หมดแล้ว ((ลป.ขาว พุทธรักขิตโต ปิดคืนนี้วันที่ 5 พ.ค.59 เวลา 20.40 น.))danaitorn

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย namayti, 5 พฤษภาคม 2016.

  1. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ขอเรียนเชิญร่วมประมูลวัตถุมงคลเก่าเก็บ..เลิกสะสม..แบ่งกันไปใช้ครับ
    -------------------------------------------------------------------------------------
    เงื่อนไข
    1.ปิดประมูลวันที่ 5 พ.ค.2559 เวลา 20.40 น.(ยึดเวลาตามเว็ป)
    2.เค๊าะเท่าไหร่ก็ได้ แต่ให้ลงท้ายด้วย 0 นอกนั้นถือเป็นโมฆะครับ
    3.ใครประมูลสูงสุด ในเวลาที่กำหนด เป็นผู้ชนะการประมูล
    4.กรณียอดประมูลเท่ากัน ขอให้สิทธิ์ผู้เค๊าะประมูลก่อนเป็นผู้ชนะการประมูล
    5.ผู้พิมพ์"ปิดด่วน"ตามราคาที่ระบุเอาไว้ เป็นผู้ชนะการประมูล และถือว่าสิ้นสุดการประมูล
    6.โอนเงินภายใน 2 วันหลังจากวันปิดประมูล
    7.รับประกันพระแท้ตามกฏ-กติกาสากล
    [​IMG]
    เปิดประมูลที่ 99.-((ปิดด่วนที่ 300)) ผู้ชนะเพิ่มค่าส่งลงทะเบียน EMS = 50.-นะครับ
    -------------------------------------------------

    ...นำเสนอ...พระผงพิมพ์"อุปคุต"ลป.ขาว พุทธรักขิตโต วัดป่าคูณคำวิปัสนา จ.สกลนคร รุ่นแรกยุคแรก ท่านสร้างเอง กดมือไปบริกรรมไป เพื่อแจกลูกศิษย์ลูกหา ที่มาบริจาคปัจจัยในการช่วยสร้างศาสนสถานภายในวัด ในโอกาสงานผ้าป่า งานกฐิน ซึ่งเกือบทั้งหมด หลวงปู่จะมีดำริให้สร้างเอง รวมทั้งตะกรุด พระทรงอื่นๆ ที่ทำจากเนื้อตะกั่ว-ปรอทเพชร เป็นส่วนมาก แม้จะไม่สวย แต่ก็มากด้วยคุณค่า ทรงพลังและพุทธคุณที่ไม่ธรรมดา หลวงปู่นำมวลสารผงวิเศษ+ว่าน+ชานหมาก ในการสร้าง บางองค์มีเกศา มีแร่ศักดิ์สิทธิจากแม่น้ำโขง สีสรรก็แตกต่างกันออกไป โภคทรัพย์สุดๆ ลูกศิษย์หลายคนบอก ใชักันคุณไสย์ ไล่ผีไล่ปลอบก็ได้ ทางฝั่ง สปป.ลาว เห็นไม่ได้ครับพระผงชุดนี้ ถามขอบูชาหมด เพราะฝั่งโน้น เขาเคารพศรัทธาให้เป็นพระสังฆราชของทางฝั่งลาวเลยทีเดียว
    [​IMG]
    อจินไตย
    !!!

    สัมผัสหัวใจและจิตวิญญาณของคุรุ...หลวงปู่ขาว พุทธรักขิตโต
    พระผู้ทรงจิตตานุภาพเจโตปริญญาณ
    วัดป่าคูณคำวิปัสสนา บ้านกลาง ต.กุดไห อ.กุดบาก จ.สกลนคร

    [​IMG]
    หลวงปู่ขาว พุทธรักขิตโต ผู้สำเร็จอภิญญาสายโลกอุดร

    ...พริกน่ะมันไม่ได้เผ็ดที่คนทำ หรือคนกินแต่มันเผ็ดในตัวของมันเอง พระราชากินก็เผ็ด ขอทานกินก็เผ็ด ใครกินก็เผ็ด เพราะ ฉะนั้นคุณงามความดีของแต่ละบุคคลก็เหมือนกันไม่จำเป็นต้องให้ใครมา ประกาศว่าเราดี เราก็ดี(ถ้ามันดีจริง) ไม่จำเป็นต้องโฆษณาสรรพคุณตัวเองว่าดี มันก็ดี(ถ้าตัวเราดีจริง) เพราะฉะนั้นถ้าคิดว่าทำดีแล้วก็ให้มันดีเหมือนพริกขี้หนู ไม่ใช่อวดอ้างว่าเป็นพริกแต่พอมีคนมาลองกินถึงได้รู้ว่าพริกหยวกไม่ใช่พริก ขี้หนู….

    ..สาเหตุอะไรทำไมหลวงปู่ขาว พุทธรักขิตโต ผู้สืบธรรมแห่งอีสานของสยามประเทศเป็นถึงระดับครูบาอาจารย์แท้ๆ กลับชอบทำวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังมาแจกมากกว่าสอนคนเลยนึกสบประมาทพลาด พลั้งท่าน ท่านจึงหันมากล่าวกับเรา(ทั้งๆ ที่เราไม่ได้เอ่ยออกมา) ว่าน้อยเรานะทำอยู่ 2 อย่าง คือ 1.วัตถุธาตุ 2.คือวัตถุธรรม คนเราทุกวันนี้เข้าวัดมาทำบุญไม่ได้มุ่งหวังความหลุดพ้นแต่มุ่งที่จะได้รับ วัตถุ มาขอแต่เครื่องรางของขลัง ขอโชคขอลาภเราก็เลยทำวัตถุธาตุมาให้เพราะจะได้ไม่ต้องพูดมากเพราะคนพวกนี้ ไม่ค่อยจะเอาธรรมะ พอ มีใครเข้ามาขอของดีเราก็โยนให้เขาจะได้ไม่เสียเวลาได้แล้วเขาก็จะได้กลับ กันไปไม่เหนื่อย แต่ส่วนที่ 2 คือวัตถุธรรมมันไม่ค่อยมีคนมาขอ 100 คน มาขอสัก 2 คนเห็นจะได้ เราก็เลยเน้นทำวัตถุมงคลให้คนแต่อย่าเหมาว่าเราไม่ให้ธรรม เพราะเราบอกทุกคนเสมอว่าอยากดีก็ทำเอา อยากชั่วก็ทำเอา

    ..คำสอนที่ หลวงปู่ขาว ได้สอน พระอาจารย์โต้ง เจ้าอาวาสวัดศิลามงคล อ.ธาตุพนม จ.นครพนม

    1.เป็นพระต้องขยันสวดมนต์-เจริญภาวนาคืองานหลัก
    2.ให้ ถือ"สัจจะ" เป็นที่ตั้ง ให้พูดจริง(ท่านไม่ชอบคนโกหก) เพราะถ้าเรามีสัจจะ พูดจริง เวลาสร้างวัตถุมงคลหรือเสกวัตถุมงคลจะเกิดแต่สิ่งที่ดีๆ ผู้ที่ได้นำไปใช้ก็จะได้แต่สิ่งที่ดีๆ
    3.ให้มีสัมมาคารวะ อ่อนน้อมถ่อมตน เคารพครูบาอาจารย์
    4.อย่าสร้างความลำบากให้กับคนอื่น

    ธรรมะเหล่านี้เป็นธรรมบริสุทธิ์ของที่แสดงจากจิตด้วยความเคารพในคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ของ...หลวงปู่ขาว พุทธรักขิโต วัดคูณคำวิปัสสนา อ.กุดบาก จ.สกลนคร ผู้มีสัมผัสในธรรมของหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งนับตั้งแต่ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาประมาณ 50 ปีที่ผ่านมาเรื่องราวของหลวงปู่เทพโลกอุดร นั้นได้รับการกล่าวถึงมากมายจากผู้ที่มีประสบการณ์โดยตรงและทั้งการบอกเล่าปากต่อปาก สู่การบันทึกเก็บข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับท่านหลวงปู่เทพโลกอุดรไว้อย่างมากมาย และมีการจดบันทึกไว้ของผู้รู้และมีประสบการณ์จริงที่ได้มีบุญบารมีสัมพันธ์กับหลวงปู่เทพโลกอุดร และเรื่องราวที่หลวงปู่ขาวได้เล่าสู่คณะลูกศิษย์ได้รับทราบข้อเท็จจริงใน เรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่เทพโลกอุดรหรือที่ชื่อเสียงเรียงนามที่แท้จริงของ ท่านคือพระอุตตระเถระ ผู้เป็นศิษย์โดยตรงของท่านพระมหากัสสปะเถระ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเลิศทางธุดงควัตร เรื่องราวที่ถูกเปิดเผยจากปากหลวงปู่ขาว พุทธรักขิโต ถึงความสัมพันธ์และการได้รับความเมตตาอบรมจากท่านหลวงปู่เทพโลกอุดร ในเรื่องราวต่างๆนั้นมีมากมายแต่สิ่งเหล่านี้บางอย่างบางเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นกับชีวิตจริงของหลวงปู่ขาว ก็ไม่มีหลักฐานมายืนยันให้เป็นประจักษ์ ทั้งการเข้าไปพบถ้ำลับแล การเหาะหายตัวไปจากแผ่นดินราบจนไปปรากฏตัวที่ภูเขาควายประเทศลาวสิ่งที่ไม่ เคยรู้ไม่เคยเห็นก็มีเพียงหลักฐานสถานที่ที่มีอยู่จริงสามารถตรวจสอบได้ แต่เรื่องราวต่างๆรวมทั้งการหาพยานหลักฐานทางรูปธรรมเกี่ยวกับตัวตนรูปร่าง ของหลวงปู่เทพโลกอุดร ที่จะนำมาให้ผู้คนสัมผัสจับต้องได้นั้นเป็นสิ่งที่สุดวิสัยที่หลวงปู่ขาว จะหาหลักฐานมายืนยันได้ ...สำหรับหลวงปู่ขาว นั้นท่านยืนยันนอนยันด้วยจิตในธรรม.. สำหรับหลวงปู่ขาว นั้นท่านจะมีหลักฐานยืนยันเกี่ยวกับการมีอยู่จริงของหลวงปู่เทพโลกอุดร คือเส้นเกสาของหลวงปู่เทพโลกอุดรที่ ท่านได้รับมาจากหลวงปู่เทพโลกอุดรโดยตรงและสิ่งที่จะแสดงยืนยันถึงคุณธรรม ส่วนตัวของหลวงปู่ขาวได้ดีคือเส้นเกสาของท่าน นั้นจับกันเป็นก้อนอย่างเด่นชัดและบางส่วนแปรสภาพเป็นพระธาตุให้เป็นที่ ประจักษ์ยืนยันตลอดจนเมตตาบารมีที่เป็นที่ประจักษ์ปรากฏแก่ผู้คนทั่วทั้ง แผ่นดินประเทศลาวและแถบอำเภอพระธาตุพนมที่มีผู้ได้พบเห็นเมตตาบารมีจากท่าน แสดงปาฏิหาริย์ให้เป็นที่ประจักษ์นับครั้งไม่ถ้วน....

    หลวง ปู่ขาว ท่านให้โอวาทเสมอว่า...ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมันตกอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์ ( ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน ) คือเมื่อมีขึ้นแล้วก็เสื่อมได้ สลายไปไม่มีตัวตนในที่สุด ไม่มีอะไรอยู่ค้ำฟ้าได้หรอก สิ่งต่างๆมีอายุการใช้งานเหมือนกับอายุของสัตว์นี่แหละ สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเหลือค้างโลก สร้างอีกก็เสื่อมสลายอีก จะว่าอะไรแม้แต่ผู้ประดิษฐ์คิดค้นเอง สุดท้ายมันก็ต้องตายเป็นเถ้าเหมือนกัน ส่วนแนวปฏิบัติกรรมฐานนั้น หลวงปู่ขาวจะชอบพูดว่า พุทโธตัวเดียวอย่างเดียว อย่าทิ้งองค์กรรมฐาน เพราจิตจะตกลงสู่ภวังค์ ( อารมณ์ต่างๆ ) เมื่อเราบริกรรมพุทโธจะเปรียบเหมือนกับเราทำให้อารมณ์ต่างๆเกิดขึ้นช้าลง หรือห่างออกจากเดิม ที่เกิดขึ้นเร็วจนบางครั้งตามแทบไม่ทัน ถึงแม้เราจะไม่สามารถทำจิตให้อยู่ในอารมณ์เดียวได้ ( เป็นหนึ่งอยู่คำบริกรรม ) และแม้ผู้นั้นจะเรียนรู้ธรรมะจากรู้อุบายภาวนามาก ศึกษาจากครูบาฯมามาก แต่ถ้าผู้นั้นไม่สามารถหาอุบายวิธีที่จะทำให้จิตของตนเองสงบจากอารมณ์ต่างๆ ได้แล้ว ธรรมะที่รู้มาก็ไม่มีประโยชน์ ปัญญาที่แท้ จริงไม่มีวันรู้ได้ เพราะอารมณ์ต่างๆมันจะปรุงแต่งให้จิตฟุ้งซ่าน เลื่อนลอย ไม่มีวันหยุดสงบลงได้ เรียกว่า สติยังปัญญายังอ่อน อันมีสาเหตุเนื่องมาจาก….

    1.วาสนา บารมี กระทำบำเพ็ญในอดีตยังน้อย ( พละหรืออินทรีย์ ๕ ยังอ่อน )
    2.ความเพียรพยายามในปัจจุบันไม่มีกำลัง คือไม่ค่อยทำหรือทำไม่ต่อเนื่อง
    3.ลังเลสงสัยในองค์กรรมฐาน ( คำภาวนา ) ที่ตนเองใช้
    4.ไม่เชื่อมั่นศรัทธา ไม่มั่นคงในตัวครูบาอาจารย์ที่ตนเองศึกษาอยู่
    5.ปฏิบัติผิดทางหรือปฏิบัติอยู่กับอาจารย์กรรมฐานที่ไม่รู้จริง ( ไม่มีภูมิรู้ )
    6.รู้เกินครูบาอาจารย์ อันเนื่องจากเรียนมามาก ศึกษาหลายอาจารย์จนสับสนแนวปฏิบัติและชอบอวดรู้ มีทิฐิมานะ การถือตนสูงไม่ยอมรับคำสอนของผู้อื่น

    ..นี่ คือ...อุปสรรคเกี่ยวกับการปฏิบัติที่หลวงปู่ขาวสอนเสมอ ท่านว่า.. คนที่ว่าตนเองรู้ ตนเองฉลาดแล้ว คนนั้นคือ คนโง่ที่สุด คนที่มีนิสัยถ่อมตน ไม่ถือตัว ไม่อวดความรู้ที่ตนเองมี คนนั้นคือ นักปราชญ์ผู้รู้จริง และผู้นั้นจะมีความรู้จากบุคคลต่างๆ สิ่งต่างๆอีกมาก การภาวนานั้นให้เอาปัจจุบัน พากเพียรเอาปัจจุบันเป็นหลัก อีกทั้งต้องเชื่อในกรรมว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เชื่อมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่สำคัญต้องหาครูบาฯที่รู้จริงในแนวทางปฏิบัติ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียด เป็นเรื่องภายใน และยิ่งปฏิบัติชั้นสูงขึ้นแล้ว ยิ่งต้องได้ครูบาฯที่รู้จริงอย่างถ่องแท้ เพราะไม่อย่างนั้นอาจนำไปสู่การปฏิบัติที่ผิดและหลงยึดในสิ่งที่ไม่ควรยึด ครุบาฯที่ท่านมีภูมิจจิตที่แท้นั้น ท่านจะผ่านการปฏิบัติอุบายต่างๆมามาก และรู้ว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรปล่อย สิ่งใดควรปฏิบัติและถูกไม่ถูก…

    ..พระพุทธองค์ทรงสอนให้รู้จักว่าอันไหนบุญอันไหนบาป สิ่งใดควรทำสิ่งใดควรละเว้น ไม่ให้ทำ บุญกุศลนั้น เมื่อผู้ใดได้กระทำแล้วผู้นั้นย่อมได้รับความสุขร่มเย็น ไม่ตกต่ำ มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง แม้ขณะที่ทำหรือหลังจากที่ได้ทำไปแล้วผู้ทำยังไม่ได้รับผลก็ตาม แต่ขอให้เชื่อมั่นเอาไว้เลยว่า วันข้างหน้าตัวของเราจะต้องได้รับผลแน่นอน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่ตกหล่นสูญหายไปไหน
    เช่นเดียวกันกับ บาปกรรม ความชั่วที่ทำเอาไว้ วันหนึ่งข้างหน้าก็ต้องได้รับผลกรรมแน่นอนยากที่จะหลีกหนีพ้น เพราะอำนาจของกรรมนั้นมีมากที่สุดในบรรดาอำนาจทุกอย่างที่มีอยู่ในโลกนี้ ควบคุมบัญชาการทั้งคนแลสัตว์บนโลก รวมทั้ง สาม โลก คือ มนุษย์ เทวดา นรก ไม่มีใครอยู่เหนืออำนาจกรรมไปได้

    สำหรับอำนาจการปกครองของกรรมนั้นไม่มีศาสนา ภาษา ไม่มีการแบ่งแยกเหมือนอย่างที่มนุษย์ในโลกทำกัน เวลาให้ผลก็ตรงไปตรงมาและยุติธรรมที่สุด ไม่เอนเอียงเข้าข้างผู้หนึ่งผู้ใด หรือกลุ่มคณะใดก็ไม่มีการยกเว้น กรรมเมื่อถึงเวลาที่จะรับผล ไม่มีคำว่าผ่อนผันหรือผลัดวันประกันพรุ่ง เวลานั้นต้องได้รับผลทันที….

    ..ดัง นั้นเราผู้ที่มีความศรัทธาและมีความเชื่อมั่นใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ควรพึงระวังตั้งจิตของตนเองให้ดี เป็นอัปปมาทธรรม คือ มีชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท

    สำหรับตัวหลวงปู่ขาวเอง นั้น ไม่ว่าผู้ใดคนใดที่ได้มากระทำกรรม หรือทำอะไรต่างๆให้ ท่านไม่ถือ และไม่มีหน้าที่ต้องถือ เพราะการถือมันทำให้หนัก ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้ารู้จักวาง มันก็เบา ท่านไม่มีหน้าที่ให้คุณให้โทษแก่ผู้ใด หน้าที่ของท่านมีเพียงอย่างเดียวก็คือ ปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า สร้างคุณงามความดีให้มากที่สุด จนกว่าชีวิตจะแตกดับไปตามกฏเกณฑ์ของธรรมชาติ เพราะชีวิตเป็นของน้อย ความตายเลือกให้เป็นดั่งใจไม่ได้ว่า เราจะตายอายุเท่านั้นอายุเท่านี้ เวลานั้นเวลานี้ ตายในสถานที่แห่งนั้นแห่งนี้ จึงอย่าไปด้านประมาทนิ่งนอนใจ พยายามสร้างคุณงามความดีและบุญกุศลเอาไว้ให้มากที่สุด ในขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เมื่อมีโอกาสอย่าประมาท แม้ว่าจะเป็นกุศลเล็กน้อยๆ เพราะน้อย ถ้าเราทำบ่อยๆ วันข้างหน้าก็มากขึ้นเอง ขอเพียงแต่อย่าท้อถอยและอ่อนแอ ให้มั่นคงหนักแน่น อย่ายอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ ทำจิตให้เหมือนสัตบุรุษทั้งหลาย

    กล่าวกันว่า...หลวงปู่ขาว พุทธรักขิโต เจ้า อาวาส วัดป่าคูณคำวิปัสสนา อ.กุดบาก จ.สกลนคร ซึ่งเป็นสายวิปัสสนา นอกจากนี้ครั้งหนึ่งในอดีตหลายภพหลายชาติ ท่านก็คือ พระยาเกรียงไกรซึ่งเป็นกษัตริย์ผู้ที่สร้างพระธาตุพนม หลักฐานข้าวของเครื่องใช้ในสมัยเป็นกษัตริย์นั้นยังมีปรากฏให้เห็นอยู่…ท่าน มีความเกี่ยวข้องอันใดกับหลวงปู่เทพโลกอุดรพระอรหันต์ผู้ซึ่งได้ปวารณาตัว ดูแลพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่เพื่อส่งมอบให้กับพระพุทธศาสดาองค์ต่อไป คือพระศรีอาริยเมตไตรก็ขอให้ท่านได้สัมผัสได้ด้วยใจตนเอง..

    แม้นว่า..ในยุคกึ่งพุทธกาลนี้ ..ศรัทธาชาวพุทธต่างสั่นคลอนเป็นอย่างมากเรื่องราวมากหลาย ถูกจัดฉาก แสดงโดยผู้จิตขุ่นมัวเป็น ผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังถ้าท่านใดไม่รู้ตัว ไม่ระวัง ก็ยังไม่เป็นไรมากเพราะยังมีกลุ่มผู้มีบุญบารมีต่างๆ คอยอุ้มชู ช่วยเหลือกันไว้มากบ้าง น้อยบ้าง ตามสติปัญญา ตามกำลัง ตามบุญวาสนาบารมีของตนแต่เรายังโชคดีที่มี พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ผู้ดำรงสมาธิจิตด้วยขันติ วิริยะ จิตตะ ในเอกัตคตารมณ์ มีสติรอบรู้ เป็นหนึ่งเมื่อแผ่พละธรรมความศรัทธาให้แก่หมู่ชนโดยทั่วไป หรือเจาะจงย่อมเกิดพลานุภาพ สังฆานุภาพ ปรากฎเป็นรูปธรรม แก่ผู้ปรารถนาโดยอัศจรรย์... โดยมีหลักการที่จะสร้างจิตให้เกิดฤทธิ์ได้คือ การสร้างพลังงานของจิตให้มีอานุภาพ สามารถทำให้เกิดสิ่งที่เหนือธรรมชาติได้ สภาวะทั้งหลายทั้งปวงของธาตุ 4 ขันธ์5 เป็นรูปธรรม ซึ่ง เป็นแหล่งทำให้เกิดพลังงานทางจิต พลังงานของธาตุต่างๆที่หนุนเสริม เป็นการสร้างพลังงานของจิตให้สู่สภาวะของความมีอิทธิฤทธิ์ปรากฏผลสำเร็จ...

    ขอบพระคุณที่มา:คลิก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2016
  2. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    เค๊าะแรกขอให้รวยๆๆๆๆ
    [​IMG]
     
  3. danaitorn

    danaitorn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2015
    โพสต์:
    328
    ค่าพลัง:
    +252
    150
     
  4. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    [​IMG]
    ยินดีด้วยครับ..ท่าน danaitorn ชนะการประมูล ยอด 150+50=200.-
    ขอที่อยู่เพื่อจัดส่งด้วยครับ...ขอให้เฮงๆรวยๆปลอดภัยไร้โรคาพยาธิ..ทำสิ่งใดสำเร็จๆๆตามเจตนา เทอญ...
    -------------------------------------------------------------------------
    ขอบคุณทุกราคา และที่เข้ามาให้กำลังใจกันครับผม
     

แชร์หน้านี้

Loading...