ฤทธิ์เดชของมาร แม้ทรงฌาณสมาบัติก็ยังมาหลอกได้

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 8 กรกฎาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,177
    ถาม : เวลาคนเราภาวนาอย่างนี้ในระหว่างภาวนาแบบที่ทรงญานกับภาวนาแบบที่ทรงฌานได้ ๒ อย่างนี้มารมาดลใจได้มั้ยคะ ?

    ตอบ : ได้ มันหลอกทั้งๆ ที่ทรงสมาบัติ ๘ นั่นแหละ

    ถาม : ทรงสมาบัติ ๘ นี่เกาะพระอยู่ไม่ใช่เหรอคะ ?

    ตอบ : อยู่จ้ะอยู่

    ถาม : แล้วยังหลอกได้อีกเหรอ ?

    ตอบ : สบาย มันเป็นพระมาเลยให้เกาะด้วย (หัวเราะ) ยังไม่รู้ฝีมือเขาซะแล้ว

    ถาม : ปานนั้นเชียว ?

    ตอบ : ถ้าตราบใดที่คุณยังไม่เข้าพระนิพพาน มันหลอกสะบั้นหั่นแหลก มันหลอกกระทั่งพระอรหันต์น่ะ

    ถาม : พระอรหันต์ก็หลอกได้ ?

    ตอบ : มันได้หลอก ได้หลอกคือไม่ยอมเชื่อไง มันก็จะพยายามหลอก มันได้หลอก

    ถาม : บางทีที่เรารู้สึกว่ามีอะไรมาดลใจ นี่มันก็ต้องพิจารณาก่อนทุกครั้งใช่มั้ย ?

    ตอบ : พิจารณาก่อน อาจจะเป็นความขี้เกียจมาดลใจก็ได้

    ถาม : หรือไม่ขณะนั้นเราจะภาวนาแบบเกาะพระ....?

    ตอบ : บอกแล้วยังเกาะอยู่ มันยังไปไม่ได้ ในเมื่อมันยังเกาะอยู่นี่ มันก็ยังอยู่ให้เขาหลอกนั่นแหละ และก็ไม่ต้องไปเลิกเกาะนะ เลิกเกาะยิ่งลงนรกใหญ่เลย มันต้องเกาะไปก่อนจนกว่าเขาจะเลิกของเขาเองโดยอัตโนมัติเพราะรู้ว่าพอแล้วเต็มแล้ว พูดยากมันเลยไปไกล อาตมาเองยังคลำไม่ค่อยจะถูกเลย เดี๋ยวมันจะเบลอกันใหญ่เอาแค่นี้ ฟังแล้วง่วงมั้ย ?

    เราต้องดูว่าอารมณ์ใจตัวนั้นมันประกอบด้วยอารมณ์เบื่อหรือเปล่า ? ถ้าหากว่ามันเบื่อมันจะเป็นนิพพิทาญาณ แต่ถ้าหากว่ามันรู้สึกว่าุสิ่งทุกอย่างมันจืดชืดไม่อยากได้ใคร่ดีอะไรนี่มันเป็นสังขารุเบกขาญาณ

    ถาม : ถ้าตัวสังขารุเบกขาญาณจะต้องมีตัวนิพพิทาเกิดก่อนเสมอ ?

    ตอบ : นิพพิทามันจะมาก่อน ถ้าหากว่าก้าวข้ามนิพพิทาไม่ได้มันก็จะไม่เป็นสังขารุเบกขาญาณ

    ถาม : เข้าใจล่ะ

    ตอบ : ฉะนั้นคุณต้องเบื่อก่อน เบื่อให้เยอะๆ ไว้

    ถาม : เพราะฉะนั้นเราเบื่ออะไรมาก ๆ นี่เราอาจจะรีบพิจารณาใช่มั้ย ?

    ตอบ : ใช่.....ส่วนใหญ่มันเบื่อแล้วมันก็ไปหมองอยู่อย่างนั้น ตายลงไปละขาดทุนยับเยินเลย

    ถาม : แล้วถ้าเกิดเป็นเพราะ...(ไม่ชัด)...ขึ้เกียจ ?

    ตอบ : ก็ถือว่าขี้เกียจแล้วได้ดี คือมันไม่ได้อยากได้อะไรมันเลยขี้เกียจไม่ทำ ไม่รู้จะดิ้นรนไปทำไม จริงๆ แล้วน่าจะเป็นคนมีความสุข เพราะรู้จักพอตั้งแต่แรก โบราณเขาว่าขี้ตรงร่อง ไอ้ขี้ตรงร่องก็คือโบราณเขาจะประเภทที่เรียกว่าปลูกเรือนใต้ถุนสูง แล้วมันจะมีร่องกระดานอยู่ข้างล่างก็จะมีโอ่งรองเอาไว้ เพราะว่าถ้าหากลงจากบ้านเวลาค่ำคืนก็อาจจะมีอันตรายจากพวกสัตว์ร้าย ก็ใช้วิธีขึ้จากบนเรือนลงไป บังเอิญขี้ตรงร่องไม่ได้เจตนา เพราะฉะนั้นพอรู้แล้วว่าร่องอยู่ตรงนั้นก็รีบๆ ขี้ซะ

    ถาม : มันจะไปแน่ขนาดนั้นเชียวเหรอ ?

    ตอบ : บางคนนี่ง่ายขนาดนั้นจริงๆ เป็นเราอ่านๆ ดูในพระไตรปิฎก บางทีอิจฉาพระอรหันต์หลายองค์เหลือเกิน ท่านไปของท่านง๊ายง่าย ดูอย่างพระพาหิยทารุจีริยะ ถึงเวลาพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าพาหิยะ เธอจงอย่าสนใจในรูป แค่นั้นเอง..บรรลุแล้ว

    แต่คราวนี้กว่าจะง่ายขนาดนั้นนี่ต้องดูด้วยว่าท่านเกิดมาเท่าไหร่ ? ถ้าเห็นชาตินั้นชาติเดียวก็ขาดทุน เกิดมาตั้งเท่าไหร่ เดินทางด้วยเท้าเปล่า ๑๒๐ โยชน์มันเท่าไหร่ โยชน์หนึ่ง ๑๖ กิโล ๑๐ โยชน์ ๑๖๐ กิโล ๑๐๐ โยชน์นี่ ๑,๖๐๐ กิโล เขาล่อไปซะตั้งเท่าไหร่เดินทางพันกว่ากิโลรวดเดียวเพื่อไปหาพระพุทธเจ้า เจอเสร็จกอดพระบาทไว้ไม่ยอมให้ไปไหนขอฟังธรรมเถอะ ถามว่าทำไม ? ท่านไม่ยอมประมาท ท่านกลัวว่าท่านจะตายซะก่อน รอพระพุทธเจ้าบิณฑบาตเสร็จอาจจะตายก็ได้อย่างนี้

    ถาม : เพราะท่านเดินมาไม่หยุด ?

    ตอบ : เสร็จแล้วก็ตายจริงๆ ฟังธรรมเสร็จบรรลุเป็นพระอรหันต์ แต่ว่าท่านไม่เคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระศาสนาเลย จีวรที่สำเร็จด้วยฤทธิ์ไม่มี พระพุทธเจ้าก็เลยให้ไปหาบาตรหาจีวรก่อน ไปโดนวัวขวิดตาย

    ถาม : แล้วอย่างนี้พ่อแม่ท่านได้บุญมั้ยคะ บุญจากการบวช ?

    ตอบ : ได้อยู่แล้ว

    ถาม : เป็นพระอรหันต์ก็ได้เลยใช่มั้ยคะ ?

    ตอบ : ไม่ต้องเสียเวลาไปบวชแล้ว เพียงแต่ว่ารอให้รูปแบบมันถูกต้องก็เลยให้ไปหาบาตรหาจีวรก่อน




    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๔
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 ตุลาคม 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...