ร่วมทำบุญบูชา มงคลสหัสธาตุรังสรรค์กรรมสิทธิ์หมื่นเขตแดนประทานพร(หมื่นฟ้ารวมหนึ่ง) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    มีโทรเล่าประสบการณ์เข้ามาหลายอย่าง เดี๋ยวจะนำมาพูดกันคร่าวๆพรุ่งนี้นะครับ
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    การตรวจสอบทางจิต

    อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้ก็จะมาพูดคุยกันรอบเช้าเหมือนเดิม โดยจะยกประสบการณ์พี่ท่านหนึ่งที่โทรมาเล่าให้ผมฟังเมื่อคืนนำมาลงให้อ่านกัน

    ต้องบอกก่อนว่าเมื่อคืนผมกำลังเดินทางอยู่ดังนั้นจึงจดจำรายละเอียดไม่ได้มากเท่าไหร่ แต่ก็ยังพอจำได้เพราะคุยกันหลายเรื่อง เลยจะสรุปเล่ากันคร่าวๆ

    * ออกตัวไว้ว่าประสบการณ์ทั้งหลายนี้เป็นสิ่งที่ผู้รู้ พึงรู้และสัมผัสได้เฉพาะตน ด้วยการฝึกจิตฝึกสมาธิ คนอื่นที่ยังไม่รู้หรือสัมผัสไม่ได้เหมือนในกรณีนี้ ก็อย่าเพิ่งคิดว่าสิ่งนั้นๆไม่มี หากเป็นจิตตัวเองที่ยังไม่ได้ฝึกขัดเกลามากพอที่จะสื่อถึงกันได้


    พี่ท่านนี้เล่ามาในเบื้องต้นว่าได้เข้ามาอ่านกระทู้แล้วก็สนใจบูชาเครื่องมงคลไป พอไปพบเจอประสบการณ์มาต่างๆก็เลยตามเก็บของเก่าๆนำมาบูชาด้วย เมื่อบูชาไปแล้วก็จะนำไปเช็คและให้เพื่อนที่ฝึกมโนมยิทธิช่วยกันเช็คด้วย ซึ่งก็ได้ผลลออกมาตรงกันหรือมากกว่า...

    ผลในที่นี้คืออะไร นั่นคือสิ่งที่ผมได้เขียนและบรรยายรายละเอียดของเครื่องมงคลชนิดต่างๆไว้ ซึ่งหลายๆคนไม่เคยอ่านหรือจ้องอ่านเพียงผ่านตา แต่กับผู้ฝึกจิตจนรู้ได้ เขาพูดกันว่าที่บรรยายไว้มันไม่ได้เกินจริงเลยแต่อย่างใด ซ้ำบางอย่างยังมากกว่าและไม่ได้ลงด้วยซ้ำ เพราะเรื่องบางเรื่องมันก็ลงไม่ได้ จะเข้าแนวอวดมากไป หรือดูเว่อร์เกินไป ถ้าจะอธิบายกันหมดอาจจะดูเหมือนหลุดไปคนละมิติเลยก็ได้

    - เริ่มจากเทวีกามเธนุหรือแม่โคสุรภีก่อนก็แล้วกัน ผมจะเรียงลำดับจากที่คุยแล้วพอจำได้ซึ่งยอมรับว่าจำได้ไม่หมด แม่โคนี้พี่ท่านนี้ได้ตรวจสอบเค้าว่าตรงตามที่บรรยายไว้เลย นั่นคือพ่ออาจารย์ท่านเชิญมาหมด เราเห็นรูปแม่โคเพียงตาเปล่าเท่านั้นแต่ในพิธีกรรมไม่ว่าอวัยวะน้อยใหญ่ใดๆล้วนเป็นที่สิงสถิตย์ของเทพเจ้าชั้นสูงทั้งสิ้น ดังที่บรรยายไว้แต่แรกว่า " อันแม่โคนี้ด้วยว่าเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้าแต่เดิม มีตรีมูรตินั้นเสด็จลงมาเป็นหน้าโค ดวงตาทั้งสองก็คือสุริยันจันทรา พระอัคนีเป็นบ่าโคทั้งสองข้าง ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ พระวรุณ พระยม พระพรหม พระศิวะ พระนารายณ์ พระอุมา พระลักษมี พระสรัสวดี และเหล่าพรหมฤาษีตลอดจนถึงนารัทมุนีแยกเป็นอวัยวะน้อยใหญ่ เท้าทั้งสี่ข้างก็สถิตย์ด้วยสัญลักษณ์แทนพระเวทย์ทั้งสี่แต่ปางบรรพ์ " จากการตรวจสอบดูด้วยตาในก็ตรงตามนั้น แต่นอกจากนี้ยังมีเด็กหญิงหน้าตาสวยงามอายุประมาณ 16 ปีพี่เขาว่าวัยขบเผาะเหมือนสาวรุ่น เก่ง มีฤทธิ์มาก ทำได้ทุกอย่างเลย ผู้หญิงคนนี้ก็อยู่ในแม่โคเช่นกัน เขาว่าอันนี้เกินมาจากที่ตรวจสอบและเราไม่ได้ลงข้อมูลไว้ จึงสงสัยว่าเป็นใคร จากข้อสันนิษฐานเบื้องต้นผมตอบไปตามความรู้สึกว่าน่าจะเป็นโคนันทินี นั่นคือลูกสาวของแม่โคสุรภีที่ปกติแล้วจะติดและอยู่กับแม่โคสุรภีไปทุกที่ ถ้าลองว่าสวยและเก่ง ทำได้ทุกอย่าง แถมอยู่ติดคอยปฏิบัติรับใช้แม่โคแล้วก็จะเป็นคนอื่นไปไม่ได้เลย

    - ตอนพ่ออาจารย์ท่านทำพระตรีมูรติประทับพนัสบดี พี่ท่านนี้ได้ทำการเช็คดูแล้ว ก็ปรากฏว่าตรงตามเนื้อหาที่ลงไว้นั่นคือเป็นศูนย์รวมพลังของพระเวทย์และพระธรรมอันยิ่งใหญ่ พี่เขาเล่าว่าในเครื่องมงคลของพ่ออาจารย์หลายๆรุ่นก็จะประสานพระเวทย์และพระธรรมตามเอกลักษณ์ของเทพเจ้า แต่กับพระตรีนี้กลับทรงพระเวทย์ไว้รุนแรงมาก เรียกว่ารุนแรงที่สุดกว่ารุ่นไหนๆ ซึ่งไม่เคยเจอหรือคิดว่าจะมีวัตถุมงคลอะไรที่รวมกำลังพระเวทย์พระธรรมขึ้นมาได้แรุนแรงแบบนี้ ไม่เคยได้ยิน หรือไม่เคยพบทั้งสิ้น เรื่องพวกนี้ถ้าไปพูดก็คงไม่มีใครเขาเชื่อ เขาฟัง เว้นไว้แต่คนที่เห็นและรู้เหมือนกันถึงจะเข้าใจสิ่งอจินไตยเหล่านี้ได้

    - สมิงพระกาฬ เสือตัวนี้เราคุยกันยาวมากและเหมือนจะพูดขึ้นมาเป็นองค์แรกเลย ซึ่งผมเองก็จำไม่ค่อยได้ทั้งหมดเลยยกมาพิมพ์ทีหลัง สมิงพระกาฬนี้พี่เค้าว่าแรงมาก แรงที่สุด ดุที่สุด ในบรรดาเสือทั้งหมดที่เคยเช็คมาทุกสำนัก แรงจนไม่คิดว่าจะทำออกมาได้ และเป็นเสือวิชาที่หากตกไปอยู่ในมือคนเล่นของ เล่นอาคม มีวิชา เขาใช้ฆ่าคนได้เลย แรงมากขนาดนั้น อันที่จริงเรื่องของสมิงพระกาฬเราคุยกันเยอะแต่พอจะพิมพ์กลับจำไม่ค่อยได้ก็เอาคร่าวๆไว้ว่าแรง ใครได้ไปให้รักษา เลี้ยงกันดีๆ ถึงจะแรงแต่ไม่ต้องกลัวอะไรเพราะของที่พ่ออาจารย์ท่านสร้างไม่มีที่จะคุมไม่อยู่หรือใช้ไม่ได้แน่นอน

    - พ่องั่งเศียรโล้น องค์นี้ก็สุดๆเช่นกันมีประสบการณ์มาก พี่เค้าว่าผมเช็คแล้ว ท่าน(พ่องั่ง)บอกผมเองเลยว่าท่านช่วยได้ทุกเรื่อง ไม่แยกว่าจะคนดี หรือคนชั่วท่านช่วยได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมคนถึงแสวงหางั่งทั้งสองรุ่นของพ่ออาจารย์กันมาก บางทีหลายคนโดยเฉพาะผู้หญิงอาจจะรังเกียจงั่งว่าของต่ำ แต่ว่าโดยเนื้อแท้แล้วงั่งไสย์เทพของพ่ออาจารย์ท่านคือพ่อผู้มีแต่ให้ และช่วยไม่เลือก ไม่เคยเลือกว่าลูกจะผิดหรือถูก แต่หากลูกเดือดร้อนแล้วก็ต้องช่วย ให้พ้นภัย ให้ได้ดี ตรงนี้ใครมองไม่เห็นก็ข้ามไป แต่ใครที่รู้และเห็นคุณค่า ผมบอกได้คำเดียวว่าเหมือนชี้ขุมทรัพย์ให้กันเลย

    - เราก็คุยเรื่องที่พี่กับเพื่อนพี่เขาช่วยกันเช็คพระหลายรายการ แต่ผมจำไม่ค่อยได้ ก็เล่าได้คร่าวๆเฉพาะที่พอนึกออกเพราะจริงๆหลายๆเรื่องหากพูดไป จะเข้าทำนองคนนอกที่ไม่ได้สัมผัสหรือเห็นด้วยตัวเองแล้วเขาจะคิดว่าเราเว่อร์ โดยเฉพาะกับเครื่องมงคลพ่ออาจารย์ ศิษย์วิชามโนมยิทธิสองท่านนี้ยืนยันว่าแรงกว่าวัตถุมงคลทั่วไป และหลายๆอย่างยังมากกว่าที่เคยพิมพ์ไว้ด้วยซ้ำ ซึ่งเราก็ดีใจที่มีคนตามอ่านและนำไปพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง มันชื่นใจว่าที่พิมพ์ไปนั้นไม่เสียเวลาเลย ที่จริงยังมีประสบการณ์แบบเป็นรูปธรรมอีกหลายอย่างที่บางท่านเล่าเข้ามาแล้วผมไม่สามารถสื่อสารออกไปได้ เพราะมันเว่อร์มากเกินไปจนเรากลัวว่าถ้าเล่าไปแล้วคนอื่นเค้าจะไปลองอะไรที่พิศดารกันกว่านี้มั๊ย รวมถึงผู้เล่าเอาพลังงานของเครื่องมงคลที่ว่ามีสูงมากไปพาดพิงหลวงปู่หลวงพ่อชื่อดังระดับเซียนนิยม ของที่เล่นหาราคาหลักล้านหรือหลายๆสิบล้านว่าเทียบไม่ได้ก็มี ซึ่งเราไม่สามารถนำมาเล่าต่อแบบขยายความให้ละเอียดได้เพราะมันจะดูแย่ในสายตาคนอ่าน เหมือนเราไปล่วงเกินครูอาจารย์สำนักอื่น

    * สำหรับเครื่องมงคลนั้น พี่ท่านนี้ได้สื่อและถามผมว่า เครื่องมงคลพ่ออาจารย์จำเป็นต้องห้อยทั้งหมดมั๊ยครับ ทีแรกเราก็เอะใจแต่ไม่อยากจะโกหกตามกุศโลบายที่ผมใช้มาตลอด ก็เลยตอบไปตรงๆว่าไม่จำเป็นต้องห้อยก็ได้ อันนี้คือถ้าจิตเราถึง เวลาจะไปไหนก็วางไว้ที่บ้านนั่นแหละ ขอแค่บอกกล่าวกันว่าวันนี้เราจะไปทำอะไร ที่ไหน เค้าจะตามเราไปทั้งหมด กายทิพย์ทั้งหลายพ่ออาจารย์ท่านพูดติดตลกเอาไว้หนหนึ่งว่า เค้าตามไปดูแลคุ้มครองเต็มคันรถบรรทุกทีเดียว(อุปมาว่าถึงไม่ได้ใส่แต่ครูก็ตามดูอยู่เยอะมาก) พี่เค้าจึงว่าเหมือนที่เครื่องมงคลสื่อกกับผมเลย นั่นคือเครื่องมงคลทั้งหลาย บอกว่าไม่จำเป็นต้องใส่ ขอแค่ให้เอากระดาษเขียนชื่อวันเดือนปีเกิดของตนเองแล้วเอาเครื่องมงคลพ่ออาจารย์ทับไว้รวมกัน เวลาจะไปไหนเพียงบอกกล่าว เท่านี้ครูบาอาจารย์ท่านจะตามไปทั้งหมด เหตุที่ถามก็เพราะว่าห้อยทุกชิ้นไม่ไหวเนื่องจากขนาดและน้ำหนัก ซึ่งกรณีนี้ก็อุ่นใจได้ว่าครูไม่ทิ้งแต่ผมเพียงไม่เคยบอกใครและมักจะตอบไปว่าต้องใส่ ต้องห้อยนะ บางคนผมยังขู่ไปว่าไม่ห้อยไม่ได้เดี๋ยวครูไม่ช่วย นั่นก็เพราะเป็นกุศโลบายของผม คนเราพอมันสะดวกมันสบาย มีอะไรที่ทำได้ง่ายๆก็จะพลอยลืมครูบาอาจารย์ละทิ้งการปฏิบัติไป บางครั้งการที่ใส่ที่ห้อยแม้รู้ว่าหนัก อย่างน้อยสิ่งแทนครูเหล่านี้ก็ยังถ่วงคอ เตือนสติก่อนที่จะทำอะไรผิดพลาดไป ให้ละอายชั่วกลัวบาป ไม่กล้าคิดหรือทำสิ่งอกุศล เพราะคนเราหากคิดว่ามีครูคอยจ้องมองอยู่ วันนั้นพฤติกรรมเขาจะดีเป็นพิเศษ แต่ในข้อเท็จจริงแล้วเมื่อพ่ออาจารย์ประสิทธิท่านก็ทำสัญญาใจให้แล้ว แม้จะไม่ห้อยหรือวางไว้บนหิ้งเฉยๆท่านก็ตามช่วยตามดูเสมอกันนั่นเอง ตรงนี้ก็เลือกกันเองว่าจะยอมหนักหรือเอาสบาย

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2018
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่วิศณุกร EU 7485 2209 8 TH

    พี่ศิระ EU 7485 2210 7 TH
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    พรุ่งนี้จะเปิดให้สั่งจองตะกรุดมหาสะท้อนตัวพิเศษที่จะจัดทำเฉพาะผู้สั่งจองนะครับ ติดตามกันดีๆเน้นให้ราคาเบาๆจะได้บูชากันได้ทุกคน
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดสะกดทุกข์สะท้อนกรรม(มหาสะท้อน) ชุดพิเศษ

    สืบเนื่องจากมีความต้องการสูงและหลายๆท่านอยากบูชาไว้ใช้หลายๆดอกเผื่อลูกหลานในครอบครัวให้ใช้เพื่อความสบายใจด้วย รวมไปถึงของที่อื่นนั้นราคาบูชาค่อนข้างสูงมาก ทั้งยังมั่นใจในคุณวิชาของพ่ออาจารย์เนื่องจากเคยพบเจอประสบมากับตัวแล้ว จึงอยากอ้อนวอนให้ท่านลงตะกรุดมหาสะท้อนให้

    "ก็ต้องย้อนกลับไปก่อนถึงต้นสายวิชาที่ทำนั่นคือหลวงพ่อวัดท่าซุง ถือเป็นสุดยอดวิชาตะกรุดของหลวงพ่อ ซึ่งช่วงราวๆปี ๒๕๒๗-๒๕๒๘ ในวัดจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีทำไสยศาสตร์คุณไสยดำเพื่อหวังจะทำร้ายทั้งพระและฆราวาสในวัด พระท่านมาบอก หลวงพ่อเลยเมตตาทำให้พิเศษเฉพาะเป็นการภายใน โดยบรรดาลูกหลานจะลงชื่อกันไว้ แล้วนำแผ่นทอง เงิน นาค หรือตะกั่วมากันเอง แล้วก็นำใส่พานไปให้หลวงพ่อปลุกเสก ตอนแรกหลวงพ่อก็ลงมือจารด้วยตัวท่านเอง สักพักหมาหอนลั่นกันทั้งวัด หลวงพ่อก็หยุดจาร เมื่อปลุกเสกเสร็จ หลวงพ่อก็บอกว่า พระท่านมาบอกว่าไม่ต้องจารทั้งหมดหรอก จะไม่ไหว ให้กำหนดจิตทำ ท่านเลยกำหนดจิตตามพระท่านสั่ง ปรากฎว่าตะกรุดทุกดอกในพานนี้ ขึ้นเป็นตัวอักขระตามเนื้อตะกรุดครบทุกดอกเลย จะมีจำนวนไม่มาก ในระหว่างปี พ.ศ.๒๕๒๘ หลวงพ่อพระราชพรหมยานได้เมตตาสงเคราะห์ศิษย์ใกล้ชิดเป็นกรณีพิเศษ โดยอนุญาตให้นำแผ่นทองคำ แผ่นนากหรือแผ่นเงิน(ตามกำลังของแต่ละคน) มาทำเป็นแผ่นตะกรุด เรียกกันว่าตะกรุดเม ซึ่งเป็นคำย่อมาจาก “ เม สัมมุกขา สัพพา หะระติ เต สัมมุกขา ” ท่านได้เมตตาจารยันต์ให้ ส่วนใหญ่เป็นยันต์องค์พระและมีอุณาโลมอยู่ด้านบน บางแผ่นท่านจารอักขระเพิ่มเติมให้ และมีอยู่แผ่นหนึ่งที่ท่านเมตตาจารเป็นกรณีพิเศษโดยด้านหนึ่งเป็นยันต์ท่านปู่พระอินทร์ (ยันต์ปัญจพุทธา) อีกด้านเป็นยันต์ท้าวมหาชมภู ที่กล่าวว่าเป็นกรณีพิเศษนั้นเนื่องจากในขณะนั้นหลวงพ่อท่านมีภาระกิจมากทั้งงานสอนพระกรรมฐาน งานศูนย์สงเคราะห์ฯ งานเจริญศรัทธางานก่อสร้าง ฯลฯ เวลาพักผ่อนของท่านน้อยมาก ท่านยังสละเวลาจารแผ่นยันต์ให้ ผู้ที่ได้รับแผ่นยันต์ชุดนี้มาตั้งแต่ต้นหรือได้รับตกทอดมาในภายหลังล้วนแล้วแต่มีความชุ่มชื่นใจ อิ่มใจในความเมตตาของท่าน

    ตะกรุดเม นั้นมีอานุภาพในการสะท้อนกลับ ไม่ว่าใครทำดีทำชั่วกับผู้ใช้ตะกรุด ผลดีผลชั่วนั้นจะย้อนคืนไปยังผู้ทำเป็นร้อยเท่าพันทวี “ เม สัมมุขขา สัพพา หะระติ เต สัมมุขขา ” คาถานี้ถ้าทำถึงที่สุดท่านว่าแม้แต่ลูกปืนที่ยิงมาก็จะย้อนกลับไปหาผู้ยิงเอง ข้อควรระวัง อย่าเข้าไปในสถานที่ซึ่งคนหรือสัตว์กำลังคลอด เพราะจะทำให้คลอดไม่ได้ และห้ามให้เด็กใช้อย่างเด็ดขาด

    ในเรื่องของตะกรุดเม(มหาสะท้อน) หลวงพ่อกล่าวว่า "ที่เขาห้ามให้เด็กใช้ เพราะว่ามหาสะท้อนย้อนกลับทุกอย่าง แล้วย้อนกลับหลายเท่า ถ้าเราเผลอไปตีเด็ก เราอาจจะโดนอะไรที่หนักกว่านั้นคืน เขาเลยห้ามไม่ให้เด็กใช้ และห้ามเข้าไปในที่ที่คนหรือสัตว์กำลังคลอด เพราะจะทำให้คลอดไม่ออก จะโดนย้อนกลับหมด"

    มี คนสงสัยว่า ในเมื่อตะกรุดสะท้อนผลร้าย การอาราธนาตะกรุดให้คุ้มครองจะเป็นการทำร้ายคนอื่นหรือไม่ ก็ต้องขอออกความเห็นว่า การอาราธนาตะกรุดเมเหมือนการใส่เกราะคุ้มครองตัวเอง ถ้าเขาเตะลูกบอลมาใส่คุณ ลูกบอลก็ย่อมสะท้อนกลับไปหาเขา สิ่งที่เขาได้รับเป็นการกระทำของเขาหรือคุณเองล่ะ? และสำหรับผู้ที่คิดดีทำดีต่อผู้อื่นตะกรุดย่อมสะท้อนผลดี สรุปว่า ถ้าไม่มีเจตนาจะทำร้ายใคร แกล้งใคร ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เคยมีคนสงสัยว่า ถ้าพกตะกรุดทั้งคู่แล้วชกกันจะเป็นอย่างไร ท่านว่าคนที่กำลังใจเข้มแข็งกว่าก็ได้เปรียบกว่า แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีตะกรุดแล้วเผลอไปล่วงเกินคนที่พกตะกรุดเข้า ก็ให้ขอขมาโทษผู้ที่พกเสีย...ถ้าทำทัน และขอขมาพระรัตนตรัยด้วย"


    วิชาทำตะกรุดมหาสะท้อนนั้นมีหลายสายและคุณวิชานั้นก็ให้ผลคล้ายๆกัน แต่ในสายหลวงพ่อจะเป็นมหาสะท้อนสายบุญฤทธิ์ที่ใช้บารมีองค์พระท่านสงเคราะห์ให้ ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงได้เมตตาตัดสินใจจะลงให้ผู้บูชาที่จองมาเป็นกรณีพิเศษ ที่จริงท่านไม่อยากจะทำเลย ท่านว่าจะเป็นบาปกรรมแก่สัตว์ทั้งหลายให้เขาเดือดร้อน แต่มันก็มีข้อแม้ที่ครูบาอาจารย์สั่งไว้ว่า ถ้าเขาขอให้ช่วยก็ต้องทำให้ ด้วยว่าโลกและสังคมปัจจุบันนี้ล้วนมีแต่การแก่งแย่งและต่อสู้กันทุกที่ มีการรังแกกดขี่หรือทำร้ายกันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ท่านว่าสิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นภัยในวัฏสงสาร ตะกรุดมหาสะท้อนของพ่ออาจารย์พลจึงได้เกิดขึ้น

    วิชาของท่านนั้นแปลกเเละรุนแรง แปลสั้นๆตรงตามตัวเลยก็คือ ใครที่ผูกใจเจ็บเรา ใครที่ด่าเรา ใครที่คิดร้ายเรา ใครที่เขาใช่เล่ห์หรือกระทำให้ชนะหรือได้ดีกว่าเราพูดง่ายๆคือมาร้ายไม่ใช่มาดีจะเกิดผลกลับไปทันทีให้มีอันเป็นไปฉิบหายหรือตายเป็นที่สุด ในขณะเดียวกันสิ่งที่ตรงกันข้ามก็คือคนที่เขาทำดีกับเราผลดีก็ย่อมสะท้อนกลับไปเช่นกัน ท่านว่าดีมาก็ดีกลับ ร้ายมาก็ร้ายกลับ ผลแห่งการกระทำนั้นจะย้อนกลับไปเป็นร้อยเท่าพันทวี พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชาทำตะกรุดนี้เหมือนกระจกสะท้อนเงาตนเอง ดุจกฏเหล็กแห่งสังสารวัฏนั่นคือทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนั่นเอง

    พ่ออาจารย์ท่านว่าเวรกรรมควรระงับด้วยการไม่จองเวร ที่ทำให้ก็เพราะอนุรักษ์วิชาเท่านั้น อย่าไปคิดมุ่งร้ายกับใคร เพราะเราไม่ได้กร่อนสูตรย่อสูตรเราลงให้เต็มทั้งหมด ดังนั้นผู้ใด้จึงควรตั้งอยู่ในจิตที่วางไว้ในอุเบกขาวางเฉยต่อผัสสะความรู้สึกโกรธเกลียดเป็นผู้มีเมตตาเป็นอารมณ์ก็จะใช้ตะกรุดนี้ขึ้นในทางที่จะเจริญรุ่งเรือง คิดว่ามีไว้กันตัวมิได้มีไว้ทำลายผู้อื่น

    คาถาบูชา (ท่านว่า ไม่ต้องใช้ เพราะเสกมาดีเเล้วเเต่หากจำเป็นจะภาวนาก็ภาวนาได้)
    อักโกจฉิมัง อะวะธิมัง อะชินิมัง อะหาสิเม เย จะ ตัง อุปะนัยหันติ เวรัง เตสัง นะสัมมะติ
    * ซึ่งเป็นพุทธภาษิตบทหนึ่งใช้เตือนใจเราภาวนาเหมือนเป็นปริศนาธรรมก็พอ ส่วนเรื่องลงวิชาพ่ออาจารย์ท่านทำให้เต็มที่เเล้ว


    ตะกรุดนี้เป็นของอันตราย เพราะใช้สะท้อนเเม้เเต่ผู้ที่คิดร้ายประสงค์ร้าย ท่านว่าถ้าตามครูสอนเรารู้ตัวคนทำหรือคนที่คิดไม่ซื่อกับเราด้วยให้เขียนชื่อนามสกุลสอดใส่ตะกรุดไป หากเขาทำจริงจะเกิดผลรุนแรงถึงขั้นวิบัติฉิบหายเเละล้มตายได้ แต่บาปกรรมนั้นเธอคิดว่าเธอจะรับไหวมั้ย ท่านว่าไม่ใช่ตะกรุดเอาไว้ทำร้ายคนแต่เป็นใจคนที่เอาไปทำร้ายกันเอง ถ้าเราใช้ตะกรุดทำร้ายผู้อื่นนั่นแสดงว่าเราก็ไม่ใช่คนดีอะไรเช่นเดียวกับเขา พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้ที่ทำให้ก็เพื่อให้พกอาราธนาเฉยๆ ทำให้เพื่อเป็นของกันตัวเท่านี้ก็แรงพอแล้ว ถ้าเขาเป็นคนดี ถ้าเขาไม่ได้คิดไม่ซื่อ ไม่ได้ว่าร้ายเรามันก็จะไม่เกิดผลอะไร

    * นอกจากนั้นพ่ออาจารย์ท่านยังได้ลงวิชาพิเศษที่เรียกว่าสะกดทุกข์ไว้ เพื่อให้ผู้บูชามีแต่ความสุขความเจริญในการประกอบอาชีพทำมาหากิน ซึ่งวิชานี้ท่านจะทำน้อยครั้งมาก ท่านว่าเมื่อสะท้อนกรรมแล้วก็ต้องสะกดทุกข์ด้วย ชีวิตจึงจะเจริญ จะใช้แต่สะท้อนปลดีปลร้ายใส่คนอื่นนั้นตนเองย่อมไม่ได้รับประโยชน์อะไร ดังนั้นตะกรุดชุดนี้ท่านจึงลงให้แบบพิเศษเพื่อให้ผู้บูชาคลายเคราะห์กรรมที่ติดขัดบางช่วงเวลานั้นๆ

    เอาไว้พกทำข้อมือเอาไว้ห้อยคอเพื่อความสบายใจได้ทุกอย่างตามแต่สะดวก อย่าได้เอาไปใช้ในทางที่ผิดเลย ท่านว่าเป็นตะกรุดดอกเล็กๆ เอาไว้ให้เด็กให้ผู้หญิงห้อย ให้คนที่เรารักเราเป็นห่วงห้อย คนเจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัดนี่ห้ามห้อย(ถ้าอยากให้เด็กห้อยเพราะรักลูก พ่ออาจารย์ท่านว่าให้ห้อยได้เป็นบางเวลา อย่าให้เค้าห้อยไปโรงเรียน หรือขณะที่เราทำโทษเขาก็ให้ถอดออกเสียก่อน) ให้ประสิทธิไว้เฉพาะกับคนดีเท่านั้น

    ตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าแปลก บางคนลองอาราธนาหลายๆดอกพร้อมกันก็ปรากฏว่าชีวิตที่ติดวิบากกรรมหนักหรือโดนรังแกจากผู้มีอิทธิพลมากก็หลุดพ้น คลายลง... เห็นผลในอันที่จะเป็นไปอย่างรวดเร็ว*ตรงนี้ท่านว่าถ้าใครรู้ตัวว่ากรรมมาก และกรรมหนักหรืออยากเห็นผลเร็วก็ให้บูชาเป็นคู่กัน

    มีข้อห้ามข้อเดียว ตะกรุดนี้ห้ามคลี่ถ้าคลี่ให้เสื่อมถอนทันที ท่านม้วนส่วนหน้าตัดให้เป็นตะกรุดดอกเล็กๆ กะทัดรัด รายการนี้ตามคำเรียกร้องท่านลงให้พิเศษเฉพาะคนสั่งจอท่านจะลงตามจองจนครบจำนวนที่เสด็จพระใหญ่ท่านอนุญาติให้ทำ หากครบแล้วขอสงวนสิทธิ์ในการปิดจองทันที ทั้งให้บูชาในราคาที่ไม่หนักมากนักจะได้ทั่วถึงกัน

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดสะกดทุกข์สะท้อนกรรม(มหาสะท้อน) ชุดพิเศษ บูชาดอกละ 500 บาท

    e0b89ee0b8a3e0b8b0e0b981e0b8a1e0b988e0b898e0b8a3e0b893e0b8b5.jpg
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่พรเทพ EV 0221 0884 3 TH

    พี่วิชัย EV 0221 0885 7 TH
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    ตอบคำถาม

    อรุณสวัสดิ์ทักทายกันรอบเช้าต่อจากเมื่อวานนะครับ เกี่ยวกับคำถามที่ฝากเข้ามา

    ก็ต่อเนื่องจากตะกรุดมหาสะท้อนเลย ที่มีคนถามและผมมั่นใจว่าหลายท่านยังคิดอยู่ กลัวว่าจะเป็นอันตรายเนื่องจากผลสะท้อนของตะกรุด หมายถึงกลัวคนที่คิดร้ายกับเราได้รับอันตรายรุนแรงเกินไปนั่นเอง

    ตรงนี้ได้อธิบายลงในบทความพอสังเขปแล้ว แต่ก็จะยกมาพูดอีกทีหนึ่ง นั่นคือกฏแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ตรงนี้คือสิ่งที่ทุกคนยอมรับว่าเป็นสัจธรรม แต่ผลดีหรือชั่วที่จะเกิดขึ้นนี้บางคนก็เกิดโดยเร็ว บางคนก็สะสมอาศัยระยะเวลายาวนาน มีทั้งกรรมติดจรวดหรือกรรมสะสมก็เรียก แต่โดยรวมแล้วทุกคนก้ได้รับผลแห่งกรรมนั้นๆทั้งสิ้น

    ถึงจะไม่มีตะกรุดมหาสะท้อน แต่คนที่เค้ามาดีหรือมาร้ายกับเราก็ย่อมได้รับผลโต้กลับของกรรมเหมือนเดิม การมีตะกรุดมหาสะท้อนนั้นต่างกันแค่วาระ ว่ามันจะช้าหรือเร็วแค่นั้น คนที่มีตะกรุดก็ดุจว่ามีกระจกสะท้อนกรรม ซึ่งจะสะท้อนกลับไปทันตาเห็น ในขณะที่คนไม่มีก็ต้องรอกฏแห่งกรรมทำงานตามระบบของมันนั่นเอง

    เรียกได้ว่าผลเท่ากันต่างกันที่ระยะเวลาและหน่วยของเวลา เมื่อเป็นสิ่งที่ต้องเกิดแน่นอนอยู่แล้วแต่บางทีหน่วยของเวลามันอาจจะมาก มากจนเราตายไปก็ยังไม่ทันเห็น เมื่อหน่วยของเวลามากบางทีในชีวิตคนจึงโดนกลั้นแกล้งซ้ำๆทำอะไรไม่ลุล่วงจนเกินเลยถึงขั้นเกิดผลเสียหายต่างๆ

    ดังนั้นคนจึงมานิยมพกตะกรุดมหาสะท้อนกันมาก เพราะคนเหล่านี้รู้ค่าของเวลา รู้ค่าของชีวิต ไม่ยอมให้มีสิ่งใดมาฉุดตนให้ต่ำลงอยู่กับที่ได้นาน ไม่ทนให้ผู้ใดกลั่นแกล้งเพราะเขารักที่จะเดินหน้าต่อไป

    * จึงสรุปได้ว่า วิชามหาสะท้อนนั้นเป็นหนึ่งในวิชาที่ช่วยส่งเสริมคนในยุคที่การแข่งขันสูง มีการเอาเปรียบกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง โดยทุกสิ่งนั้นขึ้นอยู่กับคนใช้เป็นหลัก จะใช้ให้รุ่งโรจน์ก็ย่อมได้ เพียงแค่พกและขยันอาราธนาไม่มีจิตปองร้ายใครเท่านั้น อานุภาพตะกรุดก็จะทำงานด้วยตัวของเขาเอง

    image.jpg
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    ฝากคำถาม ปรึกษา หรือเล่าประสบการณ์ก็ PM ไว้นะครับ:)
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    อรุณสวัสดิ์วันหยุดนะครับ

    วันนี้ติดตามพูดคุยกันแบบเกาะติดนะ ;)ห้ามพลาด
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    วิชาหมู

    อรุณสวัสดิ์ครับ เช้านี้ก็จะนำมาพูดคุยกันโดยยกข้อมูลต้นสายหมูนารายณ์อวตารมาให้อ่านกันคร่าวๆก่อนนะครับ

    ปางอวตารปางที่สามของพระนารายณ์มหาเทพผู้พดุงสันติสุขของจักรวาลคือ วราหาวตารเป็นพญาหมูป่าเผือกมีเขี้ยวเป็นเพชร เพื่อปราบหิรัณยากษะซึ่งม้วนโลกไว้ในรักแร้ทำให้สัตว์ทั้งหลายล้มตาย ทั้งยังเห็นเหตุให้พระนารายณ์ต้องอวตารลงไปอีกสี่ครั้ง โดยเรื่องมีอยู่ว่า

    หลังจาการกวนน้ำอมฤตซึ่งใช้เวลานานมากทำให้ทรงเหนื่อยล้าเป็นอย่างมากพอเสร็จงานพระนารายณ์ก็เข้าบรรทมที่เกษียรสมุทรทันที เวลานั้นมีพรหมกุมารสี่ตนอันได้แก่ สนกะ สนันทนะ สนาตนะ สันตกุมารซึ่งเคยได้รับอนุญาตจากพระนารายณ์ให้เข้าเฝ้าเวลาไหนก็ได้ ได้เดินทางมาเฝ้าพระนารายณ์เวลานั้น

    ยามเฝ้าทวารชื่อชยะ วิชยะได้ห้ามปรามพรหมกุมารทั้งสี่ แม้พรหมกุมารทั้งสี่บอกว่าตนได้รับสิทธิพิเศษก็ไม่เชื่อ ทั้งยังกล่าววาจาดูถูก หมิ่นว่าเป็นเพียงเด็กน้อย พรหมกุมารทั้งสี่จึงโกรธต่อว่ายามทวารบาลมาว่ากล่าวตนซึ่งเป็นพราหมณ์ ซึ่งตามคัมภีร์พระเวทเป็นบาปมหันต์ จึงสาปให้ทั้งสองลงไปเกิดเป็นมารร้ายในโลกให้สมกับบาปที่ทวารบาลได้กระทำถึง 3 ชาติ

    ในครั้งนั้นเกิดเสียงดังกัปนาทจนพระนารายณ์ตื่นบรรทมมาและเห็นเข้าจึงรีบกุลีกุจอต้อนรับพรหมกุมารทั้งสี่ทั้งยังขอโทษเป็นการใหญ่ ฝ่ายชยยะกับวิชยะก็รู้ว่าตนผิดไปแล้วจึงขอให้พระนารายณ์ช่วยเหลือ แต่พระนารายณ์ก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะคำสาปของพราหมณ์นั้นศักดิ์สิทธิ์แก้ไม่ได้ แต่พระนารายณ์ได้อนุเคราะห์ด้วยการจะทรงลงไปสังหารทั้งสองด้วยตัวเองโดยชาติแรกทั้งสองเกิดเป็นหิรัณยากษะและหิรัณยกศิปุสองพี่น้อง ตนจะไปเป็นหมูป่าและนรสิงห์ ชาติที่สองไปเกิดเป็นตระกูลพรหมยักษ์นามทศกัณฐ์และกุมภกรรณและตนจะเกิดเป็นพระรามไปปราบส่วนชาติที่สามไปเกิดเป็นมนุษญ์ชื่อพญากงส์และศิสุปาลพระนารายณ์ทรงไปเกิดเป็นมุนษย์ชื่อกฤษณะเพื่อปราบทั้งสอง

    แล้วชยยะและวิชยะก็ลงไปเกิดในโลกมนุษย์ตามคำสาปสามชาติ โดยไปเกิดเป็นหิรัณยากษะกับหิรัณกศิปุสองพี่น้องทั้งคู่เป็นยักษ์ที่มีกำลังมากจนพวกพราหมณ์และมนุษย์ต่างเกรงกลัวทั้งสิ้นนานวันเข้าทั้งสองก็ผยองคิดว่าไม่มีใครสู้ตนได้

    หิรัณยากษะกำเริบเสิบสานคิดว่าตนมีกำลังเหนือกว่าผู้ใด จึงคิดจะครอบครองโลกแต่เพียงผู้เดียวโดยใช้อิทธิฤทธิ์ของตนทำการการม้วนแผ่นดินทั้งโลกไว้ใต้รักแร้และลงไปอยู่ในโลกบาดาล ยังผลให้เดือดร้อนไปทั่ว ร้อนถึงพระนารายณ์ที่ต้องลงมาสะสางปัญหาด้วยการอวตารแบ่งภาคลงมาเป็นพญาหมูป่าตัวเผือกขาวดังสำลีมีเขี้ยวโง้วยาวเป็นเพชร ลงไปสังหารหิรัณยากษะทั้งสองต่อสู้กันอย่างรุนแรงหิรัณยากษะมัวแต่ห่วงแผ่นดินใต้รักแร้จึงพลาดท่าถูกหมูป่ายักษ์ขวิดถึงแก่ความตายตาย เสร็จแล้วพญาหมูป่าก็ใช้จมูกทูนแผ่นดินขึ้นมาด้านบนและใช้เขี้ยวคลี่แผ่นดินออกให้โลกกลับสู่สันติสุขอีกครั้ง แล้วตนก็กลับไปรวมภาคกับพระนารายณ์ตามเดิม


    * ติดตามเรื่องของหมูกันดีๆนะ

    b8bff3f966297f46c27cd576cec9aa021.jpg
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    แจ้งสำหรับท่านที่จองตะกรุดมหาสะท้อนไว้ รายการนี้โอนได้เลยนะครับ
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    พูดคุยรอบเช้า

    อรุณสวัสดิ์ครับ รอบเช้านี้ก็ได้โอกาสมาพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์เหรียญหล่อพญายมราช ที่ผู้บูชาได้นำมาเล่าให้ฟังกัน

    เอาจริงๆผมก็ยังไม่ได้ขออนุญาติพี่ท่านนี้เลย ก็เลยจะเล่าคร่าวๆไว้เท่านั้น พี่เค้าก็PM เพื่อบูชาเจ้าปู่พญายมปกติเราไม่รู้อะไรพิเศษตอนนั้นเพราะพี่เค้าไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรไว้ ว่าชีวิตตัวเองเป็นอย่างไรประกอบอาชีพอะไร


    หลังจากได้บูชาพี่เค้าบอกเมื่อได้รับพ่อพญายมแล้ว ตอนนั้นเหตุการณ์ชีวิตมันร้อนๆมานานแล้ว พอได้มาจึงจุดธูป 36 ดอกในมือกำพ่อพญายมไว้ด้วย อธิษฐานบอกกล่าวความเดือดร้อนลำบากที่ได้รับมาทั้งหมด พร้อมกับขอถวายตัวเป็นศิษย์เป็นคนของท่าน พอปักธูปวันนั้นรอบเย็นก็ได้หาพวงมาลัย ผลไม้ต่างๆพร้อมบายศรีมาจัดไว้เพื่อบูชาท่านอีกรอบหนึ่ง

    คืนนั้นพี่เค้าว่าลูกชายที่นอนกับเค้าปวดปัสสาวะก็เลยตื่นมารอบดึกปลุกเราให้ไปเข้าห้องน้ำด้วย แต่ก็ต้องตกใจเพราะเค้าร้องไห้เล่าให้เราฟังว่าพอตื่นขึ้นมาเห็นผู้ชายนุ่งโจงพาดผ้าแดงยืนมองเราอยู่ข้างๆหัว

    ตอนนั้นเราก็เริ่มเอะใจแล้วว่าพ่อพญายมของพ่ออาจารย์ท่านคงมาแล้ว ท่านคงมาดูเราเห็นเราแล้วว่าชีวิตที่ผ่านมามันห่วยมากขนาดไหน แล้วก็ได้ปลอบลูก บอกเค้าว่าอย่ากลัว นั่นเป็นลุงใจดีต่อไปถ้าเจออีกให้ยกมือไหว้ขอพรท่านซะ

    วันต่อมาพี่เค้าก็ฝันว่าตัวเค้านั่งพับเพียบในมือถือพวงมาลัยอยู่ในมุมมืดๆ เหมือนกำลังนั่งรอใครซักคน จนภาพฉากตรงหน้าเปลี่ยนไปมีบัลลังค์ใหญ่โตปรากฏขึ้นพร้อมกับความสว่างในแสงที่สาดเข้ามาตรงหน้า มีพรหมองค์หนึ่งมีสี่หน้าแปดมือเหมือนพรหมในศาลเจ้านั่งอยู่บนบัลลังค์นั้น พร้อมกับยื่นมือมาเพื่อรับพวงมาลัยจากเรา โดยบอกเราว่าพ่อรับแล้ว ต่อไปนี้เจ้าคือลูกของข้า ตอนนั้นพี่เค้าก็รู้แล้วว่าพรหมตรงหน้าเป็นใครจึงน้ำตาไหลออกมาเอง ในเวลาเดียวกันนั้นพ่อพระพรหมตรงหน้าก็บอกให้พี่เค้าตั้งใจให้ดี พร้อมกับมีแพะตัวหนึ่งเดินออกมาจากบัลลังค์ของท่าน แพะตัวนั้นได้เดินตรงมาหาเราส่งเสียงร้องและอ้าปากออก ปรากฏเป็นกลุ่มหมอกควันดำลอยอยู่เหนือตัวเราโดนแพะนั้นสูบเข้าไป

    พี่เค้าว่าตอนนั้นรู้สึกเย็นวาบๆเหมือนตกลงไปในน้ำตก จากนั้นพระพรหมก็พูดกับเราว่า " ลูกเอ๋ย พ่อดึงเอาอกุศลกรรมบางส่วนออกมาแล้วตามกำลังที่พ่อจะช่วยได้ สืบไปเบื้องหน้าพ่อขอพิพากษาให้เจ้ามีชีวิตที่สงบสุข จำเริญในเกียรติยศสืบไป "

    พี่เค้าตื่นขึ้นมา แล้วก็รู้สึกยินดีเป็นที่สุด เค้าว่าพรหมองค์นั้นคือพ่อพญายมนี่แหละ พร้อมกับเล่าให้เราฟังว่าพี่เชื่อแล้วว่าพ่ออาจารย์เสกพญายมได้เต็มบารมีมาก เป็นท้าวมหาพรหมยมราชอย่างแท้จริงไม่มีอะไรให้สงสัย แล้วก็เล่าให้เราฟังว่าชีวิตพี่ตอนนี้รับราชการอยู่ แต่กลับโดนดองไว้ไม่ให้เลื่อนขั้นมาหลายปีแล้วเพราะไม่ถูกกับนายอย่างแรง พอผ่านความฝันคืนก่อนก็รู้สึกเบิกบานอย่างประหลาด มันกระชุ่มกระชวยมากจนเรียกว่าปิติก็ได้ พร้อมกับเล่าว่าคุณรู้มั๊ย ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วถ้าผมไม่ได้ขึ้นก็หมดโอกาสจริงๆแล้ว แต่วันต่อมาเชื่อไม่เชื่อผมก็ต้องเชื่อล่ะว่าพญายมท่านแน่จริง เพราะผมได้ย้ายไปติดตามนายชั้นผู้ใหญ่ท่านนึง ที่ท่านทำเรื่องขอตัวผมไว้ เป็นนายที่เมตตาผมเป็นพิเศษ เรียกว่าเห็นอนาคตเลยว่าเราไม่โดนกดหัวอีกแล้ว

    * ตอนนี้พี่เขาก็เลยฝากขอบคุณเข้ามาพร้อมกับบอกว่าวิชาแพะกับพญายมของพ่ออาจารย์นั้นสุดๆจริงๆ ตรงนี้เราก็บอกว่าเดี๋ยวจะเห็นอะไรดีๆเรื่อยๆ เพราะแพะรับบาปเมื่อมาจับคู่กับผู้พิพากษาใหญ่ นายเหนือหัวแห่งนรกภูมิที่ตัดสินบาปบุญคุณโทษแล้วย่อมมีนัยยะสำคัญบางอย่างแน่นอน ตรงนี้เราไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ใช้ไปเรื่อยๆสักพักก็เชื่อว่าจะรู้ได้ด้วยตนเอง


    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2018
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    ไปส่งของมาแต่ไปรษณีย์ปิดนะครับ เลยขอเลื่อนไปส่งวันพรุ่งนี้แทนแจ้งไว้เพื่อทราบ;)
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    มหาศักติ

    ต่อจากที่คุยกันไว้เมื่อวานนะครับ วันนี้จะมาพูดถึงเทพสมัยดึกดำบรรพ์กันโดยเริ่มจากฝั่งเทวีก่อน นั่นคือพระแม่ลัชชาเคารี ซึ่งเทวลักษณะนั้นจะคล้ายๆแม่เป๋อบ้านเรา ต่างกันแค่ศรีษะเป็นดอกบัวไม่ใช่มนุษย์

    จะเรียกว่าเป็นต้นแบบที่ฝั่งเราสร้างแม่เป๋อก็คงจะได้ ต่างกันแค่เทวีนั้นถูกเคารพในฐานมะมหาศักติหรือเทพเจ้าสูงสุด สูงด้วยความเป้นแม่ สูงด้วยพลังแห่งการให้กำเนิด สูงด้วยฐานะความอุดมสมบูรณ์ ซ้ำที่จริงแล้วยังเป็นอารยธรรมที่ชนเผ่าในลุ่มแม่น้ำสินธุนับถือกันมาหลายพันปีจนต่อมาในภายหลังนำมาผูกเรื่องเข้ากับตำนานเจ้าแม่สตีด้วย ก็จะลงประวัติคร่าวๆไว้นะครับ แล้วเดี๋ยวจะพูดกันถึงรายละเอียดอีกที


    เทวีลัชชาเคารี เทพสตรียุคโบราณ ที่คาดว่าน่าจะมาจากกลุ่มชนลุ่มแม่น้ำสินธุเดิม ที่นิยมบูชาเทพสตรีเป็นหลัก ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์และการให้กำเนิด

    เทวลักษณะของพระแม่ลัชชาเคารี คืออยู่ในท่าลักษณะของการให้กำเนิด(คนกำลังคลอดลูก) ระนาบกับพื้นแผ่นดิน พระเศียรเป็นรูปดอกบัวบาน พระหัตถ์ทั้งสองทรงดอกบัว ทรงเปลือยกาย

    ถือเป็นเทวี ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งแม่ผู้ให้กำเนิด ผู้เป็นครรภ์ของพื้นแผ่นดิน พระองค์จึงถูกแทนที่ด้วยลักษณะให้กำเนิด ที่ระนาบกับพื้นแผ่นดิน เศียร และพระหัตถ์ทั้งสองข้างทรงดอกบัว (บัวเปรียบเสมือนเหมือนพื้นโลก) พระเทวีลัชชาเคารีจึงให้ผลในด้านความอุดมสมบูรณ์ในด้านพืชพันธุ์ธัญหาร ความอุดมสมบูรณ์ของผืนโลกใบนี้ คือแม่ผู้หล่อเลี้ยงพื้นแผ่นดิน

    พระเทวีลัชชาเคารีถูกจัดเป็นส่วนหนึ่งของพลังของศักติ เป็นส่วนของโยนีของพระแม่สตี ที่ตกลงมายังพื้นโลก เชื่อกันว่าถ้าโยนีของพระแม่ตกที่ตรงไหน ที่ตรงนั้นจะดมสมบูรณ์มาก และถ้าใครเสียสัจจะที่นี้จะไม่มีทายาทสืบสกุล

    วิธีบูชาพระแม่ ถวายด้วยน้ำนม น้ำเปล่า และดอกบัว สด พระแม่ท่านจะโปรดมาก และยังเชื่อกันอีกว่า ถ้านำเด็กเพิ่งเกิดใหม่ ไปถวายแด่พระแม่เด็กคนนั้นจะสมองดีและมีความอุดมสมบูรณ์ในตัว

    * หลายคนถามหาเทพเจ้าโบราณ ก็จะค่อยๆนำรายละเอียดมาพูดคุยกัน แต่อย่ามองในเรื่องทะลึ่งเพราะว่าเป็นของสูงมากและไม่ใช่ของทะลึ่งแต่อย่างใด ...นอกจากเป็นมหากำเนิด เป็นที่สุดแห่งความอุดมสมบูรณ์แล้ว ยังเป็นที่สุดในฐานะผู้ให้ ผู้ประทานทุกสรรพสิ่ง สุดท้ายนี้ก็ขอพรพระแม่ให้มีชีวิตดีๆรวยๆกันนะครับ

    28576539_1582633888511029_8965298145044719473_n.jpg
    10687107_625380537579516_6034786413529755248_n.jpg
    28576722_1586712954769789_4431515557961731376_n.jpg
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่พชร EV 0221 1982 9 TH

    พี่เกษมธิดา EV 0221 1983 2 TH

    พี่สุรวุฒิ EV 0221 1984 6 TH

    พี่ณัฐศักดิ์ EV 0221 1985 0 TH

    พี่วิชัย EV 0221 1986 3 TH

    พี่ทวีพงษ์ EV 0221 1987 7 TH

    พี่อัครพงศ์ EV 0221 1988 5 TH

    พี่อัมรินทร์ EV 0221 1989 4 TH

    พี่นฤชา EV 0221 1990 3 TH

    พี่ปภัสสร EV 0221 1991 7 TH

    พี่นวรัตน์ EV 0221 1992 5 TH
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    พรุ่งนี้มาติดตามพูดคุยเรื่องหมูๆกันนะครับ บอกได้คำเดียวว่าห้ามพลาด ;)
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    พูดคุยรอบเช้า
    วิชาหมูนั้นมีอยู่หลายสาย เหมือนที่พ่ออาจารย์ว่าหมูนั้นมีหลายตัว บางตัวก็ปราบได้แม่แต่เสือเย็น หรือเสือสมิง นั้นคือหมูที่มีเดชมาก บางตัวก็กันพวกภูติผีปีศาจ ปล่อยออกไปได้เหมือนพยนต์ที่คอยทำลายอาถรรพ์ร้ายทั้งหลาย แต่บางตัวก็ดีด้านโชคลาภอย่างถึงที่สุด

    ... ด้วยเหตุผลหลายประการพ่ออาจารย์ท่านกล่าวไว้ ซึ่งจะได้นำมาพูดคุยกันต่อจากนี้ ทำให้วิชาหมูของท่านไม่ง่ายดั่งที่คิด กอปรกับท่านต้องการให้คนที่ขวนขวายและมีชีวิตที่หนัก หมายถึงต้องมีความเพียรอย่างหนักถึงจะสำเร็จ มีชีวิตที่หนักในทุกๆเรื่องได้รู้จักกับวิชาหมูนี้ ท่านว่าหมูมันสบาย ชีวิตมีแต่นั่งกินนอนกินแล้วก็โตขึ้นๆไม่หยุด ท่านจึงอุปมาว่าชีวิตแบบหมูๆคือการเติบโตแบบง่ายๆสบายๆดั่งวิสัยของคนนั่งกินนอนกินและต้องเจริญขึ้นเท่านั้น

    * ติดตามพูดคุยกันรอบเย็นนะครับวันนี้ ห้ามพลาด


    023.jpg
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่พรเทพ EU 7489 0531 9 TH
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    พูดคุย

    เกี่ยวกับตะกรุดมหาสะท้อน ที่ส่งไปแล้วนั้น พ่ออาจารย์ท่านจารค่อนข้างลำบากเพราะท่านตั้งใจทำดอกเล็กๆให้พกพากันสะดวก แต่ก็ทำได้ไม่มากเพราะต้องใช้สายตามากดังนั้นท่านว่าเราจะทำให้ใหญ่และหนาขึ้นอีกเล็กน้อย ดังนั้นชุดต่อๆไปขนาดและความหนาก็จะเพิ่มขึ้นมาอีกเพื่อให้ท่านลงจารได้สะดวกนะครับ

    ส่วนคนที่ไม่ทันบูชาเจ้าปู่พญายมราชและสอบถามกันเข้ามามากเกี่ยวกับเรื่องแพะว่าอยากได้เฉพาะแพะไว้บูชาเฉยๆก็ได้ เพราะเจ้าปู่หมดไปแล้ว

    อันนี้ที่ถามกันเข้ามาเบื้องต้นผมตอบว่าไม่มีไว้ก่อน แต่อาจจะมีข่าวดีไวๆนี้สำหรับคนที่อยากได้สายวิชาแพะของพ่ออาจารย์ซึ่งแตกต่างจากที่อื่นที่เน้นแต่เสน่ห์ ด้วยเหตุว่าเป็นแพะรับบาป แก้กรรม รับกรรม ตรงนี้ถ้าท่านอนุญาติให้ออกได้ก็จะให้บูชาราคาขนมเด็กเลยจะได้เอาไว้ให้เด็กๆ ลูกหลานห้อยแก้กรรมรับเคราะห์แทนตน ...รอกันนิด
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    พูดคุยรอบเย็น

    พอบอกว่าจะให้บูชาเเพะแบบแยกเดี่ยว ก็มีกระแสถล่มไลน์เข้ามาเลยเพราะอยากได้แจกลูกหลานกัน อันนี้ก็เลยขอยกมาพูดคุยกันก่อนโดยเลื่อนเรื่องหมูไว้พรุ่งนี้อีกที เนื่องจากแพะมีจำนวนน้อยจึงแจ้งให้ทราบกันไว้เนิ่นๆ ต้องบอกเลยว่าแพะชุดนี้เป็นของกำลังใช้ที่ตัวเล็กแล้วก็น่ารักสุดๆ บางคนที่มีปู่พญายมจะบอกว่าแพะรุ่นนี้น่ารัก แบ๊วมาก

    ซึ่งที่จะให้บูชาเพื่อเอาไปใช้รับบาป แก้กรรม รับกรรม นอกจากคุณทางมหานิยม มหาเสนห์นั้น ก็เป็นความประสงค์ของพ่ออาจารย์ที่อยากจะให้ได้ใช้ทั่วถึงกัน ดังนั้นท่านจึงนำแพะมาลงตะกรุดทำวิชาเฉพาะทางเสริมมงคลให้อีกด้วย เรียกว่าทำให้เฉพาะกิจหรือชุดพิเศษ โดยใช้แพะที่เทเพื่อฝังเจ้าปู่พญายมและทำพิธีมาจนเข้มขลังแล้ว นำมาเสริมด้วยวิชาทำตะกรุดขนานเอกของท่าน

    * ใครชอบของจิ๋ว ห้อยคอกำลังสวย หรือจะทำพวงกุญแจพก แม้แต่ห้อยเอวรึพกในร่มผ้าท่านว่าได้ทั้งหมดทั้งสิ้นเอาตามแต่ใจสะดวก ขอเพียงให้ใช้ให้พกติดตัวก็พอ สำหรับรายการนี้พรุ่งนี้ห้ามพลาด


    fwdder_2_1447318540.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...