ลักษณะของมหาบุรุษ"พระพุทธเจ้า"

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย nuno31, 27 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. nuno31

    nuno31 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    ผู้ที่มีมหาบุรุษลักษณะ เป็นคำที่ใช้เรียกพระพุทธเจ้าเมื่อก่อนตรัสรู้ ลักษณะของมหาบุรุษมี ๓๒ ประการ คือ

    ๑. มีพระบาทราบเสมอกัน (พระบาท = เท้า)
    ๒. ลายพื้นพระบาทเป็นจักร (จักร = รูปลอยล้อรถ คือธรรมนำชีวิตไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ดุลล้อนำไป สู่ที่หมาย)
    ๓. มีส้นพระบาทยาย (ถ้าแบ่ง ๔ ส่วน พระชงฆ์ตั้งอยู่ในส่วนที่ ๓) (พระชงฆ์ = แข้ง)
    ๔. มีนิ้วยาวเรียว (หมายถึงนิ้วพระหัตถ์และพระบาทด้วย)(นิ้วพระหัตถ์ = นิ้วมือ)
    ๕. ฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทอ่อนนุ่ม
    ๖. ฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทมีลายดุจตาข่าย
    ๗. มีพระบาทเหมือนสังข์คว่ำ อัฐิข้อพระบาทตั้งลอยอยู่หลังพระบาท กลับกลอกได้คล่อง เมื่อทรงดำเนินผิดกว่าสามัญชน (อัฐิ = กระดูก ดำเนิน = เดิน)
    ๘. พระชงฆ์เรียวดุจแข้งเนื้อทราย
    ๙. เมื่อยืนตรง พระหัตถ์ทั้งสองลูบจับพระชานุ (พระชานุ = เข่า)
    ๑๐. มีพระคุยหะเร้นอยู่ในฝัก (พระคุยหะ = อวัยวะที่ลับ)
    ๑๑. มีฉวีวรรณดุจสีทอง (ฉวีวรรณ =สีผิวกาย)
    ๑๒. พระฉวีละเอียด (พระฉวี = ผิว)
    ๑๓. มีเส้นพระโลมาเฉพาะขุมละเส้น ๆ (พระโลมา = ขน)
    ๑๔. เส้นพระโลมาดำสนิทเวียนเป็นทักขิณาวัฏ มีปลายงอนขึ้นข้างบน (ทักขิณาวัฏ = วนเลี้ยวทางขวาอย่างเข็มนาฬิกา)
    ๑๕. พระกายตั้งตรงดุจท้าวมหาพรหม
    ๑๖. มีพระมังสะอูมเต็มในที่ ๗ แห่ง (คือ หลังพระหัตถ์ทั้ง ๒ และหลังพระบาททั้ง ๒ , พระอังสาทั้ง ๒, กับลำพระศอ) (พระมังสะ = เนื้อ , ชิ้นเนื้อ พระอังสา = บ่า,ไหล่ พระศอ = คอ)
    ๑๗. มีส่วนพระสรีระกายบริบูรณ์ (ล่ำพี) ดุจกึ่งท่อนหน้าแห่งพญาราชสีห์ (สรีระ = ร่างกาย)
    ๑๘. พระปฤษฎางค์ราบเต็มเสมอกัน (พระปฤษฎางค์ = ส่วนหลัง,ข้างหลัง)
    ๑๙. ส่วนพระกายเป็นปริมณฑล ดุลปริมณฑลแห่งต้นไทร(พระกายสูงเท่ากับว่าของพระองค์)(วา = เท่ากับ ๔ ศอก ประมาณ 2 เมตร)
    ๒๐. มีลำพระศอกกลมงามเสมอตลอด
    ๒๑. มีเส้นประสาทสำหรับรสพระกระยาหารอันดี
    ๒๒.มีพระหนุดุจคางแห่งราชสีห์ (โค้งเหมือนวงพระจันทร์)(พระหนุ = คาง)
    ๒๓.มีพระทนต์ ๔๐ ซี่ (ข้างละ ๒๐ ซี่) (พระทนต์ = ฟัน)
    ๒๔.มีพระทนต์เรียบเสมอกัน
    ๒๕.พระทนต์เรียบสนิทมิได้ห่าง
    ๒๖.เขี้ยวพระทนต์ทั้ง 4 ขาวงามบริสุทธ์
    ๒๗.พระชิวหาอ่อนและยาว (อาจแผ่ปกพระนลาฏใต้)(พระชิวหา = ลิ้น พระนลาฎ = หน้าผาก)
    ๒๘.พระสุรเสียงดุจท้าวมหาพรหม ตรัสมีสำเนียงดุจนกการเวก
    ๒๙.พระเนตรแจ่มใสดุจตาลูกโคเพิ่งคลอด
    ๓๐.ดวงพระเนตรแจ่มใสดุจตาลูกโคเพิ่งคลอด
    ๓๑.มีอุณาโลมระหว่างพระโขนง เวียนขวาเป็นทักขิณาวัฏ (อุณาโลม = ขนระหว่างคิ้ว)
    ๓๒.มีพระเศียรงามบริบูรณ์ดุจประดับด้วยกรอบพระพักตร์ (พระเศียร = ศีรษะ)


    นอกเหนือจากมหาบุรุษลักษณะ ๓๒ ประการแล้ว ยังมีลักษณะข้อปลีกย่อยของพระมหาบุรุษ นิยมเรียกกันว่า "อสีตยานุพยัญชนะ" หรือ อนุพยัญชนะ" อีก ๘๐ ประการด้วยกัน คือ

    ๑. มีนิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาทอันเหลืองงาม
    ๒. นิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาทเรียวออกไปโดยลำดับแต่ต้นจนปลาย
    ๓. นิ้วพระหัตถ์แลนิ้วพระบาทกลมดุจนายช่างกลึงเป็นอันดี
    ๔. พระนขาทั้ง ๒๐ มีสีอันแดง (พระนขา = เล็บ)
    ๕. พระนขาทั้ง ๒๐ นั้น งอนงามช้อนขึ้นเบื้องบนมิได้ค้อมลงเบื้องต่ำ ดุจเล็บแห่งสามัญชนทั้งปวง
    ๖. พระนขานั้นมีพรรณอันเกลี้ยงกลมสนิทมิได้เป็นริ้วรอย
    ๗. ข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทซ่อนอยู่ในพระมังสะมิได้สูงขึ้นปรากฏออกมาภายนอก
    ๘. พระบาททั้งสองเสมอกันมิได้ย่อมใหญ่กว่ากันมาตรว่าเท่าเมล็ดงา
    ๙. พระดำเนินงามดุจอาการเดินแหงกุญชรชาติ
    ๑๐. พระดำเนินงามดุจสีหราช
    ๑๑. พระดำเนินงามดุจดำเนินแห่งหงส์
    ๑๒. พระดำเนินงามดุจอสุภราชดำเนิน
    ๑๓. ขณะเมื่อยืนจะย่างดำเนินนั้น ยกพระบาทเบื้องขวาย่างไปก่อน พระกายเยื้องไปข้างเบื้องขวาก่อน
    ๑๔. พระชานุมณฑลเกลี้ยงกลมงามบริบูรณ์ บ่มิได้เห็นอัฏฐิสะบ้าปรากฏออกมาภายนอก
    ๑๕. มีบุรุษพยัญชนะบริบูรณ์ คือมิได้กิริยามารยาทคล้ายสตรี
    ๑๖. พระนาภีมิได้บกพร่อง กลมงามมิได้วิกลในที่ใดที่หนึ่ง (พระนาภี = สะดือ)
    ๑๗. พระอุทรมีสัณฐานอันลึก (พระอุทร = ท้อง)
    ๑๘. ภายในพระอุทรมีรอยเวียนเป็นทักขิณาวัฏ
    ๑๙. ลำพระเพลาทั้งสองงามดุจลำสุวรรณกัททลี (พระเพลา = ตัก, ขา สุวรรณกัททลี = ลำต้นกล้วยสีทอง)
    ๒๐. งวงแห่งเอราวัณวัณเทพหัตถี (เอราวัณเทพยหัตถี = ช้าง ๓๓ เศียร เป็นพาหนะของพระอินทร์)
    ๒๑. พระอังคาพยพใหญ่น้อยทั้งปวงจำแนกเป็นอันดี คืองามพร้อมทุกสิ่งหาที่ตำหนิบ่มิได้ (พระอังคาพยพ = องคาพยพ = ส่วนน้อยใหญ่แห่งร่างกาย,อวัยวะน้อยใหญ่)
    ๒๒. พระมังสะที่ควรจะหนาก็หนา ที่ควรบางก็บางตามที่ทั่วทั้งพระสรีรกาย
    ๒๓. พระมังสะมิได้หดหู่ในที่ใดที่หนี่ง
    ๒๔. พระสรีกายทั้งปวงปราศจากต่อมและไฝปาน มูลแมลงวันมิได้มีในที่ใดที่หนึ่ง
    ๒๕. พระกายงามบริสุทธิ์พร้อมสมกันโดยตามลำดับทั้งเบื้องบนแลเบื้องล่าง
    ๒๖. พระกายงามบริสุทธิ์สิ้นปราศจากมลทินทั้งปวง
    ๒๗. ทรงพระกำลังมาก เสมอด้วยกำลังแห่งกุญชรชาติประมาณถึงพันโกฏิช้าง ถ้าจะประมาณด้วยกำลังบุรุษก็ได้ถึงแสนโกฏิบุรุษ (โกฏิ = สิบล้าน)
    ๒๘. มีพระนาสิกอันสูง (พระนาสิก = จมูก)
    ๒๙. สัณฐานพระนาสิกงามแฉล้ม
    ๓๐. มีพระโอษฐเบื้องบนเบื้องต่ำมิได้เข้าออกกว่ากัน เสมอเป็นอันดี มีพรรณแดงงามดุจสีผลตำลึงสุก (พระโอษฐ = ปาก, ริมฝีปาก)
    ๓๑. พระทนต์บริสุทธิ์ปราศจากมูลมลทิน
    ๓๒. พระทนต์ขาวดุจดังสีสังข์
    ๓๓. พระทนต์เกลี้ยงสนิทมิได้เป็นริ้วรอย
    ๓๔. พระอินทรีย์ทั้ง ๕ มีจักขุนทรีย์ เป็นอาทิงามบริสุทธิ์ทั้งสิ้น(พระอินทรีย์ = ร่างกายและจิตใจ)
    ๓๕. พระเขี้ยวทั้ง 4 กลมบริบูรณ์
    ๓๖. ดวงพระพักตร์มีสัณฐานขาวสวย
    ๓๗. พระปรางค์ทั้งสองดูเปล่งงามเสมอกัน (พระปรางค์ = แก้ม)
    ๔๐. ลายพระหัตถ์มีรอยอันตรง บ่มิได้ค้อมคด
    ๔๑. สายพระหัตถ์มีรอยอันแดงรุ่งเรือง
    ๔๒. รัศมีพระกายโอภาสเป็นปริมณฑลโดยรอบ
    ๔๓.กระพุ้งพระปรางค์ทั้งสองเคร่งครัดบริบูรณ์
    ๔๔. กระบอกพระเนตรกว้างแลยาวงามพอสมกัน
    ๔๕. ดวงเนตรกอปรด้วยประสาททั้ง ๕ มีขาวเป็นอาทิผ่องใสบริสุทธิ์ทั้งสิ้น
    ๔๖. ปลายเส้นพระโลมาทั้งหลายมิได้วอมิได้คด
    ๔๗. พระชิวหามีสัณฐานอันงาม
    ๔๘. พระชิวหาอ่อนบ่มิได้กระด้าง มีพรรณอันแดงเข้ม
    ๔๙. พระกรรณทั้งสองมีสันฐานอันยาวดุจกลีบปทุมชาติ (พระกำรณ = หู)
    ๕๐. ช่องพระกรรณมีสัณฐานอันกลมงาม
    ๕๑. ระเบียบพระเส้นทั้งปวงนั้นสละสลวยบ่มิได้หดหู่ในที่อันใดอันหนึ่ง
    ๕๒. แถวพระเส้นทั้งหลายซ่อนอยู่ในพระมังสะทั้งสิ้น บ่อมิได้เป็นคลื่นฟูขึ้นเหมือนสามัญชนทั้งปวง
    ๕๓. พระเศียรมีสัณฐานอันงาม
    ๕๔. ปริมณฑลพระนลาฏโดยกว้างยาวพอสมกัน
    ๕๕. พระนลาฏมีสันฐานอันงาม
    ๕๖. พระโขนงมีสันฐานอันงามดุจกันธนูอันก่งไว้
    ๕๗. พระโลมาที่พระโขนงมีเส้นอันละเอียด
    ๕๘. เส้นพระโลมาที่พระโขนงงอกขึ้นแล้วราบไปโดยลำดับ
    ๕๙. พระโขนงนั้นใหญ่
    ๖๐. พระโขนงนั้นยาวสุดหางพระเนตร
    ๖๑. ผิวพระมังสะละเอียดทั่วทั้งพระวรกาย
    ๖๒. พระสรีรกายรุ่งเรืองไปด้วยสิริ
    ๖๓. กลิ่นพระเกสาหอมฟุ้งขจรตลบ
    ๖๗. พระโลมามีเส้นเสมอกันทั้งสิ้น
    ๖๘. พระโลมามีเส้นละเอียดทั่วทั้งพระกาย
    ๖๙. ลมอัสสะปัสสาสะลมหายพระทัยเข้าออกก็เดินละเอียด
    ๗๐. พระโอษฐมีสันฐานอันงามดุจแย้ม
    ๗๑. กลิ่นพระโอษฐหอมดุจกลิ่นอุบล (อุบล = ดอกบัว,บัว)
    ๗๒. พระเกสาดำเป็นแสง (พระเกสา = ผม)
    ๗๓. กลิ่นพระเกสาหอมฟุ้งขจรตลบ
    ๗๔. พระเกสาหอมดุจกลิ่นโกมลบุบผชาติ
    ๗๕. พระเกสามีสันฐานเส้นกลมสลวยทุกเส้น
    ๗๖. พระเกสาดำสนิททุกเส้น
    ๗๗. พระเกสากอปรด้วยเส้นอันละเอียด
    ๗๘. เส้นพระเกสามิได้ยุ่งเหยิง
    ๗๙. เส้นพระเกสาเวียนเป็นทักขิณาวัฏทุกๆ เส้น
    ๘๐. วิจิตรไปด้วยระเบียบพระเกตุมาลา กล่าวคือถ่องแถวแหงพระรัศมีอันโชตนาการขึ้น ณ เบื้องบนพระอุตมังคสิโรตม์ (พระเกตุมาลา = รัศมีซึ่งเปล่งอยู่เหนือพระเศียรของพระพุทธเจ้า)


    ที่มา http://www.dhammathai.org
     
  2. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ขออภัยต่อท่านทั้งหลาย อย่าคิดว่าข้าพเจ้าแสดงความคิดเห็นไปในทางคัดค้าน หรือก่อกวนเลยนะขอรับ
    เพราะสิ่งที่ที่เขาเขียนมานั้น มันไม่ใช่ลักษณะของมนุษย์
    พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ล้วนเป็นมนุษย์ ย่อมมีลักษณะทางกายภาพ เป็นไปตามกรรมพันธุ์ คือต้องมีลักษณะตาม บิดา มารดา ปู่่ย่า ตา ยาย

    ถ้าจะวิเคราะห์ กระทู้ช้างต้นที่เขียนมานั้น มันเป็นการสร้างความเชื่อให้กับศาสนาอื่นว่า พุทธศาสนา เป็นเรื่องไร้สาระ หลอกลวง ไม่เป็นไปตามหลักความจริง ไม่เป็นไปตามหลักธรรมชาติ

    พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ หรือศาสดาแห่งศาสนาทุกพระองค์ ล้วนเป็นมนุษย์ ทั้งสิ้น ยกเว้น ศาสดาแห่งศาสนาพราหม์ ฮินดู ที่ศาสดาแห่งศาสนาคือเทพเจ้า แต่ก็เป็นเทพเจ้าที่จุติดับมาเกิดหรืออวตารมาเป็นมนุษย์ และฝึกปฏิบัติ จนสำเร็จมรรคผล นิพพาน
    ไม่มีดอกขอรับ พุทธลักษณะที่ไม่เป็นไปตามหลักความจริง ไม่เป็นไปตามหลักธรรมชาติ ขัดกับหลักการหรือหลักวิชาการทั้งทางวิทยาศาสตร์ และหลักการแพทย์
    มันเป็นการทำลายพุทธศาสนา อย่างเห็นได้ชัดขอรับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2009
  3. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    823
    ค่าพลัง:
    +2,752
    ....ท่านเทวดาครับ...

    แล้วท่านคิดว่า...พระพุทธเจ้าของเรา มีพุทธลักษณะเช่นไร....หรือมีลักษณะพิเศษ อย่างไร...กรุณาอย่าตอบว่า เป็น คนธรรมดานะครับ เพราะ มัน กว้างมากเกินไป แยกแยะไม่ออก...ตัวอย่างเช่น...ถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ..ส่วนสูง ผิวพรรณ, รูปทรงพระเกสา และ พระพักตร์พระองค์ท่านเป็นเช่นไร .....

    ...ถ้าทราบ..กรุณา ตอบให้เป็นวิทยาทานด้วย จัก ขอบพระคุณ ยิ่ง....
     
  4. nuno31

    nuno31 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    เท่าที่กระผมเรียนมานะครับ ถึงแม้ความรู้จะไม่มากเท่าไหร่
    พระอาจารย์ท่านเคยสอนว่า เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าประสูตร
    ท่านก็เดินได้ 7 ก้าว และมีดอกบัวรองรับ ไม่ทราบว่าคนธรรมดา
    เกิดมาทำได้อย่างนี้ไหมครับ ??????

    ก็คงแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคลละกันครับ
    กระผมเห็นว่าน่าสนใจดี ก็เลยนำมาลง ไม่ได้มีเจตนา
    อย่างอื่นเลยนะครับ ^o^
     
  5. natspdo

    natspdo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +1,505
    อนุโมทนาครับ สำหรับสาระในแง่มุม ลักษณะของมหาบุรุษ"พระพุทธเจ้า" เพราะบางแห่งบางที่ก็แต่ต่างกันไป ตามศาสนา ตามนิกาย แต่ละที่ ก็ขอรับฟังไว้ สำหรับท่านที่นำเสนอ ให้ผู้อ่าน
     
  6. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ความจริงแล้ว ข้าพเจ้าไม่ต้องอธิบายท่านทั้งหลายที่พอจะมีความรู้ พอจะมีไหวพริบปฏิภาณ ก็คงจะรู้กันแล้ว
    แต่ในเมื่อคุณไม่รู้ ข้าพเจ้าจะอธิบายเพิ่มเติมว่า

    พระพุทธเจ้า ตั้งแต่ องค์ที่ 2 เลยมา เป็นมนุษย์ดังท่านทั้งหลายนั่นแหละ แต่องค์ปฐม หรือพระพุทธเจ้าพระองค์แรก ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่า จะเป็นมนุษย์หรือไม่
    และพระพุทธเจ้า ย่อมมี ลักษณะของสรีระร่างกาย รวมไปถึง อุปนิสัยใจคอ สมองสติปัญญา ตามกรรมพันธุ์ของพระองค์ คือมีลักษณะของสรีระร่างกาย และอื่นๆ ตาม บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย
    มันก็เป็นเรื่องธรรมดา สามารถมองเห็นได้กันอยู่แล้ว
    พระพุทธเจ้า ย่อมมีลักษณะทางร่างกายที่แตกต่างจากผู้อื่น ก็คือ ปรากฎการณ์ทางร่างกาย เพราะพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จะสามารถขจัดอาสวะแห่งกิเลส ฯลฯ พร้อมกับมีฉัพพรรณรังสีเปล่งออกมา สามารถมองเห็นได้ด้วยตา ตั้งแต่เกิด เพราะพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ มีบุญญาธิการแห่งเทพเทวดาทั้งหลาย (นี้เป็นเรื่องจริง)
    พระสมณโคดม หรืออาจรวมถึงพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ ไม่สามารถเดินได้เจ็ดก้าวตอนเมื่อคลอดจากครรภ์พระมารดา
    แต่ พระพุทธเจ้า จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ก็ต่อเมื่อ สำเร็จมรรคผล รู้หลักธรรม รู้หลักปฏิบัติ และเมื่อนั้น คือการเกิดของพระพุทธเจ้า และสามารถเดินได้เจ็ดก้าวมีดอกบัวรองรับ
    ถ้าจะอธิบายให้เกิดความเข้าใจง่ายขึ้น ก็หมายความว่า เพื่อพระพุทธเจ้าพระองค์ใดก็ตาม สามารถค้นหา วิจัย ฝึกปฏิบัติ จนสำเร็จมรรคผล จะจุติดับ และเกิด ในทันที และกลับเปลี่ยนสภาพเป็นดัง ณ.ปัจจุบันที่มีสภาพอยู่ อย่างรวดเร็ว ประมาณ 5 วินาที
    (อ่านแล้วทำความเข้าใจให้ดี เพราะดูแล้วมันจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ขอยืนยันว่า เรื่องจริง)
    และ ขณะที่จุติดับ และเกิดนั้น จะเดินได้เจ็ดก้าวมีดอกบัวรองรับ ไม่ใช่เกิดจากครรภ์มารดาปุ๊ป เดินได้ปั๊ป ไม่ใช่ขอรับ

    ดังนั้น พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จึงมีลักษณะทุกอย่าง เหมือน บิดา มารดา ปู่่ ย่า ตา ยาย
    ตามหลักพันธุกรรม อย่างแน่นอน และสามารถพิสูจน์ได้ ตามหลักความเป็นจริง
     
  7. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    823
    ค่าพลัง:
    +2,752
    ...ท่านเทวดา ครับ....

    ..ท่านยังตอบ ไม่ตรงกับคำถามของผม...แต่เพียงเท่านี้ ผม ก็พอใจแล้ว อย่างน้อยท่าน ก็ ยังตอบ....

    ..ผมถามท่านหรือใคร ก็ ตามในเวปนี้ มิใช่ เพื่อ ลองภูมิ หรือ ต้องการจับ ผิดใครๆ เพราะ ผมไม่มีความสามารถ มากขนาดนั้น....ต่อให้ ถึง มี ก็ไม่ใช่นิสัยของผมที่จะทำ.... เพียงแต่ ต้อง การต่อภาพ จิ๊กซอว์ บางอย่างที่ผมมีให้มันเป็นรูปร่าง ที่เข้าใจได้ง่ายเท่านั้น..
    และ คำตอบทุกคำตอบ..ไม่ว่าจากใครก็ตาม...ย่อมเป็นประโยชน์ เสมอ ในการเรียนรู้....

    ยินดี ที่ ได้สนทนากับท่าน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...