนไว้อย่างละเอียดแต่ด้วยความจำเป็นในเรื่องความยาวขออนุญาตสรุปใจความดังนี้ครับ
    �ในระหว่างปลายเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ คณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก โดยการนำของ �คุณพ่อหมอสมสุข คงอุไร� ได้เดินทางขึ้นไปเยี่ยมอาการอาพาธของ �หลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก� วัดวังมุย จังหวัดลำพูน ซึ่งขณะนั้นท่านครูบาชุ่ม พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสวนดอกนครเชียงใหม่
    ในวันนั้นได้มีพระภิกษุรูปหนึ่งครองจีวรสีกลัก เดินทางเข้ามาเยี่ยมและตรงเข้าไปกอดเอวและพูดคุยด้วยภาษาคำเมืองกับครูบาชุ่มอย่างสนิทสนม
    ขณะที่คุณพ่อหมอสมสุข ท่านได้นึกตำหนิพระรูปนั้นอยู่ในใจ หากแต่การตำหนินั้นไม่สามารถปกปิด อภิญญาจิต เจโตปริยญาณ ของหลวงปู่ครูบาชุ่มได้
    หลวงปู่ครูบาชุ่ม ได้เรียกคุณพ่อหมอสมสุขให้เข้าไปหาและแนะนำว่าพระภิกษุที่ครองจีวรสีกลักนั้นชื่อว่า �ครูบาขันแก้ว� เป็นเพื่อนรักร่วมรุ่นเดียวกับท่าน...�
    สมัยนั้น �หลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก� เจ้าอาวาสวัดวังมุย เป็นพระที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของแผ่นดินล้านนา ความเชี่ยวชาญในเชิงเวทย์และคุณธรรมของท่านเป็นที่รับรู้ของคนทั่วไป
    ในช่วงเวลาที่ครูบาศรีวิชัย ยังมีชีวิตอยู่ หลวงปู่ครูบาชุ่มคือหนึ่งในผู้ร่วมสร้างทางขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ ท่านได้รับความเมตตาจากครูบาศรีวิชัยเป็นอันมาก โดยครูบาศรีวิชัยได้มอบ �พัดหางนกยูงพร้อมกับไม้เท้า� ให้กับท่าน พร้อมกับสั่งว่า �เอาไว้เดินทาง เทศนาเผยแพร่ธรรมแทนท่านด้วย...�
    ภายหลังเมื่อหลวงปู่ครูบาชุ่มได้มรณภาพลง คณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโกได้ดำเนินการสร้างรูปหล่อขนาดเท่าองค์จริงของท่าน คณะกรรมการวัดวังมุยได้นิมนต์พระอาจารย์ต่างๆมาจากจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน แต่ในจำนวนรายชื่อทั้งหมดกลับไม่มีชื่อของหลวงปู่ครูบาขันแก้ว โดยคณะกรรมการวัดวังมุยให้เหตุผลว่า
    �ไม่เคยทราบหรือเคยเห็น หลวงปู่ครูบาขันแก้วเคยได้ร่วมในพิธีปลุกเสกพระในที่ใดมาก่อน อีกทั้งยังไม่เคยได้ข่าวว่าท่านเคยสร้างวัตถุมงคลอะไรเลย�
    เรื่องราวที่เริ่มจะบานปลายเนื่องจากคุณหมอสมสุข ท่านไม่ยอมเพราะเห็นว่าหลวงปู่ครูบาขันแก้วท่านเป็นเพื่อนรักกับหลวงปู่ครูบาชุ่ม อีกทั้งในระหว่างการจัดงานศพ หลวงปู่ครูบาขันแก้วท่านก็ได้มาช่วยงานทุกคืน ในที่สุดคณะกรรมการวัดวังมุยจึงต้องไปนิมนต์หลวงปู่ครูบาขันแก้วมาร่วมในงานปลุกเสกและเบิกเนตรรูปหล่อของหลวงปู่ครูบาชุ่มในครั้งนี้ด้วย
    เล่ากันว่าในขณะที่เริ่มประกอบพิธีปลุกเสก พระเกจิอาจารย์ที่ได้รับนิมนต์มา ๓ รูปได้นั่งหลับตาและแผ่อำนาจจิตปลุกเสกแต่หลวงปู่ครูบาขันแก้วกลับนั่งลืมตาและเคี้ยวเมี่ยง
    เล่นเอาชาวบ้านแถววัดวังมุยเริ่มจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันว่าใครหนอไปนิมนต์พระที่ปลุกเสกไม่เป็น �บ่อมิไก๊� มาร่วมในงานพิธีปลุกเสกครั้งนี้และเมื่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์เริ่มดังขึ้น
    ท่านพระครูนวลที่มาเป็นพระควบคุมพิธีในครั้งนี้ได้เข้ามาบอกกับคุณหมอสมสุขว่า
    �โยมหมอใครไปนิมนต์ตุ๊ลุงองค์นี้มา ดูสินั่งลืมตา ยันเมี่ยงอยู่จับๆ ไม่เห็นปลุกเสกอะไรเลย...�
    คุณหมอสมสุข จึงตอบไปว่าท่านเป็นคนที่นิมนต์หลวงปู่ครูบาขันแก้วมาเอง แต่ขอให้ดูกันต่อไปอีกสักพัก....จากเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ทุกวันนี้เราได้รู้จักพระที่ทรงกิตติคุณเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งองค์ครับ เหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกบันทึกไว้ดังนี้ครับ....
    �หลวงปู่ครูบาขันแก้วเริ่มเปลี่ยนอิริยาบถ เอาผ้าห่มขนหนูคลุมที่ไหล่ทั้งสองข้าง(ต่อมาภายหลังทราบว่าท่านกำลังป่วยเป็นไข้) หลังจากพิธีผ่านไปแล้วประมาณ ๑๐-๑๕ นาที หลวงปู่ครูบาขันแก้วได้นั่งห้อยเท้าลงมา
    ตาของท่านเริ่มเป็นประกายกล้าแรงขึ้น ขณะนั้นช่างภาพประจำคณะของเราได้เข้าไปใกล้ที่ท่านนั่งปรกอยู่ แล้วก็ถ่ายรูปในอิริยาบถนั้น....
    ทันทีที่แสงไฟแฟลชสว่างจ้าขึ้นเป็นประกาย นัยน์ตาของหลวงปู่ครูบาขันแก้วก็มิได้กระพริบเลย...
    ช่างภาพอีกคนก็เข้าไปถ่ายบ้าง แสงไฟแฟลชสว่างจ้าขึ้นอีกครั้ง แต่นัยน์ตาของหลวงปู่ก็ลืมอยู่อย่างปกติ
    �ลืมตาอยู่อย่างไร ก็ลืมตาเปิดตากว้างอยู่อย่างนั้น..�
    คุณพ่อและพวกเราที่นั่งดูอยู่อย่างใกล้ ทุกคนจ้องดูอย่างตั้งใจก็เห็นกันทุกคนว่า
    �นัยน์ตาของหลวงปู่ไม่กระพริบเลย�
    คราวนี้ก็ให้ช่างภาพทั้ง ๒ คนของพวกเราเข้าไปขนาบทั้งซ้ายและขวา ก่อนจะยิงแฟลชถ่ายรูป ให้อธิษฐานในใจขอขมาก่อน พวกเราก็นั่งคอยดูกันจนแสงไฟแฟลชได้สว่างขึ้นทั้งซ้ายและขวาพร้อมกัน แต่นัยน์ตาของหลวงปู่ขันแก้วก็ไม่กระพริบอีกตามเคย
    ช่างภาพหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ๒ ฉบับซึ่งได้ไปทำข่าวก็เข้าไปถ่ายอีก คราวนี้แฟล็ชแรงกว่าของพวกเรา เพราะเมื่อเห็นว่าพวกเราถ่ายรูปหลวงปู่องค์นี้มากก็เข้าไปถ่ายบ้าง ผลปรากฏออกมา .....�ตาของหลวงปู่ขันแก้วก็มิได้กะพริบเลย เป็นเวลานานหลายๆนาที� คนธรรมดาสามัญย่อมทำไม่ได้อย่างแน่นอน...�
    ในหมู่นักนิยมพระเครื่องบางท่านอาจจะกล่าวว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติทั่วไป ข้อนี้ผมไม่สามารถโต้แย้งได้...
    แต่กับเรื่องที่คนธรรมดาสามารถลืมตาโดยไม่กระพริบต่อเนื่องยาวนานเป็นสิบๆนาที อันนี้สิครับเป็นเรื่องที่ต้องคิดและสิ่งที่เราต้องมาตีลังกาคิดอีกสามตลบคือการที่ดวงตาต้องกระทบกับแสงแฟลชครับ
    เพราะโดยสัญชาติญาณแล้วคนเราโดยทั่วไปไม่สามารถทำได้หรอกครับ ดังนั้นการที่หลวงปู่ครูบาขันแก้วสามารถทำได้นั่นย่อมหมายความว่า ณ ขณะนั้นจิตของท่านเข้าสู่สมาธิจริงๆ
    �ว่ากันว่าการจะทำสิ่งใดด้วยความพยายามที่เกินกว่ากำลังความสามารถ มักจะให้ผลเสียหายมากกว่าผลดี
    หากแต่บางครั้งเส้นแบ่งของการทำเกินกำลังความสามารถที่เกิดจากการกระทำด้วยความชำนาญในศาสตร์ของตนเอง
    มันก็เป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าจะหามาตรฐานใดมาเป็นตัวกำหนด....�
    พระอาจารย์ชนินทร์ ท่านบอกกับพวกเราว่าในชีวิตของท่านได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆมาพอสมควร แต่สุดท้ายแล้วท่านก็จบลงตรงที่หลวงปู่ครูบาขันแก้ว
    ท่านว่า...�หลวงปู่ครูบาขันแก้ว ถือว่าเป็นที่สุดแล้ว�
    ความเป็นที่สุดของหลวงปู่ครูบาขันแก้วนี้ หมายรวมไปถึงหลักการปฏิบัติและแนวทางการเจริญสมาธิ เพื่อหวังผลให้ถึงเป้าหมายของชีวิตคือ �การหลุดพ้น�
    �ถ้าคนเรานั่งสมาธิเพื่อต้องการความสงบ ความสุข ของจิตใจ เราสามารถเจริญสมาธิในแบบใดก็ได้ แต่ถ้าหากหวังถึงมรรค ผล นิพพาน นั่นคือเราจะต้องเลือกเดินในเส้นทางที่ถูกต้อง...�
    ความถูกต้องอันนี้ พระอาจารย์ชนินทร์ท่านได้อธิบายให้พวกเราฟังพอเป็นสังเขป หากเพื่อนๆท่านใดสนใจก็คงจะต้องสอบถามจากพระอาจารย์ชนินทร์เอาเองครับ เพราะคำสอนของพระอาจารย์ เจริญรอยตามแนวทางของครูบาขันแก้ว
    ธรรมะและคำสอนของท่านเป็นเรื่องที่ฟังไม่ยาก สามารถนำไปปฏิบัติได้ เพียงแต่ขีดความสามารถในการถ่ายทอดของผมค่อนข้างมีจำกัดครับ...เอาเป็นว่าเมื่อไรตกผลึกทางความคิดก็จะรีบนำมาเขียนให้เพื่อนได้รับทราบครับ...
    พูดถึงเรื่องของวัตถุมงคลกันบ้าง....ในชีวิตของหลวงปู่ครูบาขันแก้วท่านได้สร้างไว้พอสมควรแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก วัตถุมงคลของท่านที่มีชื่อเสียงจะเป็นพวกตะกรุดชนิดต่างๆ เช่นตะกรุดก๋าสะท้อน ตะกรุดนากคอคำ ฯลฯ แต่ตะกรุดซึ่งเป็นที่นิยมของกลุ่มผู้นิยมในเครื่องรางของขลังต้องเป็นอันนี้ครับ
    �ตะกรุดสหรีกัญชัย�
    �ในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภายใต้การนำของท่านคณบดีและคณาจารย์ต่างๆ ตลอดจนนิสิตนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ช. ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องต่างพากันเข้าไปทำบุญที่วัดป่ายางและขอตะกรุดจากหลวงปู่ตั้งแต่ปี ๒๕๒๑-๒๔๒๔ จนตะกรุดของหลวงปู่ครูบาขันแก้ว ได้รับฉายานามว่า....�ตะกรุดสหรีกัญชัย ขวัญใจ ม.ช.�
    ตะกรุดสหรีกัญชัย เป็นตะกรุดที่ลงด้วย �พระยันต์ดาบสหรีกัญชัย� ซึ่งในเรื่องที่ไปที่มาของพระยันต์ชนิดนี้ค่อนข้างมีความพิสดารล้ำลึก ต้องว่ากันในเรื่องของวาสนาบารมีของผู้ทำที่มีมาแต่อดีตชาติและในปัจจุบันชาติก็ต้องสะสมไว้อย่างเข้มแข็ง รวมไปถึงเรื่องของการก้าวผ่านมิติกาลเวลาตลอดจนสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ....
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญเสมาครูบาขันแก้ววัดสันพระเจ้าแดงรุ่นพิเศษ ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240805_064109.jpg IMG_20240805_064142.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1275104-5af0b.jpg
    ชุดเหรียญหลวงพ่อแช่มวัดดอนยายหอม ๓ องค์
    เชื่อกันว่าหลวงพ่อแช่มสำเร็จเตโชกสิณตั้งแต่พรรษายังน้อย บางคนเชื่อว่าท่านสำเร็จฌานอภิญญามีพลังจิตเข้มขลัง ปรากฏการณ์ที่ทำให้ชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก็คือ สามารถอธิษฐานจิตปลุกเสกจนน้ำมนต์เทไม่ออก วัตถุมงคลต่างๆที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสก มีพุทธคุณครบเครื่องทุกๆด้าน แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือ เมตตามหานิยม ปัจจุบันวัตถุมงคลชุดสำคัญๆของท่านเริ่มเป็นที่นิยมและสะสมกันมากขึ้น นอกจากพระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆแล้ว น้ำพระพุทธมนต์ แป้งเจิม มงคลสวมคอ การผูกหุ่นพยนต์ และสาริกาลิ้นทอง เป็นวิชาเฉพาะตัวที่หลวงพ่อทำได้ขลังยิ่งนัก
    มาดูประสบการณ์น่ากลัวอีกอันหนึ่งของคุณสุณี จินสมาน อาชีพรับเหมาถมดิน บ้านอยู่ละแวกบางแคนี่เอง
    คุณสุณีได้เล่าเรื่องนี้ให้กรรมการวัดฟังขณะรอหลวงพ่อออกจากจำวัดในบ่ายวันหนึ่ง
    คุณสุณีเล่าว่าได้ไปรับเหมาถมดินที่ดำเนินสะดวก
    ขากลับได้ขับรถผ่านโค้งดำเนิน ถูกดักยิงด้วยปืนอาก้า รถพรุนทั้งคัน
    คนขับรถถูกกระสุนที่หัวเข่านัดหนึ่ง
    รถปิคอัพที่ถูกยิงมีอาการสำลักจะดับมิดับแหล่ แต่ก็แล่นเลยมาได้อีก 200 เมตร จึงจอดสนิท
    คุณสุณีทิ้งรถและประคองคนขับหลบหนีลงข้างทาง
    คนร้าย 2 คนถือปืนอาก้าวิ่งตามมา แปลกที่คนร้ายทั้ง 2 หาตัวคุณสุณีและคนขับรถไม่พบ ทั้งๆที่เดินวนเวียนอยู่ใกล้ๆตัวขนาดมือเอื้อมถึง
    ได้ยินเสียงบ่นของคนร้ายว่า
    “มันหายไปได้ไงวะ”
    พวกนั้นค้นหาอยู่ราว 15 นาทีก็เลิกและหนีไป
    คุณสุณีแขวนเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อแช่มเพียงเหรียญเดียว
    อีกรายหนึ่งคือ คุณจิ๋งไล้ แซ่ตั้ง อยู่บ้านเลขที่ 31 หลังสถานีรถไฟนครปฐม
    คุณจิ๋งไล้ได้พบคนจีนด้วยกันคนหนึ่ง อ้างว่าแซ่ตั้งเหมือนกัน และคนจีนคนนั้นได้ขอให้คุณจิ๋งไล้ช่วยหางานให้ทำ
    คุณจิ๋งไล้ได้ตกลงจะให้ทำงานขายอะไหล่เรือน้ำเค็ม และได้พาชาวจีนคนนั้นมาที่โกดังเก็บของ
    พอได้ทีเผลอ คนแซ่ตั้งคนใหม่ก็ออกลาย คว้าขวดตีหัวคุณจิ๋งไล้ข้างหลัง ขวดแตกละเอียด
    พอคุณจิ๋งไล้หันกลับมา คนจีนคนนั้นก็คว้าจอบที่วางอยู่ใกล้ขึ้นมาสับใส่ร่างกายคุณจิ๋งไล้จนล้มลง และสับซ้ำซากจนแน่ใจว่าตายสนิท
    ต่อจากนั้นได้ปลดทรัพย์คุณจิ๋งไล้ไปจนหมด รวมแล้วมีทรัพย์สินที่ถูกปล้นไปดังนี้ สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท นาฬิกาเรือนทองคำหนัก 3 บาท
    คุณจิ๋งไล้ฟื้นขึ้นมาภายหลัง ยังสามารถประคองตัวเองกลับบ้านได้
    ภรรยาคุณจิ๋งไล้นำความเข้าแจ้งตำรวจให้ติดตามจับตัวคนร้ายรายนั้น และนำตัวส่งโรงพยาบาลธนบุรี
    แพทย์ตรวจอาการแล้วบอกว่าไม่เป็นไร นอกจากฟกช้ำดำเขียวเท่านั้น
    และแพทย์แสดงความแปลกใจว่า ถูกจอบสับจนทั่วตัวอย่างนี้ทำมีแผลแค่เลือดซิบ ๆ
    แพทย์ท่านนั้นคงสนใจเรื่องวัตถุมงคลเหมือนกัน เพราะว่าได้ถามคุณจิ๋งไล้ว่ามีอะไรดีหรือ
    พอทราบว่าคุณจิ๋งไล้แขวนเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อแช่มก็ร้องว่าหลวงพ่อแน่จริง ๆ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รวมเหรียญหลวงพ่อแช่มวัดดอนยายหอม ๓ องค์
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งรวม 30 บาทครับ

    IMG_20240805_064311.jpg IMG_20240805_064325.jpg IMG_20240805_064353.jpg IMG_20240805_064408.jpg IMG_20240805_064454.jpg IMG_20240805_064431.jpg IMG_20240805_064528.jpg IMG_20240805_064550.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้จัดส่ง

    1722853225918.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1722923570037.jpg FB_IMG_1722923577873.jpg FB_IMG_1722923581359.jpg FB_IMG_1722923584498.jpg
    หลวงพ่อแดงพุทโธพิธีเสด็จกลับพิธีวัดถ้ำเขาเงิน ชุมพร ปี ๒๕๑๑ พิธีพุทธาภิเศกที่วัดถ้ำเขาเงิน
    พิธีเสด็จกลับถ้ำเขาเงิน๒๕๑๑
    เป็นพิธีใหญ่ที่รวมศิษย์สายเขาอ้อร่วมกันปลุกเสก ขุนพันธ์ฯเป็นประธานจัดสร้าง อ.ชุมและหลวงพ่อคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน ร่วมกันสร้างเพื่อแจกจ่ายทหาร ตำรวจ ประชาชนที่ศรัทธา มีการสร้างวัตถุมงคลหลายพิมพ์ด้วยกัน พระเนื้อผงอาทิเช่นพิมพ์ขุนแผนใหญ่-เล็ก ปิดตา พระสีวลี พระทุ่งเศรษฐี พระรอด และรูปเหมือนลพ.แดง พุทโธ วัดถ้ำเขาเงิน พระทำจากเนื้อผงว่านวิเศษและเกสรศักดิ์สิทธิ์นานาชนิด เป็นพิมพ์พระรอด เนื้อสีน้ำตาลม่วง เห็นจุดขาวๆในเนื้อ พระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ วัดดอนศาลา จ.พัทลุง, หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน จ.พัทลุง, พระอาจารย์ปาล วัดเขาอ้อ, หลวงปู่หมุน วัดเขาแดงตะวันออก จ.พัทลุง, พระครูปลัดพวง วัดประสาทนิกร หลังสวน จ.ชุมพร, หลวงพ่อคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน หลังสวน จ.ชุมพร, อาจารย์ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง ปลุกเสกตามตำรับไสยเวทย์ของเขาอ้อ
    ......... ......... ....... ............
    ขอขอบคุณ ท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มารูปภาพอย่างสูงครับ


    ให้บูชา 450 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    FB_IMG_1722923556629.jpg FB_IMG_1722923559807.jpg
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1722939194905.jpg

    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่สุระปี ๒๕๓๗
    ประวัติหลวงปู่ ชื่อ สุระ นามสกุล เจริญปรุง
    ฉายา ภูริปญฺโญ
    เกิดเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๕๙ ตรงกับวันขึ้น ๑๐ค่ำ เดือน ๓ ปีมะโรง เวลา ๐๑.๓๐ น.
    สถานที่เกิด ณ หมู่บ้านพังเหวน ม.๕ ต.บ่อดาน อ.สทิงพระ จ.สงขลา
    โยมบิดา นายสั้น เจริญปรุง โยมมารดา นางฉีด เจริญปรุง มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันสามคน
    บรรพชา
    พ.ศ. ๒๔๗๓ อายุ ๑๕ ขวบ บรรพชาเป็นสามเณร วัดใหม่ ต.บ่อดาน อ.สทิงพระ จ.สงขลา
    อุปสมบท
    พ.ศ.๒๔๗๙ เมื่ออายุ ๒๐ปี วันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๔๗๙ โดยมีพระเทพวิสุทธิคุณ(เลี่ยม อลีโน) วัดมัชฌิมาวาส จ.สงขลา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการฉุ้น ปญฺญาทีโป วัดผาสุกาวาส เป็นพระกรรมวาจารย์ พระอาจารย์มาก โชติปาโล วัดประดิษฐ์สโมสร เป็นสรณคมนาจารย์ มีฉายาว่า ภูริปญฺโญ
    สมณศักดิ์
    พ.ศ.๒๔๘๔ เป็นพระครูสังฆรักขิต
    พ.ศ.๒๔๙๓ เป็นพระครูพิศิษฐ์วินัยการ พระครูสัญญาบัตร
    พ.ศ.๒๕๐๑ เป็นพระพิศิษฐ์วินัยการ พระราชาคณะชั้นสามัญ
    พ.ศ.๒๕๑๙ เป็น พระราชญาณเวที พระราชาคณะชั้นราช
    พ.ศ.๒๕๓๙ เป็นพระเทพญาณเมธี พระราชาคณะชั้นเทพ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    วัตถุมงคลหลวงปู่สุระส่วนมากจะเป็นเนื้อว่านยา ในประวัติที่วัดท่านจะปลูกว่านยาต่างๆไว้ ท่านยังนำมวลสารว่านยาต่างๆมาถวายหลวงพ่อวิเวียรวัดดวงแขสร้างสมเด็จรุ่นแรกของหลวงพ่อวิเวียนวัดดวงแขด้วยครับราวๆปี 20-22 และแลกเปลี่ยน วิชาความรู้กัน
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่สุระ วัดสวนใหม่ยะลา ที่ระลึกงานวันเกิดครบ๗๘ปี หลวงปู่สุระ ปี๒๕๓๗
    พระบูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240806_171051.jpg IMG_20240806_171120.jpg
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    buddhasothon.jpg

    หลวงพ่อโสธร วัดทองบ่องานผูกพัทธสีมาปี ๒๕๐๖ บางปะอิน อยุธยา พระก่าปีลึก
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240806_171147.jpg IMG_20240806_171211.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1723034098667.jpg
    เหรียญหลวงปู่วรพต ๒ เหรียญ
    เล่าเรื่อง หลวงปู่วรพต "เหยียบรถเดี่ยง"
    หลวงปู่วรพต วัดจุมพล จ.ข่อนแก่น พระเถราจารย์ชื่อดังผู้มรณภาพแล้ว มีสังขารไม่เน่าเปื่อย และที่น่าอัศจรรย์ คือ สังขารของท่านกลับกลายเป็นสีเขียวเข้มดุจดังหยกเขียว
    FB_IMG_1723034086976.jpg
    เล่าถึงเรื่องราวปาฎิหาริย์หลวงปู่เหยียบรถกระดก (ลอยขึ้น) เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ 2503 หลวงปู่จะออกเดินทางจาก อ. พล จ. ขอนแก่น ด้วยรถโดยสารเพื่อจะไป จ.ร้อยเอ็ด รถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับ เพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่น แต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้าแล้ว ด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้ คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถ หลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามโดยดี แต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่า “รถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า “ กระดก”) คนขับก็บอกว่า “ไม่เดี่ยงแน่เพราะรถรับน้ำหนักได้หลายตัน” พอคนขับพูดจบ หลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถ ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันที ด้านหน้ารถลอยขึ้น เหมือนมีมือยักษ์มาจับยกขึ้น คนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้า โดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลัง ตั้งแต่นั้นมาสมญานาม “หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง” จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นในเขตขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา ต่างก็รู้เรื่องกันดี เคยมีญาติโยมที่อยู่ไกลถึง จ. กระบี่ เดินทาง มากราบขอคาถาเหยียบรถกระดกจากท่าน ท่านก็มอบคาถา "นะโมพุทธายะ" ให้ไป แต่จะสามารถทำได้เหมือนหลวงปู่หรือไม่นั้น คงแล้วแต่บุญวาสนาบารมี และกำลังแห่งสมาธิภาวนาของคนนั้นๆ
    FB_IMG_1723034092903.jpg
    ตำนานเรื่องนี้ผมเคยได้ยินตอนเมื่อไป จ.ขอนแก่น ซึ่งเรื่องนี้ชาวบ้านแถวนั้นเล่าอย่างเป็นจริงเป็นจังมาก ซึ่งเล่าว่ามีคนทันอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ผมฟังนั้นน่าจะเป็นเรื่องจริง มากกว่า เรื่องเล่ากันสนุกๆ แต่ที่สำคัญหลวงพ่อ้ป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ น่าศรัทธามากๆครับ ลองฟังเรื่องราวสั้นๆท่านจะศรัทธากับพระเกจิที่มีนามว่า
    หลวงปู่วรพรตวิธาน วัดจุมพล ต.ก้านเหลือง อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น
    ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับ เพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่น แต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้าแล้ว ด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้ คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถ หลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามโดยดี แต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่า “รถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า “ กระดก”) คนขับก็บอกว่า “ไม่เดี่ยงแน่เพราะรถรับน้ำหนักได้หลายตัน” พอคนขับพูดจบ หลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถ ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันที ด้านหน้ารถลอยขึ้น เหมือนมีมือยักษ์มาจับยกขึ้น คนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้า โดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลัง ตั้งแต่นั้นมาสมญานาม “หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง” จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นในเขตขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา ต่างก็รู้เรื่องกันดี
    ขอขอบพระคุณเจ้าของภาพมา ณ ที่นี้ด้วยครับขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงปู่วรพรต ๒ เหรียญ บูชา 230 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240807_193135.jpg IMG_20240807_193153.jpg IMG_20240807_193212.jpg IMG_20240807_193232.jpg IMG_20240807_193252.jpg IMG_20240807_193308.jpg
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1723039140541.jpg
    พระพรหมสี่หน้าหลังหนุมานเชิญธงหลวงพ่อแลวัดพระทรง
    ประวัติ พ่อแล
    สุดยอดพระเกจิเมืองเพชรบุรี
    พระเกจิอาจารย์ ผู้ทรงวิทยาคมศิษย์สายพุทธาคม #หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง และหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง ท่านเป็นเจ้าของตำนาน #หนุมานและวิชามหาเมฆ อันลือลั่นเกจินามนี้มีนามว่า....
    #หลวงพ่อแล ทิตัพโพ" วัดพระทรง จ.เพชรบุรี

    ........หลวงพ่อแล ทิตฺตพฺโพ ท่านเป็นพระผู้ปฎิบัติผู้ใฝ่รู้ใฝ่เรียนชื่นชอบในไสยเวทวิทยาคม ทั้งวิชาถอนพิษ สักยันต์ โหราศาสตร์ เสริมดวงชะตา วิชาทำตะกรุด ท่านมีความเชี่ยวชาญในฐานะพระอาจารย์สักยันต์ โดยเฉพาะ “ยันต์หนุมาน” เป็นที่กล่าวขานถึงประสบการณ์ต่างๆมากมาย มีลูกศิษย์ ทั้งทหาร ตำรวจ ดารา คนดัง ในสมัยก่อน
    .......ชื่อเสียงของหลวงพ่อแลเริ่มโด่งดังเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปมานานนับสิบปี เมื่อท่านได้ลงมือสักยันต์ต่างๆ ทั้งหนุมาน ลิงลม พญาหงส์ และลงนะหน้าทองให้แก่บรรดาลูกศิษย์ แล้วบังเกิดอภินิหาร ทั้งในทาง เมตตามหานิยม โดยเฉพาะทาง อยู่ยงคงกระพัน จนเป็นที่ร่ำลือไกล จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ต้องมาขอร้องให้หลวงพ่อเลิกสักยันต์ เนื่องจากมีลูกศิษย์บางคนไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น แต่ด้วยความเมตตา ประกอบกับคำสั่งขององค์อาจารย์ ทำให้ หลวงพ่อแลไม่อาจเลิกสักยันต์ด้วยตัวเองได้ แต่ท่าน ก็เพียรพยายามเน้นย้ำสั่งสอนญาติโยมให้หมั่นทำความดี-มีศีลธรรม เพื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะได้ปกปักรักษาคุ้มครอง ตัวตลอดไปไม่เสื่อมคลาย
    #ประวัติ
    ......หลวงพ่อแล วัดพระทรง มีสายเลือดชาวเพชรบุรี เกิดในสกุล วาดวงศ์ เมื่อวันพุธที่ 19 ก.ค. 2459 ที่บ้านไร่สัตว์ ต.ไร่มะขาม อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายอยู่ และนางทอง วาดวงศ์ เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 7 คน
    อายุ 14 ปี เข้าพิธีบรรพชาที่วัดบ้านเกิด
    กระทั่งอายุครบ 20 ปี หลวงพ่อแล ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดหนองไม้เหลือง จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2477 มี #หลวงพ่อใหม่ วัดเขาทะโมน เป็นพระอุปัชฌาย์, #หลวงพ่อยอด วัดหนองไม้เหลือง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ #หลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ทิตัพโพ"
    ท่านเคยจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองไม้เหลือง ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่วัดพระทรง เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๘
    .....#ท่านมีคณาจารย์ที่ได้ศึกษาเรียนวิทยาคมไสยเวทต่างถึง ๑๕ ท่าน เฉพาะในเพชรบุรีเพียงจังหวัดเดียวถึง ๗ ท่าน
    ๑. #จากหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง อ.เมือง เรียนวิชาถอนพิษแมลงต่างๆ
    ๒. #จากหลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง อ.ท่ายาง ร่ำเรียนวิชาสักยันต์ครู ซึ่งเป็นยันต์สูงสุดของการสัก เป็นยันต์แรกที่เรียกว่า "หัวใจพระราม" มีหน้าที่ควบคุมยันต์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นลิงลม, หนุมาน, พญาหงส์เงิน-หงส์ทอง
    ๓. #หลวงพ่อชิต วัดมหาธาตุวรวิหาร ที่มีความเชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ วิชานี้เชื่อกันว่าทำให้หลวงพ่อแลได้สัมผัสที่ ๖ สามารถทราบเหตุการณ์ต่างๆ ล่วงหน้าได้
    ๔. #ศึกษาวิชาพระขรรค์ จากหลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี
    ๕. #วิชาตะกรุดโทน ตะกรุดแฝด จากหลวงพ่อผัน วัดมหาธาตุวรวิหาร
    ๖.#ได้เรียนสักตัวมหาเมฆ จากคุณพ่อต่อ และคุณพ่อจันทร์ ศิษย์พระครูสันต์ แห่งวัดเขาวัง จ.เพชรบุรี พระเถราจารย์สมัยรัชกาลที่ ๕ สำหรับการสักตัวมหาเมฆนี้ในประเทศไทยมีหลวงพ่อแลเพียงรูปเดียวที่สามารถสักได้
    ในปี พ.ศ.๒๔๘๙ เกิดเหตุการณ์อันไม่คาดฝัน ผลักดันชีวิตของท่านให้ต้องเปลี่ยนไป เมื่อครั้งที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดมหาธาตุ ได้เกิดเหตุร้ายแรงกับครอบครัวและญาติโยมของท่าน เมื่อมีโจรเข้าปล้นเงินทอง ทำร้ายโยมมารดาและพี่น้องทุกคนเสียชีวิต (โยมบิดาเป็นอัมพาตและได้เสียชีวิตไปก่อนแล้ว) ท่านต้องนำเงินจากการขายทองคำหนัก ๖ บาท ที่พวกโจรรีบร้อนทำตกไว้ เพื่อนำไปจัดงานศพครอบครัว
    จากเหตุการณ์นี้เป็นเหตุให้ท่านตัดสินใจออกเดินธุดงค์ด้วยเท้าเปล่า เพื่อปฏิบัติธรรมและแสวงหาความรู้ มาช่วยคนรุ่นหลังที่ต้องถูกทำร้ายโดยไม่มีทางสู้ โดยออกเดินทางจาก จ.เพชรบุรี มุ่งสู่ จ.นครปฐม เรียนวิชาต่างๆจากเกจิอาจารย์อีกหลายท่านคือ
    ๗.-#หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง. วิชากะลาตาเดียว ราหูอมจันทร์ และวิชาเสริมดวงกับ
    ๘-#วิชาลงนะหน้าทองกับหลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม
    ๙-#วิชาผงยาจินดามณี ที่ทำมาจากเบี้ยแก้ กับหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
    ......จากนั้นจึงเดินทางสู่ จ.สมุทรสาคร
    ๑๐.#เรียนวิชาชูชกกับหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน.
    ๑๑. #เรียนวิชาตะกรุดไม้ไผ่ จากหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ .
    ......ก่อนเข้าสู่กรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี
    ๑๒. #เรียนวิชาเบี้ยแก้ กับหลวงปู่รอด วัดนายโรง ตลิ่งชัน
    ......แล้วมุ่งไปเมืองอยุธยา
    ๑๓..#เรียนวิชาตะกรุดพวง และยันต์หัวใจ ปลาตะเพียนมหาลาภ จากหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
    .......ก่อนเดินทางขึ้นเหนือถึง จ.นครสวรรค์
    ๑๔.#เรียนวิชาศาสตรามีดหมอจากหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    ........และสุดท้ายย้อนมาทางภาคตะวันออก ฝากตัวเป็นลูกศิษย์
    ๑๕..#หลวงปู่อี๋ วัดสัตหีบ อ.สัตหีบ เรียนวิชาคุณปลัดขิก
    ....เห็นได้เลยว่าหลวงพ่อแลท่านเป็นพระที่คงแก่เรียนมากๆๆครับครูบาอาจารย์ของท่านนั้นเป็นสุดยอดพระเกจิทรงอภิญาฌานทุกรูปครับ...
    .......นอกจากเป็นพระเกจิอาจารย์สุดยอดด้านสักยันต์ มีลูกศิษย์ลูกหามากมายแล้ว ด้าน พระเครื่อง เครื่องรางของขลัง ที่เลื่องลือของหลวงพ่อแล คือ เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อแลรุ่นแรก ที่โด่งดัง ต่อมา ได้สร้างรุ่น 2 และรุ่น 3 อีกทั้ง มีตะกรุด เหรียญพระพิฆเนศวร หนุมาน พญาหงส์ เป็นต้น
    ต้นปีพ.ศ.2551 ได้จัดสร้างพระพิฆเนศ เนื้อผง รุ่น "แก้วมหามงคล" ด้านหน้ารูปพระพิฆเนศ 4 กรถือลูกแก้ว ด้านหลังรูปหนุมานเชิญธงขี่สิงห์ โดยอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว มอบเป็นของขวัญปีใหม่แก่ศิษยานุศิษย์
    .....วัตถุมงคลดังกล่าวถือเป็นรุ่นสุดท้าย ที่หลวงพ่อแลจัดสร้าง เพราะหลังจากนั้น หลวงพ่อแล ได้อาพาธติดเชื้อทางกระแสโลหิต เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เพชรรัชต์ แต่ปรากฏว่าอาการไม่ดีขึ้น มีการทรงตัวตลอด
    กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 10 มี.ค. 2551 หลวงพ่อแล ละสังขารด้วยอาการสงบ สิริอายุ 92 ปี พรรษา 54
    สร้างความอาลัยให้ชาวเมืองเพชรบุรี อย่างยิ่ง
    ขอบคุนที่มา....
    ❀#จดหมายเหตุพระเกจิ❀
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ พรหมสี่หน้าหลังหนุมานเชิญธงหลวงพ่อแลวัดพระทรง 300 บาทค่าจัดส่งถึง 30 บาทครับ

    IMG_20240807_205338.jpg IMG_20240807_205358.jpg
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    fb_img_1700142254723-jpg.jpg
    หลวงปูหิน ปภงกโร เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำพอง วัดโพธาราม ต.กุดน้ำใสอ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น หลวงปู่เป็นพระเถระที่มีอายุพรรษายืนยาวถึง ๑๓๘ ปีเกิดเมื่อปี พุทธศักราช ๒๔๐๗ มรณะภาพเมื่อปี ๒๕๔๖ เมื่อก่นคนขอนแก่นแทบไม่รู้จักหลวงปู่เพราะท่านเป็นพระที่มักน้อยสันโดดไม่ สนใจในลาภ ยศสักการะ ดำเนินชีวิตอยู่ในเพศบรรชิตแบบเจริญมหาสติปัฏฐาน 4
    ๑.กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน - การมีสติ
    ระลึกรู้กายเป็นฐาน ซึ่งกายในที่นี่หมายถึงประชุม หรือรวม นั่นคือธาตุ 4ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟมาประชุมรวมกันเป็นร่างกาย ไม่มองกายด้วยความเป็นคน สัตว์ เรา เขา แต่มองแยกเป็นรูปธรรมหนึ่งๆ เห็นความเกิดดับ กายล้วนไม่สติระลึกรู้สภาวะธรรมเป็นฐาน ทั้งรูปธรรมและนามธรรมล้วนมีความเกิดดับไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตาจนกระทั้งได้มีรายการทีวีรายการหนึ่งมาถ่ายทอดท่านออกอาศท่านจึงเป็นที่รู้จักของสาธุชนทั่วไปและเริ่มมีคนรู้จัก
    หลวงปู่มากขึ้นต่างหลังไหลกันมากราบหลวงปู่จากทุกทั่วสารทิศไม่เว้นแต่ละวันแต่ท่านก็ให้ความเมตตาแก่ทุกๆคนที่มากราบขอพรท่านแม้อายุของท่านจะล่วงมาร้อยกว่าปีแล้วก็ตามท่านไม่เคยบนว่าเหนื่อยสักคำและบางที่มีคณะทัวร์มาลงทีเป็นร้อยคนสองร้อยคนก็มีมาจากทั่วทุกสารทิศต่างก็อยากได้วัตถุมงคลของหลวงปู่จึงต้องมีการจัดสร้างหลายครังหลายวาละเหรียญรุ่นหนึ่งคณะทหารสร้างถวายมี
    แค่หลักพันเหรียญประสปการณ์ทุกคนต่างรู้ดีลงข่าวหน้าหนึ่งอยู่หลายวันหลายฉบับตอนที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอย่สติระลึกรู้สภาวะธรรมเป็นฐาน ทั้งรูปธรรมแลนามธรรมล้วนมีความเกิดดับไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตาจนกระทั้งได้มีรายการทีวีรายการหนึ่งมาถ่ายทอดท่านออกอาศท่านจึงเป็นที่รู้จักของสาธุชนทั่วไปและเริ่มมีคนรู้จักหลวงปู่มากขึ้นต่างหลังไหลกันมากราบหลวงปู่จากทุกทั่วสารทิศไม่เว้นแต่ละวันแต่ท่านก็ให้ความเมตตาแก่ทุกๆคนที่มากราบขอพรท่านแม้อายุของท่านจะล่วงมาร้อยกว่าปีแล้วก็ตามท่านไม่เคยบนว่าเหนื่อยสักคำและบางที่มีคณะทัวร์มาลงทีเป็นร้อยคนสอง
    ร้อยคนก็มีมาจากทั่วทุกสารทิศต่างก็อยากได้วัตถุมงคลของหลวงปู่จึงต้องมีการจัดสร้างหลายครังหลายวาละเหรียญรุ่นหนึ่งคณะทหารสร้างถวายมีแค่หลักพันเหรียญประสปการณ์ทุกคนต่างรู้ดีลงข่าวหน้าหนึ่งอยู่หลายวันหลายฉบับตอนที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่นั้นถนนราคาอยู่ที่5000-7000 บาทแต่กะนั้นก็ไม่มีของหมุนเวียนจนได้สร้างวัตถุมงคลรุ่นต่างๆตามมาอีกหลายรุ่นแต่ก็ไม่น่าจะเกิน10รุ่น แต่ก็ไม่เพียงพอต่อสาธุชนที่มากราบไหว้หลวงปู่ ในแต่ละวันฉนั้นของจึงไม่ค่อยมีหมุนเวียนวันนี้ผมจึงอยากนำเสนอวัตถุมงคลรุ่นต่างๆที่หลวงปู่อนุญาติให้จัดสร้างในนามของวัดและลูกศิษย์ของหลวงปู่อาจจะไม่ครบทุกรุ่นทุกเนื้อแต่ก็พอเป็นแนวทางศึกษาและสะสมต่อไป ไม่ได้มากก็น้อยบุญกุศลที่ได้เอาประวัติวัตถุมงคลของหลวงปู่มาเผยแผ่ในครั้งนี้แม้จะน้อยนิดกระผมขอน้อมถวายบูชาองค์หลวงปู่ ลูกหลานไม่มีเจตนาใจเป็นอื่นนอกจากทำเพื่อเป็นพุทธบูชาธรรมบูชา สังฆบูชาเผื่อให้สาธุชนคนที่ศรัทธารักในการสะสมวัตถุมงคนได้ศึกษาสะสมสืบต่อไป จากใจ ทรัพย์ยังมา
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มารูปภาพอย่างสูงครับ

    พระผงนาคปรกหลังรูปเหมือนหลวงปู่หิน
    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240809_170743.jpg IMG_20240809_170722.jpg IMG_20240809_170638.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2024
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1723204794784.jpg

    พระผงประจำวันหลวงพ่อเฮ็น วัดดอนทอง
    หลวงพ่อเฮ็น สิริวังโส" หรือ พระครูอรรถธรรมาทร วัดดอนทอง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี เป็นพระเถราจารย์มีเชื้อสายเขมร ที่มีวิทยาคมแก่กล้ารูปหนึ่ง เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาจากสาธุชนและคณะศิษยานุศิษย์อย่างยิ่ง
    อัตโนประวัติ หลวงพ่อเฮ็น เกิดในสกุล ศิริวงษ์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับปีกุน ที่หมู่บ้านจางคาง เมืองปาดวง กำปงธม ซึ่งเป็นเมืองชายแดนขึ้นอยู่กับไทย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ประเทศไทยเสียดินแดนแถบนั้นไป โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายอยู่และนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งเป็นชาวกัมพูชาอยู่หมู่บ้านจางคาง
    เมื่ออายุครบ 20 ปี ตรงกับ พ.ศ.2474 ได้เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดพรรณราย เมืองกำพงธม มีหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณราย เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์กุ่ย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์หมั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า สิริวังโส
    หลังอุปสมบท ได้ศึกษาพุทธาคมและพระธรรมวินัยและไสยาคมกับหลวงพ่อแก้ว เมื่อเรียนวิชาจนสำเร็จแล้ว ท่านได้ออกธุดงค์มายังเมืองไทย
    ระหว่างการเดินธุดงค์ตามป่าเขา ได้พบพระธุดงค์ด้วยกันหลายรูป จึงแลกเปลี่ยนวิชากัน อาทิ หลวงปู่สอน วัดเสิงสาง จ.นครราชสีมา, พระอาจารย์ต่วน วัดกล้วย จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น
    หลวงพ่อเฮ็น เคยปรารภว่า ได้ออกท่องธุดงค์รอนแรมตามป่าเขาลำเนาไพร เพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติวิปัสสนาระหว่างทางในป่าเขาให้ถ้ำบ้าง ขุนเขาบ้างเป็นที่พำนัก รักษาศีล และเจริญวิปัสสนา ได้พบกับความยากลำบากต่างๆ นานา พบกับภัยธรรมชาติก็อาศัยสรรพวิชาที่ได้ร่ำเรียนมากับอาจารย์สามารถปัดเป่าไปได้ ระหว่างทางพบกับความลี้ลับมหัศจรรย์มากมาย
    "สมัยเมื่อ 40-50 ปีที่แล้ว ระหว่างชายแดนด้านประเทศเขมร มีแต่ป่าดงดิบทั้งนั้น ใครไม่แน่จริง เดินเข้าไปก็ไม่สามารถออกมาได้ กลายเป็นผีเฝ้าป่าไปเท่านั้น"
    หลวงพ่อเฮ็น เล่าว่า ในป่าดงดิบแถบนั้น การเอาตัวรอดจากภัยธรรมชาติ เป็นเรื่องมิใช่ง่าย นอกจากต้องมีพลังจิตกล้าแข็งแล้ว การผจญกับสัตว์ป่านานาชนิด บางครั้งต้องใช้วิชาไสยศาสตร์แก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าไปด้วย
    ท่านใช้เวลาธุดงค์ยาวนานหลายปีวนเวียนอยู่ในป่าเขา จนการปฏิบัติวิปัสสนาก้าวหน้ากล้าแข็งดีแล้ว จึงธุดงค์เข้ามาในเขตประเทศไทย ได้พบพระคณาจารย์ต่างๆ ของไทยหลายรูปที่ธุดงควัตรอยู่ในป่า ได้ศึกษาสนทนาธรรมแลกเปลี่ยนกัน และธุดงค์เรื่อยเข้ามาผ่านเข้ามาทาง ทุ่งนาบ้าง บ้านคนบ้าง จนกระทั่งถึงเมืองสระบุรี ท่านเดินทางไปถึงบ้านดงตะงาว กิ่งอำเภอดอนพุด ได้พบวัดดอนทอง เห็นเป็นวัดที่มีความสงบวิเวกดี มีบ้านเรือนชาวบ้านอยู่ไม่มากนัก
    จากนั้นจึงได้อยู่จำพรรษาที่ "วัดดอนทอง" เมื่อปี พ.ศ.2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพ ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา
    พ.ศ.2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ "พระครูอรรถธรรมทร"
    ในชีวิตหลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ท่านจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน
    กล่าวกันว่า ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ หลวงพ่อเฮ็นนั้น มีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง โดยเฉพาะในทางเมตตามหานิยมเป็นเลิศ มีกิตติคุณกว้างไกล ท่านสร้างขึ้นตามตำรับโบราณ ด้วยพุทธาคมและพลังจิตอันกล้าแข็ง ด้วยได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อแก้ว แห่งวัดพรรณราย
    หลวงพ่อเฮ็น เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านดอนทองอย่างยิ่ง แม้กระทั่งทหารนักรบที่อาสาไปรบในสงครามเวียดนาม ต่างมาขอวัตถุมงคลจากท่าน เพื่อคุ้มครองป้องกันภยันตราย
    หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี
    แม้วันนี้หลวงพ่อเฮ็นจะละสังขารไปนานแล้ว แต่คุณงามความดียังคงปรากฏอยู่สืบไป
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงประจำวันหลวงพ่อเฮ็น วัดดอนทอง
    บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240809_190110.jpg IMG_20240809_190047.jpg IMG_20240809_190023.jpg
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1723366779680.jpg

    พระสมเด็จฉาบรวยหลวงปู่ฉาบ
    ท่านเป็นภิกษุที่ชอบค้นคว้าทดลองในด้านวิชาอาคมต่างๆ ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ด้วยท่านมีนิสัยพูดจริงทำจริง ไม่กลัวใคร และได้ปรนนิบัติรับใช้ครูบาอาจารย์ ฝึกฝนการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจนมีความรู้ความชำนาญจึงได้กราบลาอาจารย์ไปศึกษาวิชาเพิ่มเติมกับพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในหลายๆที่ในขณะนั้น เช่น
    ๑. หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา
    ๒. หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์
    ๓. หลวงพ่ออินทร์ วัดเกาะหงษ์เรียนวิชาฝังเข็มทอง
    ๔. หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพเรียนวิชาการทำมีดหมอและการทำผ้ายันต์พญาฉัตทันต์
    ๕. หลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือเรียนวิชาการทำมีดปากกา
    ๖. หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
    หลังจากบวชใหม่ๆท่านก็ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของ (หลวงพ่อเเจ่ม วัดวังแดงเหนือ) อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา ท่านปรนนิบัติรับใช้ หลวงพ่อเเจ่ม อยู่หลายปี ได้รับการถ่ายถอดวิชามีดพระขรรค์และผ้ายันต์นางกวักเมตตาค้าขายมาโดยตรง ซึ่งวิชามีดพระขรรค์นี้เรียนได้ยากลำบากมาก หลวงพ่อเเจ่มท่านก็คนจริง เมื่อเวลาเสกมีดต้องเสกให้ปลอกมีดกับด้ามมีดวิ่งเข้าหากันให้ได้ ถ้าดัง "แกร็ก" ถือว่าใช้ได้
    หลวงพ่อฉาบ ท่านได้เพียรพยายามจนสำเร็จ หลวงพ่อแจ่มจึงแนะนำให้ไปเรียนทางเมตตาลงนะหน้าทองกับ (หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก) ซึ่งหลวงพ่อฉาบ เองท่านก็เรียนจากหลวงพ่อจงมาเพียงอย่างเดียว จากนั้นท่านก็ศึกษาหาความรู้มาเรื่อยๆ มาพบกับครูบาอาจารย์รูปต่างๆ
    (หลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์) จ.สิงห์บุรี ก็ได้ศึกษาทำแหวนแขน, แหวนนิ้ว, และน้ำมนต์ ,(หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ) ได้ศึกษาเรื่องการทำมีดหมอ พระปิดตา ผ้ายันต์ช้าง และเคล็ดการใช้ธาตุทั้ง ๔ ซึ่งวิชาเรื่องธาตุ๔ นี้ ภายหลัง (หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร) นครสวรรค์ ยังมาขอศึกษาโดยตรงกับ หลวงพ่อฉาบ (ในประวัติหลวงพ่อจ้อยได้ลงไว้) จากเกจิหลายรูปที่กล่าวมาแล้ว หลวงปู่ฉาบยังมีอาจารย์องค์สำคัญอีกรูปคือ (หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา) อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาตะกรุดมหาอุด, คงกระพัน ให้กับหลวงปู่ฉาบ จนเป็นที่มาในตำนาน "ตะกรุดเสาอากาศ"
    หลวงพ่อฉาบ ท่านเป็นพระที่เก่งจริง ครั้งหนึ่งท่านนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์แล้วเกิดอุบัติเหตุขาหักท่านไม่ยอมไปหาหมอ เมื่อกลับมาถึงวัดท่านก็เป่าคาถาเองจนหายเป็นปกติ ผ้ายันต์ช้างของท่านมีคนบูชาแล้ววันดีคืนดีมีเสียงร้องให้ได้ยินด้วยอภินิหารของท่านมีให้เล่ามากมาย พระคณาจารย์หลายองค์ในยุคนั้นให้ความเคารพท่านมาก โดยเฉพาะ (ครูบาสร้อย วัดมงคลคีรีเขต) ถึงขนาดให้ท่านเอานำมนตร์พรมศรีษะให้
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จฉาบรวย เลี่ยมพลาสติกบูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240811_155708.jpg IMG_20240811_155647.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2024
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1723370086115.jpg
    เหรียญหลวงพ่อลี พระเจ้าอโศกมหาราช วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ ปี 2539 (ลต.มหาบัว ลป.เจี๊ยะ ร่วมปลุกเสก) พิมพ์ใหญ่
    พิธีใหญ่รวมอาวุโสพระป่าสายกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น อธิษฐานจิตมากมายหลายรูป อาทิ
    หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด
    หลวงปู่เจี๊ยะ จนฺโท วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม
    หลวงปู่ทอง วัดอโศการาม
    หลวงปู่บุญกู้ วัดอโศการาม
    หลวงปู่หลวง วัดคีรีสุบรรพต
    หลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย
    หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ฯลฯ
    ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อลีอธิษฐานบำเพ็ญเพียรนั่งสมาธิที่วัดเขาพระงาม จ.ลพบุรี ขณะนั่งสมาธิอยู่นั้นท่านได้ยินเสียงคล้ายฝนตก ครู่หนึ่งก็ได้เห็นรูป "พระเจ้าอโศกมหาราช" ตกลงมาใกล้ๆ เป็นแก้วเจียระไนสี่เหลี่ยมสีดำอมชมพู ต่อมาแก้วเจียระไนนี้ได้รับการบรรจุไว้อย่างมิดชิดที่วิหารหลวงพ่อเศียร วัดอโศการาม และอีกเรื่องมีหลักฐานอ้างอิงอันสำคัญจาก "หลวงปู่สิม พุทธาจาโร" วัดถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่ ท่านเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดีย เห็นสถูปที่พระเจ้าอโศกรามหาราชสร้างไว้อย่างยิ่งใหญ่ที่พุทธคยา ท่านก็เกิดความสนใจใคร่อยากทราบว่า
    "พระเจ้าอโศกฯ ผู้สร้างคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาอันยิ่งใหญ่ ไปเกิดเสวยผลสุขทุกข์อยู่ ณ ที่ไหนหนอ?"
    ท่านยืนกำหนดจิตรำพึงถึงเท่านั้นแหละ จิตเกิดญาณความรู้มีภาพของท่านพ่อลี ปรากฏลอยเด่น เด่นเข้ามาในนิมิตนั้น ท่านจึงประจักษ์ใจว่าท่านพ่อลี เป็นพระเจ้าอโศกฯกลับชาติมาเกิดเป็นแน่แท้
    คำอธิษฐานเสี่ยงทายบารมี ณ เจดีย์ ถ้ำพระสบาย จ.ลำปาง
    พ.ศ.๒๔๙๙ "หลวงพ่อลี" ได้จัดสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ในถ้ำพระสบาย เมื่อสร้างเจดีย์เสร็จ ท่านพ่อลีได้นิมนต์ "หลวงปู่ตื้อ, หลวงปู่จาม, หลวงปู่แว่น, พระอาจารย์น้อย" ไปทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์โดยต่างองค์ก็ต่างสวดบทมนต์ตามถนัดตั้งแต่หัวค่ำจน ถึงตี ๔ จึงจบเสร็จพิธี แต่ละองค์จะมีพานไว้ข้างหน้าเพื่อเสี่ยงทายบารมี หลวงปู่แว่นจึงอธิษฐานว่า
    "ถ้าพระธาตุเสด็จมาในพานของใครมากแสดงว่าผู้นั้นได้ทำประโยชน์แก่พระพุทธศาสนามากตามปริมาณที่พระธาตุเสด็จมา"
    ปรากฏว่าในพานของหลวงพ่อลีมีพระธาตุมากที่สุด มติคณะสงฆ์ได้มอบหมายให้หลวงปู่ตื้อเป็นผู้วินิจฉัยถึงเหตุผลเพราะทุกองค์ยอมรับในความสามารถเข้าฌาณของหลวงปู่ตื้อว่ามีญาณทัศนะเป็นที่แน่นอน เมื่อหลวงปู่ตื้อเข้าสมาธิเล็งญาณดูในอดีตจึงแจ้งให้คณะสงฆ์ทราบร่วมกันว่า
    - ท่านพ่อลี เป็นพระเจ้าอโศกมหาราช
    - หลวงปู่จาม เป็นกษัตริย์ชื่อเทวนัมปิยะ ประเทศศรีลังกา
    - พระอาจารย์น้อย เป็นเสนาอำมาตย์ของกษัตริย์ศรีลังกาองค์นั้น (เทวนัมปิยะ)
    - หลวงปู่ตื้อ เป็นโจรที่มีเมตตา ปล้นคนรวยเอาไปช่วยคนจน
    - หลวงปู่แว่น เป็นเจ้าเมืองลำปางในอดีต จึงมีความผูกพันกับจังหวัดลำปางมาก
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240811_164422.jpg IMG_20240811_164353.jpg
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    fb_img_1702205647177-jpg.jpg fb_img_1702205644221-jpg.jpg fb_img_1702205639490-jpg.jpg fb_img_1702203980270-jpg.jpg fb_img_1702203973887-jpg.jpg fb_img_1702203971517-jpg.jpg


    ประวัติเซียน ลื้อท๊งปิง วิหารเซียน จ.ชลบุรี



    อันนี้ออกตัวก่อนว่าเอามาจากพี่ช้าง ในเว็บๆนึงนะครับ ไม่ใช่ความรู้ของผมแต่อย่างใด ลองอ่านดูครับ (คำว่า "ผม" ในที่นี้คือ คุณช้าง คนที่ข้อมูลมานะครับ ไม่ใช่ตัวข้าน้อย)

    กระผมเคยคุยกับท่านอ.สง่า ที่เป็นผู้ก่อตั้งวิหารเซียนที่ชลบุรี ท่านบอกว่า องค์ลื่อตงปินสามารถสื่อกับท่านได้โดยทางจิตแต่ท่านไม่เคยเห็นตัวองค์ท่าน ทางนิมิตเลย ท่านบอกว่าตำแหน่งของท่านลื่อตงปินมีหน้าที่เหมือนรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยมี หน้าที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อยและปรามปรามผู้ร้าย

    มูลเหตุที่ท่านได้รู้จักกับองค์ท่านนั้นเนื่องมาจากคุณแม่ของอ.สง่าท่านป่วย เป็นโรคทานอะไรไม่ได้ ทำให้ไม่มีกำลังแม้แต่จะลุกยืน ตอนนั้นพวกญาติท่านก็พาไปหาซินแสหรือหมอแผนปัจจุบันมาหลายท่านก็ไม่ดีขึ้น ประจวบกับท่านอ.สง่าในสมัยนั้นไม่ค่อยเชื่อในเรื่องการเผาฮู้ต้มกินแล้วจะ หาย ยิ่งพวกเข้าทรงเจ้าต่างๆท่านไม่เชื่อเลย แต่เมื่อเป็นความต้องกรของญาติๆก็เลยได้แตลองทำดูเพราะไม่มีวิธีอื่นแล้ว จนวันหนึ่งได้เชิญคนทรงมาซึ่งคนทรงนี้ตามปกติจะไม่ใช่ร่างทรงของท่านองค์ เซียนลื่อตงปิน แต่เป็นร่างทรงเทพองค์อื่น แต่วันนั้นพอทำพิธีอัญเชิญปั๊บ ท่านลื่อตงปินก็มาประทับทรงทันทีและก็อกว่าจะช่วยให้คุณแม่ของอ.สง่าลุกเดิน ได้หายภายใน3เดือน แต่มีข้อแม้ว่าอ.สง่าจะต้องทำงานรับใช้ท่าน ซึ่งท่านอ.สง่าก็ได้ถามว่าจะให้ทำอะไรถ้าให้เป็นร่างทรงแบบนี้ท่านไม่เอาและ ท่านก็ไม่เคยศึกษาศาสตร์แนวนี้มาก่อน ม่านลื่อตงปินก็บอกว่าไม่เป็นไรท่านจะคอยช่วยบอกให้เองว่าจะต้องทำอะไร แล้วท่านก็ขียนฮู้ให้ อ.สง่าเก็บไว้เผาให้คุณแม่ของท่านละลายน้ำดื่ม ซึ่งก็ปรากฏว่าพอครบ3เดือนคุณแม่ท่านก็แข็งแรงเป็นปรกติเดินได้ดังเดิม ท่านลื่อตงปินก็มาทวงสัญญาอ.สง่าจึงต้องยอมทำงานรับใช้ท่านสงเคราะห์มนุษย์ โดยที่ท่านกับอ.จะสื่อสัมผัสทางใจกัน เหมือนเป็นอ.กับลูกศิษย์ อภินิหารขององค์เซียนลื่อตงปินที่วิหารเซียนมีเยอะครับ เอาไว้มีเวลาจะมาเล่าเป็นเรื่องๆไปครับ เช่นเรื่องตอนช่วยสร้างวัดญาณสังวร ชลบุรี ตอนปราบมังกรเขียว ตอนไฟไหม้โรงแรมที่พัทยา ตอนที่ช่วยกิจการของเจ้าของผลิตภัณฑ์จากไก่รายใหญ่ ตอนช่วยเจ้าของตึกใบหยกทาวเวอร์ ตอนช่วยแบงค์กสิกรที่จะล่มช่วงIMF

    อีก อย่างหนึ่งคือเพื่อนผมคนหนึ่งเขาบูชาพระผงท่านลื่อตงปินจากที่วิหารเซียนที่ ชลบุรีไป วันหนึ่งก็เจอนักจับพลังพระ ขณะที่นักจับพลังพระกำลังตรวจพระของคนอื่นอยู่ว่าดียังไง จู่ๆเขาก็หันมาที่เพื่อนของกระผมแล้วถามว่เขาห้อยพระอะไรอยู่(พระอยู่ใน เสื้อ ไม่ได้ห้อยออกมาข้างนอก)เพราะเขาเห็นรัศมีสีชมพูพุ่งออกมาดีทางเมตตาร่มเย็น และพลังนี้หมุนวนกลับไปกลับมาเหมือนหยินและหยาง ซึ่งตั้งแต่เขาตรวจพระมาไม่เคยเจอบบนี้เขาก็เลยขอดูพระของเพื่อนผม พอเขาเห็นพระเเล้วเขาก็เลยหายสงสัยว่าทำไมจึงมีพลังแบบนี้ พระนี้คิดว่าที่ทางวิหารเซียนยังมีอยู่นะครับ ผมเองยังเคยไปงานวันที่เขาอัญเชิญท่านองค์ลื่อตงปินมาประทับทรงที่วิหาร เซียนเลย


    สมัยที่สร้างวัดญาณสังวรวราราม ชลบุรีใหม่ๆนั้น ได้ประสบปัญหาและอุปสรรคนานาชนืดทั้งที่เกิดจากคนงานก่อสร้าง และจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน จึงได้เชิญผู้ที่มีสมาธิจิตดีมาตรวจดูว่าเป็นเพราะเหตุใด ก็พบว่าบริเวณที่สร้างวัดนั้นมีความสัมพันธ์กับพระนเรศวรมากและมีดวงวิญญาณ ของผู้ที่ตายจากสงครามอยู่มากเป็นเหตุให้กานทำงานมีอุปสรรค ความทราบถึงองค์สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชท่านก็เลยได้เดินทางาทำ พิธีแผ่เมตตาให้แก่ดวงวิญญาณเหล่านั้นด้วยพระองค์เองแต่ปรากฏว่า ยิ่งแผ่เมตตาก็ยิ่งมีดวงวิญญาณพากันมามากขึ้นจนท่านต้องมีบัญชาให้ไปตามตัว ซินแสสง่า(ผู้ก่อตั้งวิหารเซียน)มาช่วยตรวจดูให้ ซึ่งเมื่อท่านมาตรวจดูแล้วก็รู้ว่าจุดที่สร้างวัดเคยเป็นที่เดินทัพและเกิด สงครามมาก่อน ท่านจึงได้เผาฮู้ตรงใจกลางของที่นั้นซึ่งก็ได้มีคนที่ตาดีได้เห็นองค์ท่าน ลื่อตงปินสด็จมาบนหลังมังกร ซึ่งเมื่อท่านมาถึงพวกวิญญาณทั้งหลายก็กระเจิงหมด ซึ่งสถานที่ท่านได้เผาฮุ้นั้นได้กลายเป็นใจกลางพระอุโบสถในปัจจุบันนี้ครับ

    สำหรับพระพุทธรูปที่อยู่ในโบสถ์เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์มากชื่อ"พระ พุทธหทัยนเรศวร์"สร้างขึ้นจากฝาบาตรพระที่ลงอักขระถึง84000ฝาด้วยกัน อีกทั้งยังได้อัญเชิญเทพระดับพรหมมารักษาพระพุทธรูป และภายในองค์ท่านยังได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุถึง84000องค์ ซึ่งเท่าที่ผมทราบมาน่าจะเป็นพระพุทธรูปที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุมากที่สุด เพราะพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุเกือบเต็มบาตรพระเลยครับ ใครผ่านไปก็ลองแวะไปขอพรท่านดูนะครับและอย่าลืมแวะชมวิหารเซียนกับพระพุทธ รูปเขาชีจรรย์ที่แกะสักด้วยเลเซอร์ด้วยครับ


    ช่วงที่สร้างวัดญาณสังวรใหม่ๆ นอกจากจะประสบปัญหาจากดวงวิญญาณเก่าแก่แล้ว ยังมีปัญหาเรื่องเวลาฝนตกแล้วน้ำจะท่วมถนนทางเข้าขาดทำให้การก่อสร้างต้อง หยุดชะงักและไม่คืบหน้า ทางอ.สง่าได้พิจารณาดูแล้วพบว่าเขาที่อยู่เบื้องหลังของวิหารเซียนในตอนนี้ (ตอนนั้นวิหารเซียนยังไม่ได้ก่อตั้ง)เป็นที่อยู่ของมังกรเขียวที่ดุร้ายตัว หนึ่งเวลาฝนตกจะชอบออกมาเล่นน้ำฝนเป็นประจำ จึงทำให้เกิดน้ำท่วมทางขาดเป็นประจำ มังกรเขียวตัวนี้มีหน้าที่เฝ้าบ่อเงินกับบ่อทอง(ตอนนี้ได้กลายเป็นที่ตั้ง ของวิหารเซียนไปแล้ว)ท่านจึงมีความคิดที่จะปิดปากถ้ำพญามังกรตัวนี้ไว้ ซึ่งท่านลื่อตงปินก็ได้มาแนะนำว่าให้เอาดินทับฟ้าไว้จึงจะปิดปากถ้ำไม่ให้ พญามังกรตัวนี้ออกมาอาละวาดได้ ดังนั้นถ้าใครพอมีความรู้เรื่องฮวงจุ้ยจะต้องเคยเห็นรูปปลาดำปลาขาว (สัญลักษณ์หยิน-หยางที่หน้าอกนักพรตไท้ก๊ก)ซึ่งแทนความหมายฟ้า-ดิน โดยสีขาวหมายถึงฟ้า สีดำหมายถึงดิน ตามปกติเครื่องหมายนี้สีขาวจะต้องอยู่ข้างบนและสีดำจะต้องอยู่ข้างล่าง แต่ที่วิหารเซียนจะกลับกันจากที่อื่นคือสีดำจะอยู่บนสีขาวจะอยู่ข้างล่าง เคยมีนักดูฮวงจุ้ยชื่อดังที่รับดูฮวงจุ้ยเป็นอาชีพได้ไปที่วิหารเซียนและ คยปรามาสท่านอ.สง่าว่าไม่รู้จริงสร้างผิดหลัก ท่านก็ได้แต่หัวเราะไม่ว่าอะไร ท่านมาเฉลยให้ผมฟังว่าที่ท่านทำอย่างนี้พื่อจะได้เอาดินทับฟ้าสะกดปิดปากถ้ำ มังกรเขียวไว้นั่นเอง และตอนนี้มังกรเขียวตัวนั้นก็ได้กลายเป็นพาหนะของท่านลื่อตงปินไปแล้ว อ.สง่าท่านจึงเขียนฮู้มังกรเขียวแจกฟรี ใครสนใจไปขอได้ที่วิหารเซียนครับ และมีอย่างผ้ายันต์มังกรเขียวด้วย ท่านบอกว่าถ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไรให้เผาฮู้กลางแจ้งจุดธู)บอกองค์เซียน ลื่อตงปินท่านแล้วอธิษฐานครับ


    ฮู้นี้มีผู้เคยประสบเหตุบ่อย ๆ คือมีอยู่ท่านหนึ่งได้รับฮู้แบบผ้ายันต์ไปซึ่งตามปกติท่านจะแจกแบบกระดาษซะ เป็นส่วนใหญ่ ก็พับเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ ระหว่างทางขับรถกลับบ้านก็ประสบอุบัติเหตรถพังยับแต่ตนเองไม่เป็นอะไร ก็ไม่ได้เอะใจอะไรแต่เมื่อกลับไปถึงบ้านเอาอู้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อปรากฏว่า ฮู้ขาดเป็นสองท่อน ก็เลยรีบมาเล่าให้ท่านอ.สง่าฟัง ท่านก็บอกว่ามังกรเขียวเขาออกไปรับแทนไม่งั้นจะเจ็บหนักแน่ ที่น่าแปลกคืออู้นั้นเป็นผ้ายันต์แต่ขาดเหมือนโดนฉีกออกจากกันอย่างแรง ผมเองเคยได้มาเป็นปึกๆสมัยท่านยังอยู่แต่ก็แจกไปซะเกือบหมดแล้ว อย่างกระดาษคิดว่าที่วิหารเซียนยังคงมีอยู่แต่แบบผ้ายันต์ไม่แน่ใจครับ

    วิหารเซียนอยู่เลยพัทยาไปหน่อยครับ(ถ้าไปจากกทม.)ไปทางบางเสร่ ทางเข้าทางเดียวกับทางไปวัดญาณสังวรวรารามและพระพุทธรูปเขาชีจรรย์ ทั้ง3แห่งอยู่ละแวกเดียวกันหมดครับ แต่จะถึงวิหารเซียนก่อนถึงวัดครับ ถามคนที่นั่นรู้จักหมดครับเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวจะมีทัวร์ต่างชาติโดย เฉพาะพวกไต้หวัน จีนมาลงแทบทุกวันครับ ถ้าไปแล้วก็แวะกราบให้หมดทั้ง3แห่งนะครับ โดยเฉพาะที่วัดญาณสังวรนอกจากมีพระพุทธญาณนเรศวร์ที่ศักดิ์สิทธิ์เพราะสร้าง จากฝาบาตรที่ลงอักขระ84000ฝาแล้ว ยังบรรจุพระบรมสารีริกธาตุอีกถึง84000องค์ เสร็จแล้วก็ไปกราบชมพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมธาตุและพระธาตุอรหันตสาวกในสมัย พุทธกาล(เขาโชว์พระธาตุให้เห็นในตู้กระจกด้วยครับ เรียกว่าได้มองเห็นกันแบบใกล้ๆเลย) แล้วก็ขึ้นเขาไปกราบพระมณฑปรอยพระพุทธบาทบนเขาด้วยครับ เรียกว่าไปครั้งเดียวคุ้มครับ อีกอย่างไปจากกทม.ก็นั่งรถประมาณชั่วโมงครึ่งเองครับ

    เทพเจ้าลือท่งปิง
    อาจารย์เซียนสง่า กุลกอบเกียรติ วิหารเซียน จ.ชลบุรี
    ประวัติ เซียน ลื้อตงปิงวิหารเซียน จ.ชลบุรี
    ท่าน อ.สง่า กุลกอบเกียรติ ผู้ก่อตั้ง วิหารเซียนที่ชลบุรี ท่านบอกว่า องค์ลื่อตงปิง สามารถสื่อ กับท่านได้โดย ทางจิต แต่ ท่าน ไม่เคยเห็น ตัว องค์ท่าน ทางนิมิต เลย ท่านบอกว่า ตำแหน่ง ของ ท่านลื่อตงปิน มีหน้าที่เหมือน รัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย มี หน้าที่คอยดูแล ความสงบเรียบร้อย และ ปรามปรามผู้ร้าย
    มูลเหตุ ที่ท่านได้รู้จัก กับองค์ท่าน ลื้อตงปิน นั้นเนื่องมา จากคุณแม่
    ของ อ.เซียน สง่า ท่านป่วย เป็นโรคทานอะไรไม่ได้ ทำให้ไม่มีกำลังแม้แต่จะ ลุกยืน ตอนนั้นพวกญาติท่านก็พาไปหา ซินแส หรือ หมอแผน ปัจจุบันมา หลายท่าน ก็ไม่ดีขึ้น ประจวบกับ ท่านอ.เซียน สง่าในสมัยนั้น ไม่ค่อยเชื่อในเรื่องการเผาฮู้ ต้มกินแล้วจะ หาย ยิ่งพวกเข้า ทรงเจ้า ต่างๆท่านไม่เชื่อ เลย แต่เมื่อเป็น ความต้องการ ของ ญาติๆก็เลยได้แต่ ลองทำดูเพราะ ไม่มีวิธีอื่นแล้ว
    จนวันหนึ่งได้เชิญ คนทรงมา ซึ่งคนทรง นี้ตามปกติจะไม่ใช่ ร่างทรงของ ท่านองค์ เซียนลื่อตงปิน แต่เป็นร่างทรงเทพ องค์อื่น แต่วันนั้นพอ ทำพิธีอัญเชิญปั๊บ ท่านลื่อตงปิน ก็มาประทับทรง ทันที และ ก็บอกว่าจะ ช่วยให้คุณแม่ ของ อ.เซียน สง่า ลุกเดิน ได้หายภายใน 3 เดือน แต่มีข้อ แม้ว่า อ.เซียน สง่า จะต้องทำงาน รับใช้ท่าน ซึ่งท่าน อ.เซียน สง่า ก็ได้ถามว่าจะให้ทำอะไรถ้า ให้เป็นร่างทรง แบบนี้ ท่านไม่เอา และ ท่านก็ไม่เคย ศึกษาศาสตร์ แนวนี้ มาก่อน ท่านลื่อตงปิน ก็บอกว่าไม่เป็นไร ท่านจะ คอยช่วยบอก ให้เองว่าจะ ต้องทำอะไร แล้วท่าน ก็เขียนฮู้ ให้ อ.เซียน สง่า เก็บไว้เผา ให้ คุณแม่ ของ ท่าน ละลายน้ำดื่ม ซึ่งก็ปรากฏว่าพอ ครบ 3 เดือน คุณแม่ท่านก็แข็งแรง เป็นปรกติเดิน ได้ดังเดิม ท่านลื่อตงปิน ก็มา
    ทวงสัญญา อ.เซียน สง่า จึงต้อง ยอมทำงานรับใช้ ท่านสงเคราะห์มนุษย์ โดยที่ท่าน กับ อ.เซียน สง่า จะสื่อ สัมผัสทางใจ กัน เหมือนเป็น อาจาร.กับลูกศิษย์ อภินิหาร ขององค์ เซียนลื่อตงปิน ที่วิหารเซียนมี เยอะ เอาไว้มีเวลา จะมาเล่า เป็นเรื่องๆไป
    เช่นเรื่อง ตอน ช่วยสร้างวัดญาณสังวร ชลบุรี ตอนปราบมังกรเขียว ตอน ไฟไหม้โรงแรม ที่พัทยา ตอนที่ช่วยกิจการ ของเจ้าของ ผลิตภัณฑ์ ไก่
    รายใหญ่ CP ตอนช่วย เจ้าของ ตึกใบหยกทาวเวอร์ ตอนช่วย แบงค์กสิกร ที่จะ ล่มช่วง IMF
    อีก อย่างหนึ่งคือ มีคนหนึ่งเขาบูชา พระผงท่าน ลื่อตงปิน จากที่ วิหารเซียน เมื่อ ครั้ง อ.สง่า ยังมีชีวิต ไป
    วันหนึ่ง ก็ไป เจอ นักจับ พลังพระ ขณะที่นักจับ พลังพระกำลัง ตรวจพระ ของคนอื่น อยู่ว่า ดียังไง จู่ๆเขาก็หันมา ที่ ชายคนนี้ แล้วถาม ว่า เขา ห้อยพระอะไรอยู่
    (พระ อยู่ใน เสื้อ ไม่ได้ห้อย ออกมาข้างนอก)
    เพราะเขาเห็น แสง รัศมี สีชมพู พุ่งออกมาดีทางเมตตา ร่มเย็น และพลังนี้ หมุนวน กลับไปกลับมา เหมือน หยิน และ หยาง ซึ่งตั้งแต่เขาตรวจพระมาไม่เคยเจอ แบบนี้ เขาก็เลยขอดู พระ พอเขาเห็นพระ แกเลย หายสงสัย ว่าทำไมจึงเกิด มีพลังแบบนี้ได้ เจอ พลังสายญาณเทพเจ้าจีน ครั้งแรก ต้องทึ้ง เพราะ แรง จริง
    และ มีพระเกจิชื่อ ดังทาง ภาคตะวันออก ไม่ขอ เอ่ยนาม มีโยมไปขอ ของดี ท่านบอกกลับไปที่ บ้านโยม นะ มีของดีอยู่ ไปค้นดูดีดี ละ
    คนจีน มีหนวด ยาว ถือแส้ คุ้มครองบ้านโยม พอ
    กลับบ้านไป ค้นดู เจอพระผง ตามรูป ถึงรู้ ตรงตาม ที่พระ ท่านบอกไว้ จริง อัศจรรย์
    วันที่ไคกวง พระผง ชุดนี้ ท่าน อ.สง่า ได้ อัญเชิญ ญาณ ท่าน องค์ลื่อตงปิน มา ประทับทรง ปลุกเสก ที่ วิหารเซียน ครั้งนั้น พิธี ยิ่งใหญ่ ที่สุด คนที่ได้รับไปนั้น เกิดประสบการณ์ ปาฏิหาริย์ เพียบ โดนผีเข้า เจ้าที่แรง ห้อย พระผงไป ร้อง หนี บอกว่า กลัวแล้ว อย่าเข้ามา ร้อน ร้อน แคล้วคลาด จากเที่ยวบิน มรณะ องค์ลื้อตงปิ่น ดลจิตดลใจ ให้ยกเลิก ในการเดินทาง อธิษฐานขอเงินได้เท่าไร ได้เท่าใด ไม่ขาดไม่เกิน เศษเกินไม่มี เหลือเชื่อ มากมาย

    พระผงพระวิสุทธิเทพ “ ลื่อตงปิน ”
    โจวซือ รุ่นแรก ปี 2536
    อเนกกุศลศาลา (วิหารเซียน) ชลบุรี #พิมพ์เล็ก
    เพื่อเป็นที่ระลึกในการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินทางเปิด “ ต้าผู่อี่ ” หรือ “ วิหารเซียน ” อย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2536
    ถือได้ว่าเป็นวัตถุมงคลรุ่นแรกที่ทางวิหารเซียนได้ดำเนินการจัดสร้างออกมาอย่างเป็นทางการ
    สร้างจากผงเกสรดอกไม้นานาชนิด และผงธูปที่บูชาองค์โจวซือ เพื่อเป็นที่ระลึกในการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินทางเปิด “ ต้าผู่อี่ ” หรือ “ วิหารเซียน ” อย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2536 จึงมีคนได้รับไปมากทำให้เกิดประสบการณ์มากเป็นเงาตามตัว โดยเฉพาะเรื่องลาภผลเงินทองและแคล้วคลาดกันผีนี่เป็นที่หนึ่ง
    ท่านบอกว่าตำแหน่งของท่านลื่อตงปินมีหน้าที่เสมือนรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อยและปรามปรามผู้ร้าย ดังนั้นในพิธีล้างป่าช้า จึงต้องอัญเชิญองค์ท่านมาเป็นประธานในพิธี
    เคยถามท่านว่าเซียนของจีนนี่เทียบเท่ากับเทพอะไรของทางไทย ท่านว่าเซียนของจีนก็คือพระโพธิสัตว์ของไทยเรา
    มีเรื่องเล่า....คราวหนึ่งมีเพื่อนคนหนึ่งเขาห้อยพระผงท่านลื่อตงปินโจวซือ รุ่นแรก ที่เขาได้บูชาจากวิหารเซียน ชลบุรีไป วันหนึ่งได้ไปเจอเพื่อนอีกคนที่มีความสามารถจับพลังพระได้ ขณะที่เพื่อนคนนี้กำลังตรวจพลังพระของคนอื่นอยู่ จู่ๆ เขาก็หันมาที่เพื่อนคนนี้แล้วถามว่าห้อยพระอะไรอยู่ เพราะเขาเห็นรัศมีสีชมพูพุ่งออกมาแนวเมตตาร่มเย็น และที่แปลกมากๆ ก็คือ พลังนี้หมุนวนกลับไปกลับมาเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ซึ่งตั้งแต่เขาตรวจพระมาไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน พอเขาเห็นพระที่เพื่อนคนนี้ห้อยอยู่แล้วเขาก็หายสงสัยเลยว่าทำไมจึงมีพลังแบบนี้ เพราะที่ด้านหลังของพระผงรูปเหมือนท่านมีสัญลักษณ์ “ หยิน-หยาง ” อยู่นั่นเอง
    อาจารย์เซียนสง่า กุลกอบเกียรติ ท่านผู้สร้างวิหารเซียน จ.ชลบุรี สามารถสื่อกับท่าน องค์วิสุทธิเทพลือท่งปิง ได้โดยทางจิตแต่ไม่เคยเห็นตัวองค์ท่านทางนิมิตเลย ท่านบอกว่าตำแหน่งของ ท่านลื่อตงปินมีหน้าที่เหมือนรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อยและปรามปรามผู้ร้าย
    ท่านอาจารย์เซียนสง่ากุลกอบเกียรติ ได้บอกหลายครั้งว่า “แชเล้งฮู้ก็ดีรูปหล่อบูชาองค์โจวซือก็ดี รูปถ่ายองค์โจวซือก็ดี รูปเหมือนผงเหรียญท่าน ฯลฯ” ของเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติของท่านและเป็นของสำเร็จแล้วทั้งสิ้นเมื่อทำขึ้นมาแล้วสามารถนำไปใช้ได้เลยไม่จำเป็นต้องนำมาให้ท่านปลุกเสกหรือประกอบพิธีใดๆ อีกทั้งสิ้น.. เพียงแค่เมื่อจะใช้ก็ให้รำลึกถึง “โป๊ยเซียนโจวซือ”แล้วค่อยตีวงให้แคบลงมาเป็นอธิษฐานเจาะจงถึง "ลือท่งปิงโจวซือ” แค่นี้ก็ใช้ได้แล้วทุกประการ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พิมพ์ใหญ่ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240811_233238.jpg IMG_20240811_233332.jpg
    IMG_20240811_233159.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2024
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,715
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1723461090799.jpg
    พระผงรูปเหมือนพ่อท่านคลิ้งวัดถลุงทอง
    ประวัติพ่อท่านคลิ้ง(ข้อมูลแน่นๆครับจากหนังสือที่กำลังจะออกมา)
    พ่อท่านคลิ้ง เดิมชื่อ คลิ้ง นามสกุล ฉิมแป้น เป็นบุตร นายแก้ว และ นางทุ่ม ฉิมแป้น เกิดเมื่อวันจันทร์ เดือน ๙ ขึ้น ๑๐ ค่ำปีจอ ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๒๙ ที่บ้านหมู่ที่ ๑ ตำบลหินตก อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช หมู่บ้านที่พ่อท่านเกิดชื่อหมู่บ้านถลุงทอง เป็นบุตรโทน คนเดียวของพ่อ-แม่ ซึ่งมีอาชีพทำนาทำสวน
    ครั้นเจริญวัยอายุได้พอสมควร บิดาได้สอนหนังสือไทยให้ ปรากฏว่า เรื่องราวใดๆ ก็ตามที่บิดาสอนให้ก็สามารถจดจำได้ ครบถ้วน การเขียน การอ่านเป็นไปอย่างรวดเร็ว เฉลียวฉลาดผิดปกติเด็กธรรมดาบิดาถ่ายทอดความรู้ภาษาไทยให้เพียงปีเดียวก็หมดสิ้นความรู้ที่มีอยู่ ปรากฏว่าพ่อท่านอ่านออกเขียนได้สิ้น บิดาเห็นเช่นนั้นจึงอยากจะให้บุตรคนเดียวของตนมีความรู้มากขึ้น ครั้นจะเอาไปเรียนที่ใดก็ไม่เห็นลู่ทาง จึงได้นำไปปรึกษากับ พระอาจารย์ขำวัดถลุงทอง
    พระอาจารย์ขำ เห็นหน่วยก้านดีมีลักษณะเป็นคนมีบุญ จึงได้รับไว้ให้ศึกษาเล่าเรียนด้วย ขณะศึกษาอยู่กับพระอาจารย์ขำ ก็ขยันขันแข็งในการเล่าเรียน ครั้นกลับบ้านก็ช่วยบิดามารดาทำงานทางบ้านทุกสิ่งสรรพเป็นที่รักใคร่ของพ่อแม่ และผู้พบเห็นทั่วไป ไม่ผิดหวังกับพ่อแม่ที่มีลูกโทนเพียงคนเดียว
    อายุได้ ๑๗ ปี พ่อท่านเป็นกำลังแข็งขันช่วยกิจการงานทางบ้านได้คล่องแคล่วพอจะแทนบิดามารดาได้ ก็พอดีมารดาถึงแก่กรรมยังเศร้าโศกเสียใจให้กับบิดาและตัวท่านเองมาก ด้วยความกตเวทิตาคุณมารดาและด้วยการส่งเสริมจากบิดา พ่อท่านจึงบวชเป็นสามเณร ตั้งแต่บัดนั้น คือ ปี พ.ศ.๒๔๔๖ โดยพระอาจารย์ขำนำไปบวชเป็นสามเณรให้ที่วัดป่าตอ (ขณะนั้น วัดถลุงทอง ยังไม่มีวิสุงสีมา) โดยนิมนต์เอา เจ้าคุณศรีธรรมราชมุณี วัดหน้าพระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช มาบวชให้ นับเป็นนิมิตอันดีเมื่อท่านเจ้าคุณเห็นสามเณรคลิ้งขณะนั้นเข้า ก็ถึงกับกล่าวชมว่ามี ลักษณะบุคลิกดี เป็นผู้มีบุญวาสนา จะสืบอายุพระศาสนาต่อไป และจะสำเร็จกิจ
    ในทางธรรมสูงสุดในภายภาคหน้า เมื่อบวชเป็นสามเณรแล้วก็กลับมาอยู่ยังวัดถลุงทอง ศึกษาอัขระขอมสูตรเลขยันต์ เวทมนต์คาถา วิชาแพทย์แผนโบราณ และโหราศาสตร์ กับ พระอุปัชฌาย์ขำ (ได้เป็นพระอุปัชฌาย์ขณะที่บวชสามเณรคลิ้ง) ขณะเป็นสามเณรก็รับใช้พระอาจารย์ทุกสิ่งทุกอย่างจนเป็นที่รักใคร่ของพระอุปัชฌาย์ขำเป็นอย่างยิ่ง มีวิชาอันใดก็สั่งสอนให้ไม่ปิดบังหวงแหน
    เมื่อวัยครบจะอุปสมบทเป็นภิกษุได้ในปี พ.ศ. ๒๔๔๙ บิดาจึงได้ขอร้องให้พ่อท่านอุปสมบทต่อไป ด้วยความเต็มใจของพ่อท่านอยู่แล้วพระอุปัชฌาย์ขำ จึงได้พาสามเณรคลิ้งเดินทางไปอุปสมบทให้ ณ พัทธสีมา วัดป่าตอโดยมีพระอุปัชฌาย์ขำ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเอียด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้ฉายาว่า “จนทสิร” เมื่ออุปสมบทแล้วก็กลับมาจำพรรษายังวัดถลุงทอง ขยันหมั่นเพียรท่องบ่นมนต์คาถาเป็นประจำเพียงพรรษาได้ไม่มากก็ท่องสวดปาฎิโมกข์และบทสวดมนต์ได้เจนจบสิ้น ไม่ว่าจะเป็นบทใดในคัมภีร์ พ่อท่านค้นเอามาท่องจำได้หมด เป็นที่ชื่นชอบของพระอุปัชฌาย์ขำมาก ต่อมาพระอุปัชฌาย์ขำได้ถ่ายทอดวิชาที่มีอยู่ทั้งหมดให้ก็สามารถศึกษา ได้เจนจบ ต้องถึงกับมอบตำราของ หลวงพ่ออยู่ ซึ่งนำมาจากกรุงศรีอยุธยาจำนวนหลายสิบเล่มให้พ่อท่าน พ่อท่านก็ศึกษาจนทะลุปรุโปร่ง พระอุปัชฌาย์เห็นคล่องแคล่วในวิชาการดีแล้วจึงสอนปฎิบัติปัสสนาธุระให้ พ่อท่านก็ปฎิบัติได้สมปรารถนาของอาจารย์อย่างรวดเร็ว เป็นเหตุอัศจรรย์ใจยิ่ง
    ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๖๗ พระอุปัชฌาย์ขำได้มรณภาพลง ก่อนมรณภาพก็ได้สั่งเสีย พ่อท่านคลิ้งขอให้สืบตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดถลุงทองต่อ และฝึกฝนญาณสมาธิให้แก่กล้าเพื่อความหลุดพ้นในขั้นต่อไป อย่าได้ทิ้งเสีย พ่อท่านก็รับคำพระอาจารย์ทั้งสิ้น

    FB_IMG_1723461157479.jpg
    ความกตเวทิตาคุณในอาจารย์อันยิ่งใหญ่ พ่อท่านจึงได้ตั้งใจว่าจะสร้างศาลาโรงธรรมขนาดใหญ่เพื่อตั้งศพอาจารย์ให้สมเกียรติ จึงได้ประชุมชาวบ้านญาติโยมให้ช่วยกันสร้างกุศล เพียงเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้าของพ่อท่าน โรงธรรมขนาดกว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๓๕ เมตร ก็สำเร็จลุล่วงลง ชาวบ้านเห็นความดีของท่านที่มีความตั้งใจแสดงกตเวทิตาอาจารย์แรงกล้าเช่นนั้นจึงพร้อมใจกันนิมนต์ พ่อท่านให้เป็นเจ้าอาวาสสืบมาเป็นที่รักใคร่นับถือของชาวบ้าน เป็นที่พักพิงอาศัยในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บขจัดทุกข์โศก และอบรมสั่งสอนให้ลูกศิษย์และชาวบ้านตั้งอยู่ในคุณงามความดี
    พ่อท่านคลิ้ง นับว่าเป็นพระเถระที่น่ากราบไหว้ ท่านบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ในศีลาจารวัตร ปฏิบัติแต่วิปัสสนาธุระ บำเพ็ญเพียรทางใจทรงไว้ด้วยญาณสมาธิอย่างแก่กล้า ท่านมักจะพูดน้อย และดำรงตนอยู่อย่างสมถะมักน้อย ยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างมีเมตตาธรรม เป็นที่รักใคร่แก่ทุกคนที่พบเห็น ท่านมีเมตตาอยู่ในตนเองอย่างประหลาด ท่านจะสวดมนต์อยู่เสมอในเวลาว่าง และปฏิบัติวิปัสสนาเป็นประจำในยามราตรีอันวิเวก ฉันอาหารเพียงครั้งเดียวในหนึ่งวัน แต่ร่างกายท่านสมบูรณ์ ใบหน้าแดงผ่องผุดเต็มไปด้วยบุญญาราศี กล่าวกันว่าท่านปกครองพระในวัดด้วยสายตา เพียงแต่มองเท่านั้น ก็ทราบว่าท่านตำหนิหรือชมเชย และสิ่งสำคัญคือ วาจาของท่าน “ศักดิ์สิทธิ์” และเป็นไปได้ทุกประการตามคำทุกคำของท่านที่ได้กล่าวออกไป พ่อท่านคลิ้งมีความสนิทและชอบพอกันดีกับ พ่อท่านคล้าย และพ่อท่านคล้ายมักจะ
    กล่าวยกย่องท่านอยู่เสมอในบรรดาลูกศิษย์เป็นที่ทราบกันดีในระหว่างลูกศิษย์ใกล้ชิด ระหว่าง พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน กับ พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง
    เมื่อพ่อท่านคลิ้งกับพ่อท่านคล้ายพบปะกันท่านมักจะดีใจยิ้มแย้มเข้าหากัน และสนทนากันเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ถึงการปฏิบัติธรรมของกันและกันอย่างสนิทสนม เถราจารย์อันแก่กล้าสององค์นี้มีความเหมือนกันเป็นประจักษ์ใน ความศักดิ์สิทธิ์ของวาจา พ่อท่านคล้ายมีความเชื่อมั่นในตัวพ่อท่านคลิ้งมาก ถึงกับเคยพากฐินไปทอดที่วัดถลุงทองถึงสองครั้งด้วยกัน
    เมื่อครั้งที่อาจารย์นำ วัดดอนศาลา พัทลุง ยังมีชีวิตอยู่ ท่านเคยพูดถึง พ่อท่านคลิ้ง เสมอ และให้นิมนต์ไปร่วมปลุกเสกมงคลวัตถุชิ้นสุดท้าย คือรูปเหมือนและกริ่งทักษิณชินวโรด้วย อาจารย์นำเคยกล่าวกับ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคคลว่า
    “หากสิ้นบุญฉันแล้ว มีกิจอันใดที่สำคัญก็จงไปหาพ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง ร่อนพิบูลย์นครศรีฯเถิด ท่านเก่งและแก่กล้าทางญาณสมาธิมาก”
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนพ่อท่านคลิ้งวัดถลุงทอง .
    ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240812_171543.jpg IMG_20240812_171626.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...