ลังกาวตารสูตร

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย บุตรพระแม่อนุตตรธรรม, 2 ตุลาคม 2009.

  1. บุตรพระแม่อนุตตรธรรม

    บุตรพระแม่อนุตตรธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    548
    ค่าพลัง:
    +428
    [​IMG]
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสพระสูตรนี้
    ไว้ที่เกาะลังกาเพื่อที่จะโปรดคน ให้ได้สติสำนึก
    รู้ถึงเวรภัยแห่งการฆ่าฟัน และเบียดเบียนชีวิต
    เลือดเนื้อซึ่งกันและกัน
    ท่านอริยะครูหลาย ๆ ยุค ท่านกล่าวว่าถ้า
    ใครอ่านพระสูตรนี้ครบ ๑๐ จบ แล้วจิตใจไม่
    เศร้าสลด ยังแข็งกระด้างอยู่ ใจยังไม่อ่อนลง
    แล้วบุคคลนั้น
    ชาติหน้าจะมีหวังที่จะเกิดเป็น
    มนุษย์อีกหรือ
    ?

    กรรม
    ผูกมัดกายเนื้อดึงดูดวิญญาณธรรม
    ชาติแห่งจิตหรือกรรมร่วมบังคับตัวไว้แล้ว

    ลังกาวตารสูตร
    เป็นพระคัมภีร์หลัก (Text)

    ของพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน เป็นหนึ่งในเก้า
    คัมภีร์ ซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญที่เรียกว่า
    สูตรสูตร

    ลังกาวตารสูตร
    แปลโดย
    ท่านพุทธทาสภิกขุ


    ข้อความในพระสูตรนั้นมีดังนี้
    :

    พระตถาคตเจ้า ผู้ทรงอรหันต์ได้ตรัสรู้
    อย่างดีถ้วนแล้ว และได้ตรัสความเป็นกุศลหรือ
    อกุศลแห่งการบริโภคเนื้อสัตว์แก่เรา เพื่อว่าเรา
    และสาวกอื่น ๆ ในพระพุทธศาสนาทั้งในปัจจุบัน
    และอนาคต จะได้ประกาศสัจธรรมอันนี้แก่เขา
    เหล่านั้น ผู้บริโภคเนื้อสัตว์เพื่อเป็นการทำลาย
    ความอยากในเนื้อสัตว์ของเขาเหล่านั้นเสีย
    พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า
    :

    โอ
    ,มหาบัณฑิต! ด้วยน้ำหนักแห่งเหตุผล
    อันมากมายเหลือจะประมาณ บ่งแสดงว่าเนื้อ
    สัตว์ทุกชนิดเป็นสิ่งที่ควรปฏิเสธ
    โดยสาวกแห่ง
    พระพุทธศาสนา ผู้มีใจเปี่ยมด้วยความกรุณาสำ
    หรับเขาเหล่านั้น เราจักกล่าวแต่โดยย่อ ๆ ดังนี้
    ..

    โอ
    ,มหาบัณฑิต! ในวัฏฏสงสารอันไม่มีใคร
    ทราบที่สุดในเบื้องต้นนี้ สัตว์ผู้มีชีพได้พากันท่อง
    เที่ยวไปในการว่ายเวียนตายเกิด
    ไม่มีสัตว์แม้
    แต่ตัวเดียวที่ในบางสมัยไม่เคยเป็นแม่ พ่อ
    พี่น้องชาย พี่น้องหญิง ลูกชาย ลูกหญิง
    หรือเครือญาติอย่างอื่นๆ แก่กัน
    สัตว์ตัวเดียว
    กันย่อมถือปฏิสนธิในภพต่าง ๆ เป็นกวางหรือ

    สัตว์สองเท้า สัตว์สี่เท้าอื่นๆ หรือเป็นนก ฯลฯ ซึ่ง
    ยังนับได้ว่าเป็นเครือญาติของเราโดยตรง สาวก
    แห่งพระพุทธศาสนา จะทำลงไปได้อย่างไรหนอ
    จัดเป็นผู้สำเร็จแล้วหรือยัง
    ?เป็นสาวกธรรมดา
    อยู่ก็ตาม ผู้เห็นอยู่ว่าสัตว์เหล่านี้ทั้งหมดเป็น
    ภราดร
    1ของตนแล้ว จะเชือดเนื้อเถือหนังของมัน
    อีกหรือ
    ?

    โอ
    ,มหาบัณฑิต! เนื้อสุนัข เนื้อลา อูฐ
    ม้า โค และเนื้อมนุษย์ ฯลฯ เหล่านี้เป็นเนื้อที่ผู้
    คนไม่รับประทาน แม้กระนั้นเนื้อของสัตว์เหล่า
    นี้ถูกนำมาปลอมขาย ในนามของเนื้อแกะ ฯลฯ
    เพราะเห็นแก่เงิน ด้วยเหตุนี้เนื้อสัตว์จึงเป็นสิ่งที่
    ไม่ควรกินโดยสาวกแห่งพระพุทธศาสนา
    โอ
    , มหาบัณฑิต! เพราะว่าเนื้อย่อมเกิดมา
    จากเลือดและน้ำอสุจิ
    เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นสิ่ง
    ไม่ควรบริโภค สำหรับสาวกแห่งพระพุทธศาสนา
    ผู้ประสงค์ต่อธรรมอันบริสุทธิ์ และเป็นการสร้าง
    ความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นในระหว่างกันและกัน
    โอ
    ,มหาบัณฑิต! เพราะฉะนั้นเนื้อจึงเป็น
    ของที่ไม่ควรบริโภค โดยบรรพชิตแห่งพระพุทธ
    ศาสนา ผู้ประสงค์เพื่อนมิตรภาพในสัตว์ด้วย

    กันถ้วนหน้า
    ตัวอย่างอันประจักษ์ เช่น เมื่อสัตว์ได้เห็น
    นายพรานป่า ชาวประมงหรือนักกินเนื้ออื่น ๆ
    เดินมาแม้ในระยะอันไกล สัตว์ทั้งหลายก็สะดุ้ง
    กลัวเสียแล้ว บางครั้งสัตว์บางชนิดก็ขาดใจตาย
    เพราะ
    ความกลัว เนื่องจากมันรู้ดีว่าเขาจะฆ่ามัน
    ทำนองเดียวกันกับสัตว์ตัวน้อยอื่นๆ ในท้องฟ้า
    บนบกหรือในน้ำก็ตาม เมื่อได้เห็นนักกินเนื้อแต่ที่
    ไกลหรือได้กลิ่นด้วยจมูกอันไวของมันก็จะพา
    กันวิ่งหนีไปไกล พร้อมกับความรู้สึกอยู่ในใจว่า
    เขาเหล่านั้นเป็นผี ยักษ์ อสุรกาย
    2 ผู้ล้างผลาญ
    นั่นเป็นเพราะ
    ความกลัวต่อความตายของมัน
    เนื้อ
    เป็นสิ่งที่ควรกินสำหรับผู้ใจดำอำมหิต
    เป็นสิ่งที่มีกลิ่นอันน่ารังเกียจ เป็นต้นเหตุแห่ง
    ความเสื่อมเสีย และเป็นสิ่งที่จะถูกห้ามกันโดย
    สัตบุรุษ
    โอ
    ,มหาบัณฑิต! เนื้อนี้เป็นของไม่ควร
    บริโภคโดยพุทธสาวก
    โอ
    , มหาบัณฑิต! สัตบุรุษย่อมบริโภคแต่
    อาหารที่สมควรแด่ท่านผู้บริสุทธิ์ ไม่ยอมบริโภค

    เนื้อและเลือด
    เพราะฉะนั้น
    ... ควรที่สาวกแห่งพระพุทธ
    ศาสนาจะต้องไม่บริโภคเนื้อสัตว์เลย

    พระพุทธเจ้า ผู้ซึ่งเยือกเย็นไปด้วยพระ
    มหากรุณา มีพระทัยเปี่ยมล้นไปด้วยความเป็น
    ที่พึ่ง ที่ป้องกันแก่ดวงใจของปวงสัตว์น้อยใหญ่
    และมีพระสัมปชัญญะ
    3สมบูรณ์ พอที่จะไม่ปล่อย
    ให้เป็นโอกาสสำหรับความเสื่อมเสียระบาดขึ้น
    ได้เลยนั้น
    ย่อมจะทรงบัญญัติเนื้อสัตว์ว่าเป็น
    สิ่งไม่ควรบริโภค

    โอ
    ,มหาบัณฑิต! ในโลกนี้มีคนอันมากซึ่ง
    กล่าวคำเท็จเทียมต่อพระพุทธดำรัส ให้ผิดไป
    จากความจริง เขากล่าวกันว่าบรรดาผู้ซึ่งคัดค้าน
    อาหารอันสมควรแด่ท่านผู้บริสุทธิ์ แห่งสมัย
    บรรพกาลนั้น ก็กินอาหารเหมือนนักกินเนื้อเช่น
    นี้แล้ว พวกเขาย่อมเที่ยวสร้างความทุกข์ความ
    เจ็บปวดให้แก่สัตว์น้อยใหญ่ ที่มีชีวิตอยู่ใน
    อากาศ บนบก และในน้ำ พวกเขารบกวนรังควาน
    มันอยู่เสมอ สมณภาพ
    4ของเขาถูกทำลายเสีย
    ย่อยยับแล้ว พราหมณ์ภาพของเขาถูกทำให้

    เศร้าหมองเสียแล้ว เขามิได้ประกอบด้วยศรัทธา
    และสมาจาร
    5คนชนิดนี้แหละที่กล่าวคำเท็จเทียม
    มากมายหลายชนิดแก่พระพุทธวจนะ
    โอ
    , มหาบัณฑิต! มีกลิ่นที่น่ารังเกียจไม่น่า
    บริโภคอยู่ในเนื้อสัตว์เช่นเดียวกัน กับกลิ่นแห่ง
    ศพ แม้เหตุผลเพียงเท่านี้ เนื้อสัตว์ก็เป็นสิ่งของไม่
    ควรบริโภค สำหรับพุทธศาสนิกชนอยู่แล้ว ถ้า
    หากว่าศพถูกเผา และเนื้อสัตว์อย่างใดอย่าง
    หนึ่งถูกเผา มันก็จะมีกลิ่นอันน่ารังเกียจไม่แตก
    ต่างอะไรกันเลย
    ดังนั้น
    บรรพชิตในพระพุทธศาสนาผู้หวัง
    ความบริสุทธิ์จะไม่บริโภคเนื้อใด ๆ เลย
    เพราะ
    ว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกรังเกียจกันแล้ว สำหรับท่านผู้
    บริสุทธิ์และสาวกของท่าน ในกรณีที่จะพยายาม
    เพื่อโมกษะและความตรัสรู้ เพราะฉะนั้นสาวกผู้
    เดินตามทางอันสูงยิ่งนี้ ทั้งครอบครัวลูกหญิงชาย
    ย่อมอยู่อย่างเต็มใจ ว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกรังเกียจกัน
    ในทุก ๆ กรณีที่พยายามเพื่อสมาธิ
    โอ
    , มหาบัณฑิต! เพราะฉะนั้น เนื้อทุกชนิด
    เป็นสิ่งที่ไม่ควรบริโภคสำหรับพุทธศาสนิกชน
    ซึ่งเป็นผู้ที่ปรารถนาจะมีสาธุคุณในทางจิตทั้ง

    เพื่อตนเองและผู้อื่น
    นักกินเนื้อย่อมเป็นเหยื่อ
    แห่งโรคหลายชนิด เช่น โรคไส้เดือน โรคพยาธิ
    โรคเรื้อน โรคเจ็บในท้อง ฯลฯ
    โอ
    ,มหาบัณฑิต! เรากำลังประกาศว่าการ
    กินเนื้อสัตว์ เป็นการกินเนื้อบุตรของตนเองอยู่
    ดังนี้แล้ว
    จะกล่าวไปอย่างไรได้ที่เราจะบัญญัติ
    ให้สาวกของเรากินเนื้อสัตว์
    ซึ่งเป็นของจัดไว้
    ต้อนรับของพวกคนใจอำมหิต เป็นของควรห้าม
    โดยท่านสัตบุรุษทั่วไป เต็มไปด้วยมลทินปราศ
    จากคุณใดๆ ไม่เหมาะที่จะบริโภคสำหรับผู้
    บริสุทธิ์ และเป็นของควรห้ามเด็ดขาดโดยประ
    การทั้งปวง
    โอ
    ,มหาบัณฑิต! เราได้บัญญัติไว้แล้วว่า
    สำหรับอาหารอันสมควร ซึ่งได้กำหนดนิยมกัน
    มาแล้ว โดยบรรดาท่านบริสุทธิ์แห่งสมัยบรรพ
    กาลได้แก่ อาหารที่ปรุงขึ้นจากข้าว ลูกเดือยข้าว
    สาลี สารแห่งหญ้ามุญชะ
    6 อูรทะและมสุร นมส้ม
    น้ำนม น้ำตาลสด น้ำตาลกรวด ฯลฯ
    โอ
    , มหาบัณฑิต! ในกาลก่อนมีพระราชา
    ครองราชย์สมบัติอย่างผาสุก พระองค์หนึ่งนาม
    ว่าราชาสิงหะเสาทโส ต่อมาได้กลายเป็นผู้ละโมบ

    ในการบริโภคเนื้อ จนในที่สุดถึงกับใช้เนื้อคนเป็น
    อาหาร เนื่องจากความอยากเป็นไปแก่กล้า
    หนักเข้า เพราะเหตุนี้พระองค์จึงถูกปลดออก
    จากความเป็นพระราชา โดยพระสหายเสนาบดี
    และพระประยูรญาติของพระองค์เอง พร้อมทั้ง
    คนอื่น ๆ จนกระทั่งต้องสละราชสมบัติ และถูก
    เนรเทศ ออกไปจากแคว้นของพระองค์โดยประ
    ชาชนต้องรับทุกข์ทรมานอันใหญ่หลวง เนื่องจาก
    เนื้อสัตว์เป็นเหตุ
    โอ
    , มหาบัณฑิต! ก็ในปัจจุบันชาตินี้เองเขา
    เหล่านั้น ซึ่งเคยชินกับการกินเนื้อสัตว์ในมาตร
    ฐานนี้ เมื่อความอยากเป็นไปรุนแรงเข้าก็กินเนื้อ
    คนได้ ย่อมเป็นผู้ละโมบในการกินและเป็นเหมือน
    ยักษ์ ปีศาจร้าย ครั้นถึงอนาคตกาลเพราะอำนาจ
    จิตติดฝังแน่นในการอยากกินเนื้อสัตว์ เขาย่อม
    ตกไปสู่กำเนิดแห่งสัตว์ที่กินเนื้อเป็นอาหาร เช่น
    สิงโต เสือ จระเข้ สุนัขจิ้งจอก แมว นกเค้าแมว
    ฯลฯ
    โอ
    , มหาบัณฑิต! มิใช่เพราะเนื้อจะเป็นของ
    ต้องกินหรือการฆ่าเป็นของต้องทำก็หามิได้ ใน
    กรณีนั้นๆ ส่วนมากทั้งหมดเป็นเพราะการเห็นแก่
    เงินจึงฆ่าสัตว์ที่มีชีวิต ถึงแม้จะเป็นสัตว์เชื่องและ
    ปราศจากอันตรายแต่อย่างใดก็ถูกฆ่า การฆ่า
    เพราะเหตุอื่นนั้นมีน้อยที่สุด มันเป็นการทรมาน
    เขามาก ในเมื่อใจเต็มไปด้วยความอยากกินเนื้อ
    อย่างแรงกล้า คนก็กินเนื้อคนได้อยู่เสมอจะต้อง
    กล่าวไปทำไมกับเนื้อสัตว์ เนื้อนก ฯลฯ โดยส่วน
    มาก ก็เนื่องจากความโง่เขลาเข้าใจผิด มนุษย์จึง
    ได้รับ
    กรรมเกิดความกระวนกระวาย โดยความ
    อยากในเนื้อสัตว์ คนฆ่านก ฆ่าแกะ และปลา โดย
    ใช้ข่ายหรือเครื่องกลการฆ่ามันเหล่านั้น ซึ่งเป็น
    สัตว์ที่เชื่องและหาอันตรายมิได้ นั่นก็เพื่อหวังจะ
    ให้ได้เงิน
    โอ
    , มหาบัณฑิต! กรณีแห่งอาหารที่เราได้
    บัญญัติแก่สาวกนั้น มิใช่เนื้อสัตว์ชนิดใดชนิด
    หนึ่งเลยซึ่งเป็นของควรกิน สัตว์ซี่งเป็นของ
    ไม่ควรกิน
    ไม่เป็นเหตุควรถูกกิน ไม่ใช่สิ่งที่ควร
    สมมุติว่าควรกิน ในอนาคตกาลสงฆ์สาวกของเรา
    จะเกิดมีคนบางคน ซึ่งกำลังสมาทานข้อปฏิบัติ
    แห่งบรรพชิตและกำลังปฏิญาณตนเป็นศากยบุตร
    กำลังครองผ้ากาสาวพัตร์สีแดงหม่น จะเป็นผู้มัว
    เมาและประกอบตนคลุกเคล้า อยู่ในความเพลิด
    เพลิน เขาจะมีจิตที่เต็มไปด้วยความปรารถนาลา
    มกบัญญัติข้อปฏิบัติที่ผิดแบบแผนขึ้นใหม่ เขา
    เหล่านั้นเป็นผู้อยากเสพเพราะติดรส และจะ
    เรียบเรียงพระคัมภีร์ให้มีข้อความเท็จ อันจะ
    เป็นเครื่องยืนยัน และโต้แย้งอย่างพอเพียง
    สำหรับการกินเนื้อสัตว์กัน เขาจะบัญญัติสิ่งที่
    ตถาคตมิได้บัญญัติไว้ เขาจะกล่าวข้อความที่
    ส่งเสริมการกินเนื้อสัตว์ เขาจะกล่าวว่าเรา
    ตถาคตได้บัญญัติไว้ในเรื่องนี้ และว่าเราตถาคต
    นับมันเข้าไว้ในสิ่งทั้งหลายที่ควรกิน และว่าพระ
    ภควันต์
    7ก็ได้ทรงเสวยเนื้อสัตว์โดยพระองค์เอง
    แต่ โอ
    , มหาบัณฑิต! เรามิได้เคยบัญญัติเนื้อ
    สัตว์ไว้ในสูตรใด ๆ หรือกล่าวว่ามันเป็นของควร
    กินหรือนับมันเข้าในประเภทของดีที่ควรกิน
    โอ
    , มหาบัณฑิต! อริยสาวกทั้งหลายไม่
    บริโภคแม้แต่สิ่งที่คนธรรมดาชอบกินนิยมกันว่า
    ดี เขาเหล่านั้นจะมาบริโภคเนื้อและเลือดซึ่งเป็น
    ของควรปฏิเสธได้อย่างไรเล่า
    ? เหล่าสาวกของ
    ตถาคตเป็นผู้เดินตามแนวสัจธรรม คนผู้มีปัญญา
    เป็นเครื่องคิดค้นของตนเอง และบรรดาพุทธ
    ศาสนิกชนทั้งหลายอื่นๆ
    (แห่งพระพุทธเจ้าองค์
    อื่นๆ
    ) ก็เป็นเช่นเดียวกัน เขาเหล่านั้นมิใช่ผู้กิน
    เนื้อสัตว์ พระตถาคตเจ้าทั้งหลายในกาลก่อน ๆ
    ก็เป็นดั่งนี้ พระตถาคตเจ้าทั้งหลายมีสัจธรรม
    เป็นพระกายของพระองค์ ทรงดำรงพระชนม์ชีพ
    อยู่ด้วยสัจธรรมไม่ทรงดำรงกายด้วยเนื้อสัตว์
    ท่านเหล่านั้นไม่เคยเสวยเนื้อสัตว์ พระองค์
    ทรงเพิกถอนความอยากในโลกีย์วัตถุได้ทั้งหมด
    แล้ว ท่านเหล่านั้นปราศจากมลจิตอันเป็นมูลแห่ง
    ความทุกข์ ท่านเต็มเปี่ยมไปด้วยปรีชาญาณอัน
    ไม่ข้องขัด ในอันจะหยั่งทราบสิ่งซึ่งเป็นกุศลและ
    อกุศล ทรงทราบสิ่งทั้งปวงเห็นแจ้งสิ่งทั้งปวง พระ
    องค์ทรงมองไปที่สรรพสัตว์ คล้ายกับบุตรของ
    พระองค์เองทรงกอปรด้วยมหาเมตตา มหากรุณา
    โดยทำนองเดียวกัน เราตถาคตเห็น สรรพสัตว์
    เช่นเดียวกับบุตรของเราเอง เราจะบัญญัติให้
    สาวกของเรา บริโภคเนื้อลูกของเราได้อย่างไร
    เล่า และเราเอง ก็จะบริโภคมันได้อย่างไรเล่ามัน
    ไม่มีข้อควรสงสัยเลย ในเรื่องที่ว่าเราได้บัญญัติ
    ให้สาวกบริโภคหรือเราได้บริโภคมันโดยตนเอง
    หรือไม่
    ?
    (
    ในที่สุด ได้ตรัสคำที่ผูกเข้าเป็นคาถา ซึ่งจะ
    ยกมาในที่นี้แต่บางคาถา มีใจความว่า
    )

    โอ
    , มหาบัณฑิต! พระชินวรได้ตรัสไว้แล้ว
    ว่าสุรา เนื้อและหอม กระเทียม เป็นสิ่งที่พุทธ
    ศาสนิกชนไม่ควรบริโภค บรรพชิตควรเว้นเสมอ
    จากเนื้อสัตว์ หัวหอม กระเทียม และนานาประภท
    แห่งเครื่องดื่มอันมึนเมา
    เขาผู้ฆ่าสัตว์ชนิดใด ๆ ก็ตามเพื่อเงินและเขา
    ผู้ซึ่งจ่ายเงินเพื่อซื้อเนื้อนั้น ทั้งสองพวกได้ชื่อว่า
    เป็นผู้ประกอบ
    อกุศลธรรม และจักจมลงสู่โรรุวะ
    นรกและนรกอื่นๆ
    เราบัญญัติ ห้ามกินเนื้อสัตว์ไว้ในข้อความ
    แห่งคัมภีร์ เหล่านี้คือ
    .หัสติกักสยะ ๒. มหาเมฆะ
    .นิรวาณางคลีมาลิกา ๔.ลังกาวตารสูตร
    ฉันเดียวกันกับที่ ความถูกพันธนาการเป็น
    ข้าศึกของความหลุดพ้นเป็นอิสรภาพ เนื้อสัตว์
    สุรา ฯลฯ ก็เป็นข้าศึกของนิรวาณ
    ( นิพพาน)

    ฉันนั้น
    ดังนั้น เนื้อสัตว์ซี่งเป็นของดูน่ากลัวแก่
    สรรพสัตว์ และเป็นอุปสรรคแก่การปฏิบัติเพื่อ
    วิมุตติ
    จึงเป็นของไม่ควรกินนี่คือธงชัยแห่งอารยชน


    ข้อคิดพิจารณาธรรม
    ท่านพุทธทาสภิกขุแห่งสวนโมกข์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
    ทำไมเราจึงไม่ควรกินเนื้อสัตว์?
    เพราะเป็นการปฏิบัติเพื่อยึดเอาประโยชน์ทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายธรรม การไม่กินเนื้อสัตว์เป็นทางก้าวหน้าของสัมมาปฏิบัติอย่างหนึ่ง ซึ่งได้ผลมาก โดยลงทุนทางวัตถุน้อยที่สุดแต่ให้ผลมากทางใจ
    ประโยชน์ทางฝ่ายธรรม
    ข้อที่ ๑ เป็นการเลี้ยงง่ายยิ่งขึ้น
    เพราะพวกพืชผัก เป็นของหาง่ายในหมู่คนยากจนเข็ญใจ ซึ่งมีการปรุงอาหารด้วยผักเป็นพื้น นักกินผักย่อมไม่มีเวลาไปกระวนกระวายเพราะอาหารไม่ค่อยจะถูกปากถูกลิ้นนักเลย ในขณะที่นักกินเนื้อมักต้องเลียบๆ เคียงๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งภัตตาหารเนื้อบ่อยๆ ญาติโยมเสียไม่ได้ในท่าทีก็พยายามหามาถวายศรัทธาญาติโยมที่มีใจเป็นกลาง เคยปรารภกับข้าพเจ้าหลายต่อหลายครั้งว่า เขาสามารถจะเลี้ยงพระได้ถึง ๕๐ รูป โดยไม่รู้สึกลำบากอะไรเลย หากเป็นอาหารที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อกับปลา แต่ที่ผ่านมาต้องฝืนใจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อย่างมากๆ ไม่ใช่ว่าจะคิดว่า เนื้อมีราคาแพงกว่าผักแต่เป็นเพราะรู้ว่าสัตว์ถูกฆ่าตาย เพื่อการทำบุญเลี้ยงพระของเรามีอีกหลายคน ที่ทีแรกค้านว่าการทำอาหารมังสวิรัติวุ่นวายลำบาก แต่เมื่อได้ทดลองทำไป ๒-๓ ครั้ง กลับสารภาพว่าเป็นการง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย เพราะบางคราวไม่ต้องไปติดไฟเลยก็มี ตัณหาของนักกินผักกับกินเนื้อมีความแตกต่างกันอย่างไร จะกล่าวในข้อหลังเฉพาะข้อนี้ขอจงทราบไว้ว่า
    “คนกินเนื้อสัตว์ เพราะแพ้รสตัณหา
    กินเพราะตัณหา ไม่ใช่เพราะเลี้ยงง่าย”
    ข้อที่ ๒. เป็นการฝึกในส่วน “สัจธรรม”
    คนเราห่างไกลจากความพ้นทุกข์ก็เพราะมีนิสัยเหลวไหลต่อตัวเอง สัจจะในการกินผักนั้นเป็นแบบฝึกหัดที่น่าเพลินบริสุทธิ์ ได้ผลสูงเกินกว่าที่คนไม่เคยทดลองจะคาดถึง พืชผักเป็นอาหารที่จะหล่อเลี้ยง “ดวงธรรมแห่งสัจจะ”ในใจของเราให้สมบูรณ์แข็งแรงดังนั้นการฝึกกินผัก อาหารพืชผักจึงเป็นแบบฝึกหัดสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ที่ยอดเยี่ยมกว่าแบบฝึกหัดอย่างอื่นๆ เพราะแบบฝึกหัดบางอย่างค่อนข้างง่าย แต่บางอย่างก็ยากเกินจะฝึกทำให้ไม่สามารถนำมาเป็นเกมฝึกหัดประจำทุกๆวัน แต่เราผู้ปฏิบัติธรรมต้องฝึกทุกวันจึงจะได้ผลเร็ว เหตุฉะนี้การฝึกใจด้วยเรื่องอาหารอันเป็นสิ่งที่เราต้องบริโภคอยู่ทุกวันจึงเหมาะมาก อย่าลืมพระพุทธภาษิตที่มีใจความว่า
    “สัจจะเป็นคู่กับผ้ากาสาวพัสตร์”
    ข้อที่ ๓.เป็นการฝึกในส่วน“ทมะ”ธรรม
    “ทมะ” คือ การข่มใจให้อยู่ในอำนาจ คนเราเป็นทุกข์เพราะตัณหาอันได้แก่ ความอยากที่ข่มใจไว้ไม่อยู่ มีข้อพิสูจน์เฉพาะเรื่องผักกับเนื้อง่ายๆ เช่นข้าพเจ้าเคยเห็นชาวบ้านที่มาจากป่าดอนสูงๆ อุตสาห์หาบเอาพวกพืชผักลงมาแลกปลาแห้งๆ จากชาวบ้านแถบริมทะเลขึ้นไปกินทั้งๆ ที่ต้องเสียเวลาเป็นวันๆ ในขณะที่กลางบ้านของเขาก็มีอาหารพวกพืชผัก เผือก มัน ฟัก มะพร้าวฯลฯ อย่างอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งอาหารเหล่านี้ยังเป็นของสด สามารถบำรุงร่างกายได้มากกว่าปลาแห้งๆ และขึ้นราที่พวกเขาสู้อุตส่าห์ลงมาหามหิ้วขึ้นไปเก็บไว้กินเป็นไหนๆดังนั้น… ผู้ที่ไม่มีการข่มรสตัณหาจักต้องเป็นทาสของความทุกข์ และถอยหลังต่อการปฏิบัติธรรม เหตุนี้การข่มจิตด้วยเรื่องอาหารการกินจึงเหมาะมาก เพราะจะมีการข่มได้ทุกวันการข่มจิตอยู่เสมอเป็นของคู่กับผ้ากาสาวพัสตร์เช่นกัน
    โปรดทราบ! ว่ามันเป็นการยากยิ่งที่คนแพ้ลิ้นจะข่มตัณหา โดยพยายามเลือกกินแต่ผักจากจานอาหารที่เขาปรุงด้วยเนื้อ และผักปนกันมาจงยึดเอาเกมกีฬาฝึกข่มจิต ที่เป็นเครื่องชนะตนอันนี้เถิดการเลี้ยงพระในงานต่างๆ ข้าพเจ้าเคยเห็นเคยได้ยินเสียงเอ็ดตะโร เรียกเอาแต่อาหารเนื้อส่วนอาหารผักล้วนดูเหมือนว่าเป็นการยากที่จะถูกเลือกกับเขา มิหนำซ้ำยังเหลือกลับไปอีก แมกระทั่งอาหารที่ปรุงระคนกันมาก็หายไปแต่ชิ้นเนื้อคงเหลือแต่ผักติดจานกลับไป และยิ่งไปกว่านั้น ก็คือควรรู้ไว้ด้วยว่าบรรดาพ่อครัวแม่ครัวและเจ้าภาพเขารู้ตัวก่อนด้วยซ้ำไป จึงปรุงอาหารเนื้อสัตว์เอาไว้ให้มากกว่าอาหารผักหลายเท่านัก ทั้งนี้ก็เพราะตัณหาทั้งของฝ่ายแขกเหรื่อชาวบ้าน และฝ่ายบรรพชิตทั้งหลายร่วมมือกัน “แบ่งอิทธิพล”
    ข้อที่ ๔. เป็นการฝึกในส่วน “สันโดษ”
    สันโดษ คือ ความพอใจเฉพาะสิ่งที่มีอยู่ตามฐานะของตน โดยทั่วไปชีวิตของผู้ออกบวชย่อมดำรงอยู่ด้วยอาหารชั้นเลว ทว่าข้าพเจ้าเคยเห็นบรรพชิตบางรูป เว้นไม่ยอมรับอาหารจากคนจนเพราะเห็นว่าเลวเกินไป คือเป็นเพียงผักหรือผลไม้ชั้นต่ำ และถึงแม้จะรับมาก็เพื่อทิ้ง นี่เป็นตัวอย่างของผู้ที่ไม่เคยมีความสันโดษหรือถ่อมตนดังนั้น… การฝึกเป็นนักกินผัก กินอาหารอย่างง่ายๆ จะแก้ได้หมด “สันโดษเป็นทรัพย์อย่างเอกของบรรพชิต”
    ข้อที่ ๕. เป็นการฝึกในส่วน “จาคะ”
    จาคะ คือ การสละสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อความสงบหรือความพ้นทุกข์ นักกินผักที่แท้จริงมีดวงจิตบริสุทธิ์ผ่องใส เกินกว่าที่จะมีใจนึกอยากในเรื่องจะบริโภคอาหารที่มีรสหลากหลาย เพราะผักไม่ยั่วในการบริโภคมากไปกว่ากินเพื่ออย่าให้ตาย ซึ่งต่างไปจากเนื้อสัตว์ที่ยั่วให้ติดรสและมัวเมาอยู่เสมอ
    ความอยากในรสที่เกินจำเป็นของชีวิตความหลงใหลในรส ความหงุดหงิด เมื่อไม่มีเนื้อที่อร่อยมาเป็นอาหาร ฯลฯ เรื่องเหล่านี้ข้าพเจ้ารับรองได้ว่า ไม่มีดวงจิตของนักกินผักเลย ส่วนนักกินเนื้อนั้น ท่านจะทราบของท่านได้เองเป็นปัจจัตตัง เช่นเดียวกับธรรมะอย่างอื่นๆ
    ข้อที่ ๖. เป็นการฝึกในส่วน “ปัญญา”
    ปัญญา คือ ความรู้เท่าทันดวงจิตที่กลับกลอก การใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นโทษของการยึดมั่น และให้ใจละวางความยึดมั่นในการกินอาหาร แบบฝึกหัดที่ยากและเป็นก้าวที่ใหญ่ของการปฏิบัติธรรมเช่นนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการฝึกบริโภคอาหารผัก ที่จะเป็นอารมณ์อันบังคับให้ท่าน ต้องใช้พิจารณาตัวเองอยู่เสมอทุกมื้อเพราะเนื้อทำให้หลงในรส ส่วนผักทำให้ยกใจขึ้นไป ซึ่งเหมาะแก่สันดานของสัตว์ผู้มีกิเลสย้อมใจจนจับแน่นเป็นน้ำฝาดมาแต่เดิมปัญญาของท่านต้องรู้อยู่เสมอว่า ไม่ใช่จะไปนิพพานได้เพราะกินผัก เป็นแต่การกินผักจะช่วยขัดเกลากิเลสทุกๆ วัน
    แท้จริงแล้วข้าพเจ้าไม่ได้มีความเห็นว่าฝ่ายที่จะช่วยขัดเกลาจิตใจต้องเป็นผักความจริงอาจจะถือว่า ผักเป็นอาหารชั้นเลวหรือไม่ประณีตก็พอแล้ว แต่เมื่อมาพิจารณาใคร่ครวญให้ดีแล้วมันมาตรงกับอาหารผัก เพราะจะทำอย่างไร เนื้อก็เป็นของชวนกินเพียงแต่ต้มเฉย ๆ พอได้กลิ่นมันก็ยั่วตัณหาอยู่ดี!เพราะฉะนั้นฝ่ายที่จะปราบตัณหา จึงกลายเป็นเกียรติยศของผักไป อาหารผักเป็นอาหารที่ข่มตัณหาได้และมีแต่ความบริสุทธิ์จึงเหมาะสม สำหรับผู้ที่ระแวงภัย และตั้งอยู่ในความไม่ประมาทอยู่เสมอ
    ผลดีในฝ่ายโลก อาหารผักมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายยิ่งกว่าเนื้อสัตว์หรือไม่? เรื่องนี้วิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ก็บอกแก่เราชัดแจ้งอยู่แล้วว่าอาหารผัก จะทำให้ผู้บริโภคมีกำลังแข็งแรงโรคน้อย ดวงจิตสงบ ช่วยให้ความกระหาย ในความอยาก ความโกรธ ความมัวเมา บรรเทาลงเป็นอันมาก


    ดังนั้นในเทศกาลกินเจนี้ มากินเจกันดีกว่า
    [​IMG]

     
  2. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    ครับๆไม่ยักเคยรู้ว่าพระพุทธเจ้าเสด็จไป เกาะลังกาด้วยนะครับ หึหึ
    ประดับความรู้ เด๋วต้องลองไปคนดู

    อันว่าผู้คนเป็นอันมาก บริโภคเนื้อด้วยว่าอร่อย ติดในรสแห่งร่างกายอันเป็นธาตุ ด้วยอำนาจกิเลส จึงได้ฆ่าเองบ้าง จ้างหรือสั่งให้ผู้อื่นฆ่าบ้าง
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาท่านผู้มุ่งหวังมิเบียดบังชีวิตผู้อื่น

    เเต่เราชาวพุทธหมู่หนึ่งและพระสงฆ์เจ้าหินยานนิกายทั้งหลายส่วนมากย่อมพิจารณาโดยแยบคายตามที่พระศาสดาตรัสสอนดีแล้วว่า
    อันว่า เนื้อที่ถูกผู้คนฆ่าด้วยอำนาจกิเลสนี้เพื่อเลี้ยงชีพ ทำเป็นอาหาร ทำเพื่อแลกมาซึ่งสิ่งที่นำไปแลกต่อ(เงิน) เพื่อใช้จ่ายตอบสนองกิเลสตนบ้าง ด้วยความจำเป็นบ้างจึงทำชีวิตสัตว์อื่นให้ตกร่วงแล้วนำร่างไร้วิญญาณมาขาย หรือทำเป็นอาหารแก่ตน แล้วแบ่งมาเผื่อแผ่ทำบุญเพื่อเป็นกุศลในสัมปรายภพบ้าง เพื่ออุทิศกุศลไปบ้าง

    เราชาวพุทธทั้งหลายหมู่หนึ่งหรือผู้มีปัญญาหาเลี้ยงตนด้วยภิกขาจารมิพึงรังเกียจเพราะสิ่งทั้งหลายก็ย่อมสักแต่ว่าเป็นธาตุตามกำลังธรรมชาติของมัน ปราศจากความเป็นตัวตน ปราศจากชีวะ บุรุษ บุคคล ก็สักแต่ว่าร่างของสัตว์เหล่านั้น ย่อมเน่าเปื่อยผุพังไปตามเหตุ
    เรามิได้ฆ่าเอง สั่งให้ฆ่าเพื่อเรา หรือมิได้จ้างวานให้ฆ่าเพื่อเรา เราดำรงชีพด้วยอาหารอันปราณีตมิใช่เล็มผักเล็มหญ้าเฉกเช่นสัตว์เท้ากีบ หรือบริโภคเนื้อดิบเช่นสัตว์เท้าเล็บ มนุษย์ผู้มีปัญญาพิจารณาดีแล้วย่อมมิถึงด้วยความหลงผิดดอกท่าน
    แต่ข้าพเจ้ามิได้รองรับว่าชาวพุทธจักเห้นเช่นนั้น คิดเช่นนั้นทุกคน เพียงแต่ขอกล่าวเพื่อมิต้องการให้ท่านถือเอาวัตรนี้ลูบคลำ แล้วคิดว่าผู้กินเนื้อกินด้วยกิเลส กินด้วยความมิรู้ทั้งหมด เพราะการกระทำเช่นนั้นจะเห็นว่าตนดีกว่าได้ง่ายหากท่านทั้งหลายที่ไม่กินเนื้อ มิมีมานะเช่นนั้นข้าพเจ้าก็ขออดโทษตนในส่วนนี้ด้วยครับ
    หากเห็นว่าทุกสิ่งว่างเปล่า มีคือไม่มี ไม่มีคือมี ก็ย่อมเห็นเป็นธาตุ นี่ครับ
    อย่าได้เอาใจไปยึดติดในรสเนื้อ หรือจิตอาฆาตมุ่งร้ายในสัตว์เลย
    เพราะถ้าท่านเห็นว่า เราจะกินสัตว์นี้ๆ หรือเห็นว่าเนื้อสัตว์นี้นี้อร่อยดี ก็ย่อมเห็นสัตว์เป็นอาหาร เมื่อมองเป็นธาตุ พืชหรือสัตว์ก็มิต่างกันเลย ย่อมเป็นธาตุเช่นเดียวกัน
    หากกินเนื้อแต่มิได้พิจารณาด้วยปัญญาว่าเห็นเป็นธาตุโอกาสพลาดก็ไปนรก เปรต เดรฉาน อสุรกายได้ เพราะติดรสเนื้อได้
    หากมิกินเลยได้ เฉกเช่นพวกท่านที่กินเจด้วยจิตบริสุทธิ์(หากกินด้วยเจตนบาบริสุทธิ์) ก็มิต้องกังวลในจุดนั้นเลยสินะครับ อนุโมทนาสาธุครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2009
  3. CHOTIYA

    CHOTIYA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +359
    สูตรนี้นักวิชาการยอมรับกันทั่วว่าเป็นสูตรที่แต่งขึ้นหลังพุทธกาล โดยยกเอาพระพุทธองค์ทรงไปเทศนาโปรดทศกรรณ เนื้อหาให้คนเลิกกินเนื้อสัตว์ฯ ถ้ากินเจโดยที่เกิดจากจิตเมตตาก็ดี ถ้ากินเจไว้คุยทับคนอื่นก็แย่ เคยมีเจ้าสำนักหนึ่งไปถามท่านพุทธทาสว่าท่านยังฉันเนื้อใช่ไหม ท่านพุทธทาสตอบว่าเราฉันธาตุ๔ ไปเลี้ยงธาตุ๔ นี่สิสุดยอดของการกินเจ ไม่กินทั้งเนื้อ ไม่กินทั้งผัก อิๆ
     
  4. ทิวัตถ์

    ทิวัตถ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +56
    ยากนักหนอไว้สักวันหนึ่งควรรู้แลจะเจอเองกับตน
     
  5. บุตรพระแม่อนุตตรธรรม

    บุตรพระแม่อนุตตรธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    548
    ค่าพลัง:
    +428
    ทุกคนการกินเจที่แท้จริงคือการปากสะอาด กายสะอาด ใจสะอาด
    มนุษย์นั้นถ้าเห็นแก่ตัว ไม่มีมนุษยธรรม ย่อมเกิดภัย
     
  6. marty

    marty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +439
    สาธุค่ะ

    ได้ดูสารคดีประวัติพระอริยสงฆ์

    อย่างท่านครูบาศรีวิชัย และ หลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านพระพุทธทาส ฉันพืชผักตลอดการบำเพ็ญของท่านค่ะ

    ครูบาศรีวิชัย ตั้งแต่สมัยท่านยังเด็ก ท่านก็เมตตาสัตว์ทุกชนิด นอกจากเมตตาแล้ว ก็ไม่เสพเลือดเนื้อสัตว์ใดๆเลยจนท่านมรณภาพกลับคืนไป

    ที่วัดอัมพวัน หากใครไปปฏิบัติบำเพ็ญ ก็จะมีแต่อาหารมังสวิรัติล้วนๆ

    ไม่มีพระโพธิสัตว์องค์ใดในโลกฉันเนื้อสัตว์แน่นอน ต้องบริสุทธิ์ภายนอกและภายใน

    พระอริยสงฆ์บางท่านที่ฉันเนื้อสัตว์แล้ว เมื่อละสังขาร แล้วอัฐิท่านทั้งกลายเป็นพระธาตุที่งดงาม เนื่องจากว่า ท่านบำเพ็ญจิตได้ดีมากๆ ใสบริสุทธิ์ มิได้ยึดหมายใดๆ แม้ว่ามิได้ฉันเจ ท่านก็มิได้สร้างกรรมในแต่ละวัน มีแต่เมตตาโปรดเวไนยครบทั้งสามทาง

    พระอาจารย์จี้กงเมตตาว่า พวกเราเป็นฆารวาสที่ต้องอยู่กับกระแสสังคมที่พัดพาทำให้เราสร้างกรรมต่างๆอยู่เสมอ ซึ่งต่างจากพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่ละวัน ก็มิได้กลั้วอยู่กับทางโลกีย์เหมือนพวกเราๆที่หาเช้ากินค่ำ พระสงฆ์ได้มีโอกาสทำงานให้กับพุทธศาสนา บำเพ็ญเพียรภาวนา สร้างบุญกุศลอยู่ทุกวัน แม้มิได้ฉันเจ แต่หากบำเพ็ญจิตภายในได้ดี ก็สามารถบรรลุธรรมได้ คือ เป็นพระอรหันต์ หรือ ไม่ก็พระโพธิสัตว์นั่นเอง

    แต่พวกเรายังมีความเป็นปุถุชนอยู่ ใจยังยึดมั่นถือมั่น ยึดหมายรูปนาม และในวัตถุ สิ่งสมมติต่างๆ ตัวเขาตัวเราบ้าง ตัวกูของกูบ้าง สร้างมโนกรรม วจีกรรม กายกรรมแต่ละวันในปัจจุบันชาติ แม้จะปฏิบัติบำเพ็ญธรรมดีหรือไม่ก็ตาม ก็ควรถือศีลเจ คนที่ปฏิบัติบำเพ็ญธรรมแต่มิได้ศีลเจ ก็ต้องสร้างบุญกุศลให้หนักกว่า คนที่ศีลเจ นั่นเอง

    อนุโมทนาค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2009
  7. ทิวัตถ์

    ทิวัตถ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +56
    Comferm มหา Conferm ว่า กินเจดีแน่นอน เอ จะบอกไรให้นะ ลังกาวตารสูตรนี่ท่านพุทธทาสแปลนะครับ อิอิ แล้วลองดูดิว่ามีพระพุทธะ โพธิสัตว์องค์ไหน มีปางถือน่องไก่ ถือขาหมู ถือก้างปลา เลือดเลอะปากอยู่บ้าง อิอิ ดีแล้ว ดีแล้ว
     
  8. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    ท่านเองก็เช่นกัน
    เอ......... แล้วท่านพุทธทาสท่าน ได้ บอกไหมครับว่า เป็น ของจริง หรือหลักฐานน่าเชื่อถือขนาดไหน อย่างถ้ามีคนแปล แฮรี่ พอตเตอร์ ก็คงยกเป็น referenceไม่ได้มั้งครับ อิอิ
    อันนี้ คิดกลางๆนะครับ มองต่างมุม หึหึ

    จริงอยุ่ผู้บำเพ็ญเพียร บารมี ท่านก็คงไม่มีจิตใจอยากเสพชีวิตผู้อื่นหรอกครับ ท่านมีสิ่งใดท่านก็ทานสิ่งนั้น แต่สิ่งที่ ท่านทานนั้นเป็นธาตุ หาได้ติดใจในรสอาหาร ท่านไม่ได้มีจิต นอกๆ ธรรมดาๆเห็นเป็นเนื้อหมู ไก่เช่นนั้น หรอกมั้งครับ ท่านคงไม่คิดตื้นๆขนาดนั้นมั้งครับ ท่านไม่ฆ่า แต่ก็ไม่ได้แปลว่าท่านไม่กิน และการกินก็ไม่ได้แปลว่ากินด้วยอำนาจกิเลสทุกครั้งนะครับ

    ท่านเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ในการทาน จิตไม่ได้มีกิเลสก็มีได้ แต่การฆ่านั้น ไม่มีทางเลยที่จิตจะไม่มีกิเลส
    แต่ถ้ากลัวจิตใจตนเอง จะไม่ฆ่า ไม่กินก็ดีแล้ว ไม่ว่ากัน

    เห็นภาพแล้วสงสารผมก็จะงดเว้น ไม่ทานเนื้อบางมื้อ บางวันด้วย ก็ยังมีproteinบางชนิด(essential aminoacid)ที่ร่างกายยังต้องการอยู่
    (จริงๆ เห็นด้วยนะ ว่าไม่ควรฆ่า แค่ผมแย้งเพราะไม่อยากให้ ยึดการทานเจมากเกินไป เด๋วจะทำให้ผู้ปฏิบัติที่ไม่ทานเจ รู้สึกไม่บริสุทธิ์เท่านั้นเอง)
    อนุโมทนาในความดีที่จะเกิดขึ้นนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2009
  9. ทิวัตถ์

    ทิวัตถ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +56
    ว้าวสนุกจังเรย ชอบๆๆ ไม่เปนไรคับ ต่อให้ทานเจแต่จิตเป็นมารยังไงก็มารแหละคับ ดูอย่างพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ดิ่ พระองค์ท่านฉันท์ผักข้างเนื้อยังสำเร็จธรรมเป็นพระโพธิสัตว์ได้ ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจคับ แต่ที่กินเจก็เพราะว่า เมื่อเวลาผ่านมาและต่อไปหากกินเนื้ออยู่อีกจะกลายเป็นคนที่ติดในรสไง ซึ่งหลายคนก็เป็นอย่างนั้น แต่ถ้าท่านไหนแค่คิดว่า กินเพราะเห็นว่าเป็นธาตุที่กินเข้าไปให้ผ่านไปแต่ละมื้อเท่านั้นและพยายามทานเจเขี่ยก็ อนุโมทนาด้วย เนาะ บำเพ็ญมีหลายสายหลายวิธิแต่จุดหมายเดียวกัน คือ นิพพาน
     
  10. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ลังกาวตารสูตร เป็นพระสูตรทางมหายานครับ....

    โมทนาสาธุธรรม.....
     
  11. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    เจเขี่ย คืออะไรครับ
    ผักข้างเนื้อ คืออะไรครับ
    แล้วนิพพานคืออะไรครับ
     
  12. roongruang

    roongruang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +16
    ควรหรือมิควรทานลองใช้ปัญญาที่ไม่ปนความอยากพิจารณาดูจะรู้
    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  13. catwoman121

    catwoman121 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +87
    ...

    ผ่านมาดู เพราะเจ้าของกระทู้

    หมุนๆ มาอ่าน

    หมุนไปเห็นภาพสัตว์..

    ร้องไห้ออกมาเลย ทรมานใจ น่าสงสารมาก



    วันนั้นฟังธรรมสามวัน เราก็ดูไม่ได้เลย คลิปวิดิโอ..

    เดินออกมา ร้องไห้ไม่หยุด ออกมาแล้วก็ยังร้อง น่าสงสารมาก



    ดูไม่ได้ เห็นในทีวีก็ร้อง น่าสงสาร

    ตัวเรานั้นตอนนี้กินมังฯได้ 5 เดือนแล้ว ก่อนหน้านี้กินเฉพาะวันพระ

    ถือศีลให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

    แต่ช่วงหลังมานี้ทานมังฯทุกมื้อ ทุกวัน ติดต่อกันมา 5 เดือนแล้ว

    เหตุที่กินมังฯเพราะว่าเราอยู่หอพัก ไม่มีตู้เย็น ห่างไกลบ้าน

    เลยทานเจไม่สะดวก เพราะต้องซื้อเค้ากิน

    แต่ถ้ามื้อไหนสะดวกก็ทานเจ

    ตอนแรกตั้งใจจะทานจนถึงวันเกิด เดือนธันวา

    แต่พอมาเห็นและฟังธรรม ความคิดก็เปลี่ยนไป

    อยากกินมังฯต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนด

    เพราะสงสารสัตว์น้อยใหญ่เหลือเกิน ยิ่งมาเห็นเค้าฆ่า ยิ่งหดหู่

    สงสารมากกกกก เสียงกรีดร้อง ขอชีวิต ภาพที่โดนเค้าฆ่าแล้วก็ยังไม่ยอมตาย

    พยายามดิ้นรนอยากมีชีวิตต่อ เราเห็นแล้วเรายิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม

    น่าสงสารเหลือเกิน...



    แต่เราก็ไม่ได้ต่อต้านคนที่ไม่ทานเจ หรือทานมังฯ ไม่ได้

    เพราะทุกคนก็ถูกเลี้ยงมาด้วยการกินเนื้อสัตว์กันทั้งนั้น

    เราก็กินมาตั้งแต่เกิด ทุกคนเกิดความเคยชิน จะเลิกก็ลำบาก(บางคน)

    เราก็อยากจะให้ทุกคนเห็นคุณค่าของอาหารที่เรากินเข้าไป

    เนื้อสัตว์ที่ท่านกินทุกชิ้น ที่เค้าสละชีวิตเพื่อให้ท่านกิน ก็จงกินให้หมด

    อย่าให้เหลือ



    เห็นตามร้านอาหารแล้วน่าเวทนา ยิ่งร้านหมูกระทะด้วยแล้ว

    ผู้คนชอบตักอาหารล้นๆ ตั้งไว้บนโต๊ะของตัวเอง กินก็กินไม่หมด

    แล้วดูสิ กี่ชีวิตที่ต้องทิ้งไป นั่นเนื้อตรงนั้น มันเป็นอะไรมาก่อน

    อาจเป็นสะโพกหมู ขาหมู แขนหมู แล้วกี่ชีวิต กี่ศพล่ะ?

    เพราะฉะนั้นก็ควรกินให้หมด ให้สมกับที่เค้าสละชีวิตมาให้เราแล้ว..



    อนุโมทนาสำหรับทุกคนที่มีใจเป็นกุศล ทานเจ หรืองดเว้นเนื้อสัตว์

    หรือแค่มีจิตใจเมตตาก็นับว่าน่ายกย่องแล้ว



    ธรรมะ = ธรรมชาติ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ

    บางคนสงสารสัตว์ แต่พอเดินไปเจอหมูปิ้ง พอได้กลิ่น ก็ลืมหมดความสงสาร

    เพราะถ้ายังอยากกิน และไม่สามารถข่มใจตัวเองได้ ก็อย่ากินเจเลย

    เพราะกินไปก็ไม่ได้อะไร ยิ่งทรมานตัวเองไปเปล่าๆ ปล่อยไปตามธรรมชาติที่เราเป็น



    ส่วนตัวเพิ่งเริ่มกิน ก็มีบ้างที่พอได้กลิ่นก็ชวนอยากกิน แต่ก็ยังรู้จักหักห้ามใจ

    ก็ยังข่มใจไว้ได้ ยิ่งพอนึกถึงภาพสัตว์พวกนั้นโดนฆ่า กลิ่นที่คิดว่าหอม

    ทำให้เรากลับไม่อยากจะสูดดมกลิ่นนั้นเลย รู้สึกกระอักกระอ่วน



    ลูกขอขอบคุณแม่กวนอิมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกท่านที่แนะแนวทางลูก

    โดยเฉพาะแม่กวนอิม(เนียเนี้ย) ที่ชี้ทางลูกให้งดเว้นเนื้อสัตว์

    (เราฝันหลายครั้งที่มีเทพมาบอกให้กินมังฯหรือกินเจ)

    ขอบคุณเหลือเกิน ไม่รู้เป็นอุบายธรรมที่แม่ตั้งใจให้ลูกค้นพบหรือไม่

    แต่ลูกก็ซึ้งใจเหลือเกินที่ลูกงดเว้นเนื้อสัตว์ได้แล้วจวบจนทุกวันนี้



    ^________^ รักเนียเนี้ยมาก


    *ลูกจะของดเว้นเนื้อสัตว์ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด เพื่อละเว้นชีวิตให้ได้มากที่สุด*


    ----------------------------------------------------------------------


    นำโมกวนซีอิมผู่สัก

    โอม ศรี คเณ ศา ยะ นะ มะ ฮา

    โอม ศรี สรัสวตี เจ นะ มะ ฮา

    โอม ศรี มหาลักษมี เจ นะ มะ ฮา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2009
  14. roongruang

    roongruang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +16
    อนุโมทนาสาุธุครับ คุณ catwoman121
     
  15. jirat12182

    jirat12182 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +97
    เมตตาธรรม เป็นเครื่องค้ำจุนโลก สัตว์ต่างๆถูกฆ่าเพื่อเอาเนื้อและอวัยวะไปขาย เขาเหล่านั้นมิได้ตายเอง หากท่านไม่กินคงไม่มีใครฆ่าเป็นแน่แท้ ดังนั้นการฆ่านี้จึงเป็นการฆ่าเพื่อที่จะรอผู้มาซื้อไป ท่านลองพิจารณาดูซิว่าที่แท้แล้วท่านก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาเหล่านั้นต้องตายใช่ไหม คงไม่มีใครทำสินค้าออกมาหากไม่มีความต้องการในการบริโภค ท่านไม่กิน เขาก้อไม่ฆ่า สัตว์ทั้งหลายก้อไม่ตาย เมตตาพวกเขาเถิดครับ หยุดการกิน หยุดความตาย เขาไม่ควรต้องตาย เพราะมนุษย์เราสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องกินเนื้อสัตว์เลยครับ เทศกาลกินเจก้อเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีว่าเราสามารถดำรงอยู่ได้โดยไม่ทานเนื้อเขานะครับ ยอมเสียสละการกินนี้เถิดครับทุกๆท่าน เมตตาธรรม เป็นเครื่องค้ำจุนโลก
     
  16. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    สิ่งทั้งหลายเกิดเพราะมีเหตุ
    กรรมเกิดจากการกระทำ แต่กรรมบางอย่างนั้น ให้ผลมาก ก็มี ให้ผลน้อยก็มี ไม่ให้ผลเลยก็มี กรรม มิอาจบวกลบคูณหารกันตรงๆ กรรมอาจอาจให้ผลเลยหรือไม่ให้ผลทันทีในชาตินี้
    แต่สงผลถึงชาติหน้า สัตว์ทั้งหลาย มีโมหะเป็นเครื่องกางกั้นปัญญา จึงเดาเอา เข้าใจเอาไปเองว่า ทำอย่างนี้ๆแล้วดี เพราะเป็นอย่างนี้จึงเป็นอย่างนี้

    พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนกฏแห่งกรรมไว้ อย่างเเจ่มแจ้ง หากศรัทธาในพระพุทธศาสนาใช้ปัญญาพิจาณาจะเข้าใจว่า
    สัตว์ทั้งหลายล้วนมีกรรมเป็นของๆตน เมื่อเราไม่ฆ่า ไม่ใช้ให้ผู้อื่นฆ่า เมื่อเขาไม่ได้ฆ่าเฉพาะเจาะจงเพื่อเรา หากเราไม่มีเจตนา กรรมทั้งหลายก็ย่อมไม่ตกกับเรา เพราะเราไม่มีเจตนาในการฆ่า เราไม่มีส่วนเเห่งกรรมนั้น
    หากยึดมั่นถือมั่นว่า เขาฆ่าเพื่อเรา เพื่อเราอยู่ เมื่อท่าน รับเนื้อนั้นก็ย่อมมีส่วนของกรรมอันนั้นด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเจตนาไม่ฆ่าไม่กิน ก็ดีแล้ว กรรมที่ท่านงดเว้นก็เป็นเครื่องป้องกัน เป้นเครื่องกางกั้นบาปนั้นๆได้เช่นกัน

    ขออนุโมทนาในเจตนางดเว้นต่อการฆ่าสัตว์
    และอนุโมทนาในความดีที่จะเกิดขึ้น
     
  17. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    ขอ อนุโมทนาในความดีที่เกิดขึ้นครับ

    ผมเห็นด้วยกับการเจตนางดเว้นในชีวิตผู้อื่น แต่ ไม่จำเป็นต้อง กินเจเสมอไป เราอาจกินตาม มีตามได้ แต่เราไม่ได้แสวงหาซึ่งการกินเนื้อผู้อื่น
    คนที่เจตนางดเว้นแล้ว กินเจ ก็ดีแล้วนี่ครับ แต่คนที่กินไม่ได้ ก็อย่าตั้งใจกินเนื้อคนอื่นให้มากนัก เช่น ไปร้านก็อย่าเลือกร้านเพราะอยากกินอาหาร เลือกเพราะมีเหตุ เช่นใกล้ สะดวกหรือ เห็นแล้วใกล้เวลา สั่งอาหารก็ไม่ต้องดูเมนูลองดู สั่งเป็นอะไรก้ได้ครับ กับข้าวที่ทางร้านจะทำ เอาราคานี้ๆ(ไม่ดูเมนู) ไม่ได้สั่งพิเศษ ในเนื้อนั้นๆ แล้วก็กินไปเลย จะทำอะไรให้ก็กินกินไป
    หรือถ้าไปกับคนอื่นก็ไม่ต้องสั่ง คนอื่นสั่งอะไรก็กิน ด้วยครับ 5555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2009
  18. jariya_wael

    jariya_wael Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +49
    ศีลห้าจากพระอาจารย์จี้กง

    มีคนพูดว่า “ฉันไม่ได้ฆ่าคนอื่น ฉันฆ่าตัวเองฉันมีสิทธิ์” ที่ฆ่าตัวตาย ในสัญญาความจำที่สืบเสื่องมาจากอดีตชาติมันฝังเมล็ดพันธุ์ของการฆ่าตัวตายไว้แล้ว เกิดชาติต่อมาจึงมีอารมณ์อยากฆ่าตัวตาย ฉะนั้น ให้ระวังอย่าให้เกิดความคิดนี้ ใครที่ฆ่าตัวตายได้สำเร็จ อย่างน้อยจะต้องฆ่าตัวตายเรื่อยไปถึงเจ็ดครั้ง

    คำว่าฆ่าตัวตาย จะต้องหมายความว่า ฆ่าตัวกิเลสตัณหาของตัวให้เหลือไว้แต่จิตพุทธะ เป็นศิษย์พระพุทธจี้กง เป็นผู้บำเพ็ญวิถีอนุตตรธรรม สูงส่งเหลือเกิน กว่าจะได้เกิดกายเป็นคนนั้นยากนัก พระคุณของฟ้า ดิน พระคุณของบ้านเมือง พระคุณของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เบญจคุณากรยังมิได้ตอบแทน เจ้ามีสิทธิ์อะไรจะฆ่าตัวตาย

    อย่าช่วยเขาฆ่า เมื่อเห็นใครฆ่าสัตว์แล้วเจ้าพูดว่า “ฆ่าเสียให้ตายก็ดี” “เนื้อนี้อร่อยดี” ใครเขาปรึกษาจะทำแท้งถ้าเจ้าบอกว่า “ดี ดีเหมือนกัน อย่าเอาไว้เลย” เห็นอาหารเนื้อสัตว์มากมายในงานเลี้ยง ถ้าเจ้าบอกว่า “ดีจังเลย น่ากินจังเลย” อย่างนี้เท่ากับมีส่วนสนับสนุนช่วยฆ่า

    เจ้าถือศีลกินเจ ลูกจะแต่งงาน จะจัดเลี้ยงอาหารเนื้อสัตว์ถ้าเจ้าบอกว่า “ ตามใจ ” อย่างนี้เท่ากับมีส่วนช่วยฆ่า เจ้าจะต้องบอกว่า “พ่อแม่ถือศีลกินเจ ย่อมไม่สนับสนุนให้ลูกเบียดเบียนชีวิตเขา” ถ้าลูกยังขืนดึงดันจะเลี้ยงอาหารเนื้อสัตว์ พ่อแม่จนใจก็ได้แต่บอกว่า “ถ้าอย่างนั้น ลูกก็รับผิดชอบเองก็แล้วกัน”

    ขายขาจีน ในพิกัดยาใส่วนของสัตว์หรือแมลงอยู่ด้วย ผู้ขายจะต้องสำนึกว่า “อย่าได้เป็นบาปเป็นเวรแก่กันเลย มันจำเพาะเป็นยารักษาโรค” แต่อย่าแนะนำให้เขาเอายาไปตุ๋น เป็ด ไก่ ฯลฯ บำรุงกำลังเป็นอันขาด เพราะจะเท่ากับมีส่วนช่วยฆ่าด้วย

    ขายยานอนหลับ ยาประเภทกล่อมประสาทปลุกประสาท ฯลฯ เหล่านี้มีส่วนเกี่ยวกรรมกับการฆ่าด้วย เขาอาจกินเกินขนาด กินผิดพลาด ทำให้ประสาทเสีย พิการ ถึงตาย ให้ระวังให้มาก

    ผู้ตั้งปณิธานกินเจแล้ว กาย วาจา ใจ จะต้องสะอาด อย่าพูดพล่อย พูดให้เขาน้อยใจอยากตาย หรือหาทางตายไปจริง ๆ ขายของมีคมที่เป็นอาวุธทำลายชีวิตได้ให้ระวัง ผู้ขายสิ่งเหล่านี้มีเหตุแห่งกรรมหนุนนำมาแต่อดีตชาติ ผู้บำเพ็ญมิให้ใช้เครื่องหนังสัตว์แท้ เช่น เข็มขัด รองเท้า กระเป๋า ฯ

    ผู้สนับสนุน หรือสร้างค้านิยมเครื่องหนังแท้เท่ากับมีส่วนช่วยฆ่า ให้ใครหยิบยืมเงินทองต้องระวัง ต้องรู้ว่าเขาจะเอาไปทำอะไร ไปก่อกรรมไปทำแท้งฯ เราก็เท่ากับมีส่วยช่วยฆ่า จะร่วมบุญทานต้องพิจารณา หากเอาเงินไปช่วยร่วมงานบุญที่เขาล้มวัว ล้มควาย ฆ่าหมู เป็ด ไก่ ฯลฯ เราก็ไม่พ้นมีส่วนช่วยฆ่า

    ร่วมบุญทานบริสุทธิ์ฉุดช่วยคนให้พ้นทุกข์เหมือนปลูกเมล็ดพันธุ์เมล็ดเดียวเก็บเกี่ยวได้หมื่นเมล็ด

    ไม่ขายเบ็ดตกปลา เบ็ดอันนี้เขาซื้อไปตกปลา ได้ปลากี่ตัว ปลาเหล่านั้นก็จะมาคิดบัญชีกับเจ้า แม่บ้านกินเจแต่ยังต้องทำอาหารเนื้อสัตว์ให้พ่อบ้านและลูก ๆ ถ้าจำใจต้องซื้อปลา ระวังอย่าซื้อปลาท้องไข่ จะต้องเกี่ยวกรรมกับเขาหลายชีวิต

    ผู้บำเพ็ญหญิง จึงต้องหมั่นสำนึกขอขมากรรมเสมอ ๆ ทำไมคนเป็นโรคมะเร็งกันมากเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่การแพทย์เก่งกาจก้าวหน้าถึงเพียงนี้ ไม่น่าจะมีโรคแปลก ๆ ที่รักษาไม่หายมากมายอย่างนี้จึงจะถูก น่าจะสรุปผลได้อย่างเดียวว่า มันเกิดขึ้นตามแรงฆาตกรรม

    ธัญญาหารจะต้องอุดมสมบูรณ์เป็นแน่ โรคภัยไข้เจ็บก็จะลดน้อยลง ในสมัยพระอริยกษัตริย์ เหยาซุ่น สามพันกว่าปีก่อน ไม่มียาฆ่าแมลง พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์จะเห็นได้ว่ายิ่งฆ่า ยิ่งมาให้ฆ่าไม่หมด

    เสือเป็นสัตว์ป่ากินคน มีคนไปกินเสือไหม ไม่มีแต่เสือก็น้อยลงทุกวัน ส่วนเป็ดไก่ คนกินกันมากจึงเกิดมากขึ้น แมลงก็เช่นเดียวกัน กำจัดเท่าไรก็ไม่หมด บริเวณที่อยู่อาศัยให้รักษาความสะอาด มดแมลงวัน ก็จะน้อยลง เขามีกรรมร่วมกับเจ้า เขาต้องการอยู่รอดจึงมารบกวนเจ้า เจ้าฆ่าเขา เขาฆ่าเจ้า เหมือนคนกินแพะ แพะตายไป เกิดเป็นคน คนตายไปเกิดเป็นแพะ เวียนกันไม่จบสิ้น

    มีคำถามว่าหลังจากตั้งปณิธานกินเจตลอดชีวิตแล้ว สัตว์เลี้ยงที่บ้านจะจัดการอย่างไร เจ้าก็คิดเสียว่าเขาเกี่ยวกรรมกับเจ้ามา จงเลี้ยงดูเขาต่อไปจนกว่าจะตายแล้วฝังเขาเสียให้เขาไปเกิดใหม่

    ทำบุญ หรือจัดเลี้ยงในวันเกิด อย่าได้เบียดเบียนเดือดร้อนชีวิตสัตว์ การเกิดของเจ้ามิได้แสดงถึงความยิ่งใหญ่อันใดกลับทำร้ายสัตว์มากมายให้ตายลง บนบานศาลกล่าวเสร็จแล้วถวายหัวหมู ยังไม่ทันจะสร้างบุญกุศลกลับหาเรื่องให้ตัวเองซ้ำอีก ฟาดเคราะห์ไปเปราะหนึ่ง ยังไม่ทันไรเกี่ยวกรรมเข้าไปอีกรายหนึ่ง

    ต่อไปอย่าได้ไปบนบานศาลกล่าวอย่างนี้อีก งานศพพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ให้เลี้ยงอาหารเจเป็นดีที่สุด งดการฆ่าสัตว์เป็นดีที่สุด จะได้ไม่เป็นบาปตามติดผู้ตายไป หากยังกินเจกันไม่พร้อมทั้งครอบครัว ภายในสี่สิบเก้าวัน ให้กินเจทั้งหมดพร้อมกัน

    สามีภรรยาก็ควรแยกห้องกันสี่สิบเก้าวันจะช่วยลดหย่อนบาปเวรของผู้ตายได้ การไม่ฆ่า คือ เมตตากรุณา จิตสำนึกนี้ทุกคนต่างมี ไม่ฆ่าเป็นเรื่องทำได้ไม่ยาก แต่ไม่กินเนื้อสัตว์ซิลำบากหน่อย เคยมีศิษย์ต่อรองกับอาจารย์ว่า “พระอาจารย์ขอรับ ศิษย์ไปผ่าตัดมา เสียกำลังไปมาก ขออนุญาตกลับไปกินเนื้อสัตว์ให้แข็งแรงเสียก่อนแล้วจะกลับมากินเจใหม่ คงไม่เป็นไรนะขอรับ”

    หากเจ้าคิดจะต่อรองก็แล้วแต่เจ้า อาจารย์บังคับเจ้าไม่ได้ หนี้ของใคร ใครก็ชดใช้กันเองไม่เกี่ยวกับอาจารย์ จึงไม่ต้องต่อรองกับอาจารย์

    ประสาทจิตใจไม่ปกติ การฆ่าของเขามีโทษบาปเบากว่าคนทั่วไป ด้วยกุศลเจตนาจะช่วยพระพุทธอริยเจ้า การฆ่าของเขามีโทษบาปเบากว่าคนทั่วไป เพื่อช่วยคนหมู่มาก เช่น สู้รบเพื่อชาติ แม้โทษบาปจะเบากว่า แต่ไม่พ้นกฎแห่งกรรม


    ทำไมไม่ให้ฆ่าคน เพราะคนอยู่ใกล้กับอริยมรรค ชาตินี้แม้จะมีวิบากทุกข์ยาก แต่หากได้สดับพุทธธรรมแล้วบำเพ็ญจริงสุดชีวิตหมดหนี้เวรกรรมเมื่อไรก็บรรลุได้ทันที

    ฆ่าสัตว์อื่น ๆ มีโทษบาปเบากว่าฆ่าคน เพราะสัตว์ยังห่างไกลอริยมรรค แต่เขาก็มีโอกาสเหมือนกันจึงไม่ควรฆ่าอย่างยิ่ง

    หมูผูกใจเจ็บอยู่กับเลือดเนื้อของเขามาก จะไม่ยอมไปจากตัวจนกว่าเนื้อชิ้นสุดท้ายของเขาจะถูกลืนกินหมดไป ให้สังวรณ์ไว้

    คนที่เจ็บป่วยประจำ ให้ทำบุญปล่อยชีวิตสัตว์มาก ๆ นอกจากปล่อยสัตว์ที่เห็นได้ภายนอกแล้วยังจะต้องปล่อยสัตว์ที่อยู่ภายในจิตใจของตนอีก กิเลสตัณหา เหมือนสัตว์ร้ายที่สิงสู่อยู่ในใจใครกักเก็บไว้ก็มีแต่วิตก กลัดกลุ้มฯ จงปล่อยเขาออกไปให้หมด เพราะเขาจะพาเจ้าลงนรกไปด้วยเช่นกัน

    ค้าขายไม่ดี ยิ่งทำยิ่งขาดทุน หมุนเวียนขัดข้องต้องทำบุญปล่อยสัตว์ละเว้นการฆ่ากินเป็นสำคัญเพราะชาติก่อนเจ้าฆ่าเขาไว้มาก จึงต้องมีวิบากมาก หน้าตาไม่มีราศี กิจการร้านเลยไม่เป็นที่เจริญตาเจริญใจแก่ผู้พบเห็น เป็นเพราะเจ้าสร้างบุญสัมพันธ์กับใคร ๆ ไว้น้อย ให้เร่งปล่อยสัตว์ เว้นการกินเนื้อสัตว์


    คนที่ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จะใจดำอำมหิต ฆ่าสัตว์ชนิดใดเป็นประจำนาน ๆ เข้า หน้าตาของเขาก็จะละม้ายสัตว์นั้น ความคิดอยากฆ่าจะเกิดขึ้นมาในใจบ่อย ๆ

    คนบาปหนาที่ฆ่าสัตว์ไว้ ก่อนตายจะถูกกรรมเวรนั้นรุมหนักเหมือนหนี้สินประดัง ชักหน้าไม่ถึงหลัง เหมือนใกล้วันปิดงบสิ้นปีของธนาคาร คนชอบฆ่าสัตว์มักจะฝันร้าย เมื่อกลับใจมากินใหม่ ๆ ก็ยังฝันกินเป็ดกินไก่ เพราะเคยกินเขาเอาไว้มาก

    ชาติก่อน ๆ ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไว้มาก ชาตินี้เกิดมาจะอาภัพ จุกจิก ขี้ริ้ว ขาดมนุษยสัมพันธ์ ผู้คนรังเกียจชิงชัง คนบาปหนาก่อนตายจะไม่สงบ บ้างเห็นยมทูตมาลากคอ บ้างเห็นเจ้ากรรมนายเวร บ้างเห็นผี บ้างเห่าหอนโอดโอยกรีดร้องเสียงเหมือนสัตว์ต่าง ๆ ซากศพจึงน่าสะพรึงกลัว

    ผู้ละเว้นการฆ่า (ทั้งทางตรงและทางอ้อม) คือ ผู้ให้อภัยทาน
    อภัยทาน คือ ให้สรรพสัตว์พ้นจากความหวาดทุกข์หวั่นภัย ผู้ละเว้นการฆ่า จิตเมตตาจะเพิ่มพูน ความกังวลหม่นหมองจะน้อยลง กายใจจะสุขสมบูรณ์ปราศจากโรคภัย

    ผู้ละเว้นการฆ่า กิริยาวาจาจะอ่อนโยน ไม่แสดงอารมณ์ร้าย ผีสางเทวดาจะปกปักรักษา จะพบแต่สิ่งที่ดีมีผู้อุปถัมภ์ไม่ขาด ผู้ละเว้นการฆ่า จะนอนหลับสบายไม่ฝันน่ากลัว ไม่อึดอัดหรือเหมือนถูกกดทับ ละเว้นเนื้อสัตว์นานไปก็จะไม่ฝันกินเนื้อสัตว์อีก

    ผู้ละเว้นการฆ่า ชาติหน้าเกิดใหม่ได้เป็นคนร่ำรวยสูงศักดิ์ ใจดี มีอิสระ ไม่พิพาทบาดหมางกับใคร ร่วมบุญสัมพันธ์กันไปทั่ว

    ผู้ถือศีลห้าได้บริสุทธิ์ อีกทั้งสร้างบุญกุศลเสริมส่ง จะได้ไปเกิดในขั้นพรหมโลก เพราะไม่ได้ปลูกเมล็ดพันธุ์ของวิญญาณบาปไว้ในกมลสันดานอีกต่อไป

    ศีลห้าตรงกับคุณธรรมห้าของศาสนาปราชญ์ พระศาสดาขงจื้อสอนไว้ว่า
    ไม่ฆ่าเป็นเมตตากรุณา คือ เหยิน
    ไม่ลักขโมยเป็นมโนธรรม คือ อี้
    ไม่ผิดในกามเป็นจริยธรรม คือ หลี่
    ไม่มุสาเป็นสัตยธรรม คือ ซิ่น
    ไม่ดื่มสุราเป็นปัญญา คือ จื้อ

    มดแมลงแม้ตัวน้อยนิดก็ฆ่าไม่ได้

    เจ้ากินเนื้อสัตว์ โดยอ้างว่าเขาเกิดมาเป็นอาหารของคน เสือก็อ้างได้ว่าคนเกิดมาเป็นอาหารของเขา ยุงดูดเลือดของเจ้านิดเดียวเจ้ายังตบเขาให้ตาย ใจเขาใจเรา เจ้าคิดดู อย่าผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแสดงกิริยาไม่สุภาพหน้าหิ้งบูชาหรือโต๊ะบูชา

    ภาพพิมพ์พระเจ้า ขาดเก่าไม่ใช้ ให้ม้วนเก็บไว้อย่าเผาปนไปกับขยะ หรือกระจายอยู่บนดิน ถูกผู้คนเหยียบย่ำ เท่ากับลบหลู่จะเป็นบาป

    สัตว์บ้านเลี้ยงไว้จนกว่าเขาจะตาย อย่าขายหรือให้ใครเอาเขาไปทอดทิ้ง อดอยาก ทำร้ายทารุณ เมื่อเขาตายให้ฝัง ท่องพระนามพระพุทธะ พระโพธิสัตว์ พระองค์ใดก็ได้ ขอพระองค์ได้โปรดช่วยนำวิญญาณของเขาไปเกิดใหม่ให้ดีด้วย

    ทุกครั้งเมื่อเกิดการผิดพลาดทุศีล หากไม่มีที่บูชาพระในบ้านให้จุดธูปสามดอกปักกลางแจ้งสำนึกผิดและแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลแก่สัตว์นั้น ๆ บาปเวรก็จะเบาลง

    คนถือศีลกินเจ ต้องรอบคอบระวัง ก่อนจะซื้ออาหารสำเร็จรูปต้องถามไถ่ให้แน่ใจ ถ้าซื้อผิดกินผิด ให้จุดธูปบอกกล่าวขอขมาต่อชีวิตเขา สำนึกผิดต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สำนึกผิดต่อมโนธรรมสำนึกของตนเอง

    ขับรถชนสุนัข สุนัขถึงแก่ความตาย (เพราะเขาวิ่งตัดหน้าออกมาให้ชนเอง) ถ้าผลกรรมนี้ของสุนัขนั้นยังไม่หมด ชาติหน้าเขาจะต้องเกิดเป็นสุนัขอีก ถ้าผลกรรมนี้ของสุนัขนั้นจบสิ้นแล้ว ชาติหน้าเขาจะได้เกิดกายเป็นคน

    ใช้เนื้อสัตว์เซ่นไหว้บูชา ภาวนาอธิษฐานขอลาภขอผล แก้บนด้วยการเล่นหยาบคาย เท่ากับให้ร้ายตัวเอง

    ไม่ทำร้ายเข่นฆ่ากายสังขาร อีกทั้งไม่ทำร้ายจิตวิญญาณเขา จึงต้องมีวาจาอ่อนโยน อนาทรต่อความทุกข์ร้อนของผู้อื่นด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...