ร่วมทำบุญบูชา มงคลตัดผ่านสวรรยามหากุมารต้นไฟอมฤต(สลายจุดชะลอชะตาสี่มหาฤทธิ์พญา) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. seaown

    seaown เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +984
    ขอร่วมเล่าเช้านี้นะครับผม
    เป็นหนังสือ วิธีทำสมาธิแบบหลวงปู่มั่น เล่าโดย หลวงตามหาบัว(พระธรรมวิสุทธิมงคล) วัดป่าบ้านตาด ขอยกคำพูดของหลวงปู่มาพอสังเขปนะครับ
    เราไม่อาจเข้าถึงธรรมได้ด้วยการอ่าน การดู การฟัง แต่ต้องลงมือปฏิบัติจริง เพื่อให้ประจักษ์ในความศักดิ์ศิทธิ์วิเศษสุดของพระธรรม
     
  2. อรหโตพุทโธ

    อรหโตพุทโธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2015
    โพสต์:
    498
    ค่าพลัง:
    +1,017
    ร่วมเล่นเกมส์ครับ
    ข้อธรรมสำหรับพิจารณาจากหนังสือ.."หยดน้ำบนใบบัว"
    โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโณ

    สัญญา...ไม่เที่ยง

    นับแต่ปี 2539 เป็นต้นมา ท่านจึงงดเทศน์อบรมพระเณรในวัด และการนิมนต์ไปเทศน์ข้างนอกนั้นท่านงดมาตั้งแต่ปี 2535 ทั้งนี้ก็ด้วยเหตุผลที่ท่านเคยกล่าวไว้ว่า

    "...ไปเทศน์ที่นู่นก็เทศน์ลำบากมาก ไปก็ไม่ได้พักทั้งวัน...เหนื่อย แล้วความจำเทศน์ไปก็หลง อ้าว ไปถึงไหนแล้วล่ะ ว่าอย่างนี้แล้ว อยู่บนธรรมาสน์นั่น ลืมแล้ว ไม่ทราบเทศน์เรื่องอะไรมา เอ้า ตั้งใหม่ๆ อย่างงั้นนะเดี๋ยวนี้ ความจำไม่เป็นท่า มันไม่เอาไหนแล้วความจำ

    ขันธ์ 5 เป็นทั้งเครื่องมือของกิเลสด้วย เป็นทั้งเครื่องมือของธรรมด้วย เวลากิเลสเป็นเจ้าของ มันก็เอาเป็นเครื่องมือสนุกฟัดเหวี่ยงกัน ทีนี้มาเป็นเครื่องมือของธรรม ธรรมก็นำมาใช้ซี ก็ใช้ขันธ์อันเดียวกันนี้ เป็นแต่เพียงว่าธรรมท่านไม่ยึดเท่านั้นเอง กิเลสมันยึดเป็นของมัน ขันธ์ 5 ทั้งหมด เป็นของกิเลสทั้งหมด

    กิเลสยึดแต่ธรรมท่านไม่ยึด ใช้เป็นเครื่องมือเฉยๆ ต่างกันเท่านั้นเอง แต่ต้องเอาขันธ์ 5 เทศน์ มันชำรุงตรงไหนก็ไม่สะดวกตรงนั้นแหละ อย่างเช่นความจำนี้เทศน์ไปๆ มันหลงลืมไปแล้วจะเอาอะไรมาเทศน์ต่อกันไป

    เมื่อเงื่อนต้นหลงลืมไปแล้วจะต่อไปหาเงื่อนปลายยังไงได้ จำไม่ได้ก็ตั้งใหม่ มันก็เป็นแบบใหม่ไปอีก...เทศน์ที่ไหนๆ เขานิมนต์ไปที่ไหนไม่เอาแล้ว เทศน์ลำบาก...เหนื่อย ทั้งความจดจำก็ยิ่งเลวลงทุกวันๆ..."
     
  3. มนต์ธกาต์

    มนต์ธกาต์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2016
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +25
    งานคือชีวิต ชีวิตคืองาน บันดาลสุข
    ทำงานให้สนุก เป็นสุขเมื่อทำงาน
    กินใช้เก็บ เหลือเจือจานเพื่อนมนุษย์
    นั่นแหละสุขแท้
    ท่านอาจารย์ พุทธทาส
     
  4. ออนเนอร์

    ออนเนอร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +258
    ธรรมชาติให้เราได้มีชีวิตอยู่ถึงในปัจจุบัน...
    .
    ...จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่เราเกิดมาเป็นคน จนกระทั่งใหญ่โตขึ้นมา เป็นมาโดยธรรมชาติ เมื่อมีอาหารป้อนให้ร่างกายๆ ก็เติบใหญ่ขึ้นมา เรียกว่า เป็นธรรมชาติ

    .....สมาธิได้เกิดตามชีวิตของคนเรามาโดยตลอด ตั้งแต่ความเป็นเด็กมาจนกระทั่งเป็นผู้ใหญ่ แล้วจนกระทั่งมีชีวิตอยู่ .....อยู่ด้วยสมาธิทั้งนั้น

    .....นั่นคือ สมาธิธรรมชาติ

    ...ธรรมชาติได้ให้สมาธินั้นมาแก่มวลมนุษย์ชาติ เพราะฉะนั้นมวลมนุษย์ชาติจึงมีสมาธิมาตั้งแต่กำเนิด จนกระทั่งถึงปัจจุบัน

    .....ถ้าหากว่าคนใดขาดสมาธิ คนนั้นก็จะขาดสติไปเลย หมายความว่าจะต้องเป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์ แต่ที่เราเป็นมนุษย์สมบูรณ์มาได้อยู่ในปัจจุบันนี้ ก็เพราะ...สมาธิธรรมชาติได้ช่วยเราไว้

    .....แต่มนุษย์ทั้งหลายพากันลืมของสำคัญคือ สมาธิที่มีอยู่กับตัวของเรานั้น.... ก็เลยมาคิดว่า สมาธินี้มันเป็นเรื่องไกลตัว ไม่ใช่เรื่องของเรา

    ...หาได้คิดไม่ว่า ธรรมชาติที่เรียกว่า สมาธินั้นแหละ

    ที่ยับยั้งให้มนุษย์ได้มีสติ

    ที่ยับยั้งให้มนุษย์ได้มีเมตตาต่อกัน

    ที่ยับยั้งให้มนุษย์ได้ศึกษาเล่าเรียน มีความรู้ต่างๆ

    และมีพัฒนาการสารพัด ....ก็ด้วยสมาธิธรรมชาติโดยแท้

    ธรรมะ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร
    วัดธรรมมงคล บางจาก กทม.
     
  5. po_ood

    po_ood เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +1,035
    “........ไม่สนใจกับร่างกาย ไม่สนใจกับวัตถุธาตุใดๆ ทั้งหมด เอาจิตมุ่งพระนิพพานเป็นอารมณ์.....”

    ธรรมะ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
     
  6. ไปในภพภูมิ

    ไปในภพภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +433
    การตำหนิติเตียนผู้อื่น ถึงเขาจะผิดจริงก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเองให้ขุ่นมัวไปด้วย

    ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดตำหนิผู้อื่นจนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น นักปราชญ์ถือเป็นความผิดและบาปกรรม ไม่มีดีเลย จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนามาทรมานอย่างไม่คาดฝัน

    การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตร่ตรอง เป็นการสั่งสมโทษและบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์ จึงควรสลดสังเวชต่อความผิดของตน

    งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำไมพอใจสร้างขึ้นเอง

    คติธรรมคำสอนของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
     
  7. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    ร่วมเล่นเกมส์ครับ
    เมื่อใดที่มีความคิดว่าเราทำดีไม่ได้ดี หรือเขาทำดีไม่ได้ดี ก็พึงรู้ว่า เมื่อนั้นกำลังหลงทางคิดผิดจากความจริง กำลังเข้าใจผิดจากความจริง

    …ทำดีต้องได้ดีเสมอ ไม่มีข้อยกเว้นด้วยเหตุผลใดทั้งสิ้น…

    เมื่อใดที่มีความคิดว่า เราทำไม่ดีแต่กลับได้ดี หรือเขาทำไม่ดีแต่กลับได้ดี ก็พึงรู้ว่า เมื่อนั้นกำลังหลงคิดผิดจากความจริง กำลังเข้าใจผิดจากความจริง

    …ทำไม่ดีต้องได้ไม่ดีเสมอ ไม่มีข้อยกเว้นด้วยเหตุผลใดทั้งสิ้น…

    จากบทพระนิพนธ์ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช...ชีวิตนี้น้อยนัก แต่สำคัญนัก
     
  8. PALA 5

    PALA 5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    293
    ค่าพลัง:
    +822
    คำสอนหลวงปู่เทพโลกอุดร

    การปฎิบัติธรรมทางด้านจิต

    จงเป็นผู้มีสติปัญญารู้เท่าทันความเคลื่อนไหวของจิตทุกลมหายใจเข้าออกและทุกอิริยบท
    เว้นเสียแต่หลับ เมื่อรู้ทันจิตแล้ว ต้องรู้จักรักษาจิต คุ้มครองจิต
    จงดูจิตเคลื่อนไหวเหมือนเราดูลิเกหรือละคร เราอย่าเข้าไปเล่นลิเกหรือละคร
    ด้วย เราเป็นเพียงผู้นั่งดู อย่าหวั่นไหวไปตามจิต
    จงดูจิตพฤติการณ์ของจิตเฉย ๆ ด้วยอุเบกขา จิตไม่มีตัวตน
    แต่สามารถกลิ้งกลอกล้อหรือยั่วเย้าให้เราหวั่นไหวดีใจและเสียใจได้
    ฉะนั้นต้องนึกเสมอว่าจิตไม่มีตัวตน อย่ากลัวจิต อย่ากลัวอารมณ์
    เราหรือสติสัมปชัญญะต้องเก่งกว่าจิต

    ความนึกคิดอารมณ์ต่าง ๆ เป็นอาการของจิต ไม่ใช่ตัวจิต
    แต่เราเข้าใจว่าเป็นตัวจิตธรรมชาติคือผู้รู้อารมณ์
    คิดปรุงแต่งแยกแยะไปตามเรื่องของมัน แต่แล้วมันต้องดับไปเข้าหลักเกิดขึ้น
    ตั้งอยู่ ดับไป คือไม่เที่ยง ไม่จีรังยั่งยืนทนได้ยากเป็นทุกข์
    และสลายไปไม่ใช่ตัวตน มันจะเกิดดับ ๆ อยู่ตามธรรมชาติ
    เมื่อเรารู้ความจริงของจิตเช่นนี้ เราก็จะสงบไม่วุ่นวาย
    เราในที่นี้หมายถึงสติปัญญา สัพเพ ธัมมา อนัตตา ธรรม (สิ่งทั้งปวง )
    เป็นอนัตตาคือไม่ใช่ตัวตน

    นิมิตที่เกิดขึ้นขณะนั่งสมาธิมีอยู่ ๒ ประการ คือ

    ๑ . เกิดขึ้นเพราะเทพบันดาล คือเทวดาหรือพรหมแสดงภาพนิมิตและเสียงให้รู้เห็น

    ๒. นิมิตเกิดขึ้นเพราะอำนาจสมาธิเอง

    นิมิตจะเป็นประเภทใดก็ตาม
    ขอให้ผู้เจริญกรรมฐานจงเป็นผู้ใช้สติปัญญาให้รู้เท่าทันนิมิตที่เกิดขึ้นนั้นด้วยปัญญา
    อย่าเพิ่งหลงเเชื่อทันทีจะเป็นความงมงาย
    ให้ปล่อยวางนิมิตนั้นไปเสียอย่าไปสนใจให้เอาจิตทำความจดจ่ออยู่เฉพาะจิต

    เมื่อจิตสงบรวมตัว จิตถอนตัวออกมารับรู้นิมิตนั้นอีก
    หากปรากฎนิมิตอย่างนี้ซ้ำ ๆ ซาก ๆ
    หลายครั้งแสดงว่านิมิตนั้นเป็นของจริงเชื่อถือได้
    แต่อย่างไรก็ตามนิมิตที่มาปรากฏนี้อยู่ในขั้นโลกียสมาธิ นิมิตต่าง ๆ
    จึงเป็นความจริงน้อย แต่ไม่จริงเสียมาก
    จงมุ่งหน้าทำจิตให้สงบเป็นอัปนาสมาธิ อย่าสนใจนิมิต หากทำได้อย่างนี้
    จิตจะสงบตั้งมั่น เข้าถึงระดับฌานจะเกิดผลคือสมาบัติสูงขึ้นตามลำดับ
    จิตจะมีพลังอำนาจอันมหาศาล ฤทธิ์เดชจะตามมาเองด้วยอำนาจของฌาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2016
  9. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    ร่วมเล่นเกมส์ครับ

    "...อย่าดูใจคนอื่น อย่าดูจริยาของบุคคลอื่น ดูแต่ใจเราเองเป็นสำคัญ.."

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) วัดท่าซุง ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_4847.JPG
      IMG_4847.JPG
      ขนาดไฟล์:
      86.8 KB
      เปิดดู:
      60
  10. sos1234

    sos1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2011
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,131
    คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
    "หัดวาง หัดคิด หัดยับยั้งใจ ค่อยคิด ค่อยทำ ค่อยๆอบรมตัวเอง อย่าหวังวาจาคนอื่นอบรม ทำอย่างนั้นเอาตัวไม่รอด ต้องคอยจับผิดตัวเอง คอยลงโทษตัวเอง คอยเป็นโจทก์ฟ้องตัวเอง เอาธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นตุลาการ"
     
  11. อนันตภพ

    อนันตภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,175
    ค่าพลัง:
    +2,969
    ถ้าใจหยุดเสียแล้ว โลกธรรมกระทบก็ไม่ได้

    เหตุนี้ต้องคอย ระวังตัวทีเดียว ระวังตัวอย่าให้เศร้าหมอง ขุ่นมัวได้ ถ้าเศร้าหมอง ขุ่นมัวได้ เพราะตัวโง่ไม่ทัน กับดวงจิต โง่กว่าดวงจิต ไม่ทำจิต ให้หยุดเสีย ทำจิต ปล่อยไปตามอารมณ์ ไปกินกับอารมณ์

    เมื่อเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ติเตียน ทุกข์ เข้าไประดมได้เช่นนี้ ก็ทำจิตให้เศร้าหมองขุ่นมัว ไม่ผ่องใส เมื่อจิตไม่ผ่องใส นั่นลงโทษตัวเอง ไม่ใช่ ลงโทษใคร

    คำสอนพระมงคลเทพมุนี จากมงคลสูตร ๒๕
     
  12. PeacE123

    PeacE123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    3,179
    ค่าพลัง:
    +2,485
    เข้าวัดให้ได้ 3 วัด
    1.วัตถุธรรม ที่กินสะอาด ที่ถ่ายสะอาด นอนในมุ้ง ทุ่งในส้วม สวมรองเท้า
    2.วัดอารมณ์ อารมณ์ดีหรือร้าย ใจเย็นหรือเปล่า
    3.วัดจิตวัดใจ มีอะไรมากระทบ อายตนะทั้ง 6 กำหนดได้หรือเปล่า

    จากหนังสือ มหามงคลชีวิต อนุสาสนีปาฏิหาริย์ หมวด ความรู้คู่ความดี หน้า115
     
  13. Cajun

    Cajun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +270
    หมั่นภาวนาอบรมบ่มนิสัยใจคอ จิตใจของตนเอง ให้เป็นคนเยือกเย็น ไม่ยึด ไม่ถือ ใครจะว่าดีก็ช่าง ใครจะว่าชั่วก็ช่าง อยู่ที่ใจของเรา ไม่ไปยึดไปถือนั่นเอง

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะสำเร็จได้ ต้องอาศัยการกระทำ คือ ทำบ่อยๆ

    การปฏิบัติทางสัมมาปฏิบัติ คือมีความเห็นชอบประกอบไปด้วยธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ละชั่ว ประพฤติดี ทำจิตใจให้ผ่องใส นี่เรียกว่าเป็นผู้เข้าถึงพระรัตนตรัย

    จากหนังสือ จันทร์ศรีส่องธรรม
     
  14. ปฏิภาณ บดส

    ปฏิภาณ บดส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +132
    เรื่องของคนอื่น เราไปแก้เขาไม่ได้ ที่แก้ได้คือตัวเรา แก้ข้างนอกเป็นเีื่องของโลก แต่แก้ที่ตัวเรานี่เป็นเรื่องธรรม หนังสือ คำสอนหลวงปู่ดู่
     
  15. Chutha

    Chutha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +16,889
    ร่วมเล่นเกมส์ค่ะ
    ให้เราคิดถึงไว้เป็นปกติว่า ร่างกายของเรามีสภาพไม่เที่ยง มันมีเกิดขึ้นในเบื้องต้นและมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน ตามปกติที่มีการทรงตัวอยู่มันก็เป็นทุกข์ ทุกข์ที่เป็น นิพัทธทุกข์ คือทุกข์เนืองนิตย์ ได้แก่
    ความหิวเป็นทุกข์
    ความปวดอุจจาระปัสสาวะเป็นทุกข์
    การประกอบกิจการงานเหนื่อยยากเป็นทุกข์
    ความป่วยไข้ไม่สบายเป็นทุกข์
    ความตายมาถึงเป็นทุกข์
    รวมความว่าตั้งแต่วันเกิดถึงวันตายเราไม่มีความสุขจริง ฉะนั้นขึ้นชื่อว่าร่างกายที่มีความเลวอย่างนี้จะมีชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย สร้างความเบื่อในร่างกายเสีย แต่คำว่าเบื่อในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องไปทรมานร่างกาย ต้องปรนนิบัติร่างกายเพื่อความเป็นอยู่เป็นสุข มันหิวหาอาหารให้กิน ป่วยไข้ไม่สบายก็ต้องรักษา เพื่อเป็นการบรรเทาเวทนา

    คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุงค่ะ
     
  16. ShamanKinGG

    ShamanKinGG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +381
    ...นิพพานไปไม่ยากสำหรับคนดี นรกก็ไปไม่ยากสำหรับคนเลว...

    จากหนังสือพ่อสอนลูก
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ก็เริ่มเกมส์กันต่อ ปิดเกมส์ตอนหกโมงเย็นนะ
     
  18. TeCho

    TeCho เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +212
    เป็นคำสอนของหลวงปู่ดูลย์ อตุโลค่ะ จำชื่อหนังสือไม่ได้ แต่จำคำสอนได้ เพราะคำสอนของหลวงปู่จะสั้น กระชับ และได้ใจความค่ะ

    " อย่าส่งจิตออกนอก กำหนดรู้อยู่ในอารมณ์เดียวเท่านั้น อย่าให้ซัดส่ายไปในอารมณ์ภายนอก เมื่อจิตเผลอคิดไปก็ให้ตั้งสติระลึกถึงฐานกำหนดเดิม รักษาสัมปชัญญะให้สมบูรณ์อยู่เสมอ (รูปนิมิตให้ยกไว้ ส่วนนามนิมิตทั้งหลายอย่าได้ใส่ใจกับมัน) "
     
  19. SIR2010

    SIR2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,956
    ค่าพลัง:
    +5,661
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
    ศีล สมาธิ ปัญญา ก็เหมือนรสแกงส้ม
    ศีล เปรียบได้กับรสเปรี้ยว ความเปรี้ยวทำหน้าที่กัดกร่อนความสกปรกออก ทำนองเดียวกัน ศีลจะช่วยขัดเกลาความหยาบออกจากทางกาย วาจา ใจ
    สมาธิ เปรียบได้กับรสเค็ม เพราะความเค็มช่วยรักษาอาหารต่างๆ ไม่ให้เน่าเสีย สมาธิก็เหมือนกัน สามารถรักษาจิตของเราให้ตั้งมั่นอยู่ในคุณงามความดีได้
    ปัญญา เปรียบได้กับรสเผ็ด เพราะปัญญามีลักษณะคิด อ่าน ตริตรอง โลดแล่นไป เพื่อขจัดอวิชชาความหลง
     
  20. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    ร่วมเล่นเกมส์ครับ

    คำสอนพ่ออาจารย์พลครับ

    พ่ออาจารย์มักจะถามลูกๆเสมอว่า เราเชื่อพระพุทธเจ้ามั้ย ถ้าเชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีถ้าเราเชื่อเเละนับถือท่าน เราก็ต้องเชื่อคำกล่าวคำสั่งสอนของท่าน สมเด็จพระศาสดาท่านประกาศพระศาสนา กำหนดให้พุทธศาสนิกชนรักษาศีลปฏิบัติธรรมตามความเหมาะสมของตนไม่ตึงเเละไม่หย่อนจนเกินไป

    ศีล5ที่เราถือๆกันเรารักษาอยู่นี้ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีไม่งาม เเละไม่ใช่เรื่องที่จะทำยากเย็นอะไรเลยหากเรารู้จักรักษากำลังใจของตนเองบ้าง หลีกเลี่ยงในสิ่งที่ควรจะหลีก พระศาสดาของเราท่านกล่าวว่า คุณแห่งศีลมีอยู่ในโลก มีมานานเเล้ว นานเพียงใดประมาณได้เท่าไหร่นั่น ก็ขอบอกว่านานมากนานก่อนจะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นด้วยซ้ำ ดังนั้นหากเรารักษาศีลเเล้วไม่จำเป็นต้องใช้วัตถุมงคลอะไรทั้งสิ้น คุณเเห่งศีลนี้จะเหมือนกำเเพงเเก้วทั้ง7ชั้นคุ้มครองป้องกันเรา ไปที่ไหนเทวดาก็จะเข้ารักษา เพราะศีลที่ท่านถือนั้นหอมตลบฟุ้งกระจายไปในหมู่เทพยดาต่างๆ

    เมื่อเรารู้จักรักษาศีลเเล้วเราก็ควรให้ทานเพื่อขัดเกลาจิตใจให้ละความตระหนี่ยึดมั่นถือมั่นลง ค่อยๆทำไปทีละนิดควบคู่ไปกับการเจริญภาวนา เพียงเท่านี้ใช้อะไรก็ขึ้น แม้ไม่ใช้ก็ยังถือว่าเป็นยอดคน เป็นคนที่ดีกว่าคน

    อีกเรื่องหนึ่ง ที่พ่ออาจารย์มักกล่าวถึง ท่านกล่าวเสมอว่าคนเรามักเเสวงหาสิ่งต่างๆ ได้มาครอบครองอย่างหนึ่งก็ยังไม่หยุดที่จะเเสวงหาอีกอย่างหนึ่ง เพื่อที่จะให้มีดีขึ้นเรื่อยๆ ตรงจุดนี้มันเป็นการตอบสนองกิเลสเเละความต้องการของตนเองโดยปราศจากการขัดเกลา มีเเต่หามาเติม เติมหนักเข้ามันก็เต็มก็ล้นออกมา พ่ออาจารย์จึงให้เหล่าลูกศิษย์หมั่นสวดมนต์เสมอ

    ซึ่งการสวดมนต์นั้นท่านว่าเป็นการฝึกสติเป็นการควบคุมสติขั้นพื้นฐานที่ได้ผลดีทีเดียว ถ้าเรารู้คำแปลด้วยเราจำคำแปลไว้เเละสวดไปพร้อมกัน อะไรเป็นพุทธพจน์ล้วนดีทั้งหมดจะ7ตำนาน12ตำนานหรืออะไรมากกว่านั้นเราก็สวดไป สวดโดยที่เรารู้ความหมายก็ไม่ต่างอะไรจากเราฟังพระธรรมเทศนาจากพระโอษฐ์ของพระผู้มีพระภาคท่านเลย

    การสวดมนต์นี้พ่ออาจารย์บอกว่าให้ผลมากเสียยิ่งกว่าได้ครอบครองเหล็กไหลน้ำหนึ่งชั้นดีที่สุดในจักรวาลเสียอีก ซึ่งเรื่องนี้ครูพรหม(สหัมบดี)ของท่านเป็นผู้กล่าวรับรองเเละเเนะนำ เพราะคำที่เราสวดเเต่ละคำนั้นมีผลมหาศาล ยิ่งถ้าอำนาจจิตเราดีจิตเรามีคุณภาพสูงเสียงสวดมนต์นั้นก็จะเเผ่ไปทั้งหมื่นโลกธาตุในแสนโกฏิจักรวาล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายย่อมจะลงมาปกปักรักษาเเละฟังเราสวดมนต์สรรเสริญพระคุณของพระพุทธองค์ฟังถ้อยคำฟังธรรมต่างๆที่พระพุทธองค์เคยตรัสเคยเทศนาออกจากปากเรา ก่อนท่านจะกลับท่านย่อมจะอวยชัยให้พรเราอยู่เเล้ว

    ซึ่งถ้าทำได้ตามขั้นตอนเหล่านี้พ่ออาจารย์ยืนยันเลยว่าไม่ต้องห้อยพระหรือวัตถุมงคลอะไรเลย เพราะพระอยู่ในใจเราอยู่เสมอแล้วนั่นเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...